ความคิดเห็นที่ 1 เอาล่ะ กลับมาที่ประเด็นร้อนของบ้านเราในตอนนี้ ก็คือเรื่องของค่าจ้างขั้นต่ำกับเงินเดือนของปริญญาตรี จริงๆตอนนี้ต้องบอกว่ารัฐบาล ไม่สิ ว่าที่รัฐบาลเค้ายังไม่ได้ออกมาตรการจริงๆจังๆออกมาเลย จะมีก็แต่ว่าที่รัฐมนตรีทั้งหลายออกมาโยนหินถามทางเกี่ยวกับนโยบายนี้ทั้งนั้น ดังนั้นเราจึงยังไม่มีรายละเอียดที่แท้จริงเลยว่า เค้าจะทำอะไรกับมัน ยังไง เพราะว่าคนบ้านๆอย่างเราๆท่านๆก็พอมองผลกระทบด้านลบของนโยบายนี้ออก ทางรัฐบาล เอ้ยว่าที่รัฐบาลเองก็มีคนเก่งกว่าเราๆท่านๆเยอะแยะ เรียกว่าถ้าไม่หวังคะแนนจนหน้ามืดเค้าก็น่าจะรู้ผลกระทบที่ว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เค้าน่าจะมีข้อมูลที่แน่นอนกว่าเราๆท่านๆ สรุปว่าหวยจะออกทางไหนคงยังไม่มีใครรู้แน่ จนกว่าว่าที่รัฐบาลจะได้รับการประกาศและปฏิญาณตน จนถึงออกนโยบายที่แน่ชัดออกมา ไม่อย่างนั้นเราก็ยังไม่ชัดเจนว่า ไอ้ที่ว่า300น่ะ ทุกคนทุกจังหวัด หรือว่าเฉพาะบางกลุ่มโดยเฉพาะแรงงานมีฝีมือเท่านั้น หรือเงินเดือนปริญญาตรี เอาเฉพาะข้าราชการหรือทุกคนจริงๆ คือถ้านโยบายซ่อนเงื่อนแบบมี * เงื่อนไขตัวเล็กๆแบบที่ร้านค้าชอบทำกันอันนี้น่าจะทำได้จริง แต่อาจโดนชาวบ้านด่า เพราะแรงงานมีฝีมือหลายกลุ่มได้เกินวันละ300อยู่แล้ว แต่ถ้าจะเอาแบบฝนตกทั่วฟ้าทุกคนได้เหมือนๆกันจริงๆ ผมว่านี่แหละที่น่านำมาคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังนี้ (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 00:51:27

ความคิดเห็นที่ 2 ผมพยายามหาสัดส่วนของค่าจ้างเมื่อเทียบกับต้นทุนรวมทั้งหมดของผู้ประกอบการ พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วค่าจ้างคิดเป็นต้นทุน 13.7ของต้นทุนรวม และเมื่อแยกเป็นกลุ่มๆ ต้นทุนค่าจ้างของภาคอุตสาหกรรมคิดเป็น 9% ภาคเกษตรกรรม 22% และด้านการบริการและการท่องเที่ยว 18% อย่างแรกที่ผมค่อนข้างเป็นกังวล คือ ค่าครองชีพที่สูงขึ้นมากอย่างแน่นอน เพราะอะไร? ภาคเกษตรกรรมนั้นมีสัดส่วนของค่าจ้างต่อต้นทุนสูงที่สุดในสามกลุ่ม และเป็นกลุ่มที่มีกำลังการผลิตอยู่ในเขตนอกเมืองเป็นส่วนใหญ่ http://www.oknation.net/blog/kritwat/2010/12/10/entry-1 เมื่อดูตารางค่าจ้างขั้นต่ำในจังหวัดเหล่านั้นแล้ว พบว่าอยู่ที่ “160ก่าๆถึง180ก่าๆ” แปลว่ากลุ่มนี้จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น 120-140บาทต่อวัน นั่นคือเพิ่ม  67-87% (120/180 และ 140/160) พอเอามาคิดว่าสัดส่วนค่าจ้างใหม่จะอยู่ที่เท่าไหร่ เอาแบบน้อยที่สุดมาคิดละกัน 1.67*22 = 36.74% ตีคร่าวๆว่าต้นทุนใหม่จะเพิ่มมา 37-22=15% นี่คือต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเฉพาะส่วนของ300บาท ***แน่นอนว่าจริงๆคิดแบบนี้เลยไม่ได้ เพราะจะต้องมีแรงงานระดับอื่นๆด้วย แต่ขอถัวๆไปกับนโยบายปริญญาตรีหมื่นห้าละกันครับ เพราะโครงสร้างเงินเดือนมันบิดหมดแน่ เมื่อหันไปดูสัดส่วนน้ำหนักของดัชนีราคาผู้บริโภค พบว่ากลุ่มอาหารคิดเป็นสัดส่วน1ใน3ของค่าครองชีพ หมายความว่าถ้าปกติเราใช้เงิน100บาทต่อเดือน เราจะต้องใช้เพิ่ม 33*1.15=37.95 หรือมีภาระเพิ่มขึ้นโดยประมาณ  5 บาทต่อเดือน อาจจะดูเหมือนน้อยนะครับ แต่ไอ้ที่บ่นๆกันนี่คือเงินเฟ้อ3%ก่าๆเอง นี่เฉพาะนโยบายเดียวไม่รวมกับนโยบายอื่นๆ เงินเฟ้อไปแล้ว5% (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 01:15:28

