 |
อายุ 35 ปี จบราชภัฎแห่งหนึ่ง สาขาวิชา อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เริ่มทำงานตั้งแต่เรียนยังไม่จบ ก็ทำเป็น Part Time และเป็นผู้ช่วยไกด์ ได้เงินเป็นรายชั่วโมง หรือ เป็นจ๊อบ ๆ ไป จนไปทำงานประจำที่ร้านวีดีโอซึทาญ่า ได้เป็นหัวหน้ากะกลางคืน ก็ได้ 7000 + ค่ารถ 500 ตอนนั้นยังไม่มีการบังคับทำประกันสังคม ใช้วุฒิ ปวช. ไปสมัครเพราะยังเรียนไม่จบ ปรญ.ตรี ต่อมาก็ไปเป็นลูกจ้างร้านอินเตอร์เน็ต ได้วันละ 200 บาท ทำไปเก๋ ๆ เพื่อรองานอ่ะค่ะ จากนั้นพอเรียนจบก็ได้ทำงานประจำเป็นเรื่องเป็นราว เป็นพนักงานแปลเอกสาร ที่พัทยา ได้เงินเดือน + ส่วนแบ่งค่าแปล ก็ประมาณ 12,000-14,000 บาท งานนี้ทำนานหน่อยประมาณ 4 ปี จากนั้นก็เลยหาลู่ทางเปิดร้านแปลเอกสารเอง ซึ่งได้เงินเยอะมากกกกกก เปิดได้ประมาณ 4 (เปิด 2 สาขา) ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์บ้านเมืองเมื่อปีเกือบห้าปีที่แล้วซะก่อนป่านนี้รวยแล้ว ก็เลยตัดสินใจขายกิจการทิ้งและกลับมาเลียแผลใจที่กทม.
จากนั้นก็มาเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไปเป็นพนักงานโอเปอร์เรเตอร์ที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งแถวถนนรัชดาฯ ได้เงินเดือน 5,500 + Service charge ประมาณ 3,000 บาท แล้วก็ลาออกมาทำผู้จัดการร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่ง (ร้านนี้ความแพงของกาแฟรองลงมาจากยี่ห้อเงือกเขียว) ทำ 1 ปี ได้เงินเดือน + รายได้อื่น รวมแล้วประมาณ 13,000 บาท
แล้วก็มาทำงานโรงแรมอีกครั้ง คราวนี้เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวริมแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ แต่รอบนี้มาเป็นเลขาผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย ได้เงินเดือนรวม Service charge ประมาณ 11,000 บาท เงินเดือนน้อยลงแต่มีความสุขมากขึ้นก็เลยโอเคอ่ะค่ะ ทำได้ 2 ปีค่ะที่นี่
จากนั้นก็ย้ายโรงแรมมาเป็นเลขาเช่นเคย แต่คราวนี้ขยับทั้งตำแหน่งของเจ้านาย และเงินเดือน เลยเป็นเลขา GM เงินเดือน 16,0000 บาท โรงแรมนี้เล็กก็เลยไม่มี Service charge แต่ก็ถือว่าโอเคค่ะ
ไม่รู้ว่าอายุเท่านี้แล้วเงินเดือนแค่นี้มันน้อยไปไหม แต่ว่าเราคิดว่าเราก็จะลาออกในไม่ช้านี่แหล่ะ และจะไปขายของที่ต่างจังหวัดกับแฟน ก็กลัวเหมือนกันว่าจะไปไม่รอด แต่จะสู้ค่ะ เพราะยังไงเป็นมนุษย์เงินเดือนแบบนี้ก็คงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้
จบแค่นี้ค่ะ รู้สึกว่ายาวเกินไปแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่อ่านค่ะ
จากคุณ |
:
aomlife (aomlife)
|
เขียนเมื่อ |
:
16 เม.ย. 54 23:58:58
|
|
|
|
 |