ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มขายของออนไลน์เมื่อเมษายน 2552  สาเหตุที่มาขายของออนไลน์เพราะเป็นโรคปวดหลังรุนแรง จนไม่สามารถประกอบวิชาชีพที่เรียนจบมาได้ (แต่ค้าขายออนไลน์ นั่งทำงานหน้าคอมก็ปวดหลังพอดูเหมือนกัน) ตอนเริ่มเปิดเว็บ ตัดสินใจว่ายังไงทำแล้วต้องทำให้ดีที่สุดและถูกต้องที่สุด ก็เลยจดทะเบียนพาณิชย์อิเลคทรอนิก ตั้งแต่เริ่มเปิดเว็บไซด์ ขายเดือนแรกกำไร 6000 บาท(จากยอดขายประมาณหกหมื่น) เมียบ่นเช้าบ่นเย็น ได้แค่นี้จะพอเลี้ยงครอบครัวหรือ เราก็ไม่สนตั้งหน้าตั้งตาทำ หมั่นโปรโมเว็บไซด์ หมั่นทำ SEO ทำเองทุกอย่างอันไหนไม่รู้ก็หาหนังสือมาอ่าน   หมดปีแรก กำไรต่อเดือนตกประมาณสองหมื่นนิดๆ (จากยอดขายประมาณแสนห้า) ขึ้นปีที่สองยอดขายเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ (การโปรโมทเว็บและการทำ seo ค่อยๆเห็นผลขึ้นเรื่อยๆ) ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2553 ยอดกำไรเฉลี่ย 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน(จากยอดขายประมาณสองถึงสามแสน)  ช่วงนี้เริ่มมีคนเข้ามาก่อกวนเว็บไซด์บ้างประปราย ช่วงแรกๆก็เครียด หลังๆชั่งหัวมัน ไม่สนใจตอบโต้มันก็เงียบหายไปเอง (แต่ยังแอบกลัวอยู่ทุกวันว่าจะมีโผล่มาอีกมั้ย?)   ช่วงครึ่งปีหลังของปี2553 กำไรต่อเดือนเฉลี่ย 5-6 หมื่น(จากยอดขายประมาณสีแสนกว่าๆ) แต่ก้เหนื่อยหนักพอสมควรกับการทำงานตรงนี้ รับorder แพ๊ตของส่งของ ตอบคำถามทางอีเมลและเว็บบอร์ด (เหนื่อยมากสำหรับคนที่มีอาการปวดหลังเป็นเพื่อนสนิท) ปี 2554 ถือเป็นปีทองเลยทีเดียวยอดขายก้าวกระโดด กำไรต่อเดือน 8-9 หมื่น(ยอดขายประมาณห้าแสน) ทำงานหน้าคอมตั้งแต่ 9.00 น. - 21.00 น.  ทำ order แพ๊คของ ตอบคำถามทางอีเมลและเว็บบอร์ด  ส่งของเสร็จ กลับมาทำorder แพ๊คของตอบคำถามทางอีเมลและเว็บบอร์ดวนเวียนอยู่อย่างนี้ทั้งวัน ทุกวัน   (เริ่มเป็นห่วงสุขภาพตัวเอง) เดือนนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด กำไรถึงแสนแน่นอน(ยอดขายตอนนี้หกแสนกว่าแล้ว) แต่ก็ถือว่าเป็นเดือนที่เหนื่อยที่สุด ปวดหลังที่สุด (แอบกังวล ว่าต่อไปจะทำไหวหรือเปล่า) ดีใจที่สุดตอนนี้ไม่ใช่เรื่องขายดี  แต่เป็นเรื่องที่เมียเลิกบ่นเรื่องรายรับแล้ว จากคุณ : kittyob เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 19:59:11

ความคิดเห็นที่ 2 โห  เก่งจังเลยค่ะ ทำยอดขายได้เยอะมาก  ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นำมาแชร์นะคะ คุณ Kittyob ทำไงเราถึงจะขายได้บ้างคะเนี้ยะ  ขนาดว่าขายถูกแล้วนะคะ สินค้าเป็นที่คาดผมค่ะ แต่แทบไม่มีออเดอร์เลยค่ะ  แย่จัง จากคุณ : belongwithme เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 21:11:19