ความคิดเห็นที่ 3 มาต่อกันที่ ในมุมของผู้ประกอบการ เราลองมาดูผลวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องการปรับเพิ่มราคาค่าจ้างขั้นต่ำกันบ้าง จริงๆตรงนี้ผมแอบขำพรรคเพื่อไทยนะ ตอนปชปปรับเพิ่มเฉลี่ย9บาททั้งประเทศ ก็ไปรุมด่าเค้าเหมือนกัน ว่าประชานิยมมั่ง ทำเงินเฟ้อมั่ง แต่พอตัวเองจะปรับล่อไปเป็น100 http://www.bot.or.th/Thai/EconomicConditions/Publication/FAQ_documents/FAQ_19.pdf (ลิงค์ด้านบนนี่แนะนำอย่างแรงกล้าว่าควรจะอ่านทั้งหมดครับ) จากหน้า 5 พบว่าการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำประมาณ 10บาทจาก 165.3เป็น175.8 จะส่งผลให้กำไรของบริษัทหายไป1.35% แต่พอเหลือบไปดู SME กำไรจะหายไปถึง 3%!!! นั่นหมายความว่า SME ส่วนใหญ่เป็นการผลิตแบบใช้แรงงานเป็นหลัก ถ้าขึ้นค่าแรงพรวดเดียวแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการบีบคอSMEให้ตาย แต่ผู้ผลิตรายใหญ่ยังอยู่ได้(แบบปางตาย) ในรายงานยังบอกอีกว่าการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างขั้นต่ำทุกๆ1% จะทำให้ค่าจ่างทั้งระบบเพิ่มขึ้น1.3% คราวนี้เพิ่ม(คิดจากค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ) 300-175.8=124.2 เอา 124.2/175.8=70%!!!!!!!!!!แม่เจ้า โดยปกติประเทศไทยเป็นการรับจ้างผลิต หรือการผลิตแบบใช้เทคโนโลยีพื้นฐาน รวมถึงสินค้าเกษตรซึ่งพวกนี้มาร์จิน หรืออัตรากำไรบางมาก จากความเห็นเมื่อกี้ เรามีสัดส่วนค่าจ้างต่อต้นทุนอยู่ที่ 13.7 ถ้าเพิ่มขึ้นมา70% หมายว่าต้นทุนค่าจ้างใหม่จะอยู่ที่ 13.7*1.7=23.29 หรือเพิ่มขึ้นมา 23.3-13.7=9.6% ต้นทุนเพิ่มมาแบบนี้แล้วบริษัทไหนในประเทศบ้างครับที่จะอยู่ได้ ลองไปเปิดรายงานประจำปีของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ดูได้ บริษัทไหนมาร์จินต่ำกว่า10ขายทิ้งไปเลย แบบนี้คงไม่ต้องลดภาษีครับ เพราะไม่มีเงินจ่ายแล้วล่ะ อิอิ (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 01:28:27

