ความคิดเห็นที่ 1 เข้ามาบอกว่าอยากทำทางด้านนี้อย่าลืมสอบตั๋วทนายนะคะ เห็นไม่มีเขียนไว้เลยน่ะ ทำงานเอกชนตั๋วทนายสำคัญกว่าสอบเนตินะ จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 23:05:05

ความคิดเห็นที่ 2 ออกตัวก่อนนะครับว่าไม่ได้อยู่ firm แต่มีเพื่อนและคนรู้จักอยู่หลายคน สำหรับคำว่า law firm ก็คือบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย คนที่ทำงานในนั้นก็จะแบ่งเป็นหลายฝ่ายตามความเชี่ยวชาญเช่น Corporate/IP/Real Estate/Tax เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธุรกรรมที่ติดต่อกับต่างประเทศและชาวต่างชาติ ถ้าเป็น firm ใหญ่ๆก็มักจะทำครบวงจร แต่บาง firm ก็ดังเฉพาะด้าน ลองถามรุ่นพี่ในคณะดูก็ได้ครับ ถ้าคุณต้องการเข้าไปใน firm อันดับแรกที่คุณจะต้องได้คือ ภาษา ครับ อังกฤษต้องเชี่ยว ภาษาที่สามได้ก็ดี และต้องเก่ง เดี๋ยวนี้เด็กนอกเยอะ เด็กในที่เก่งภาษาก็แยะ ก็ต้องมาวัดที่กึ๋นกัน ถ้าอยากทราบว่า firm ไหนดังด้านไหนและ top firm มีใครบ้าง เข้าเวป http://www.legal500.com/c/thailand ครับ น่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง ส่วนทั่วไปก็ใช้ google ได้เลยครับ มีมากมายจนเจียระไนไม่หมด ถ้าจะทำเอกชนอยากจะบอกว่าเนติไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ เพราะไงก็ไม่ใช้ ไปสอบตั๋วทนายจะดีกว่าเพราะถ้าคุณจะอยู่ฝ่าย litigation ไม่มีตั๋วก็ว่าความไม่ได้ (สอบรวมฝึกด้วยก็ประมาณ 1 ปี) แต่คนส่วนมากชอบพูดกันว่าไม่จบเนก็เหมือนไม่จบกม. อันนี้ก็แล้วแต่ความคิดเหมือนกันครับ (สอบเนเร็วสุดก็ปีนึงเหมือนกัน 4 ขา 2 ภาค รายละเอียดเวปเนเลยครับ ถ้าไม่รีบร้อนสอบไว้ก็ดีครับ เป็นทางเลือกในอนาคต) ถ้าไปฝึกงานที่ firm โอกาสได้ทำต่อก็สูงกว่าคนนอก ถ้ามีตำแหน่งว่างเราทำงานดีเขาก็เลือกเราก่อน หลักทั่วไปใครจะปล่อยให้คนเก่งหลุดมือละจริงมั้ย ถ้าจะเรียนโทแล้วกลับมาทำเอกชนไม่ว่าจะ firm หรือ ภาคเอกชนอื่น คุณควรมีประสบการณ์สัก 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย ไม่งั้นคุณจะเริ่มที่ตำแหน่ง Junior lawyer เก่งไงก็เริ่มตรงนี้เหมือนกันเพราะไม่เคยทำงานมาก่อนเขาเอาคุณไปไว้ senior หรือให้เป็นหัวหน้าเลยไม่ได้หรอก ลองชั่งข้อดีข้อเสียแล้วกัน (แต่เรียนรวดเลยก็ได้มันก็ได้ประสบการณ์อีกแบบ ไฟยังแรง แรกๆอาจจะเดินช้าหน่อยแต่ถ้าผลงานเข้าตาเขาก็ส่งขึ้นลิฟท์เองแหละ) ถ้าคุณเก่ง (เกียรตินิยมได้ยิ่งดี) ภาษาได้ บุคคลิกดี ติดต่อประสานงานกับข้างนอกรู้เรื่อง โอกาสได้งานก็เยอะครับ ถ้าอยากไปต่างประเทศก็ดูสายงานหน่อยแล้วกัน เพราะอยุ่ firm เหมือนกันแต่บางสายอาจจะไม่ได้ไป แต่ถ้าจะเอาแค่ติดต่อกับต่างชาติละก็อยู่สายไหนก็คงได้เจอเหมือนกัน ปล. ถ้าคุณไม่อยากไปสายศาล อัยการ ยังมี ทนายความ กับ in-house ให้เลือกนะครับ ขอให้โชคดี แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 54 23:16:07 จากคุณ : ABACUB เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 23:12:52