ความคิดเห็นที่ 3 เดี๋ยวนี้อะไรๆก็ราคาถูกลง ใครที่ซื้อของมาขายไป ตามตลาดบ้านเรามันมีหมดแล้ว ทำกำไรได้ยาก ผมเองก็ขายของที่มีขายในไทย ที่ทุกๆร้านเค้ามีกัน แต่อยู่ที่ว่าใครจะอัพเดทไวกว่ากัน ผมเริ่มทำเมื่อปลายเดือนเมษา ตอนนี้ก็ราวๆ2เดือนละ เดือนแรก หมดไปหมื่นสี่ ขายได้ สองหมื่นกว่าๆ กำไรหักลบแล้ว ราวๆ6000กว่าๆ7000 แต่มันเห็นแต่ตัวเลข เงินไม่ได้จับ เพราะซื้อมาขายไป เงินมันหมุน แถมช่วงนี้ควักเงินตัวเองออกมาใช้อีก เป็นการบริหารที่ผิดพลาดและไม่เป็นระบบเท่าไหร่ พอมาตอนนี้ ช่วงครึ่งเดือนนี้ยอดขายหายลงแบบฮวบๆ คือสินค้าที่ผมขายนั้น เริ่มมีคนขายตาม และเริ่มกระจายสู่ตลาดทั่วๆไป หาซื้อง่ายขึ้น ตัดราคากันมากขึ้น ก็เลยว่าจะเลิกขายจำพวกนี้ละ เหลือเท่าไหร่จะเซลล์ๆออกไปให้หมด เอาทุนไว้ก่อน ตอนนี้เลยมาเริ่มโปรเจคใหม่ ตัดสินใจว่า ถ้าซื้อมาขายไปมันตายเร็วก็ ทำเองขายเองเลยละกัน ถ้ามันจะเจ๊ง ก็เจ๊งที่ตัวเรานี่แหละ เหนื่อยเหมือนกัน ทำเองคนเดียวเนี่ย หาของเอง ซื้อมาเอง แบกกลับมาเอง ลงประกาศขายเอง ลงเวปเอง หาลูกค้าเอง แพคของเอง(มีแฟนมาช่วยค่อยสบายหน่อย) ส่งของเอง ดูเงินเอง เหนื่อย....... จากคุณ : arito เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 22:00:20

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านความเห็นข้างบนแล้วอยากแบ่งปันประสบการณ์บ้าง.. เราเริ่มขายออนไลน์ปลายปี 2008 เริ่มจากเราเองคะยั้นคะยอเพื่อนให้เปิดร้านทางเน็ท ทำไปทำมาเห็นเพื่อนไปได้ด้วยดีเพราะสินค้าของเพื่อนอยู่ในกระแส บูมมากๆๆๆ...แต่เราตกลงกับเพื่อนว่าจะขายสินค้าคนละอย่างกับเพื่อนไม่ทับเส้นกัน สินค้าของเราไม่กระแสเท่าไหร่ เน้นว่าดีจริง คนขายชอบ ศึกษาหาข้อมูล ดูรีวิว ดูยูทูปบ่อยๆอัพเดทตัวเอง ก้อสรรหาสินค้าแปลกๆมาขาย ต้องเป็นสินค้าที่ไม่มีในห้างไทยด้วยนะตอนนั้น ได้รับการตอบรับที่ดี มียอดขายที่ดีปานกลาง ได้ส่งของทุกวัน มีความสุขมาก ...ตอนนั้นไม่เหนื่อยมีเวลาคิดกลุยุทธิ์ศึกษาร้านอื่น พยายามดูว่าร้านไหนเรียกว่า " คู่แข่ง "เราๆก้อจะดูแนวทางการขาย เรื่องตัดราคาเราไม่ค่อยทำนะ (เราขายแพงกว่าชาวบ้าน 555 ) เพราะมันเหนื่อยเปล่าขายของกำไรน้อย เราจะท้อเอง แล้วก้อจะตายไปเอง เราแอบส่องร้านคู่แข่งใหม่ กระโดดมาขายของคล้ายๆเรา แต่เราคิดว่าเขาคงเลียนแบบร้านอื่นด้วย มาใหม่ตัดราคาชาวบ้านสนุกไปเลย สุดท้าย รู้สึกว่าร้านที่ตัดราคายอมเอากำไรชิ้นละ 20 บาทก้อทำท่าจะนิ่งๆไป แต่มี 2 ร้านที่ควบม้าไล่เลี่ยกัน อยู่ๆไม่รู้ทำอีท่าไหนตกม้าตายปิดร้านกันไปเลย... อย่างหนึ่งที่เราสังเกตได้ว่าร้านที่ไปไม่รอดส่วนใหญ่คือ ขายของตามกระแสเกินไป มันมาไว ไปไวมากๆนะ...ตัดราคาชาวบ้านจนตัดคอตัวเอง...มีหุ้นส่วนเยอะแยะ (ชอบใช้คำว่าทีมงาน)..ฟังดูดีค่ะ เหมือนเป็นทีมเวิร์ค แต่เอาเข้าจริงเหมือนโยนความผิดกัน แอบเห็นวิธีการตอบเวบบอร์ดโยนว่าอีกคนบกพร่อง สุดท้ายไปไม่รอด ยิ่งเวลาแบ่งเงินกันหลายคนนี่ไม่รู้คุ้มค่ารึเปล่า...เราเองทำคนเดียว คิด หาของ ติดต่อ supplier รับออเดอร์ ตอบเวบบอร์ด แพคของ ส่งของ  ทุกกระบวนการ ฉันทำคนเดียว เหนื่อยแต่สะดวก ตัดสินใจได้เร็ว อิสระ เราว่ามีคนช่วยคงติดขัดกว่านี้นะ ... มาพูดเรื่องยอดขาย ...แรกๆ ยอดขายต่อเดือนหลักหมื่น  ตอนนี้ต่อเดือนราวๆ 300,000 บาท  ถ้าถามเราว่ากำไรเท่าไหร่ ระบบบัญชีและระบบตัวเลขในสมองมันไม่มีระเบียบเอาซะเลย ก้อเลยไม่รู้ว่ากำไรที่แน่นอนต่อเดือนเท่าไหร่  ขายดีก้อต้องซื้อของเข้าร้านเพิ่มหมุนเงินตลอดเวลา กำไรคร่าวๆรายรับหักรายจ่ายพอจะรู้ แต่เอาเป็นว่ากำไรคือได้กินได้ใช้ แบบไม่ลำบากเลย... เอ.....แต่เดือนนี้คาดว่ายอดขายตกราว 40% นะ พยายามปลอบใจตัวเองว่าคงเพราะกลางปี คนอาจไม่เหลือเงินจับจ่ายเหมือนปลายปี - ต้นปีที่แม่ค้าบางวันแทบไม่มีเวลากินข้าวเที่ยงกันเลยทีเดียว...ช่วงนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้มีเวลาคิด หาอะไรใหม่ๆพัฒนาร้าน..ได้เกาะขอบห้องสีลม ตั้งใจคลิ๊กกลุ่มย่อย e-commerce เพื่อเข้ามาอ่านเรื่องราวของคนอาชีพใกล้เคียงกัน... รออ่าน ความเห็นของคนอื่นๆค่ะ ^^ จากคุณ : Thundergirl เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 23:11:26

