ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าขายทอดมันที่ยังเป็นวัตถุดิบไม่ได้ทอดก็พอจะนำเสนอขาย พวกร้านอาหาร หรือ โรงแรมได้ครับ ตอนไปเสนอขาย ก็เตรียมที่ตัวอย่างทอดมันที่ทอดสำเร็จแล้วไปให้ทดลองชิม แนะนำให้ทำแบรนด์สินค้า แพคเกจหีบห่อ และฉลากสินค้า ที่ดูดี เชื่อถือได้   ตามโรงแรม ก็ติดฝ่ายครัว ตำแหน่งกุ๊กใหญ่ พวกนี้เค้าคุมพวกวัตถุดิบอาหารที่นำมาปรุงอยู่แล้ว ถ้าตามร้านอาหาร ติดต่อเจ้าของร้าน หรือ กุ๊กประจำร้าน ก็ได้ พวกนี้เค้าตัดสินใจเรื่องวัตถุดิบ ความเห็นส่วนตัว คิดว่า ขายให้ตามโรงแรม โอกาสขายได้ยากมาก เพราะ ทอดมัน ไม่ใช่อาหารที่อยู่เป็นมื้อประจำตามเมนูอาหารในโรงแรม แต่หากขายตามร้านอาหารไทยในโรงแรมก็อีกเรื่องนึง โอกาสขายได้มีเยอะ พวกชาวต่างชาติชอบทานกันเยอะ แต่รสชาติ จะต้องอ่อนกว่าที่คนไทยกินกันพอสมควร *แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 54 15:41:00 จากคุณ : olyaod เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 54 15:30:57

ความคิดเห็นที่ 2 ทำใหม่ ๆ ก็เริ่มต้นจากการหาแผงทอดขายไปก่อน มันเป้นการฝึกฝีมือและสร้างชื่อเสียงไปเรื่อย ๆ คุณยังแค่ "จะหัดทำ" ยังไม่ได้ลงไม้ลงมือเลย เรื่องอาหารนั้น แม้คุณจะได้สูตรมา แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่าย ๆ มีสูตรเป๊ะ ๆ ชั่ง ตวง วัด ทุกอย่างตามสูตรหมด แต่ผลที่ได้อาจจะไม่เหมือนกันเด๊ะ ๆ ก็เป็นได้นะครับ  ดังนั้นคุณก็ต้องทำอาหารเป็น ชิมเป็น ปรับรสเป็นด้วย ซึ่งก็คงต้องใช้ระยะเวลาสักพัก หลังจากนั้น คุณก็ค่อยเริ่มทำ "ขายส่ง" ก็ติดป้ายตรงหน้าร้านนั่นแหละครับ ของอร่อย มันก็ปากต่อปาก บอกกันไปเรือย ๆ เดี๋ยวก็มีลู่ทางเอง นอกจากนั้นคุณก็ไปประกาศขายในเน็ต เช่น โฆษณาผ่าน pantipmarket ว่าคุณเป็นทอดมันปลาอะไร ขายส่งราคาที่กิโลกรัมละเท่าไร ขั้นต่ำในการสั่งซื้อกี่กิโลกรัม มีบริการส่งสินค้าหรือไม่ ต้องซื้อเท่าไร คุณถึงจะส่ง คิดค่าบริการเพิ่มเท่าไร ส่งวันไหนบ้าง เป็นต้น รายละเอียดอื่น ๆ ที่คุณต้องคิดแทนผู้ซื้อก็คือ ทอดมัน 1 กิโลกรัมนี้ทอดได้กี่ชิ้น (ชิ้นขนาดกี่กรัม) ต้องขายชิ้นละเท่าไร กำไรขั้นต้นกี่บาท และผู้ซื้อจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติมอะไรบ้าง เช่น ค่าน้ำจิ้ม ค่าแตงกวา ถุงพลาสติก ไม้จิ้ม เป็นต้น และคุณมีสูตรน้ำจิ้มให้ด้วยไหม หรือถ้าสั่งทำ คิดค่าน้ำจิ้มกิโลกรัมละเท่าไหร่ ทอดมัน 1 กิโลกรัม ต้องใช้น้ำจิ้มปริมาณเท่าไร บวกลบคูณหารแล้ว กำไรสุทธิก่อนหัก ค่าเช่าที่ ค่าแรงพนักงาน ค่าแก๊ส และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คุณต้องแจกแจงให้ได้ครับ ต่อไปคุณต้องมีข้อมูลเรื่องคู่แข่งว่า ทอดมันของคุณดีอย่างไร แตกต่างจากของแม่ค้าเจ้าอื่น ๆ อย่างไร คุณภาพ ราคาเทียบกันแล้วดีกว่าขนาดไหน เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นภาพธุรกิจการขายทอดมันออกมาให้ได้ เท่าที่เห็นจากโฆษณา ทอดมันสำเร็จปลาพื้น ๆ ซึ่งเค้าก็บอกกันว่าปลากราย แต่น้อยรายที่เป้นปลากรายแท้ เนื้อปลาเริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 50 - 70 บาท แต่ถ้าเป็นปลาทะเลจะเริ่มต้นที่ราคากิโลกรัมละ 80 โดยประมาณครับ อันนี้ก็เลยเป็น benchmark ที่คุณต้องทำการบ้านต่อครับ ที่นี้ถ้าคุณจะทำเป็นแฟรนไชส์ มีแบรนด์ มีแพ็คเกิจจิ้ง คุณก็ต้องคิดต่อครับว่าคุณจะสร้างดีออสอย่างไร ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง