ความคิดเห็นที่ 1 รอมาอ่านด้วย จากความรู้อันน้อยนิด มูลค่าการลงทุนไม่เท่ากัน ใช้ irr อย่างเดียวไม่ได้ต้องดูส่วนประกอบอื่นด้วย จากคุณ : PoUpeE เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 20:04:16

ความคิดเห็นที่ 2 ต้องดูหลายอย่างประกอบกันนะ NPV  (น่าจะหมายถึงตัวเงินที่คุณหมายถึง) Pay Back Period คืนทุนภายในกี่ปี มันสำคัญไหมอาจจะสำคัญหากคุณมี Commitment กับแหล่งเงินทุน ฯลฯ จากคุณ : แปรงสีฟันเดียวดาย เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 20:13:28

ความคิดเห็นที่ 3 It's your homework?, you'd probably do it by yourself! LOL! :3 In reality you'd probably find the way to fix this problem with MS Excel - Utilizing as well นะครับ!! But if you would lend other people hands around here to help you fix this problem, I think your informations are lacked of some exampled - numbers in some way. Actually you have to give us the numbers of cash flows from 1st year till 5th year to calculate cash flow with its respective PVIF or interest factor, ใช่ป่ะครับ as such the informations below, Year Cash Flow A Cash Flow B 0 -40000 -40000 1 24000 14000 2 20000 18000 3 16000 22000 4 12000 26000 After I take a look at these numbers (That I typed above) and, with a financial calculator, I find the IRR for cash flow A is 32.98%. For cash flow B, the IRR is 30.72%. and with this infor - -mations you will be find each PV of Net Cash Inflows for the next,then you can probably fine each in percentage terms for the last นะครับ! P.S.I just felt the lack of the informations in your details ไม่ รู้เหมือนกันครับ เพราะผมก็เพิ่งจบ and I real didn't analyse IRR too much inmy career life ก็เป็นได้นะครับ, keep waiting for guru มาให้คำตอบ อิอิอิ จากคุณ : สิงห์ เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 20:17:38 A:182.53.49.197 X: TicketID:306260

ความคิดเห็นที่ 4 IRR ไม่ได้นับรวมความเสี่ยง และ มีข้อบกพร่องหลายอย่าง ลองไป search ใน google หรือ อ่านใน wikipedia ดูเรื่อง Cost of capital, NPV, MIRR ดูแล้วน่าจะตอบได้เอง อ้อ แล้วก็ดูเรื่อง Fisher's Intersection ด้วย จากคุณ : VKmashimaro เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 20:17:50

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเทียบ IRR กับ NPV เมื่อค่าทั้งสอง ขัดแย้งกัน ให้ยึดตามค่า NPV ที่ได้เป็นหลักครับ เนื่องจาก NPV คิดตามอัตราคิดลดแล้ว เปรียบเสมือนการมองในกรณีที่ไม่ดี หรือไม่เป็นไปตามเป้าก็จะได้จำนวนเงินตามโครงการนี้ ส่วน IRR เป็นการคิดผลตอบแทนแบบทบต้น ซึ่งถ้ากรณีที่ผลตอบแทนไม่เป็นไปตามนั้นอาจจะไม่ได้มูลค่าตามนั้นก็ได้ครับ ไม่ทราบว่าจะพอเข้าใจไหม แต่โดยหลักให้ยึดที่มูลค่าเงินที่จะได้เป็นหลักครับ จากคุณ : ClasS_X เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 20:38:28

ความคิดเห็นที่ 6 Usually,they prefer NPV. จากคุณ : เขียนบน iPhone (woody_toy) เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 20:49:25

ความคิดเห็นที่ 7 เราคิดเหมือนความคิดเห็นที่สองค่ะ จากคุณ : prettypsyche เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 20:54:50

