ความคิดเห็นที่ 1 พัฒนาตัวเองแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย แบบใช้เวลาน้อย - การนั่งสมาธิทุกวัน - การสวดมนต์ - การทำจิตใจให้สงบ - การทำจิตให้ปล่อยวาง ไม่ยึดติด การรู้ซึ่งว่าไม่มีสิ่งใดในโลกเพอเฟค (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) **กลุ่มนี้จะมีผลต่อการเตรียมตัวเองก่อนการจะพัฒนาตัวเองในด้านอื่นๆ ให้พร้อม และมีสมาธิ บางคนจะติดความสมบูรณ์แบบในตัวเอง จนรู้สึกว่าตัวเองไม่ต้องไปพัฒนาอะไร แค่ที่ทำอยู่นี้ก็สุดยอดแล้ว หรือไม่ก็ไปมองส่วนด้อยของคนอื่นๆจนเคยตัว คนนั้นไม่ดีแบบนี้ คนนี้ไม่ดีแบบนั้น เพื่อเป็นเกราะป้องกันความรู้สึกตัวเอง ให้ตัวเองรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนที่ดีที่สุด(จึงโยนเรื่องแย่ๆให้คนอื่นแทน) เพราะติดนิสัยชอบความเพอเฟคนี่เอง จึงทำให้พัฒนาตัวเองไม่ได้ การปล่อยวาง ไม่ยึดติดจึงเป็นด่านแรกที่สำคัญ ไม่มีใครเก่งโฟโต้ชอปเป็นตั้งแต่หัดเดินหรอก ป๊อบเดอะซันก็ไม่ได้เล่นกีต้าร์ได้เร็วจี๋มากๆๆภายในวันเดียวหรอกครับ แบบใช้เวลาปานกลาง - อ่านหนังสือเนื้อหาสร้างสรร ที่ห้องสมุดชุมชน - พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในเนื้องานที่เขาเก่งกว่าเรา - ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ ให้สุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อจะได้เตรียมพร้อมในการพัฒนาตัวเองในวันต่อๆไป - การช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน (และตัวเราต้องไม่เดือดร้อน) ** กลุ่มนี้จะมีผลต่อการพัฒนาทั้ง 3 แบบ ทั้งการพัฒนาฝีมือเนื้องาน , การสื่อสารกับคนอื่น , ความคิดสร้างสรร หากได้ทำบ่อยๆก็จะทำให้มีความสุข และมีสังคม เคยมีกระทู้ในห้องรัชดาที่เป็นกระทู้แนะนำว่า เคยลงไปช่วยเขาเข็นรถตอนฝนตก คนที่รถเสียเขาจะให้เงิน แต่ก็ไม่ได้รับไว้ เพราะแค่ช่วยเข็นก็มีความสุขแล้ว น้ำใจและมิตรภาพมันก็เกิดขึ้น หรืออย่างข่าวแท็กซี่เก็บเงินได้ ที่เพิ่งลงข่าวไปไม่นาน แค่เราอ่านข่าวตามก็รู้สึกปลื้มใจกันไปหมดแล้ว แบบใช้เวลามาก - การฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ** กลุ่มนี้มีผลในการพัฒนา 2 แบบคือ เนื้องาน และการสื่อสารกับคนอื่น กว่าเราจะเก่งภาษาอังกฤษได้ ก็แน่นอน มันไม่ใช่วันเดียวแล้วจะเก่งเลย การพัฒนาเรื่องนี้ต้องใช้ เวลาและความสม่ำเสมอ สำหรับคนที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษคุณจะพัฒนาตัวเองโดยไม่ใช้เงินนั้น มันเป็นไปด้วยความลำบากมากๆครับ ต้องใช้เวลาและความอดทนมากพอสมควรเลย จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 08:35:44