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากๆครับ นี่ผมลืมตั๋วทนายซะสนิทเลยนะินิ สำคัญกว่าเพื่อนเลย - - เริ่มต้นตำแหน่งน้อยใหญ่ไม่สำคัญสำหรับผม ขอแค่เข้าไปได้ ที่เหลือก็ สู้กันต่อไป และพี่ๆว่าภาษาที่สามจำเป็นไหมครับ ตอนนี้พอเหลือพื้นภาษาจีนอยู่บ้าง จากการเรียนมหาวิทยาลัย ผมตั้งใจจะทิ้งมันแล้ว เพราะไม่ค่อยได้ทบทวน แต่กำลังลังเลว่า เก็บไว้และเรียนขั้นสูงเป็นเครดิตให้กับตัวเองน่าจะดีกว่าไหม ? ขอบคุณมากๆอีกทีครับ จากคุณ : ship9960 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 23:24:27

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าอยากเดินทางต่างประเทศ เจอคนเยอะๆ มีอีกที่ ที่อยากแนะนำครับ เป็นนักเจรจา สังกัดกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ หรือไม่ก็เป็นนักการฑูต กระทรวงต่างประเทศครับ สายราชการก็จริง แต่ก็น่าสน (น่าจะตรงกับความต้องการส่วนใหญ่ งานออฟฟิศ ไปต่างประเทศ เจอคน ผลตอบแทนอยู่ในเกณฑ์ดี) ส่วนภาษาจีนถ้าสื่อสารได้ก็ดีครับ เดี๋ยวนี้ firm จากสิงคโปร์หรือฮ่องกงมาเปิดก็มี เพิ่มทางเลือกให้เรา และบริษัทไทยก็ติดต่อกับบริษัทจีนอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นงานจัดซื้อ แต่เวลาเจรจาหรือสัญญาเขาก็เขียนกันเป็นภาษาอังกฤษอยู่ดี ยังไงผมคิดว่าถ้า candidate โปรไฟล์พอๆกัน ผมจะเลือกพวกที่มี + อย่างอื่นนะ ถือว่าเอามาให้คุ้ม (ได้จีนนี่อยู่ In-house น่าจะรุ่ง) จากคุณ : ABACUB เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 23:45:03

ความคิดเห็นที่ 5 เพิ่มเติม ตั๋วทนาย นอกจากใช้ว่าความได้ ยังใช้เซ็นรับรองเอกสารได้อีก ยิ่งกว่านั้นถ้ามี Notary อีกก็เบิ้ลเลย เรื่องภาษาที่สามถ้ามีก็ดีเลย แต่ที่เห็นบ่อยๆจะเป็น ฝรั่งเศส สเปน ทางฝั่งยุโรปมากกว่า จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 23:51:41

ความคิดเห็นที่ 6 Clifford Chance, Hunton Williams อันแรกทนายหล่อมาก อันหลังขนมอร่อยค่ะ จากคุณ : ร้ายวันละนิดจิตแจ่มใส เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 00:20:56