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ kittyob เมื่อดูยอดขาย กับกำไร คาดว่าน่าจะขายสินค้า แบบซื้อมาขายไปหรือป่าวครับ หาสินค้ามาขายเก่งมากครับ ยอดขายเยอะขนาดนี้ ^_^ สุดยอดครับ จากคุณ : treser[*_-] เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 00:06:57

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ถึงขนาดขายดี แพ๊คของทุกวัน แต่เอาเป็นว่า ตอนนี้ตกงาน ก็ชิวได้ อยากแชร์ประสบการณ์ร้ายๆ มากกว่า   พึ่งเริ่มร้านประมาณเดือนกันยา ขายเพราะ เพื่อนสนิท(ตอนนั้น) ตกงาน เราอยากช่วย เลยลงทุกอย่างให้ ดึงเพื่อนขึ้น ออกไปสองหมื่น จากนั้น เพื่อนก็เอาเงินทุกอย่างใส่กระเป๋าตัวเอง ไม่ปรากฎบัญชีใดๆ ให้เห็น ทั้งที่ก็ย้ำให้จด ขาดทุนไม่ว่า แต่อยากรู้ไง เพื่อนทำอะไรอยู้ แล้วเพื่อนก็เริ่มด่าเรารุนแรงเรื่อยๆ อย่างไม่มีเหตุผล ตอนหลังทนไม่ได้ เลิกยุ่ง แล้วแม่มาด่าเรา เราก็ตอบอย่างเสียไม่ได้ เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง แม่ไปด่าเพื่อน ได้เงินคืนมา เจ็ดพัน อยากให้ทุกคนจำไว้เลยว่า เรื่องเงินละเอียดอ่อนมาก การลงทุนใดๆ ก็ตาม ถ้าต้องนับเสตป อย่าทำร่วมกับคนอื่น ให้พูดหูฉีกอย่างไง อย่าไปทำ ตอนนั้นกลุ้มใจสุดๆ เพื่อนเอาเราไปประจาน เราก็ไม่ได้ทำอะไรตอบโต้ ให้น้ำน้อยแพ้ไฟไปเอง ตอนท้ายก็เลยมานั่งทำ แต่ทำแบบไม่สนใจ ใครสั่งกุก็ส่ง อาศัยว่า เอเย่นต์ที่เราไปซื้อด้วย ถูกสุด ก็เลยได้กำไร (ตอนนั้น) ค่อนข้างมาก แต่ตอนนี้ มันเป็นสินค้าแฟชั่น ที่ใกล้จะดับทุกที  แต่ก็ยังมีคนสั่ง มีคนคุยด้วย เราก็ดีใจแล้ว ตอนนี้มีโครงการทำแบรนด์ของตัวเอง แพลนไปเรื่อยๆ ก่อน เพราะเบื่อกับกิจการซื้อมาขายไปเต็มทีแล้ว จากคุณ : หวานใจนายโหด เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 00:58:06

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านแล้วอยากขายบ้างอ่า แต่ อยากทำสิ่งที่ตัวเองชอบ (น่าจะเวิร์คกว่ามั๊ยอ่ะคะ) อยากทำสวน จากคุณ : Shindo_Zen เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 01:05:01