ความคิดเห็นที่ 2 พัฒนาตัวเองแบบเสียค่าใช้จ่ายหลักร้อย แบบใช้เวลาน้อย-ปานกลาง - ซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง/ความรู้ที่เกี่ยวกับการทำงานของเราเพิ่มเติม มาอ่าน แล้วทำตาม - เล่นอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อเนื้องาน หรือการพัฒนาตัวเองแล้วทำตาม ** เมื่อเริ่มมีเงิน การเข้าถึงข้อมูลก็จะเร็วและง่ายขึ้น กลุ่มนี้จะพัฒนาด้านเนื้องานเป็นหลัก ส่วนใหญ่เป็นการลงมือทำคนเดียว อาจจะไม่ใช้เวลาน้อย-ปานกลางเสมอไป บางอย่างอาจจะใช้เวลามากก็ได้ เช่นการอ่านหนังสือให้เข้าใจ จบ แล้วทำตามจนเชี่ยวชาญ จนไปสู่การพัฒนาตัวเองได้ ก็อาจจะใช้เวลานานกว่ามาก ผมจะยกตัวอย่างน้องบัญชีคนนึงเค้าอยากสร้างบ้าน พ่อเค้าเป็นช่างก่อสร้างและอ่านแบบเป็น น้องเค้าก็ไม่ได้รีบสร้างบ้านหลังนี้ จึงไปซื้อหนังสือ Autocad มาอ่านแล้วก็ค่อยๆหัดเขียน โดยมีพ่อคอยไกด์ให้ว่า แบบก่อสร้างต้องเป็นอย่างไร กรณีนี้น้องคนนี้ก็พัฒนาตัวเองแล้ว นอกจากจะทำงานบัญชีได้ ก็เขียนแบบได้ด้วย แต่ตอนที่เรียนเขียนแบบก็อาจจะใช้เวลานาน เพราะไม่มีพื้นฐานมาก่อน และใช้เงินแค่หลักร้อยไปซื้อหนังสือมา ย่อมใช้เวลานานกว่าจะเชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 08:36:14

ความคิดเห็นที่ 3 พัฒนาตัวเองแบบเสียค่าใช้จ่ายหลักพัน แบบใช้เวลาน้อย-ปานกลาง - การสอบ TOEIC หรือไปเรียน/สอบ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ - การอบรมวิชาชีพตามสาขาที่เรียนมา หรือ สาขาที่ทำงาน (Training) - การสอบใบประกาศตามสาขาที่เรียนมา หรือ สาขาที่ทำงาน (Certificate) - การเดินทางออกไปดูงานตามที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้องานของตัวเอง ด้วยตัวเอง ** กลุ่มนี้จะเน้นพัฒนาตัวเองด้านเนื้องานล้วนๆ  ด้วยการพัฒนาตัวเองในกลุ่มนี้เริ่มเสียเงินมากแล้ว โปรไฟล์ของเราจะดีขึ้นครับ อาจจะไม่ถึงกับโดดเด่นหล่อเหลาเอาการ แต่ก็ทำให้เห็นแล้วว่า เราได้ใส่ใจใจการพัฒนาตัวเองจริงๆ ซึ่งคนอื่นก็พอที่จะตัดสินเราได้แล้ว ไม่เหมือนกับการออกกำลังกาย นั่งสมาธิ ซึ่งเป็นการพัฒนาตัวเองขั้นต้น เรารู้ของเราคนเดียว คนอื่นไม่รู้ เห็นมั้ยครับว่ามันกว้างขึ้น เป็นที่ยอมรับมากขึ้น จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 08:36:43