ความคิดเห็นที่ 4 นอกจากนั้นแล้วการปรับค่าจ้างรายวันนั้น ถ้าเราเอา22*300= 6,600บาท “หลายๆ บริษัทที่เริ่มจ้างกันในระดับปวช.ที่เฉลี่ย 6,500 ปวส. ที่เฉลี่ย 7,500 และ ปริญญาตรีที่เฉลี่ย 10,000 บาท (ข้อมูลจาก PMAT ปี 2553)” http://prakal.wordpress.com/2011/07/05/ถ้าค่าจ้างขั้นต่ำเป็น-300/ ถ้าทำแบบนี้จริงๆ เงินเดือนปวชคงต้องขึ้นแน่ครับ ไม่มีทางจะน้อยกว่าแรงงานมีฝีมือ รวมไปถึงปวสก็ต้องปรับขึ้นด้วย แน่นอนว่าพอปรับของวุฒิปริญญาตรี ก็ต้องปรับปริญญาตรีมีประสบการณ์ รวมไปถึงโท และเอกด้วย ตรงนี้ยังไม่มีข้อมูล แต่คิดๆแล้วต้นทุนผู้ประกอบการกับเงินเฟ้อ คงไม่อาจเลี่ยงได้ (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 01:33:56

ความคิดเห็นที่ 5 ว่ากันถึงทางออก ในด้านของผู้ประกอบการ คงต้องแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรก ผู้ผลิตสินค้ามีความยืดหยุ่นต่ำ ว่ากันง่ายๆต่อให้แพงคนซื้อก็ยังต้องซื้อมากินมาใช้ครับ เช่นพวก ข้าวปลาอาหาร น้ำมัน การเดินทาง หรือสินค้าจำเป็นนั่นเอง สินค้าประเภทนี้ผู้ผลิตก็จะผลักภาระที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้บริโภค แน่นอนของแพงขึ้น ซึ่งตรงนี้ต้องดูดีๆครับ ถ้าจะบอกว่า อ้าวของแพงขึ้นแต่เราได้รายได้มากขึ้นจากนโยบายนี่นา ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันจนกระทั่งอนาคต คิดหรอครับว่าผู้ผลิตเค้าจะเพิ่มราคาเท่ากับต้นทุนที่เพิ่ม เค้าก็บวกๆไปสิครับ เค้าก็อ้างได้ว่าใช่ต้นทุนแรงงานมันเพิ่มแค่เท่านี้ แต่วัตถุดิบมันก็แพงขึ้นนะ ค่านู่นนี่นั่นมันก็เพิ่ม ผมเลยต้องเพิ่มเยอะกว่าต้นทุนค่าแรงงั้ยยย น่าสนใจว่าเนื่องจากเราเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่ที่สุดในตลาดโลก ที่ประมาณ10ล้านตันต่อปี การเพิ่มขึ้นของต้นทุนต่างๆจะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกแพงขึ้น คำถามมีอยู่ว่า แล้วเราจะแข่งขันอย่างไรกับประเทศอื่นๆ และเมื่อราคาข้าวแพงขึ้นย่อมส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหารของโลก ประเทศอื่นๆจะมีปกิกิริยาอย่างไรกันนะ ประเภทที่สอง ผู้ผลิตสินค้าที่มีความยืดหยุ่นสูง คืออถ้าราคาสินค้าเพิ่มขึ้นแล้ว ผู้ซื้อจะลดการใช้สินค้านั้นๆลงอย่างมาก เช่นพวกสินค้าฟุ่มเฟือยเป็นต้น (น่าสนใจว่าถ้าเป็นแบบนี้จริงๆไอโฟน5จะยังขายดิบขายดีไหมน้อ เพราะตัวเองเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ที่ผ่านๆมาแพงยังไงคนก็ซื้อ) สินค้าประเภทนี้ในเมื่อผลักภาระไปที่ผู้ซื้อลำบาก ก็ต้องลดต้นทุนสิครับ พูดง่ายๆก็คือ ถ้าต้นทุนแรงงานแพงมาก ก็ลด ละ เลิกซะ ในกลุ่มนี้แหละครับที่ดูน่าจะเป็นปัญหามาก โดยที่ผู้ผลิตอาจจะ 1 นำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อลดต้นทุนแรงงาน ทว่าโดยปกติบ้านเราผลิตแต่สินค้า ที่เน้นแรงงานการนำเข้าเทคโนโลยีอาจไม่ได้ช่วยอะไรมาก รวมไปถึง SME ต่างๆจะมีความสามารถสั่งเครื่องจักรเข้ามาช่วยงานได้จริงหรือ? 2 ย้ายฐานการผลิตไปที่ต่างประเทศ จริงๆมันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาครับ กลุ่มสิ่งทอทั้งหลายเค้าทยอยย้ายไปเวียดนามกันแล้ว แต่นโยบายนี้อาจจะเป็นตัวเร่งของการย้ายฐานการผลิตขนานใหญ่เลยก็ได้ 3 จ้างแรงงานต่างชาติซะ ถ้าไม่รวมอยู่ในนโยบายนี้ด้วย ดีไม่ดีกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดอาจจะเป็นแรงงานต่างชาติก็ได้ เพราะผู้ผลิตอาจปรับขึ้นค่าจ้างให้เพราะคนไม่พอ แต่ยังไงก็ไม่ต้องจ่ายถึง300บาท 4 หรือหวยอาจจะออกทางนี้ คือ บริษัทก็กดราคาให้ต่ำกว่าที่กฏหมายบังคับแหละ ใครจะทำไม รัฐบาลก็ได้หน้าว่าประกาศแล้วนะ แต่อาจจะมีบางบริษัทไม่ทำตามกฏแล้วก็หลับตาลงข้างนึง บริษัทก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แรงงานก็ด่าบริษัทไปแต่ทำอะไรไม่ได้ รัฐบาลก็จับมือกับบริษัทวินๆ ฝั่งนึงได้หน้าฝั่งนึงต้นทุนไม่เพิ่ม คนน้ำตาตกก็แรงงาน (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 01:50:06

