Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอความเห็น เรื่องแผนอนาคตต่อไปของผม...คิดมาพักใหญ่แล้วคับ (เรื่องคาร์แคร์คับ) ติดต่อทีมงาน

สวัสดีคับ เพื่อนๆพี่ๆน้องทุกคน ผมน้องคาร์แคร์คนเดิมคับ !
 คือผมอยากจะรบกวนขอความเห็นสักเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจคาร์แคร์ และ การวางแผนชีวิตต่อไป ซึ่งผมเองก็คิดมาพักใหญ่แล้ว แต่จนวันนี้ก็ยังคิดวนไปวนมา ปรึกษาผู้ใหญ่หลายๆท่าน ก็บอกว่า เรื่องนี้ผมต้องคิดให้ดี ต้องคิดเอง...เชื่อว่าผมทำได้ ( จิงหรอ???)
 เรื่องแรกคือเรื่องคาร์แคร์ หลายคนคงจำผมได้ดีตั้งแต่วันแรกที่ผมทำธุรกิจนี้ และเจอปัญหา+อุปสรรค์หลายๆอย่าง ตอนนั้นท้อมาก คิดว่าคงไม่รอด แต่ก็ผ่านมาจนได้ ก็ต้องขอบคุณ คห.ในที่นี่ที่ให้กำลังใจมาตลอดคับ
ถึงตอนนี้คาร์แคร์ผมมีความอยู่ตัวในระดับนึงแล้ว รายได้ต่อเดือนถือว่าค่อนข้างพอใจมาก สายป่านก็ค่อนข้างยาวและแน่นมาก ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่ให้ความเป็นกันเองมาก
 แต่ผมก็เจอปัญหานึงคือ เรื่องบุคลากร ( ผมอยากรู้ว่าคาร์แคร์ที่อื่นๆ หรือ งานบริการอื่นๆ มีวิธีบริหารลูกน้องยังไง ไม่ใช่ลูกน้องระดับล่างน่ะครับ แต่เป็นตัวของผู้จัดการ หรือ พนักงานที่คอยรับลูกค้า รวมถึง ขายโปรแกรมต่างๆ) คือผมจะบอกว่ากับพนักงานล้างรถ,พนักงานอื่นๆ ผมแทบไม่เคยเจอปัญหาเลย อยู่กันนานมากๆ ผมพูดอะไรก็รู้จักเชื่อฟัง รู้จักเห็นใจ
 แต่กับตัวพนักงานที่คอยดูแลลูกค้า ผมเจอปัญหาตลอดคือ หายากมากผมทั้งลงเวปไซต์,ติดหน้าร้าน และรอบบริเวณใกล้ๆร้าน และพอหามาได้ก็ทำงานไม่เต็มที่ เดี๋ยวมาเดี๋ยวหยุดตลอด เดี๋ยวป่วย เดี๋ยวญาติป่วย จนผมเองก็ชิน ( ค่าตอบแทนไม่ต้องพูดถึง ผมให้ทั้งเงินเดือนและค่าคอมมิสชั่น รวมแล้วหลักหมื่น ทั้งที่วุฒิการศึกษาผมก็รับแค่ ม. 6 ขึ้นไป)
 ผมเลยมีความรู้สึกเบื่อๆตรงนี้ เพราะมันกลายเป็นว่า ผมจะต้องทำงานทุกวัน จะวางใจอะไรก็ไม่ได้ และที่สำคัญคือช่วงหลังๆคุณแม่มาช่วย ก็เลยกลายเป็นมาอยู่ไปเลย
  ผมเห็นใจคุณแม่ผมมาก และผมก็ตลกชีวิตตัวเองมากคือ ธุรกิจที่บ้านผมเป็นโรงงานขนาดใหญ่ รวมถึง ธุรกิจอสังหา ที่มีลูกน้องนักร้อยชีวิตในโรงงาน แม่ผมก็เพิ่งได้พักผ่อน นอนอยู่บ้านบ้าง ได้แค่ประมาณ 4 ปี หลังจากทำงานมาอย่างหนักเป็นหลายสิบปี  ธุรกิจที่บ้านเลยเป็นหน้าที่ของพี่ชายคนโต กับคุณพ่อบริหาร ( ส่วนตัวผมก็เข้าไปช่วยบ้างในช่วงหลังๆ)
