ความคิดเห็นที่ 1 สมมุติ เจ้าของกระทู้ขายน้ำหอม ไปแอดเพื่อน หรือไปแอดแฟนเพจอื่นๆ แล้วคอมเมนท์ทิ้งไว้สักหน่อย  วันดีคืนดี สมาชิกบางคนในนั้น อยากได้น้ำหอม และเห็นว่าเจ้าของกระทู้ขายน้ำหอม เขาก็จะติดต่อมาซื้อน้ำหอมของเจ้าของกระทู้ ถ้าเจ้าของกระทู้เปิดร้านอาหารอยู่ แล้วสร้างแฟนเพจไว้ในเฟสบุค บางคนเขาก็เสริชหาร้านอาหารอร่อยๆ ก็อาจจะเจอร้านของเจ้าของกระทู้ แล้วถูกใจ ก็ไปรับประทานอาหารที่ร้านของเจ้าของกระทู้ได้ ส่วนเรื่องการใส่ร้ายกันทางธุรกิจ มันมีอยู่ทุกวงการ ถ้าเราทำมาหากินซื่อสัตย์สุจริต เราก็ไม่ต้องกลัวอะไร แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 54 00:31:08 จากคุณ : คิดถึงแล้วรักป่ะ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 00:30:00

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าไม่กลัวคู่แข่ง ก็น่าเล่นนะครับ facebook น่ะ ส่วนตัวผมเองก็รอให้ผลิตได้มากจำนวนหนึ่งก็จะเปิด facebook ละครับ :) จากคุณ : ดีใจจัง เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 00:34:05

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณค่ะ.... เพื่อนๆคิดว่า เวปขายของค่อยๆแผ่วลง  เพราะถุกแทนที่ด้วยเฟสบุ๊คไหมคะ?? จากคุณ : บ้านดอกชวนชมสารพัดสี เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 00:56:52

ความคิดเห็นที่ 4 เราคิดว่าเว็บขายของไม่ได้แผ่วลง แต่เพราะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น ร้านเปิดใหม่มีเยอะขึ้น ลูกค้ามีตัวเลือกเพิ่มขึ้นค่ะ การขายทาง Facebook เป็นเทรนด์ใหม่ ที่คนไม่เก่งเทคโนโลยีอย่างเรา อยากรู้จริงๆ ว่ามันจะขายได้จริงหรือเปล่า ไหนๆ ก็มีหน้าแฟนเพจแล้ว เลยเอาซะหน่อย หุ หุ (ปกติใช้ประชาสัมพันธ์สินค้าใหม่อย่างเดียวค่ะ) ปรากฎว่า...ขายได้อ่ะ วันเดียวยอดขายเกือบ 1 หมื่นบาท อะจ๊าก..กกก ระบบเขาแรงจริงๆ ค่ะ นั่งวิเคราะห์ตัวเองว่า ทำไมถึงขายได้ คิดว่าน่าจะเกิดจาก... 1. ความบังเอิญ..ที่เราเอารูปจากเว็บต่างประเทศมาลง เราไม่ได้ตั้งใจจะขายเลย แค่บอกว่าเราชอบสินค้าสไตล์นี้มากๆๆๆ ปรากฎว่าลูกค้าถามหาซื้อ ทำให้เรารู้ว่า การที่หน้าแฟนเพจ มีอะไรมานำเสนอมากกว่าจะขายของๆๆๆ อย่างเดียว คนจะสนใจกว่า 2. เรามีจำนวนแฟนเพจประมาณ 750 คน ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าที่ตามมาจากเว็บไซด์ของเรา 3. เราลงโฆษณาใน Facebook ในช่วงที่เราขาย ทำให้มีคนเห็นจำนวนมาก ตอนนี้เราเริ่มติดใจแล้วล่ะค่ะ ^_^ จากคุณ : สกุลลัน (สกุลลัน) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 01:14:45

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไมไม่คิดว่ามันเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกันแทนล่ะครับ จากคุณ : fireyerwingz เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 01:18:17

ความคิดเห็นที่ 6 น่าสนๆ ....แต่ถ้าเรามีสินค้าไม่มาก  หรือเราต้องการขายของแค่ 2-3 อย่าง ก็คงต้องพึ่งเวบอื่นๆ อยู่ดี จากคุณ : elle.bkk เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 07:32:54