ความคิดเห็นที่ 4 พัฒนาตัวเองแบบเสียค่าใช้จ่ายหลักหมื่น แบบใช้เวลาน้อย-ปานกลาง - การฝึกฝนตัวเองเพื่อสอบ IELTS / TOEFL / หรือเรียน/สอบเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ - การอบรมวิชาชีพตามสาขาที่เรียนมา หรือ สาขาที่ทำงาน (Training) - การสอบใบประกาศตามสาขาที่เรียนมา หรือ สาขาที่ทำงาน (Certificate) - การเดินทางออกไปดูงานตามที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้องานของตัวเอง ด้วยตัวเอง หรือทีมของตัวเอง - การออกค่าย การทำกิจกรรมเพื่อสังคม - การอบรมด้านการพัฒนาบุคลิคภาค หรือพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะ ** กลุ่มนี้จะเป็นจุดของการพัฒนาตัวเองที่เข้มข้นที่สุด และเป็นการพัฒนาตัวเองที่ใช้ทรัพยากรพอเหมาะพอเจาะที่สุด จะสังเกตว่าเงินที่ใช้จะเป็นหลักหมื่น แต่สิ่งที่ได้มารับรองว่าคุ้มมาก โดยเฉพาะการสอบใบประกาศหรือการไปอบรม ซึ่งราคาระดับหลักหมื่นนี้ จะมีผลให้เราได้พัฒนาฝีมือไปในระดับที่พุ่งทะยานไปชัดเจนพอสมควร และเป็นจุดของการพัฒนาที่ไม่ต้องใช้เวลามากนัก ถ้าจะยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือสายงานด้าน IT ที่มีการสอบใบประกาศกันหลายแบบมากมาย บางใบค่าสอบเป็นหมื่น แต่ถ้าได้มาหรือมีไว้ครอบครอง ก็คุ้มไม่แพ้กัน หรือการสอบ TOEFL นั้นก็ยากกว่า TOEIC อยู่มาก แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้ามีตังค์ไปเรียนไปสอบ จนได้คะแนน TOEFL มา (หรือไปเรียนภาษาอังกฤษเข้มข้นมากๆจนทำคะแนน TOEIC ได้เกิน 900 คะแนน) การลงทุนไปแบบนี้ถือว่าคุ้มมากถ้ามีเงินนะครับ ...........แต่ก็ต้องมาทบทวนสิ่งที่พัฒนาตัวเองไปอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้ลืมด้วย แบบใช้เวลามาก - การเข้าคลับ เข้าชมรม งานอดิเรกที่เราชอบ ** กลุ่มนี้จะเน้นไปทางความคิดสร้างสรร และการพัฒนาการด้านการสื่อสารผมจะยกตัวอย่างพนักงานออฟฟิศหลายๆคนผู้ชายก็ชอบเล่นกล้อง DSLR กัน ครับ...........ก็คงจะหมดเงินกันหลายหมื่น ทั้งค่าบอดี้ ค่าเลนส์ ค่าแฟลชแต่เค้าก็ได้เข้าคลับกล้องของเขา ได้พบปะพูดคุย ได้พัฒนาตัวเองในงานอดิเรกของตัวเอง และงานอดิเรกพวกนี้ มันจะแฝงพลังแห่งความคิดสร้างสรรเอาไว้ เมื่อถึงเวลาทำงานแล้วเราต้องใช้ความคิดสร้างสรร เราก็จะดึงมันออกมาใช้โดยที่ไม่รู้ตัว เป็นการพัฒนาตัวเองที่เสียเงินเยอะ เสียเวลาเยอะ แต่มันจะค่อนข้างฝังลึกกว่าแบบอันบน อย่างอันบน ถ้าไม่ทบทวน TOEFL ผ่านไป 3-4 เดือนเดี๋ยวก็ลืม แต่อย่างแบบนี้จะใช้เวลามาก เราก็จะมีใจให้มันไปทีละนิด ทุกๆวัน มันก็จะฝังมากกว่า