ความคิดเห็นที่ 8 1. สร้างโรงผลิตอะไรซักอย่าง ผลตอบแทน 20% มูลค่า 60m 2. เปิดร้านขายเฉาก๊วย ผลตอบแทน 100% มูลค่า 1k คุณมีเงิน 40m คุณจะกู้เงินอีก 20m มาทำโครงการแรก หรือจะไปเปิดร้านขายเฉาก๊วยเฟรนชายซัก 100 สาขาเลยเอ้า? ถ้าดู feasibility แล้วเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง เวลาเปรียบเทียบอะไรที่มันต่างกันนิดหน่อยคนเรามักตัดสินใจไม่ถูก ผมชอบใช้วิธีนึกเปรียบเทียบถึงอะไรที่ต่างกันมากๆ แต่คอนเซปท์เดียวกันดู จากคุณ : Calaglin เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 21:39:04

ความคิดเห็นที่ 9 ขอตอบคล้ายๆ คห.8 ครับ ว่าต่างกันแน่นอน โครงการซื้อเครื่องจักร 10 ล้าน IRR 10% ได้ผลตอบแทนล้านนึง แต่ถ้าเป็นเมกกะโปรเจค สร้างทางยกระดับ มูลค่าหมื่นล้าน แต่ IRR แค่ 1% คิดว่าอันไหนมูลค่ามากกว่ากันล่ะครับ แต่ถ้าถามว่าอันไหนน่าลงทุนกว่า ตอบได้หลายแง่ครับ เพราะมีอีกตัวอย่างคือ A ถือเงิน 10 ล้าน ลงทุนธุรกิจ 10 ล้าน ได้กำไรกลับมา 10% ก็คือ 1 ล้าน แต่ B ถือเงิน 10 ล้าน ลงทุนธุรกิจ 10 ล้าน แต่ ลงเงินตัวเอง 1 ล้าน กู้อีก 9 ล้าน ได้กำไรกลับมา 10% เช่นกัน คือ 1 ล้านเท่ากับ A ทีนี้มาลองมองครับว่า A ลงทุน 10 ล้าน ได้เงิน 1 ล้าน B ลงทุน 1 ล้าน ได้เงิน 1 ล้าน ถามว่า คนไหนมีความเสี่ยงน้อยกว่าครับ ถ้าจะลงทุน จากคุณ : wgpngt เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 22:39:55

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ B เพราะเสี่ยงที่แบงค์จะไม่ปล่อยกู้ D/E Ratio 9 เท่า :P จากคุณ : zq-JZA80 เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 54 23:17:07

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ B น่าจะเสี่ยงกว่าหรือเปล่าครับ เพราะถ้าโครงการล้ม A เจ็บตัวสูญเสียเงินตัวเอง  ไม่เดือดร้อนเท่าไร แต่ B ต้องเป็นหนี้ 9 ล้าน  จ่ายดอกกันหัวโต  แหะ..แหะ.. จากคุณ : --^ไชโย^-- เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 04:11:11

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าโครงการเป็นไปได้ทั้งคู่ เลือกโครงการที่ให้ NPV สูงกว่า ถ้า NPV ใกล้เคียงกัน ก็เลือกที่ IRR สูงกว่า ถ้า IRR ก็ใกล้เคียงกัน ก็เลือกที่ กระแสเงินสดปีแรกๆ สูงกว่า ถ้ายังใกล้เคียงอีก ก็เลือกที่ลงทุนต่ำกว่า ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ก็เลือก/ไม่ทำ ทำทั้งสองโครงการเลย จากคุณ : =Neo= เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 54 08:03:31