ความคิดเห็นที่ 6 ในส่วนของแรงงานอย่างเราๆท่านๆ เรื่องของแรงงานที่ได้ค่าจ้างขั้นต่ำอาจจะตกงานหรือที่ยังอยู่ในงานได้ก็คงเหมือนถูกหวย แต่คนตกงานก็ซวยไปตกงานในภาวะค่าครองชีพสูงขึ้น ลองมาดูกันว่าหวยน่าจะออกทางไหนบ้าง ผมคิดว่าปริญญาตรีน่าจะเป็นแม่เหล็กดูดคนมากขึ้น ยังไง??? เพราะถ้าเป็นแรงงานขั้นต่ำก็มีสิทธิ์มีรายได้ 6,600บาทเข้าไปแล้ว แปลว่า ปวชและปวสจะมีรายได้ในช่วงแก็ป 6,600-15,000บาท ถ้าเรียนอีกนิดจนจบปริญญาตรีแล้วหมายความว่าการันตีเงินเดือนแน่ๆ 15,000บาท แล้วใครจะอยากจบแค่ ปวช ปวส ในขณะที่ปโทเอง ในหลายๆบริษัทก็ให้มากกว่า 15,000บาทไม่กี่มากน้อย แล้วจะเสียเวลาเรียนทำไมอีกสองปี บวกเงินเรือนแสน ในเมื่อเงินเดือน15,000ในต่างจังหวัดนี่ก็ถือว่ามากแล้ว ใช้ชีวิตได้สบายๆ ในขณะที่บริษัทก็คงเลี่ยงการจ่ายเงินมากขนาดนั้น และตำแหน่งใดที่ใช้วุฒิปวช ปวสได้ก็คงรับมาแทนปตรี(ที่ทุกวันนี้สตาร์ทกันที่ประมาณ7,000บาทก็มี) แล้วรับอีกทีก็นู่นเลย ตำแหน่งที่จำเป็นจริงๆสำหรับตรีและโท หมายความว่าในอนาคตใครที่จบมหาลัยไม่ดังเกรดไม่ดี วิจัยฝุ่นนานแน่นอน แทนที่วุฒิปวช ปวสจะได้มีคนไปเรียนมากขึ้นเพราะเรากำลังขาดแคลน และเรามีวุฒิปตรีล้นเมืองแล้ว แต่ผลของนโยบายกลับไปซ้ำเติมปัญหาเข้าไปอีก ทางออกของคนกินเงินเดือนคงมีอยุ่สองทาง ทางแรก ทำยังไงให้บริษัทขาดเราไม่ได้เป็นอันขาด อาจจะต้องยืมเงินเงินผู้จัดการให้เยอะๆ แล้วขู่ว่าถ้าเอ็งไล่ข้าออก อด!!! ทางสอง ออกมาทำงานอิสระหรือทำธุรกิจเองไปเลย (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 02:01:18