ความคิดเห็นที่ 8 อธิบายเพิ่มเติมให้ครับ สินค้าที่ผมขายในเว็บจะเป็นพวกผลิตภัณฑ์และอาหารสำหรับสุนัขและแมวครับ เรียกง่ายๆว่าพวก pet shop ก็ได้ครับ  ไม่ได้เป็นของที่ผิดแปลกพิศดารอะไรเลยครับ ที่ขายดีส่วนนึงมาจากการโปรโมทเว็บไซด์และการทำ SEO ครับ  สินค้าเกือบทุกตัวในเว็บ หากใส่คำค้นหาใน google โดยมากจะอยู่ที่หน้าแรกเกือบทั้งหมดครับ หลักๆที่ทำคือ - อ่านหนังสือเยอะ ที่แนะนำวิธีการทำให้เว็บไซด์ติดอันดับ google - สมัครและใช้เครื่องมือต่างๆของ google ทั้ง google analysis , google webmaster tool เอาไว้วิเคราะห์และติดตามผล - หมั่นทำ review, บทความ, ตอบคำถามทางเว็บบอร์ด ซึ่งส่วนนี้ถือว่าสำคัญมากครับที่ทำให้คนเปิดเข้ามาในเว็บไซด์ เวลาค้นหาจาก google แม้ว่าคำค้นหาตอนแรกอาจจะไม่ใช่ต้องการซื้อสินค้า แต่อย่างน้อยก็ทำให้คนรุ้จักเว็บไซด์ครับ - เวลาอัพเดตสินค้าใหม่ๆ ทำยังไงก็ได้ที่ให้ google รู้จักสินค้าเรา  เวลาคนค้นหาจะได้โชว์ขึ้นมา (ส่วนตัวแล้วจะใช้วิีธีลงประกาศฟรีกับ pantip market ครับ  ลงประกาศขายแสดงรายละเอียดสินค้า และลง link ของตัวสินค้าในเว็บเราด้วย เห็นผลภายใน 24 ชั่วโมง อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้ pantip maket ครับที่เป็นมิตรกับ search engine อย่าง google) ปัจจัยอื่นๆที่ทำให้ขายดี - ราคา ของในเว็บไซด์ ถือว่าอยู่ในกลุ่มราคาถูกครับ  ไม่ได้ถูกที่สุดในตลาด แต่ก็ถือว่าถูกกว่าร้านค้าทั่วไป (สาเหตุที่กำไรเริ่มมากขึ้นในช่วงหลังๆเพราะขายดี เลยสามารถสั่งของได้ทีล่ะมากๆ โดยไม่ต้องกลัวเรื่องของหมดอายุ  พอสั่งของมากก้ได้ส่วนลด ได้โปรโมชั่นจากบริษัทมากขึ้นครับ)  ส่วนตัวแล้วไม่ได้สนใจการตั่งราคาหรือสงคราวราคาของเจ้าอื่นๆครับ - ความมั่นใจจากลูกค้า การจดทะเบียนพาณิชน์อืเลคทรอนิกอย่างถูกต้อง ก็ช่วยให้ลูกค้ามีความมั่นใจมากขึ้นครับ - ความรวดเร็วในการจัดส่ง / การรับผิดชอบกรณีมีปัญหาอะไรขึ้นมา - *** ข้อนี้สำคัญมากเคยบอกไว้หลายทีล่ะในกระทู้อื่นๆ สิ่งที่ทำให้เว็บของผมแตกต่างและได้เปรียบคือ "บริการทางเทคนิก ที่ต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะทาง" จากคุณ : kittyob เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 06:02:46

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ kittyob ครับ พวกอาหารสัตว์พวกนี้ น้ำหนักน่าจะเยอะนะครับ ต้องเสียค่าส่งแพงไหมครับ จากคุณ : Mr.Step เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 09:28:06