ความคิดเห็นที่ 13 คำตอบทุกอัน ไม่ครบถ้วนครับ คห 2 ถูกตรง payback period เรื่องของ financing ไม่เกี่ยวครับ เพราะต้องตั้งสมมติฐานว่า financing เท่ากันครับ คห 3 ผิดแบบไม่ต้องพูดถึงครับ คห ที่พูดเรื่อง NPV นี่ ถูกต้องระดับหนึ่งครับ แต่ที่ขาดหายไประหว่าง NPV กับ IRR คือตัว hurdle rate หรือ cost of capital ครับ ระยะเวลาไม่ค่อยเกี่ยว (นอกจาก payback) เนื่องจาก IRR มีการรวม time value of money แล้วครับ (i.e. nominal return เท่ากัีน แต่ยิ่งนาน IRR ยิ่งต่ำ) ส่วน D/E 10 เท่ากู้ได้ครับก่อน subprime ยิ่งถ้าเกิด asset ที่ลงทุนใช้เป็น collateral ได้ทั้งหมด :P คำตอบที่ถูกดูง่ายมากครับ คือต้องสมมุติก่อนว่า hurdle rate คือ ถ้าเราเอาเงินไปลงทุนในอย่างอื่น เราจะไ้ด้ rate of return เท่ากับที่หวังไว้จริง (เป็นสมมติฐานที่อันตรายพอควร แต่จำเป็นที่จะต้องมี) ถ้าเช่นนั้นก็ดูว่าเงินทั้งหมดที่บริษัทลงทุนได้เท่ากับเท่าไหร่ สมมุติโปรเจค B เท่ากับ 100 และโปรเจค A เท่ากับ 50 และสมมติว่า hurdle rate เท่ากับ 8% ถ้าเกิดลงโปรเจค A จะได้ return ทั้งหมดเท่ากับ (8% x 50) + (12% x 50) = 10 ถ้าเกิดลงโปรเจค B จะได้ return ทั้งหมดเท่ากับ 100 x 10% = 10 ในกรณีนี้ เลือกลงทุนอันไหนก็ได้ สรุปว่าขึ้นอยู่กับว่า hurdle rate เท่ากับเท่าไหร่ และส่วนต่างของเงินลงทุนเท่ากับเท่าไหร่ สมมติฐานของ cost of capital อาจหมายความว่า ถ้าไม่ได้ลงโปรเจค A บริษัทเองสามารถเอาเงินที่เหลือไปลงทุนในโปรเจคที่จะได้ IRR เท่ากับ 8% หรือจ่ายเงินคืนผู้ถือหุ้นให้ไปลงทุนในบริษัทอื่นได้ IRR เท่ากับ 8% ครับ อันนี้ตอบครบนะ จากคุณ : ! o_o ! เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 01:40:13

ความคิดเห็นที่ 14 ปล. financing ไม่เกี่ยวจริงๆนะ เพราะมันต้องเทียบ apples to apples ถ้าเป็น project IRR ทั้งคู่ ต้องสมมติว่า สามารถ finance ได้เท่ากัน แต่ถ้าเป็น equity IRR ทั้งคู่ hurdle rate / WACC จะแตกต่างกัน และ NPV จะแตกต่างกัน อันนั้นก็ค่อยไปเทียบกันดูอีกที ถ้าเป็น project IRR ต้องเทียบกับ WACC ถ้าเป็น equity IRR ต้องเทียบกับ Ke Hurdle rate กรณีทั้งสองไม่เท่ากัน ถ้ามาเทียบกันแบบนี้มันจะเทียบคนละกรณี จากคุณ : ! o_o ! เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 54 01:42:52

ความคิดเห็นที่ 15 มาช่วยเสริมจาก ค.ห. 13 นะครับ ในตัว NPV ในการคิดค่าที่ได้โดยการใช้งานนั้น จะมี discount rate ในตัวมันเองอยู่แล้ว ซึ่งสามารถเป็นอะไรก็ได้ แล้วแต่ผู้คิดต้องการที่จะนำมาคิดครับ เช่น ดอกเบี้ย หรือนำต้นทุนของเงินทุนโดยเฉลี่ย(WACC) มาคิดก็ได้  หรือแม้แต่จะนำอัตรตราผลตอบแทนที่คาดหวังมาคิดก็ได้ เช่น คาดว่าอยากจะได้ผลตอบแทน 20% ก็นำ 20% มาคิด ถ้าค่า NPV ที่ออกมาเป็นลบ ก็แสดงว่า จะไม่ได้ผลตอบ 20%ตามที่คาดหวังครับ ดังนั้นในส่วนของ NPV นั้น ค่าต้นทุนทางการเงินจะถูกรวม หรือไม่ได้รวมมาคิด ตรงจุดนี้อยู่ที่ผู้ที่ทำการคิดว่าได้นำอัตราคิดลดอะไรมาคิดด้วยหรือไม่ครับ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 16:45:36 แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 54 16:44:33 จากคุณ : ClasS_X เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 54 16:44:03