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบจากประสบการณที่เคยทำ law firm นะครับ 1.ดู Rank ได้ตามที่คุณ ABACUS เลยครับ law firm ตาม legal500 ส่วนใหญ่เป็นระดับ TOP ของวงการ นอกนั้นก็จะมี law firm ระดับกลาง จนถึงระดับเล็ก แน่นอนว่าเนื้องานก็ย่อมจะต่างกันครับ โดยทั่วไปเด็กนิติ(โดยเฉพาะ ฬ มธ) น้อยคนที่จะไม่รู้จัก Baker, Tilleke อันนี้พูดถึงเฉพาะความดัง ที่แรกดังระดับโลก ที่หลังมีชื่อเสียงในประเทศมายาวนาน ว่ากันว่าทนายรุ่นเก่าที่เป็นทนายใหญ่ใน firm ต่างๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นศิษย์จากสองสำนักนี้ 2. ตำแหน่งก็ไล่เรียงไป ตั้งแต่ attorney-at-law, Of-counsel, Partner, MD. (ไม่นับ paralegal หรือผู้ช่วยทนาย เพราะไม่ใช่ lawyer แต่ว่าทุกคนที่จะเป็น lawyer ต้องเคยผ่านตำแหน่งนี้มาก่อน) -ในจำพวก Attorney-at-law นั้น (ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ลูกความเรียก) โดยเนื้องานจะจ่ายงานตามหน้าที่ภายใน แบ่งเป็น Litigator,Consultant  (บางคนก็ทำทั้ง consult และ litigate)  โดยมี partner เป็นคนจ่ายงาน ในบรรดาระหว่างทนายด้วยกันแล้ว ใครได้ไปทำ litigation นั่นคือสุดยอดและเงินดีมากที่สุดรองจาก Partner MD แต่บางแผนกจะไม่ค่อยมี litigate เช่น tax finance พวกนี้ก็จะได้ดีไปอีกทาง -Of-counsel จะเป็นที่ปรึกษาภายใน เช่น อาจารย์ ด็อกฯที่เชียวชาญด้านต่างๆ อดีตผู้พิพากษา ตำรวจ ฯลฯ พวกนี้จะให้คำปรึกษาแก่ Attorney และบางเคสก็อาจต้องไปพบลูกความ -Partner คือทนายใหญ่ ระดับหุ้นส่วน ทำหน้าที่เหมือน Attorney-at-law แต่จะเพิ่มงานบริหาร -MD คือผู้บริหาร และถ้าคดีใหญ่ก็ทำหน้าที่เป็นทนายด้วย 3. รับครับ ในกรณีที่ไม่ได้ฝึกงานกับเขามาก่อน ก็จะดูที่โปรไฟล์เป็นหลักว่าขายได้หรือไม่ อันนี้คือพูดตามหลัก เพราะทนายคือการขายความน่าเชื่อถือ ให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาให้ลูกความ (เป็นเหตุผลทำไมต้องเกียรตินิยมหรือไม่ก็ต้องเด่นทางใดทางหนึ่ง) ในกรณีเข้ามาตั้งแต่ฝึกงานก็ต้องไต่เต้าไปเรื่อยๆ ในกรณีที่คุณเข้ามาตอนจบโทคอร์แนลแล้ว ก็คงเข้ามาเป็น Junior ก่อนครับ ถ้าทำงานดี สองสามปีคงเป็น senior ได้ครับ (แล้วแต่ performance) 4.ผมบอกได้เลยว่าถ้าจบ cornell มา ถ้าอยากทำ firm ก็คงได้ทำ อยู่ที่ว่าเป็นที่ไหน ระดับไหน tier1,2,3 เงินเดือนเท่าไหร่ ประสบการณ์สำคัญ อันนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติเฉพาะ และดวงครับ (ถ้าจบ cornell ได้อันนี้คงไม่ห่วงเรื่องภาษาครับ) 5. คำแนะนำของผมคือ Law firm ไม่ว่าจะที่ไหนในโลก แรกๆที่คุณเข้าไปทำคืองานกฎหมาย งานทนาย "ใช้ความรู้" ที่ร่ำเรียนมา หลังๆ เมื่อถึงระดับหนึ่ง คืองานล็อบบี้ "ใช้ปาก" ซึ่งเป็นงานที่สำคัญมากงานหนึ่ง เพราะหน้าที่ของทนายคือแก้ปัญหาให้ลูกความ มันก็ต้องมีบางครั้งที่ต้องใช้วิธีพิเศษ ถ้าคุณรับได้ก็ทำเลยครับ ถ้าคุณทำได้คุณจะรุ่งอย่างมาก (คุณจะเข้าใจเลยว่า ลูกคนใหญ่โต จะได้รับตั๋วพิเศษในทุกๆที่ ไม่เว้นกระทั่งบริษัท inter อิอิ) แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 00:42:42 จากคุณ : พัท เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 00:42:24