ความคิดเห็นที่ 7 สุดท้าย ***** อย่าลืมว่าที่เราๆท่านๆวิจารณ์กันอยู่ันั้น ว่าที่รัฐบาลยังไ่ได้บอกอะไรแน่ชัดนะครับ ยังไงรอท่านๆเค้าเ็นรัฐบาลก่อน แล้วออกนโยบายที่ชัดเจนอีกทีก็ดี เพราะผมคิดว่าเค้าก็น่าจะมองเห็นปัญหาเหมือนเราๆท่านๆนะ เค้าอาจจะมีวิธีแก้ไขอยู่แล้วก็ได้ แต่เราไม่ฉลาดพอที่จะคิดออกก็ได้(มั้ง) ตอนนี้ก็พูดคุยกันสนุกๆไปก่อน ถ้ามันออกมาชัดเจนเมื่อไหร่ค่อยมาสาวกันในเชิงลึกอีกทีนึงครับ สุดท้ายเผื่อใครสนใจ วันจันทร์ที่ 11 นี้ตอน18.00-21.00 มีเสวนาเรื่องรัฐบาลใหม่จะพาประเทศไปทางไหน ที่ห้อง 416 คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาครับ เดินเข้าไปนั่งฟังนั่งแลกเปลี่ยนกันได้ไม่ต้องลงทะเบียน (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 02:05:08

ความคิดเห็นที่ 8 โอ้วววว คุณขอบฟ้าบูรพา วิเคราะห์ได้เห็นภาพคะ ขอบคุณคะ จากคุณ : พลอย (Super_VIP) เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 02:15:09

ความคิดเห็นที่ 9 จริงๆ อยากรู้เหมือนกันค่ะ ว่าพอตั้งพรรคแล้วจะเป็นยังไง อาจมีนโยบายอื่นๆเสริมขึ้นมาอีกก็ได้ เพื่อรองรับในจุดที่มีปัญหา ซึ่งตัวนโยบายอาจเป็นนโยบายการเงินหรือนโยบายการคลังที่ใช้ควบคู่กันไป หรือในส่วนปลีกย่อยอาจมีวิธีการจัดการอะไรเพิ่มขึ้น เพื่อลดต้นทุนส่วนอื่นแทน ถ้ามองกลางๆ ไม่มีอคติ ในความเห็นเรา จากสมัยไทยรักไทย ต้องยอมรับนะคะ ในแง่ของเรื่องเศรษฐกิจพรรคนี้เก่ง เห็นผลไว ถึงใครจะโจมตีนู้นนี้นั้น คำถามกลับไปเวลาใช้นโยบายที่คล้ายๆกัน กับอีกพรรคใช้ ทำไมกับได้ผลที่ต่างกัน ตื่นเต้นค่ะ ว่าผลจะเป็นยังไง จะออกหัวออกก้อย จากคุณ : amakin เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 06:55:30

