 |
คห.38 คุณ CivicFD คะ
เราเห็นด้วยกับคุณที่ว่าคงมีราชการไม่เยอะที่มาทำงานตรงส่วนนี้เพื่อหวังทำงานรับใช้ชาติ รับใช้ประชาชน แต่คนที่อยากเป็นข้าราชการอยากรับใช้ประชาชนก็มีไม่น้อยนะคะ
แล้วสิ่งที่คุณพูดว่าเป็นข้าราชการเพราะหวังสิ่งอื่น มันก็จริงค่ะ ถ้ามีแต่เงินเดือนอย่างเดียว คุณคิดว่าคนจะอยากเป็นหรือคะ เงินเดือนสตาร์ท 8,700 บาท ในขณะที่ถ้าไปทำงานเอกชนได้สตาร์ท 15,000 บาท บางคนมีอุดมการณ์แค่ไหน มันก็ไม่ไหวล่ะค่ะ เงินเดือนแค่นั้นบางทีต้องเลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่ เลี้ยงครอบครัว
ส่วนที่คุณคิดมา เราขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเป็นข้อๆละกันค่ะ
- แล้วที่คุณว่าเป็นข้าราชการเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เนี่ย ในบางกรณีเนี่ยก็เบิกได้ไม่ถึง 100% นะคะ แล้ว "โคตรเหง้า" ก็ไม่ได้เบิกได้ทุกคนค่ะ หลักๆที่จะได้ตลอดคือ พ่อ แม่ ของข้าราชการคนนั้นๆ ลูกข้าราชการยังได้ถึงอายุนึงเลยค่ะ ไม่ได้เบิกกันได้ตลอด
- ส่วนการเบิกค่าเล่าเรียนเนี่ย ก็เบิำกได้แต่ "ลูก" นะคะ "โคตรเหง้า" ก็เบิกไม่ได้ แล้วมันเบิกได้เนี่ย ก็ได้แค่ส่วนหนึ่งนะคะ ไม่ใช่ได้ทั้งหมด (ส่วนหนึ่งนี่ บางทีได้ไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ) แล้วยิ่งหลังๆ มีนโยบายเรียนฟรีของรัฐบาล ข้าราชการก็จะเบิกไม่ได้นะคะ ถึงแม้ว่าจะมีค่านู่น ค่านี่จิปาถะที่โรงเรียนเรียกเก็บ (ซึ่งส่วนนี้ถ้าอยู่ในเอกชนคงจะเรียกว่า "สวัสดิการ" ซึ่งก็พอเห็นบางบริษัทก็มีสวัสดิการนี้แต่ไม่มีการแขวะ แต่พอมามีในข้าราชการ แขวะได้ แขวะดีเชียว)
- เราคิดว่า อันนี้มันอยู่ที่ส่วนบุคคลแหละค่ะ ไม่ว่าจะทำเอกชน หรือทำราชการ ถ้ามีนิสัยอย่างนี้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็จะเจอเหมือนกันหมด ข้าราชการบางคน(หรือแม้แต่ผู้บริหารเอกชนบางคน) มีตำแหน่งใหญ่โต แต่ทำตัวเหมือนพนักงานคนนึง ในขณะที่บางคนเป็นแค่ลูกจ้าง แต่ทำตัวยิ่งใหญ่
- การได้เงินบำเหน็จ บำนาญเนี่ย คิดว่าการได้เงินบำเหน็จ คงจะเหมือนเอกชน หรือว่ารัฐวิสาหกิจอื่นๆ ที่ได้ทีเดียวเป็นเงินก้อน ส่วนบำนาญเนี่ย จริงๆ มันก็เหมือนบำเหน็จแหละค่ะ เพียงแต่เหมือนเป็นการผ่อนจ่ายทีละเดือนๆ แล้วไม่ใช่ว่าใครเป็นข้าราชการแล้วจะได้ทุกคนนะคะ คุณต้องทำงานมาได้กี่ปีๆ เค้ามีรายละเอียดแจ้งไว้ค่ะ แล้วเงินเนี่ยก็ไม่ใช่ว่าได้เต็มเงินเดือน บางคนได้ไม่ถึง 50% ของเงินเดือนล่าสุดก่อนเกษียณ