ความคิดเห็นที่ 7 ในฐานะผู้ซื้อนะคะ มีความรู้สึกว่า Facebook เป็นตัวส่งเสริมเวบขายของมากกว่าค่ะ เพราะยังงัย ๆ Facebook ก็ไม่ได้มีระบบที่พร้อมเท่าเวบขายของ ที่มีเครื่องมือ (Tools) มากกว่า แต่อาจจะช่วยในเรื่องการประชาสัมพันธ์นะคะ และขอฝากเอาไว้อีกนิดนึงนะคะว่า ถ้าเจ้าของกิจการคิดว่าจะสร้างแฟนเพจ ควรลงรายละเอียดด้วย เช่น ชื่อร้าน (ซึ่งก็ต้องมีแหล่ะ) ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ กรณีเป็นร้าน ขายอาหารธรรมดา เราว่าก็ควรจะใส่นะคะ มันเพิ่มความน่าเชื่อถือ หรืออาจจะช่วยต่อยอด เผื่อว่ามีนิตยสารอยากจะช่วยโปรโมทจะได้ติดต่อได้ค่ะ ปล.ส่วนตัวเราซื้อแต่ของในเวบขายของเป็นหลัก เพราะมีระบบระเบียบมากกว่า ใช้เป็นหลักฐานได้มากกว่าค่ะ ^,^ จากคุณ : hamayumi เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 16:22:46

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่ายังไม่ถึงขนาดนั้นนะ แต่จริงๆ คุณควรเล่น facebook ดูบ้าง เพื่อให้คุ้นเคย จะได้รู้ข้อดี ข้อเสีย และมองภาพออกครับ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 54 17:13:43

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อก่อนเล่น FB ใหม่ๆ รู้สึกไม่ค่อยดี เกร็งมาก เวลาคุยกับเพื่อนๆ ยังบ่นกันว่า..แค่เราบ่นพึมพำคนเดียวกับตัวเอง หรือตดเสียงดังในบ้านเราเอง เพื่อนๆที่อยู่ทั่วโลกดันได้ยินซะงั้น แต่เมื่อเอามาทำปชส.ธุรกิจ  วิกฤตนี้ กลายเป็นโอกาสดีครับ จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 10:48:07

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณค่ะ... จากคุณ : บ้านดอกชวนชมสารพัดสี เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 54 17:59:45

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนตัวคิดว่า ไม่แผ่วนะคะ ยิ่งตอนนี้ google หันมาทำ ร้านค้าออนไลน์ในไทยด้วยแล้ว แนวโน้มมีแต่จะดีขึ้นคะ จากคุณ : นกเอี้ยง_เอง เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 08:23:02

ความคิดเห็นที่ 12 ผมว่า จขกท น่าจะเข้าใจอะไรผิดนะครับ E-commerce ในที่นี้คือการขายของทาง internet โดยที่เรามีหน้าร้านเป็นเว็บถูกมั้ยครับ ทีนี้ลูกค้าจะเข้าร้านเราทางไหนบ้างครับ... ส่วนใหญ่จะเข้ามาทาง Search engine(google, bing + yahoo) ทั้งแบบปกติ(Organic search) และเสียตังค์(PPC) เข้าทางแบนเนอร์ที่เราลงโฆษนาไว้ ทั้งทางตรง และตัวแทน(Adwords content network) เข้าผ่านบอร์ดที่ให้ลงโฆษนา(Thaisecondhand, PantipMarket) เข้าทาง Social network(facebook) อันนี้แหละครับที่ผมจะบอก มันก็เป็นแค่วิธีการหนึ่งในการเรียกลูกค้า หรือหาลูกค้าให้เรา ถ้าอยากจะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น ก็ควรจะใช้ให้เหมาะ พลิกแพลงไปตามแต่ละวิธีการละครับ จากคุณ : b_wealth เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 17:27:03

ความคิดเห็นที่ 13 เราก็ไหลไปตาม เทรน เลยคะ จากคุณ : SG14 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:55:57

ความคิดเห็นที่ 14 จขกท ครับเราต้องแยก e-commers กับ eMarketing ออกจากกันก่นครับ e-commers ก็คืเว็บของเจ้าของกระทู้นะครับ ส่วนeMarketing คืกการทำการตลาดย่างไรที่จะให้คนเข้ามาชื้อสินค้าที่เว็บคุณครับ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ก็จะมีหลายขั้นตอน เช่น การทำ SEO การทำ email-marketing การทำ social networkmarketing พวก facebook เป็นต้นครับ ที่กระแสบอกว่าคนนิยมให้ไปใช้ facebook การขายสินค้าเรายังไม่มีเครสที่ระบุยอดขายได้จริงหรือไม่ เพราะชนั้นแล้วไม่ต้องไปกังวลว่าจะปิดเว็บไปขายบน facebook หรอกนะครับ ที่ยอดขายตกลงนั้นาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ยังไม่มีสินค้าใหม่ ๆ เข้ามา ลูกค้าชลอการชื้อเพราะต้องประหยัดเงิน ซึ่งถ้าอยากจะให้รายได้กับมาเหมือนเดิมเราจะนำ facebook มาช่วยทำการตลาดดึงลูกค้าเก่ากลับมาชื้อ และสร้างฐานลูกค้าใหม่ไปในตัวนะครับ จากคุณ : Slow_Reverse เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 54 13:39:05 A:110.49.241.235 X: TicketID:293317