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าเป็นความเห็น แบบนี้..ผมว่าสร้างสรรค์ ครับ.. คิดว่ามันจะเกิดปัญหา.. ก็มาคำณวน และ หาทางรับมือกับปัญหา.. แต่ไม่สร้างความหวาด กลัว จนเกินกว่าเหตุ จนเข้า ขั้น วิตกจริต ผมเชื่อว่า รัฐบาล มี มีอ เศรษฐกิจ หรือ นักเศรษฐศาสตร์ เต็มมือไปหมด ฉะนั้น เราคิดเรื่องผลกระทบ ได้..เค้าก็คิดได้เหมือนกัน.. ฉะนั้น เค้าก็คงกำลังพยายาม บาล๊านท์..ผลเสีย กับ ผลดี..ที่จะเกิดขึ้น จากการดำเนินนโยบาย.. แล้วจริงๆ ผมอยากเห็นหน้าตาทีมเศรษฐกิจ ก่อน.. ถ้าเป็นคนที่มา ดีเบท ด้วย แม้ว่า จะเป็นระดับ ด๊อกเตอร์.. แต่ บอกว่า คว้าเงินในอากาศ.. ผม ก็ ว่า น่าหวั่นวิตก แต่ผมก็มองในแง่ดี ว่า.. ท่านอาจจะ เป็นยุทธศาสตร์ การปิด..บังแผนการ.. แต่ถ้า คิด แบบนั้น จริงๆ ......ผมก็ รู้สึก "หนาวๆ ร้อนๆ " เหมือนกัน เรื่องเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์...การแก้ไขปัญหา..มันมีหลาย มิติ ..หรือ หลายช่องทาง จนบางที เราก็คิดไม่ถึง.. ฉะนั้น การ ใช้ เหตุผล ในด้านเศรษฐศาสตร์ เพียงบทเดียวก็ไม่ใช่ การคิดคำณวนที่ถูกต้องซะทีเดียว.. จริงๆ ผมย้ำ หลายๆ เที่ยวเลยว่า...ผมก็คิดและวิตก เหมือนกับทุกๆคนในห้อง สีลม..ว่า มาตรการ นี้.น่าจะสร้างปัญหา..ไม่มากก็น้อย. กับธุรกิจ.. แต่ ณ.เวลานี้..ยังไม่มีอะไรชัดเจน สักอย่างเดียว.. การสร้างกระแส เพือให้เกิดการ panic ไม่ใช่ทางออก ถ้าจะว่า กันไป..เข้าการเมืองนิดๆ.. ท่านกรณ์ ขุนคลัง เคยเปรยๆ ประมาณถ้าเพื่อไทยมา ตลาดหุ้น จะ ขานรับในแง่ลบ..(นี่ขนาดท่านเป็นเซียน หุ้น ของจริง) แถมคุมคลังดูเรื่องตัวเลขพวกนี้อยู่.. ผลออก มา..เพื่อไทยเลือกได้วันแรก..หุ้นพุ่งเป็นจรวด..จนคนทำนาย น่าจะตาเหลือก เลยทีเดียว. ฉะนั้น..ปัจจัย..ต่างๆ ในแง่ธุรกิจ.. ก็ ว่ายาก..และเยอะแล้ว ปัจจัย ในเรื่อง เศรษฐศาสตร์ ของประเทศ.. ยิ่งมี ปัจจัย เยอะแยะ เต็มไปหมด.. ฉะนั้น นโยบาย มาวิจารณ์ กันได้ ครับ.. ผมก็ชอบ อ่าน และอยากศึกษา แนวคิด ในหลายๆ ด้าน ด้วย ทั้งด้านดีและ ด้านร้าย.. แต่อย่าให้ถึงขั้น..ไป ไกล จนประเทศจะล้ม .ผมว่า มันไกล ความจริง มากๆๆๆๆ จากคุณ : ~cupid~ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 09:17:49 A:223.206.15.43 X: TicketID:230028

ความคิดเห็นที่ 11 รอดูๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 13:09:15 จากคุณ : muk_22 เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 13:08:48

ความคิดเห็นที่ 12 เยี่ยมครับ ชัดเจนดีครับ  ข้อมูลแน่นดี แต่รบกวนไปหาสาเหตุแห่งราคาทองคำปี 1980 ว่าเกิดจากอะไรสิครับ  แล้วท่านจะรู้ว่า  ทองคำมันมีค่าในตัวเองมากกว่าแบ็งค์กงเต๊กจริงๆ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 14:33:12 จากคุณ : jomjonbupa เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 14:32:32

ความคิดเห็นที่ 13 กีบแทบหมดกันที่กระทู้นี้เอง.. ขอบคุณคุณขอบฟ้าบูรพาค่ะ.. จากคุณ : คนดีผีคุ้ม เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 14:54:39