  แต่ที่ผมเห็นภาพทุกวันและรู้สึกว่า นี่มันไม่ใช่แล้ว!คือ พอคุณแม่มาช่วยก็กลายว่า มารับผิดชอบหลายๆอย่าง ( ที่ผมก็บอกว่า แม่ไม่ต้องทำหรอก) คือเวลาไม่มีพนักงานรับรถ ตอนรถเข้า แม่ผมก็เป็นคนเปิดบิล รับรถ และช่วยเช็คความสะอาดของรถ บางทีก็หยิบผ้ามาเช็ดเอง ซึ่งเป็นภาพที่ผมเห็นแล้วรู้สึกบางอย่างมาตลอด
 ส่วนผมเองเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา จนตอนนี้ผมอายุขึ้น 25 ปี แต่ผมรู้สึกเบื่อหลายๆอย่างมาก ทุกวันนี้ผมทำงานทุกวัน ( ยำว่าทุกวันน่ะครับ ) ผมตื่น 8 โมงเช้า และขับรถเข้าร้าน กว่าจะเลิกงานอีกทีก็ 3 ทุ่มคือร้านปิด แต่ถ้าวันไหนผมต้องเข้าโรงงานหรือไปเรื่องงานที่บ้านผมก็ไป และก็ค่อยขับรถเข้าร้านตอนบ่ายๆ ซึ่งจะมีคุณแม่ กับพนักงาน(ที่มาบ้างไม่มาบ้างคอย)อยู่ร้าน และผมก็จะดูการทำงานผ่าน Ipad แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็ทิ้งไม่ได้ เพราะผมสงสารคุณแม่ที่มารับหน้าที่ตรงนี้
 วันนึงมีเวลา 24 ชั่วโมง ผมทำงานไปแล้วมากกว่า 12 ที่เหลือบางวันก็ไปนั่งเล่นบ้านเพื่อน,เที่ยวกลางคืน,ขับรถเล่น,คิดงาน,คิดโปรโมชั่น แต่ชีวิตตอนกลางวันไม่ต้องพูดถึงครับ ผมไม่เหลือเลย ต้องทำแต่งาน งาน งาน ผมอยากเรียนต่อมากครับ บางทีอยากเรียนจนผมถึงกับซึม เพราะคำว่าไม่มีเวลา จะเรียนเสาร์-อาทิตย์ ลูกค้าก็ดันเยอะมาก ถ้าผมทิ้งไป และลูกน้องไม่มา คุณแม่ก็ต้องอยู่คนเดียว ( งานคาร์แคร์มันวุ่นวายมากครับ รายละเอียดมันเยอะ ไหนจะลูกค้าเข้า ไหนจะลูกค้าถามเรื่องบริการ ไหนจะเจอปัญหาเวลารถไม่สะอาด) จะเรียนวันธรรมดาช่วงเย็นๆ ก็ติดกับภารกิจหลายๆอย่าง
 ส่วนกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ก็ประมาณแสนต้นๆ ถึงแสนกลางๆ บางเดือนฟรุคๆก็เฉียด 2 แสนครับ..ผมถึงบอกว่า ผมพอใจกับรายได้
 ถึงตอนนี้ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆว่าผมควรทำยังไงต่อครับ
ข้อดีที่ผมอยากทำต่อคือ  ผมจำตอนแรกๆของการเปิดธุรกิจนี้ได้ ว่ามันหนักหนาและลำบากมาก จนผ่านมาได้วันนี้ ผมสามารถซื้อคอนโดย่านสุขุมวิทเป็นของตนเองได้ ( ผ่อนเอาน่ะครับ แต่กู้น้อยมาก เพราะผมเก็บเงินมาได้ก้อนนึง )
        ลูกค้าที่นี่ค่อนข้างให้ความไว้วางใจผมมาก และกันเองมาก กับลูกค้าหลายๆคน ก็มีความสนิทมากๆ นานๆทีร้านผมจะเจอลูกค้าแปลกๆ ผมเลยเสียดายลูกค้าเหล่านี้