(ส่วนหนึ่งเป็นเงินที่เราเก็บสะสมไว้ที่เค้าหักไปแต่ละเดือน ถ้าเปรียบก็คงเหมือนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของเอกชน) แล้วที่บอกว่าเงินเดือนเยอะๆกันแล้ว ขอโทษนะคะ บางคนทำมาทั้งชีวิตได้แค่ 3-4 หมื่น ซึ่งถ้าไปทำเอกชนคงไ้ด้เยอะกว่านี้ ถ้าทำแล้วไม่มีเงินบำนาญ บำเหน็จ พอเค้าเกษียณแล้ว เค้าจะเอาอะไรกินล่ะคะ เงินเดือนที่เคยได้ๆ ก็ไม่พอจะเลี้ยงครอบครัวอยู่แล้ว
- ส่วนเรื่องมีโอกาสในการโกงกินเนี่ย ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เห็นด้วยนะคะ แต่เราคิดว่าไม่ว่าอยู่เอกชน หรือ รัฐบาล ถ้าคนเรามีสันดานอย่างนั้นเนี่ย มันก็ทำทั้งนั้นแหละค่ะ แต่ข้าราชการซื่อสัตย์ สุจริต ก็มีนะคะ การพูดอย่างนี้มันเหมือนไปดูถูกเค้าว่า ที่เค้ามาทำราชการเพราะมีโอกาสโกงกิน
- กู้เงินเสียดอกเีบี้ยน้อย หรือไม่เสียเลยเนี่ย มันมีที่ไหนคะ จะได้ให้คุณแม่ไปกู้บ้าง (แม่เป็นข้าราชการค่ะ) เพราะเท่าที่ที่บ้านเคยกู้เงินมาเนี่ย ซื้อบ้าน ซื้อรถ มันก็กู้เสียดอกเหมือนคนธรรมดานี่แหละค่ะ อาจจะมีข้อดีคือ ผ่านได้ง่ายหน่อย แต่คงไม่ต่างกัน ถ้าทำเอกชนที่มั่นคง ตัวคนกู้มีเครดิตดี ถ้าคุณจะหมายถึงพวกสหกรณ์ต่างๆ เช่นสหกรณ์ครูเนี่ย มันก็เป็นส่วนที่คล้ายๆสวัสดิการของข้าราชการหน่วยนั้นๆนะคะ ก็เหมือนสวัสดิการของบางบริษัทที่มีสวัสดิการกู้ยืมให้กับคนในบริษัทกู้ไปซื้อบ้าน ซื้อรถนั่นแหละค่ะ (ไม่เข้าใจว่าทำไมพอเป็นรัฐบาลกับโดนแดกดัน)
- ส่วนข้อความสุดท้ายที่คุณฝากไว้ น่าจะเอาไปพูดกับทหารที่ประจำชายแดนภาคใต้ หรือทหารที่คอยเฝ้าระวังอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนนะคะ พวกเค้าคงดีใจ
ขอโทษด้วยนะคะ ที่ออกความเห็นเยอะไปหน่อย
*แก้ไขคำผิดค่ะ
ปล. ถึงแม่เราจะเป็นข้าราชการ แต่เราก็เป็นพนักงานบริษัทเอกชนธรรมดาคนหนึ่งค่ะ เราไม่เคยอยากเป็นข้าราชการด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ไม่ใช่ด้วยอคติค่ะ
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 08:36:25
จากคุณ |
:
~LoVe Is LiKe ThE wInD~
|
เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ค. 54 08:31:50
|
|
|
|
 |