คุณก็ติดต่อขอทำคีออสและอุปกรณ์นั้น ๆ เพื่อทำร้านต้นแบบ แน่นอนว่า คุณต้องดีลกับผู้ผลิตให้ได้ต้นทุนที่ต่ำ แล้วมาเสนอให้ลูกทีมของคุณในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด แต่คุณยังได้กำไรอยู่ เรื่องราคาสินค้าที่ต้องทำให้ถูกกว่าท้องตลาด เพราะคุณต้องดูแลลูกทีมของคุณ และรวมกันซื้อของเพื่อมีอำนาจการต่อรอง กดราคาจากซัพพลายเออร์ ให้ได้ของดี ราคาถูก เช่นพวกแตงกวา คุณก็ต้องหาแหล่งที่ซื้อมาในปริมาณมาก ๆ ราคาถูก ๆ อย่างตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไท ตลาดปฐมมงคล (ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ อยู่ที่นครปฐม ผักถูกมาก ๆ) การส่งของให้แฟรนไชส์ซี่ คุณก็ต้องกำหนดเส้นทางบริการ อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งเล็กน้อย เพราะถ้าส่งหลาย ๆ เจ้าในเส้นทางเดียวกัน มันเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ ซึ่งก็ต้องค่อย ๆ จัดไป สักพักก็ลงตัวครับ เรื่องถุง บรรจุภัณฑ์ คุณก็ต้องสั่งพิมพ์ แล้วกระจายต่อ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า หลังจากนั้น หรือจะทำไปพร้อม ๆ กันก็ได้ คุณก็วิ่งขายส่งให้กับร้านอาหาร โรงแรมไปด้วยในตัว โดยติดต่อฝ่ายจัดซื้อของโรงแรม เพื่อนำทอดมันไปนำเสนอให้เชพ หรือเจ้าของร้านชิม เป็นต้น การออกงานแสดงสินค้าก็เป็นอีกช่องทางที่น่าทำมาก ๆ สำหรับธุรกิจอาหาร เพราะคนเยอะมาก แม้ค่าเช่าที่จะแพง แต่ก็คุ้มค่ากับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และมีรายได้จากการขายปลีก แต่ของอาหารต้องมีให้ชิม แต่เมื่อได้ชิมแล้วอร่อย ลูกค้าจะซื้อเองแหละครับ การพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ - ถ้าจะขายแต่ทอดมันมันก็ทำได้ แต่ผมมองว่า คุณน่าจะทำสินค้าอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น เอาทอดมันมาห่อใบตองปิ้งให้สุก หรือจะผสมกะทิและมะพร้าวขูดทำเป็น "จับหลัก" เอามาพันไม้หรือต้นอ้อยย่างไฟให้สุก ก็อร่อยไปอีกแบบ หรือจะเอามาพันอ้อย แล้วทอด มันก็ดูน่ากินเหมือนกัน หรือคุณจะทำทอดมันกุ้งเพิ่ม ก็ยังได้อีก เพราะยังอยู่ในกลุ่มสินค้าเดียวกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายของคุณให้กว้างออกไปอีกจากลูกค้าเดิม ๆ ที่แวะเข้ามาซื้อหรือที่คุณไปติดต่อ ผมชอบทานทอดมันมากเหมือนกัน เวลาไปเดินตลาด ก็ชอบซื้อทาน ซึ่งพวกแม่ค้าเค้าจะตักน้ำจิ้มไว้เป็นถุง ๆ ทานแล้วมือเลอะเทอะมากครับ ผมก็เลยไม่เคยเอาน้ำจิ้ม ขอแต่ทอดมันมาเดินทานเล่นร้อน ๆ อย่างนั้นเลย เพราะถ้าเย็น ก็ไม่อร่อยอีก ผมก็เลยเคยคิดนะครับว่า ถ้าผมทำทอดมันขาย ผมจะทำให้รสจัดขึ้นอีกนิด จะได้ไม่ต้องมีน้ำจิ้มให้ยุ่งยาก แต่ผมจะมี "ผักดองเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ" ให้ทานแก้เลี่ยนไปด้วย ซึ่งผักดองพวกนี้ อาจจะเป็น แตงกวาดอง หรือ มะละกอดอง แครอทดอง ไขเท้าดอง ก็ได้ ผัดพวกนี้ราคาถูก ๆ แค่ทำน้ำดอง 3 รส ดองทิ้งไว้แค่ 1 คืน ก็เอามาใช้ได้แล้ว มะละกอดิบก็ได้ กิโลกรัมละ 7-10 บาทเท่านั้น ดองได้เยอะแยะเลยครับ แล้วผักดองพวกนี้ ก็มีรสชาติดีอยู่แล้ว ใส่ไปแห้ง ๆ ไม่มีเลอะเทอะครับ แล้วก็แปลกแตกต่างไปจากทอดมันเจ้าอื่น ๆ อีกด้วยนะครับ ก็แค่เป็นไอเดียให้นิดหน่อยครับ พิมพ์มายืดยาวแล้ว คงจะพอเป็นประโยชน์นะครับ จากคุณ : sakchai splash เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 00:14:49