ความคิดเห็นที่ 14 อ่อ  แถมที่เขามีการศึกษาขึ้นค่าแรงคราวที่แล้ว เอาเฉพาะขึ้นค่าแรงใน กทม 44 บาทกระทบเท่าไหร่  เงินเฟ้อที่คำนวนไม่รวมเงินเฟ้อฐานที่ต้องเฟ้ออยู่แล้วบอกเข้าไป ถ้าขึ้นก้าวกระโดด 300 ทั้งประเทศเลยจะเป็นอย่างไร  ก็พินิจพิเคราะห์กันเองแล้วกัน ในผลการศึกษาได้ประเมินผลกระทบของการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำในหลายกรณี จากปัจจุบันค่าจ้างขั้นต่ำใน กทม. อยู่ที่ 206 บาทต่อวัน และเฉลี่ยของทั้งประเทศอยู่ที่ 165.3 บาทต่อวัน ซึ่งหากมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่ม 44 บาท มาอยู่ที่ 250 บาทต่อวันตามข้อเสนอของรัฐบาล จะทำให้กระทบต่อจีดีพี 0.58% และอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นจากกรณีฐานอีก 3.75% ต่อปี นอกจากนี้ ผลการศึกษายังระบุว่าการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ จะมีผลต่อเศรษฐกิจในระดับมหภาคและต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการแข่งขันของไทย แต่ภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของการใช้แรงงาน โดยอุตสาหกรรมที่น่าจะได้รับผลกระทบมาก คือ อุตสาหกรรมบริการ ค้าปลีกและค้าส่ง เนื่องจากมีสัดส่วนของการใช้แรงงานสูง http://archive.voicetv.co.th/content/25209 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 15:07:01 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 15:05:00 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 15:04:07 จากคุณ : jomjonbupa เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 15:02:57

ความคิดเห็นที่ 15 ข้างบน ขึ้นค่าแรงครั้งที่แล้ว รัฐบาลได้ลดภาษีให้หรือป่าว จากคุณ : pret เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 15:59:58 A:49.48.52.245 X: TicketID:323598

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดข้างบน ขึ้นค่าแรงครั้งที่แล้ว รัฐบาลได้ลดภาษีให้หรือป่าว จากคุณ : pret เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 16:00:45 A:49.48.52.245 X: TicketID:323598

ความคิดเห็นที่ 17 เรื่องภาษีไปถามนายกตัวจริง  หรือที่ปรึกษานายกตามที่เรียกกันสิ ว่านักธุรกิจทั้งหลาย  เขาเลี่ยงภาษีกันหมดล่ะ ไม่งั้นจะมีวลีที่ทุเรศเหรอว่า "ผมทำถูกกฎหมายไม่เกี่ยวกับจริยธรรม" ทำโฉ่งฉ่างทั้งที่คนจับตาทั้งประเทศ ไอมาตรการลดภาษีอนิสงค์จริงๆก็ไปตกที่บริษัทฯใหญ่ๆที่เขาเลี่ยงภาษีไม่ไหวแล้ว  รับไปเต็มๆ พวกนี้ไม่กระทบอยู่แล้ว  เพราะเขาคัดแรงงานแถวหน้ายอมจ้างแพงๆไปแล้ว ถึงจะขึ้นค่าแรงก็ไม่เกี่ยว  จ้างแพงอยู่แล้วครับ งานนี้พวกบริษัทฯพวกนี้โมเมอ้างต้นทุนขึ้น  ขึ้นราคาสินค้า  แถมได้ลดภาษีอีก  สองเด้งเลย  สบายจิต อ่อ  อีกอย่างเขตการค้าเสรี(FTA) มาแล้ว  จะทำไงให้สู้กับตลาดโลกได้  พวกบริษัทฯใหญ่ๆก็จะหันไปหาวัตถุดิบที่ต้นทุนถูกกว่า จีนก็เป็นส่วนหนึ่งของ FTA กับไทย  พวกหันไปจีนเรียบ   SME ไทยก็ประงาบๆกันไปเพราะขายไม่อก ถึงเวลานั้น  ทุกอย่างมันก็จะพุ่งกลับไปกระทบกับแรงงานในประเทศเอง แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 20:56:43 แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 54 20:56:07 จากคุณ : jomjonbupa เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 20:48:30