ความคิดเห็นที่ 10 เนื่องจากอาหารที่ขายเน้นที่อาหารเกรดพรีเมี่ยมครับ ดังนั้นกำไรต่อหน่อยจึงสูงกว่าพวกอาหารเกรดการค้าทั่วไป  ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องค่าส่งครับ แต่ก็ตีว่ากำไรหายไปครึ่งนึงครับ (ปกติรับผิดชอบค่าจัดส่งให้ลูกค้าครับ) ส่วนระบบภายในเว็บ เนื่องจากอยากให้เป็นแบบง่ายๆสบายๆ ลูกค้าทำรายการสั่งซื้อหน้าเว็บแล้วสามารถโอนเงิน แจ้งการโอนเงินได้เลย ไม่ต้องรอเมลตอบกลับแจ้งค่าจัดส่งเพิ่มเติม      เลยใช้เป็นแบบกำหนดยอดรวมค่าสินค้า  ถ้าราคาเกินกว่าที่ตั้งไว้ก็ส่งให้ฟรีทุกรายการ   เรียกว่าเรารับผิดชอบค่จัดส่งเองเกือบทุกอย่างครับ  กำไรลดลงหน่อย แต่เน้นสะดวก งานเราไม่โหลดมาก ลูกค้าชอบทำรายการปุ๊บก็รู้ค่าใช้จ่ายปั๊บ เทียบกับเว็บอื่นๆ โดยมากจะตั้งราคาให้ถูกลงมา แต่ชาร์ตค่าส่งเพิ่ม  รวมราคามาแล้วก็พอๆกันหรือบางทีแพงกว่าเราด้วยซ้ำ  แถมลำบากและเสียเวลาตรงที่ต้องส่งรายการสั่งซื้อ ต้องรอเมลตอบกลับยืนยันค่าส่ง เคยอ่านในหนังสือเล่มไหนจำไม่ได้แล้วครับ ประมาณว่า ในการสั่งซื้อของหน้าเว็บ ควรให้ลูกค้าคลิ๊กน้อยที่สุด ไม่เกิน 4-5 คลิ๊ก ก็เสร็จสิ้นรายการสั่งซื้อ  ยิ่งขั้นตอนมาก ยุ่งยากมาก ลูกค้าก็ลังเลโอกาสไม่ซื้อของหรือยกเลิก order ก็ยิ่งมาก   เว็บตัวเองก็เลยเอาแบบง่าย  ประมาณ4 คลิ๊กเหมือนกันครับ - คลิ๊กแรกหยิบสินค้าเข้าตะกร้า - คลิ๊กที่สอง เลือกวิธีชำระเงิน - คลิ๊กที่สาม ส่งรายละเอียดชื่อที่อยู่สถานที่จัดส่ง - คลิ๊กที่สี่ confirm รายการส่งซื้อ แก้ไขเมื่อ 26 มิ.ย. 54 09:51:00 จากคุณ : kittyob เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 09:47:08

ความคิดเห็นที่ 11 ชอบ คห.8 และชอบกลยุทธิ์ 4 คลิ๊กของคุณkittyob จังเลย คุณคงมีเวบไซต์ที่ออกแบบเองใช่ไหมคะ ของเราใช้วีเลิฟ น่าจะคลิ๊กมากกว่า 5 ด้วยซ้ำ หลายครั้งเจอลูกค้าเมล หรือโทรมาบอกว่าได้สั่งของแล้วแต่ไม่มีเมลจากวีเลิฟ สรุปว่าทำรายการยังไม่เสร็จ มองไม่เห็นปุ่มกดยืนยันอันดับสุดท้าย.. ดีหน่อยที่ลูกค้าร้านเรา และตัวเราเองชอบติดต่อหาลูกค้าด้วยอีเมล การซื้อขายผ่านอีเมลไม่ได้ผ่าน add to cart วันละหลายออเดอร์ ก้อเลยขายของได้อยู่...  แต่แอบเห็นบางร้านมีกฏว่าต้อง add to cart เท่านั้น ร้านเราหยวนๆ สบายๆ ยอมเสียเวลา และยุ่งเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ^^ จากคุณ : Thundergirl เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 12:33:19

