ผมอาจจะยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ร้ายๆที่ทุขทรมานเช่นเพื่อนๆหลายๆคน แต่ผมได้ข้อคิดที่นำมาใช้แก้ปัญหาต่างๆในชีวิตของผมจากผู้ใหญ่ที่ผมเคารพมากท่านนึง น่าจะจับได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนความคิดที่มีอิทธิพลสูงต่อผม
ข้อคิดนี้เหมือนเป็นบทเรียนที่สำคัญมาที่สุดในชีวิตของผมที่ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย
สมัยผมทำงานใหม่ๆ ผมมีหลายเหตุการณ์ที่ต้องตัดสินใจในเวลาพร้อมๆกัน คิดว่าหลายๆท่านก็คงเป็นใช่ไหมครับ
ในตอนนั้น ผมต้องตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนงาน เปลี่ยนที่อยู่ และจะตัดสินใจแต่งงานดีไหม ? เหมือนหลายๆเรื่องมันประดังเข้ามาทำให้ผมไม่สามารถจัดระบบความคิดได้ ว่าควรจะเอาอันไหนก่อน อันไหนหลัง หรือตัดสินใจอย่างไรให้ผลที่ออกมาดีที่สุด
ส่วนตัวผมในตอนนั้นเป็นคนแนว perfectionist คืออยากให้อะไรๆออกมาดี ให้เฟอร์เฟ๊ก เกลียดความล้มเหลว เซ็งความรู้สึกผิดหวังและมานั่งเสียดายทีหลัง มันทำให้ผมเป็นคนที่คิดมากถึงมากที่สุดเวลาจะต้องตัดสินใจอะไร มันส่งผลต่อบุคลิกของผม ทำให้ผมเป็นคนกล้าๆกลัวๆ ไม่มั่นใจ รีรอ รอโอกาส รอเวลา รอนั่นรอนี่ และขี้กลัว รวมไปถึงขั้นฟุ้งซ่านและคิดอะไรไม่รู็ไปเรื่อยเปื่อย
วันนั้นผมไปปรึกษาผู้ใหญ่ที่ผมเคารพ ท่านก็นั่งรับฟังอยู่ร่วมๆครึ่งชั่วโมงอย่างตั้งใจ
ท่่านบอกว่า ผมด้วยความที่เป็นคนฉลาด ( ส่วนตัวผมไม่ค่อยคิดแบบนั้น) ซึ่งคนฉลาดมักจะคิดก่อนทำเสมอ แต่บางครั้งคิดมากเกินไปจนทำอะไรไม่ถูก
ท่านแนะนำว่า ในการตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญๆ วิธีการคิดนั้นให้คิดแค่เพียงว่า
"อะไรสำคัญกับเราที่สุด.....ก็เลือกสิ่งนั้นไปเถอะ"
คิดให้น้อยๆ และเลือกสิ่งที่สำคัญ อย่างอื่นมันก็คงเป็นเพียงกากของชีวิตเท่านั้น
หลังจากคำพูดคำนั้น ผมก็สามารถตัดสินใจชีวิตของผมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผมก็ดีใจทุกครั้งที่ย้อนคิดถึงการตัดสินใจ ณ วันนั้น ทุกวันนี้เวลาเจอเหตุการณ์ที่ต้องตัดสินใจยากๆ ผมเอาข้อคิดนี้มาใช้เสมอ และมันจะทำให้อะไรๆต่ออะไรง่ายไปหมด เพราะในชีวิตจริงเรามีเรื่องทีึ่เป็นเพียงกาและเรื่องไร้สาระมากมาย สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตของเราหรือองค์กรของเรามันมีไม่เยอะหรอกครับ 