ความคิดเห็นที่ 8 เข้าใจมากขึ้นเยอะเลยครับ ปัจจุบันคุณ พัท ทำอาชีพอะไรอยู่ครับ มีเฟชบุคหรืออีเมล์ไหมเอ่ย เผื่อขอคำปรึกษาครับ ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : ship9960 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 00:55:45

ความคิดเห็นที่ 9 ขอเรียนตามตรงว่าผมไม่ค่อยได้เล่นเน็ตเท่าไหร่ ว่างๆจึงเข้ามาอ่านกระทู้บ้าง ปัจจุบันไม่ได้ทำงาน เรียนหนังสืออยู่ครับ :) ใช้วิธีหลังไมค์จะสะดวกกว่าครับผม ส่วนตัวแล้ว ผมอยากจะให้ข้อมูลนิดนึงว่า ทนายรุ่นพี่ที่ผมรู้จักเกือบทุกคน จะบอกว่า ถ้าหากย้อนเวลาไปได้ คงไปสอบศาล เป็นผู้พิพากษากันครับ งาน firm เป็นงานที่หนัก คุณต้องเป็นบุคคลประเภทนั้นจริงๆจึงจะอยู่รอดมาได้เป็น partner ครับ แต่ในทางตรงกันข้าม ผมก็เห็นผู้พิพากษาหลายคนลาออกมาเป็นที่ปรึกษาให้ firm แต่บุคคลประเภทหลังนี้งานจะเบากว่ามาก และได้เงินไม่น้อยเลย ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับ lifestyle ของคุณล่ะครับ ทำ firm ช่วง25-35 อาจสนุก(กับงาน?) แต่ไปนานๆ จะไม่รู้สึกอย่างนั้นนะครับ ที่ผมเห็น ส่วนใหญ่หลายคนพออายุสี่สิบแล้ว ยังไม่ได้เป็น partner ก็ไปเปิด firm เองครับ ถ้าชอบชีวิตต่อสู้ แข่งขันตลอดเวลา คุณเหมาะที่จะทำ firm ครับ โชคดีครับ จากคุณ : พัท เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 01:38:03

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับ คุณพัท พอดีหลังไมค์ผมเสีย แต่ไม่เป็นไรครับ ไว้คุยกันในพันทิพก็ได้อิอิ ปล ไม่รู้สิครับ คุณพัท ผมรู้สึกว่าทำงาน firm ดูท้าทายดี ได้ทำงานกับฝรั่งด้วย ได้ใช้ภาษาอังกฤษ มันคงจะเป็นประสบการณ์ที่ดีไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม เอาไว้ผมไปสัมผัสเองก่อนดีกว่า อีกอย่างยังเรียนกฎหมายไม่จบเลยครับ ตั้งใจให้ได้เกรดๆดีๆ ให้ได้เกียรตินิยมก่อนจะดีกว่า ตอนนี้ดีที่สุด ^^ จากคุณ : ship9960 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 01:48:09