ความคิดเห็นที่ 12 ได้ความรู้จากเพื่อนๆ ห้องสีลมเยอะเลย ของเรานี่ถือว่ากำลังเตาะแตะ เพิ่งเปิดร้านเมื่อ พ.ค. ปีที่แล้ว ขายเครื่องสำอางแบรนด์ไทย แต่ค่อนข้างเป็นกระแสในอินเตอร์เน็ต 6 เดือนแรก มองไม่เห็นกำไร เพราะทำแต่ pre-order อย่างเดียว เนื่องจากสินค้าเป็นสินค้าที่หาซื้อได้ทั่วไปในท้องตลาด ไม่ใช่ของหายาก เลยไม่ค่อยมีลูกค้า หล้งจากนั้นก็ปรับตัวโดยการหายี่ปั๊ว และเริ่มลงทุนสต็อคของเองบ้าง แต่ไม่ได้สต็อคเยอะ สต็อคเฉพาะตัวที่ขายดี และช่วงไหนที่ราคาถูกมากๆ ก็ซื้อเก็บไว้ หลังๆ สั่งของจนได้ volume ในระดับหนึ่ง จึงได้ต้นทุนที่ถูกลง สินค้าที่ขายออกยาก และมีมากมายหลายสี เช่น ลิปสติก อายแชโดว์ จะไม่สต็อค เพราะเดาใจลูกค้าไม่ได้ว่าจะชอบสีไหน ใช้วิธีให้ลูกค้าโอนเงินมาก่อน ค่อยไปตัดของจากยี่ปั๊ว โดยเข้าไปซื้อสัปดาห์ละ 2 รอบ ส่วน SEO ก็ทำเองแบบบ้านๆ คือไปโพสต์ตามเว็บบอร์ดฟรี โดยเลือก keyword เป็นชื่อรุ่นสินค้า ปัจจุบัน keyword เหล่านั้นติดหน้า 1 googleประมาณ 80% (แนะนำให้ใช้เว็บ sanook classified โดยใส่ชื่อรุ่นสินค้าที่หัวข้อ ส่วนรายละเอียด ก็ใส่ backlink กลับมาที่ร้าน จะติดหน้า 1 ได้ไวมาก) ตอนนี้ก็เริ่มทำ keyword ใหม่ๆ บ้าง ลงแบนเนอร์ตามเว็บทีเกี่ยวกับความสวยความงามบ้าง... ปัญหาในการขายที่สำคัญ คือ เรื่องการตัดราคา คู่แข่งแอบปลอมตัวมาสืบราชการลับ ป่วนเว็บบอร์ด และตลาดเครื่องสำอางค่อนข้างจะ red ocean มาก นอกจากจะแข่ง กันเองในแบรนด์ที่เราขายแล้ว ยังต้องแข่งกับเครื่องสำอางเกาหลี เครื่องสำอางเคาน์เตอร์ เครื่องสำอางทางเลือก (ครีมแล็ป) อีก หัวใจสำคัญของการขายของออนไลน์ในความคิดของเรามีหลายอย่าง เช่น response อันนี้สำคัญมาก ถ้าลูกค้าสอบถามหรือสั่งสินค้าต้องตอบเมล์ให้ไว อย่างน้อยภายใน 24 ชม. ถ้าลูกค้าคอมเพลน แจ้งปัญหา ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน อย่าปล่อยไว้เนิ่นนาน บางครั้งต้องยอมกำไรลดลง เท่าทุน หรือขาดทุน เพื่อรักษาลูกค้าไว้ หากเกิดความผิดพลาดจากตัวเรา ส่วนเรื่องง่ายๆ ก็เช่น การแพ็คสินค้า อย่ากลัวเปลือง แพ็คให้แน่นหนาเรียบร้อยเข้าไว้ จัดโปรโมชั่นบ้าง มีลดแลกแจกแถมบ้าง มองคู่แข่งเป็นคู่ค้า อย่ามองว่าเค้าเป็นศัตรู (บางครั้งเราก็ไปซื้อของจากร้านคู่แข่งมาขายเหมือนกัน ในกรณีฉุกเฉิน) หมั่นอัพเดทข้อมูลอยู่เสมอ ว่าขณะนี้สินค้าอะไรเป็นที่นิยม จะได้เลือกโปรโมทสินค้าได้ ถ้าคิดอะไรออกจะมาเพิ่มเติมนะ~~ จากคุณ : แมวเหมียวขนฟู เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 12:37:19

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบคุณ Thundergirl ของผมใช้เป็นเว็บสำเร็จรูปครับ เนื่องจากไม่มีความรู้ด้านการเขียนเว็บเลย   ใช้ของ readyplanet ครับใช้มาตั้งแต่เริ่ม ก็เป็นไปตามระบบเว็บที่เค้าทำไว้ครับ  เพียงแต่เราตัดขั้นตอนเรื่องการเมลติดต่อแจ้งเรื่องค่าจัดส่งไปหนึ่งขั้นตอนเท่านั้นเองครับ เนื่องจากตัวเองก็เป็นคนที่สั่งซื้อของออนไลน์บ่อย  โดยมากซื้อจากร้านค้าบน welove ครับ ซึ่งเจอระบบล่มบ่อย ตอนเปิดเว็บเองเลยไม่สนใจที่จะใช้บริการของ welove ครับ ส่วนของ readyplanet ที่ใช้อยู่ก็ถือว่า OK ดีครับ ไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องระบบล่ม  แต่บางครั้งก็มีปัญหาด้านเทคนิคบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่แจ้งฝ่ายเทคนิคแล้วก็ตอบสนองแก้ไขปัญาให้รวดเร็วดีครับ  เสียอย่างเดียวถ้าเทียบราคาแล้วดูเหมือนจะแพงกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ แต่ส่วนตัวถือว่ารับได้ครับ จากคุณ : kittyob เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 16:30:01

ความคิดเห็นที่ 14 ถึงคุณ belongwithme ขอเสนอแนะว่า ขายส่งไปด้วยดีมั้ยคะ จะได้ volume เยอะ ถึง  margin จะน้อย แต่ตัวเงินที่เป็นกำไรจะได้เป็นก้อน ไม่ใช่เบี้ยหัวแตกแบบขายปลีกน่ะค่ะ แอบเข้าไปดูมาของสวยดี ลองทำ SEO ด้วยก็ดีนะคะ แล้วก็ทำ Banner มาติดไว้ที่บล็อกน่ะค่ะ คนจะได้ตามเข้าไปหน้าร้านได้ เป็นกำลังใจให้นะคะ ขายของทางเน็ต ต้องอดทนและใช้เวลาค่ะ เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ถ้าไม่ทำ SEO ลูกค้าก็หาร้านเราไม่เจอ ก็จะขายของไม่ได้ ว่างๆ ลองไปโพสต์ขายที่เว็บอื่นๆ ด้วยก็จะดีมากเช่น เว็บชมพู, nanalady, ladysquare พวกนี้น่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : แมวเหมียวขนฟู เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 54 16:49:59