        โอกาสพัฒนา และต่อยอดธุรกิจให้โตขึ้นมันมีสูงมาก แต่ขาดเรื่องการบริหารบุคลากรที่ผมเองก็ ไม่รู้จะทำยังไง

ข้อเสียคือ ผมสงสารคุณแม่ เพราะตราบใดที่ผมยังไม่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ ผมก็คิดที่จะปิดทิ้ง เพราะสัญญาที่นี่จะเหลืออีกเพียง 1 ปีเศษๆ ลำพังผมอายุ 25 ผมยังพอทำได้ แต่คุณแม่อายุ 54 แล้วเป็นผู้บริหารธุรกิจใหญ่ๆ แล้วมาให้ทำแบบนี้ มันคงไม่ใช่ ถึงแม่ผมจะบอกว่าเต็มใจก็ตาม
             ผมรู้สึกเจ็บหัวใจมาก เวลาที่มีลูกค้าแปลกๆ แล้วคุณแม่อยู่คนเดียว หรือมาต่อว่าต่างๆ เพราะผมรู้สึกว่า แม่ผมไม่สมควรมารับเรื่องราวพวกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ แม่ผมเป็นคนสุภาพมาก ไม่สามารถต่อปากต่อคำกับใครได้
            จริงๆผมมีการวางแผนไว้ว่า ผมจะไปศึกษาต่อต่างประเทศมาพักใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถไปได้สักที เพราะติดปัญหาเหล่านี้  และพอยิ่งวันเวลาผ่านไป ผมยิ่งรู้สึกว่า ตนเองควรได้ศึกษาต่อ เพราะนับวันผมยิ่งรู้สึกตนเองนั้นฉลาดน้อยลงไป และผมเชื่อว่า ถ้าผมมีโอกาสได้ศึกษาต่อ ผมคงมีศักยภาพในการพัฒนาหลายอย่างได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ผมรู้สึกผมเดินมาถึงจุดนึงแล้ว แต่ผมหาทางเดินต่อไม่ได้ เพราะสมองมันเต็ม เช่นถ้าผมจะทำธุรกิจคาร์แคร์ต่อ มันก็จะไม่ใช่เพียงคาร์แคร์ แต่มันต้องเติบโตและขยายสาขาออกไป ซึ่งผมขาดความรู้ทุกอย่างในตรงนี้
    หรือ ถ้าใกล้จะหมดสัญญาแล้ว ทุกอย่างยังคงเดินเหมือนเดิม ผมก็จะปิดทิ้งเพื่อไปพัฒนาธุรกิจของครอบครัวอย่างเต็มตัว คาร์แคร์ได้แค่รวย แต่ธุรกิจครอบครัวผมมีโอกาสเป็นเศรษฐี  แต่สิ่งที่ทำให้ผมลังเลมาตลอดคือ ลูกค้ามักบอกผมว่า ถ้าขยับขยายไปทำธุรกิจตัวอื่นๆ ก็พยายามเลี้ยงคาร์แคร์นี้ไว้น่ะ เราทำมาขนาดนี้แล้ว พี่ว่ามันดีที่สุดในย่านนี้แล้ว!!!

( ขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้าครับ ผมออกตัวก่อนเลยน่ะครับว่า ผมเป็นคนช่างคิด ช่างฝัน ช่างทำ และเป็นเจ้าพ่อโปรเจ็ค คืออยู่กับที่ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจ ผมยังมีความฝันอีกหลายธุรกิจที่ผมอยากทำ ..ขอบคุณครับ)

จากคุณ : เก้าอี้สีเทา
เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 14:36:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com