 |
หลังจากย้ายออกมาอยู่ตึกแถวได้ไม่กี่ปี คุณแม่ก็ต้องย้ายออก เพราะธุรกิจย่ำแย่มากเกินกว่าจะมาจ่ายค่าเช่าตึกถึง 6 คูหา คุณแม่เลยตัดสินใจเลหลังสินค้าที่มีทั้งหมด แล้วย้ายมาเช่าตึกแถวเพียง 2 คูหา เพื่อขายสินค้าในธุรกิจของคุณพ่อ แต่ขายไม่ดีหรอกครับ เดือนๆนึงได้แค่แสนสองแสน ส่วนกำไรไม่ต้องพูดถึงเพราะน้อยมาก แต่คุณแม่ก็ยังเหลือเงินเก็บอีกหลายล้านบาท แต่ทรัพย์สินในเซฟก็ค่อยๆหายไป เพราะคุณพ่อขายทิ้งเอาเงินไปหมุนใช้หนี้แบงค์ ส่วนคุณพ่อ ธุรกิจโรงงานคุณพ่อซบเซาอย่างหนักสุด จากคนงานร่วมร้อยชีวิต เหลือเพียงไม่ถึงสิบคน เพราะสินค้าขายแทบไม่ได้ คุณพ่อก็พยายามดิ้นทุกวิถีทาง คุณพ่อเริ่มขายรถทิ้งทีละคัน ขายทองคำที่มีอยู่ในตู้เซฟไม่ต่ำกว่า 500 บาท ขายนาฬิกา Rolex ที่มีเยอะมาก ราคาเรือนละนับหลายล้านบาท และขายเครื่องเพชรออก เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ที่มีทุกทิศทาง และคุณพ่อก็เลยจับธุรกิจใหม่อีกเป็นฟาร์มกบ, ฟาร์มตะพาบ ปรากฎว่า ขาดทุนย่อยยับ และหนักสุดคือคุณพ่อเปิดฟาร์มกุ้ง 6 ไร่ ผ่านไปไม่กี่เดือนได้เงินนับล้านบาท คุณพ่อเลยตัดสินใจขายรถเบนซ์คันละ 9 ล้านทิ้งและรถคันอื่นๆอีกในราคาที่ถูกมากๆ เพื่อเอาเงินไปซื้อที่ดิน 96 ไร่ย่าน นครนายก แล้วเลี้ยงกุ้ง ปรากฎว่าภายในไม่กี่เดือน กุ้งตายลอยแพแทบทั้งหมด และส่วนที่เหลือก็มีขนาดที่ไม่ได้ราคา และสุดท้ายคือ ในช่วงนั้นนั้นกุ้งราคาตกอย่างรุนแรง สรุปเจ๊งไม่เป็นท่า!!! ในช่วงนั้นผมน่าจะอยู่ประมาณ ม. 3 ทุกอย่างแย่มากแล้วครับ เงินสดเริ่มขาด ทรัพย์สินแทบหายเกือบหมด รถเก๋งขายทิ้งทั้งหมด เหลือเพียงรถกระบะเพียง 2 คันในบ้าน เจ้าหนี้ของคุณพ่อก็มีรอบตัว และหลังจากนั้นก็มีหมายศาลมาแปะหน้าบ้าน.... ส่วนคุณแม่ก็กำลังตัดสินใจครั้งใหญ่ว่าจะเอายังไงต่อไป ส่วนพี่ชายของผมต้องออกจากมหาวิทยาลัยกระทันหัน เพื่อมาช่วยงานที่บ้าน อันน้อยนิด หลังจากนั้นไม่นาน คุณแม่ตัดสินใจเลิกกิจการทั้งหมด แล้วนำเงินล้านที่เหลืออยู่ พาพวกผมมาซื้อห้องชุดในราคาถูกอยู่กันแม่ลูก จริงๆก็คือแฟรตนี่แหละครับ! ส่วนพี่ชายของผมซึ่งเคยขับรถหรูไปมหาวิทยาลัย ก็เปลี่ยนมาใช้กระบะ 1 ในสองคันที่เหลืออยู่ เผื่อส่งของ... คุณแม่เลยตัดสินใจทำอาชีพใหม่ โดยการเปิดร้านเล็กๆขายของกิฟช็อปที่ห้างย่านชานเมือง รายได้วันนึงไม่กี่ร้อย ถ้าวันไหนได้เกิน 1 พันขึ้นไป นี่ดีใจแทบแย่ ! ส่วนตัวผมมีความฝันว่า จะได้เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยดังๆก็ริบหรี่ลง เพราะตอนนั้นยังไม่รู้ว่า สถานะการณ์จะแย่ลงอีกมั๊ย ?? ส่วนคุณพ่อ ก็ทำอาชีพใหม่ โดยการรับน้ำหอมจากหลังการบินไทยมาเช่าบูทขายตามห้างสรรสินค้า วันไหนไม่ได้ขายก็มานั่งที่ร้านแม่ผม สายตาของพ่อตอนนั้นดูเศร้ามาก และคุณแม่ก็เป็นห่วงกลัวคุณพ่อจะฆ่าตัวตายมาก ตอนนั้นตัวผมอายุประมาณ 16 ปี ผมก็ตามคุณพ่อไปซื้อน้ำหอมขวดเล็กๆ ราคา 17 บาท ( ถ้าจำไม่ผิด ) แต่ซื้อยกหลายๆโหล แล้วผมก็มาขายเองที่ตลาดนัดใกล้ๆโรงเรียน โดยเสียค่าเช่าที่ 20 บาท เพราะอยากช่วยแบ่งเบาคุณแม่ ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ผมก็จะตื่นแต่ 6 โมงเช้า ไปขายที่แฟรตใกล้ๆกัน ก็สนุกดีครับ จำได้ว่าตอนนั้นอาจารย์ที่โรงเรียนรู้เรื่องของผม และเห็นใจผมมาก และมีเพื่อนๆเพียงไม่กี่คนที่อยู่กับผม รวมถึงแม่ของเพื่อนสนิทคนนึงคอยสอนและให้กำลังใจตลอด...
จากคุณ |
:
เก้าอี้สีเทา (เก้าอี้สีเทา)
|
เขียนเมื่อ |
:
22 เม.ย. 54 16:22:21
|
|
|
|
 |