ความคิดเห็นที่ 15 เสริมคุณ kittyob หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า คลิกไม่ต้องคิด "DON'T MAKE ME THINK" ส่วนผมเอง ใช้ Magento commerece ทำเวปไซต์เอง ทำอันดับขึ้นได้เร็วมากกกก มีร้านใน eBay และ ใน ETSY ด้วย ลูกค้าในเวป กว่า 70% มาจาก eBay กับ ETSY สร้างยอดขายในเวปกว่า 90% เลย เพราะลูกค้ามั่นใจว่าเราส่งสินค้าจริง เนื่องจาก eBay เป็น back up ให้ profile เราแข็ง สำหรับการตลาดแล้ว ผมว่าขั้นแรกต้องมองลูกค้าให้ออกก่อนเลยนะครับ ว่าเขาเป็นใคร มีลักษณะ และแนวคิดในการค้นหาสินค้ายังไง ส่วนเรื่อง SEO นั้นหนังสือไทยหลาย ๆ เล่มก็เขียนได้ดี แต่ถ้าจะเอาดีทางนี้จริงจัง ต้องหนังสือ "Search Engine Optimization All-in-One For Dummies" เล่มนี้สุด ๆ เลย ถ้าเริ่มต้นก็ลองหาอ่านในเวปบอร์ดเอาก่อนก็ได้ มีหลายเวป แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 54 01:56:01 จากคุณ : ชาวบ้าน 100% เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 01:23:37

ความคิดเห็นที่ 16 ขอแชร์บ้างค่ะ เปิดเวปตัวเองจริงจังมาได้ ครบปีพอดีใช้ของ วีเิลิฟ ช่วงแรกๆ(ห้า-หกปีที่แล้ว)  แปะขายตามเวปเฉพาะกลุ่มไม่กี่เวปกับ hi5 ขายดีมากๆ ช่วงนั้นกระแสของที่ขายบูมสุดๆ ลงของทีแบบลูกค้าแย่งกันตอนลงต้องปิดโทรศัพท์ก่อนเลยทีเดียว  แต่ทำควบคู่กับงานประจำเลยเหนื่อยมาก แพ๊คของส่งวันละสิบกล่องทั้งๆที่ไม่มีเวปนะคะ และอีกอย่างคู่แข่งน้อยด้วย ได้เงินมาไม่เคยคำนวนกำไรเลยค่ะ ขายได้ใช้หมด มือเติบสุดๆ(ถ้าตอนนั้นกอบโกยคงสบายไปแล้ว) แต่ลูกค้าประจำเชียร์ให้เปิดเวปเอง เลยทำจริงจัง ช่ีวงห้าเดือนแรกมีออเดอร์ทุกวัน ส่งของวันละหลายสิบกล่อง เงินเข้าเดือนละเป็นแสนๆ ตัดสินใจทำเต็มรูปแบบและเปิดแฟนเพจใน fb ลูกค้าจาก fb เกินครึ่งไปแล้วตอนนี้  และขยันไปแปะโฆษณาตามเวปอื่นๆ ได้ลูกค้าจากกูเกิ้ลเยอะเหมือนกันค่ะ เราเน้นรับโทรศัพท์ และตอบเมลล์ เราว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรายังมีลูกค้าเหนียวแน่นตลอดคือให้คำปรึกษาลูกค้าและเป็นกันเอง ส่งสินค้ารวดเร็ว จริงใจ ตรงไปตรงมา (สินค้าที่เราขายเป็นมือสอง) ลงภาพรายละเอียดสินค้าให้มากที่สุด ขยันทำโปรโมชั่น หรือทำกิจกรรมแจกของบ้างเป็นการตลาด จากที่เคยซื้อก็ปากต่อปาก ตอนนี้โฆษณานานๆลงที ยอดขายลดลงนิดหน่อยเพราะมีคู่แข่งหน้าใหม่ๆเยอะขึ้น แต่ก็ไม่วิตกนะคะ เพราะฐานลูกค้าเยอะพอสมควร และสินค้าที่ขายลูกค้าจำเป็นต้องกลับมาซื้อเอกเชสต่อ(กล้องโลโม่.กล้องฟมิล์.อุปกรณ์.และฟมิล์ เน้นกล้องคลาสสิคหากยาก) ตอนนี้เราก็อยู่หน้าเวปไม่ทั้งวัน แต่มีออเดอร์ตลอด คือมีเวลาว่างมากขึ้นไม่ต้องเหนื่อยเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ หรือจับจุดได้ ก็เหนื่อยพอดูค่ะ ไครที่เริ่มต้นต้องศึกษาสินค้าที่ตัวเองจะขายให้เข้าใจนะคะ เพราะลุกค้าต้องทราบข้อมูลให้เยะที่สุดก่อนที่เค้าจะทำการโอนเงินอยู่แล้ว ยิ่งไม่เห็นของก่อน คำพูดหรือการตอบข้อมูลทางเมลล์หรือบร์อดสำคัญที่สุดค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 54 02:27:59 จากคุณ : alohaboy เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 02:19:40