ความคิดเห็นที่ 18 งั้นก็ดูประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมาเลเซียบ้างก็ดีนะ ค่าแรงขั้นต่ำเค้าแพงกว่าไทยเกือบสองเท่า แต่ค่าครองชีพของไทยสูงกว่ามาเลเซีย(สูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน) ป.ล.ก้อแค่เห็นใจคนใช้แรงงาน จากคุณ : pretty เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 21:28:30 A:223.204.2.73 X: TicketID:323598

ความคิดเห็นที่ 19 เอ้า  เดี๋ยวจะหาว่ามองโลกแง่ร้าย  เอาแงดีบ้างดีกว่าเนอะ การขึ้นค่าแรงแบบก้าวกระโดดนี้มันก็ดี  คล้ายกับให้ยาแรงๆแก่ระบบเศรษฐกิจ เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมในประเทศกันเลย เป็นการคัดกรองแรงงานและอุตสาหกรรมทางอ้อม แรงงานที่ไร้ฝีมือจนผู้ประกอบการเห็นว่าไม่คุ้มกับ  300 บาทก็จะโดนกำจัดออกไปจากระบบอัตโมัติ   แรงงานที่มีอยู่ต้องแข็งขันด้านคุณภาพที่ขยันทั้งฝีมือเพื่อให้ได้งานที่เหลือน้อยลง แรงงานในระบบก็จะเป็นแรงงานคุณภาพล้วนๆ ภาคอุตสาหกรรม  ถ้าเป้นอุตสาหกรรมที่ไม่มีนวัตกรรมใครๆก็ทำได้  ก็จะอยู่ในตลาดไม่ได้  เพราะโดนจีนเวียตนามกินเรียบ ดันนั้นภาคอุตสาหกรรมก้ต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง  ทั้งรีดไขมันลดค่าใช้จ่ายส่วนเกินออกไป  ลดการใช้ทรัพยากรไปอีกอื้อ ทั้งต้องมีนวัตกรรมต่อเนื่องไม่ให้ประเทศแรงงานถูกตามมาทัน แถมต้องมีกึ๋นอยู่ตลอดเวลา อุตสาหกรรมของเราก็จะเป็นแนวหน้าในโลกเลยทีเดียว รายได้ต่อหัวก็จะสูงเป็นประเทศพัฒนาแล้ว  ประเทศเราก็จะเจริญเป็นอันดับแนวหน้าของโลก แต่  ไอทั้งแรงงานกับอุตสาหกรรมที่โดนเขี่ยออกจากระบบ  มันจะลงถังขยะแล้วจบเลยหรือเปล่าก็คงเป็นไปไม่ได้ กลุ่มที่โดนกันออกจากระบบนี้  จะเอาไปทิ้งที่ไหนดี  คิดไม่ออก  ขายยาบ้าดีมะ แล้วอุตสาหกรรมบ้านเรามันพร้อมจะแข่งขันเรื่องนวัตกรรมในตลาดโลกจะมีสักกี่มากน้อยเชียว จากคุณ : jomjonbupa เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 22:21:40

ความคิดเห็นที่ 20 ก็ไม่ได้คิดว่าประเทศไทยจะก้าวกระโดดเป็นแนวหน้าทางเศรษฐกิจของโลกหรอกนะ เพราะเมืองนอกทำงานนะได้ชั่วโมงละ 300 บาท ห่างไกลจากพี่ไทยเยอะ แค่อยากให้รายได้กับค่าครองชีพมันสมดุลกันขึ้น ขอโทษความคิดของเราทำให้ใครไม่พอใจ จากคุณ : pretty เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 22:22:34 A:223.204.2.73 X: TicketID:323598

ความคิดเห็นที่ 21 เอ้า  ตอนนี้สินค้าของประเทศเราแข่งกับประเทศที่ค่าแรงชั่วโมงล่ะ 300 เหรอครับ ชกเวทีไหนก็ได้ค่าตัวเวทีนั้นล่ะครับ เอามวยวัดไปขึ้นเวทีชกชิงแชมป์โลกกันเลยงานนี้  เต้นสองทีก็โดนน๊อคแล้วครับ จากคุณ : jomjonbupa เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 22:35:08

ความคิดเห็นที่ 22 อ้าวก็เห็นยูเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วก่อนนิ แปลกดีวุ้ยคนนี้ จากคุณ : pretty เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 54 23:04:07 A:49.49.80.235 X: TicketID:323598