ความคิดเห็นที่ 11 1.Firmอันดับต้นๆของประเทศเเละได้เงินเยอะ ส่วนใหญ่รับเเต่เด็กจุฬา มธ.ที่ได้เกียรตินิยม ถ้าไม่ได้เก่งขนาดนี้เเนะนำให้ฝึกภาษาดีๆจะมีโอกาส 2.ทำงานหนักมากเข้า8โมง เลิก2-4ทุ่ม 3.ถ้าสอบผู้พิพากษาได้ไปทำด้านนี้ดีกว่าเพราะมีเกียรติ+งานไม่หนักเท่า คนเคารพ ไต่เต้าไปเรื่อยๆเงินเดือนก็เป็นเเสน จากคุณ : lesmis เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 02:52:18 A:124.121.4.53 X: TicketID:316285

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเก่งขนาดคอร์เนลล์ให้ทุนคุณเรียน จบกลับมาแล้วเฟิร์มไหนๆก็คงรับคุณครับ จากคุณ : meteorite เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 09:56:36

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าได้ทุน cornell แนะนำให้หาประสบการณ์ที่นู้นก่อนครับ กลับมารับรองไปเร็ว จะทำ firm หรือ FMNC ก็ได้ เพื่อนผมจบ Berkeley ก็มี firm ทางนั้นมาทาบทาม ถ้าได้ทำรับรองโปรไฟล์เจ๋ง ไม่ต้องห่วงเรื่องหางาน ยังไงก็ลองทำงานก่อนไปเรียนก็ดีนะครับ จะได้รู้ว่าใช่ทางของเรารึเปล่า จากคุณ : abacub (ABACUB) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 10:22:39

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากๆจริงครับ จากคุณ : ship9960 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 10:27:44

ความคิดเห็นที่ 15 เรียนให้จบก่อนดีกว่าค่อยคิด นี่ไปซะไกลแล้ว ถ้าเก่งได้ทุน คอร์เนลที่ firm ไหนเขาก็รับ จากคุณ : พด เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 19:14:30 A:124.121.176.10 X: TicketID:314898

ความคิดเห็นที่ 16 สนด้านไหนล่ะครับ คหอื่นๆ มันคงเปนพวก litigation อะไรแบบนี้อ่ะเนอะ ผมถนัดด้าน กฎหมายธุรกิจมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นพวก กฎหมายด้านตลาดทุน ด้านแบงค์ไฟแนนซ์ (คือสัญญาหนี้ทั้งหลาย) ด้านควบรวมกิจการต่างๆ ผมว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะหากชอบด้านธุรกิจ (เงินเยอะด้วยนะ) จากคุณ : ! o_o ! เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 00:52:15

ความคิดเห็นที่ 17 ใช่ครับ ผมสนใจด้านกฎหมายธุรกิจ(ถึงได้เลือกจุฬา) : )) แต่ไม่รู้รายละเอียดลึกๆเกี่ยวกับ law firm ครับ ก็ได้คำแนะนำจากพี่ๆช่วย ขอบคุณมากๆเลย จากคุณ : ship9960 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 02:37:21

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าชอบ Business Law ล่ะก็  นิติ จุฬาฯ เลย จากคุณ : positive thought เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 08:17:39

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าชอบ Business Law ล่ะก็  นิติ จุฬาฯ เลย จากคุณ : positive thought เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 08:18:01

ความคิดเห็นที่ 20 ครับผม เลือกแล้ว ^^ จากคุณ : ship9960 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 10:03:02

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้ากฎหมายธุรกิจนะครับ ท๊อปๆได้แก่ baker & mckenzie linklaters allen & overy weerawong chinnavat and peangpanor (WCP or ex-White & Case) clifford chance norton rose ที่เหลือก็พวกไทยๆอ่ะครับเช่น hunton williams LACL siam premier ฯลฯ ธรรมดาเจอ 4 อันแรกเยอะสุด จากคุณ : .. (! o_o !) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 18:39:25