 |
18
สมมติคุณขายไอติมแท่งละ 10 บาท แถวศูนย์ราชการสักอย่างแล้วลูกค้าคุณเป็นพนักงานเงินเดือน 8,000 บาท คุณเคยขึ้นราคาเป็น 20 บาทแล้วคุณขายไม่ได้เพราะคนเงินเดือน 8,000 บาท ไม่กินไอติมแท่งละ 20 บาท
ต่อมาอยู่ๆ ลูกค้าคุณมีเงินเพิ่มเป็น 15,000 บาททุกคน คุณขายไอติมหมดเร็วขึ้นเพราะลูกค้าคุณมีกำลังซื้อ จากใช้เวลา 1 วันขายหมด เหลือครึ่งวันขายหมดตู้
คุณมีทางเลือก 2 ทางคือ 1.รับมาเพิ่มอีกเท่าตัวเพื่อขายได้มากขึ้นใช้เวลา 1 วันหมด หรือ 2.ขึ้นราคาเป็น 20 บาทเพราะคนเงินเดือน 15,000 มีกำลังซื้อไอติมแท่งละ 20 บาทได้
คุณจะเลือกเหนื่อยมากขึ้นแล้วได้เงิน 2 เท่า หรือเหนื่อยเท่าเดิมแล้วได้เงิน 2 เท่า?
ถ้าคุณไม่ทำ 2 ข้อนี้ (อยู่เฉยๆ) ก็ไม่เป็นไร แต่จะมีร้านข้างๆ เกิดขึ้นมาแบ่งตลาดคุณ
สมมติคุณเลือกทาง 1.คือไม่อยากขึ้นราคา คุณไปรับไอติมมาเพิ่ม (หรือแม้แต่คุณผลิตเองคุณก็ต้องซื้อวัตถุดิบ) ปรากฎว่าร้านขายส่งขึ้นราคา 2 เท่า คุณจะซื้อหรือเปล่า
เพราะร้านขายส่งบอกว่าคุณไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร คนอื่นรอซื้อเค้าเพียบ (ก็ร้านข้างๆ ที่จะมาแย่งส่วนแบ่งแบ่งทางการตลาดคุณไง) แต่ถ้ากลุ่มลูกค้าเงินน้อย (8,000) กำลังซื้อน้อย ก็ไม่มีใครมาแย่งตลาดคุณหรอก จริงไหม
ถึงคุณจะเลือกทาง 1.ไม่ขึ้นราคา แต่ร้านขายส่งคุณเค้าเลือกทาง 2. คุณจะทำยังไง
นี่คือสาเหตุว่าทำไมขึ้นเงินเดือนแล้วข้าวของถึงขึ้นราคา
ปล. รัฐบาลคนสวยบริหารเก่งที่ขึ้นเงินเดือนข้าราชการได้โดยรัฐบาลไม่ต้องกู้ ถามว่าแล้วรัฐบาลคนสวยเอาเงินมาจากไหน ก็รัฐบาลที่แล้วหามาไง... ตกลงว่ารัฐบาลที่แล้วข้าราชการเงินเดือน 8,000 บาท รัฐบาลคนสวยเงินเดือน 15,000 บาท ใครเก่ง?
แล้วทำไมรัฐบาลคนหล่อต้องกู้ ก็เพราะรัฐบาลก่อนหน้านั้นบริหารกันสนุกปากจนไม่มีเงินเหลือไง (เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลสมัคร+สมชายเพิ่มขึ้น 18,246 ล้านเหรียญสหรัฐ) แต่ถ้ามีเงินเหลือรัฐบาลคนหล่อก็ไม่ต้องกู้ (เงินทุนสำรองระหว่างประเทศรัฐบาลอภิสิทธิ์เพิ่มขึ้น 78,876 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ทีนี้เงินที่รัฐบาลคนหล่อหามา รัฐบาลคนสวยก็เอามาแจกจนสนุกมือเลย คะแนนเสียงก็ยิ่งเทท่วมท้น แต่จะแจกได้สักกี่เดือนก็ต้องดูกันต่อไป...
จากคุณ |
:
idolation
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ค. 54 10:20:29
|
|
|
|
 |