ความคิดเห็นที่ 17 มีประโยชน์ทั้งนั้นเลยค่ะ โหวตทู้กันเถอะค่ะ :) จากคุณ : KiChiKo เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 54 21:37:05

ความคิดเห็นที่ 18 ขายสินค้าออนไลน์ตั้งแต่ 2005 คะ ยุคแรกๆที่เริ่มจะฮิต ช่วงนั้นขายดีสุดๆ ลงโฆษณาในเว็บใหญ่ๆ โฆษณาอยู่ได้ทั้งวัน ลูกค้าเข้ามาดูตอนไหนก็เห็นเรา ขายอะไรก็ดีไปหมดเลย ลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากคนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศมาซื้อเยอะมากๆ เดือนแรกๆ ลงสินค้า 30 ชิ้น ขายได้เกือบทั้งหมด ยอดขายดีขึ้นเรื่อยๆคะ จนลงทุนเต็มที่  สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าร้าน ไม่ต้องลงโฆษณาจ่ายเงิน ขายดีจนหาของไม่ทัน บางทีแทบไม่ได้ว่างเลยต้องแพ็คของส่งลูกค้าเยอะมากๆๆ ช่วง 2-3 ปีให้หลังคนเข้ามาซื้อเยอะแต่ก็มีมาเปิดออนไลน์เยอะ คู่แข่งสูง การส่งสินค้าไปต่างประเทศเริ่มมีมาตราการทางภาษี ไม่ว่าจะส่งเป็นแบบ gift ชิ้นเล็กๆ ยังไงก็โดนภาษี ลุกค้าต่างประเทศก็น้อยลง  ในประเทศก็มีคู่แข่งเยอะมากๆๆขึ้นเรื่อยๆ การแก้ปัญหาก็คือนำเสนอจุดเด่นของเว็บ ไม่ว่าจะเปิดมานาน ความน่าเชื่อถือ การเอาใจใส่ลูกค้า การมีของพร้อมส่ง ทุกวันนี้เรียกได้ว่าอยู่ตัวคะ ไม่หนัก ไม่เหนื่อยเหมือนตอนแรกๆ รายได้ก็คล้ายๆ ความคิดเห็นข้างบน   เทคนิคในการทำ ก็ดูแลลูกค้าคะ ใจเขาใจเรา บริการทุกอย่างเท่าที่ทำได้  รักษาฐานลูกค้ามีของแถม มีบริการต่างๆ ให้คำแนะนำ  สินค้านั้นจะถ่ายจากสินค้าจริง มีรูปถ่ายหลายมุมให้ดู แจ้งรายละเอียดสินค้าทั้งหมด ปิดช่องโหว่ปัญหาต่างๆ มีหลายช่องทางให้ลุกค้าติดต่อ ทั้งทางโทรศัพท์ ทางเมล์ ทางเว็บบอร์ด facebook ลูกค้าจะได้สบายใจ และมีปัญหาอะไรคุยกันได้ จากคุณ : allaboutaccessorie เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 00:46:07

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาเก็บข้อมูล ขอบคุณคับ ^^ จากคุณ : ใบไม้ ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 28 มิ.ย. 54 15:23:30

ความคิดเห็นที่ 20 @ kittyob ถ้าอยู่แถวๆ ฝั่งธน ลองไปหาคุณหมอ ถาวร ที่ รพ. หัวเฉียวดูนะคะ เผื่ออาการจะดีขึ้น ขอบคุณทุกคนที่ให้ข้อมูลดีๆมีประโยชน์ค่ะ จากคุณ : big_little เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 54 15:15:20

ความคิดเห็นที่ 21 มาเก็บข้อมูลด้วยคนค่ะ ได้ความรู้เยอะที่เดียว ของเราก็เพิ่งเริ่มค่ะ เปิดเวบได้ประมาณ 3 เดือนแล้วค่ะ ยอดขายก็ยังน้อยอยู่ค่ะ เดือนละไม่กี่พัน ยิ่งเดือนนี้ยอดตกฮวบค่ะ ยังขายได้ไม่ถึงพันเลย แต่ีไม่เป็นไรค่ะ สินค้าเรา เป็นพวกของมือสอง ต้นทุนถือว่าถูกมาก ราคาขายก็ถูกมาก ช่วงนี้กำลังพยายามโปรโมทเวบอยู่ค่ะ ทำไงให้คนรู้จักเวบเรา ส่วนสินค้าพยายามอัพเดทเรื่อยๆ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ สู้ๆๆ จากคุณ : A+chan>>ka เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 14:29:14