คนที่ไม่เข้าคลับ ไม่เข้าชมรมในงานอดิเรกที่ตัวเองทำ ถือว่า ไม่ได้แปลกอะไรครับ แต่อาจจะมีมุมมองไม่มากเท่า คนที่เข้าชมรม เข้าคลับ เท่านั้นเอง บางคนชอบแต่งมอไซค์มากๆ แต่ก็ทำอยู่คนเดียว ไม่มีเครือข่ายสังคมอะไรเลย จะหาอะไหล่อะไรจากไหนก็ลำบาก เพราะถ้าเป็นในคลับหรือชมรม เขาก็จะมีเครือข่าย ว่าคนนี้รู้จักร้านอะไหล่ที่ดีและถูกเป็นต้น ก็จะบอกคนในคลับด้วยกัน ........ ทำให้เรารู้จักรับ และให้ เป็นการพัฒนาด้านการสื่อสารกับผู้อื่นที่ดีครับ หนังสือกีต้าร์เล่มนึงบอกไว้ "ถ้ารู้น้อยกว่า ก็จะถาม ........... ถ้ารู้มากกว่า ก็จะสอน............ ถ้ารู้เท่ากัน ก็จะแลกเปลี่ยน" จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 08:37:11

ความคิดเห็นที่ 5 พัฒนาตัวเองแบบเสียค่าใช้จ่ายหลักแสน แบบใช้เวลาน้อย-ปานกลาง - การอบรมวิชาชีพตามสาขาที่เรียนมา หรือ สาขาที่ทำงาน (Training) ** กลุ่มนี้อาจจะใช้เวลาไม่มาก แต่จะใช้เงินมากเพราะวิทยากรค่าตัวแพง เครื่องจักรแพง เป็นงานเฉพาะทาง หรือเป็นคอร์สอบรมผู้บริหาร อบรมเสร็จแล้วสามารถกำหนดนโยบายในองค์กรได้อย่างแม่นยำ หรือ กาารไปสอบใบประกาศระดับสูง (อย่างสายงาน IT ก็เช่น สอบ CCIE ของ Cisco) คนที่จะพัฒนาตัวเองในกลุ่มนี้ ตัวเขาเองนั้นต้องมีความพร้อมมาแล้วในระดับนึง เป็นเหมือนระดับ Top ของการพัฒนาตัวเองในด้านเนื้องาน (แหงละ ก็หมดเงินเป็นแสน ไม่โปรขึ้นมาก็ให้มันรู้ไป) แบบใช้เวลามาก - การเรียนปริญญาตรี โท เอก ** กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเห็นได้ชัดในด้านการพัฒนาตัวเองในภาพรวมครับ และทุกคนในห้องนี้คงรู้จักการพัฒนาตัวเองในลักษณะนี้เป็นอย่างดี เพราะมันได้ทั้งการพัฒนาตัวเนื้องาน การพัฒนาในการสื่อสารกับคนอื่นๆ และการพัฒนาด้านความคิดสร้างสรร แต่ก็นั่นแหละครับ มันใช้เวลามากพอสมควรทีเดียว เพราะฉะนั้นในมุมมองการพัฒนาตัวเองกลุ่มนี้ มันก็ขึ้นกับจุดหมายของแต่ละคน ว่าการเรียนปริญญา ตรี โท เอกนี้ แต่ละคนมีจุดหมายอะไร เรียนไปทำไม ว่างั้นอะ ถ้าคิดว่ามันเป็นการพัฒนาตัวเองที่คุ้ม (คือคิดรอบด้านจริงๆแล้วนะ) ก็ลุยเลยครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 08:37:35

ความคิดเห็นที่ 6 พัฒนาตัวเองแบบเสียค่าใช้จ่ายหลักล้าน แบบใช้เวลามาก (คิดว่าไม่น่าจะมีแบบใช้เวลาน้อยหรือปานกลางนะครับ) - การไปอยู่ต่างประเทศ การไปศึกษาการมีชีวิตอยู่ของคนทุกชนชั้น - การเรียนต่อต่างประเทศ - การเรียนรู้เรื่องการทำงานแบบอื่นๆ การลงทุน การมีกิจการของตัวเอง ** กลุ่มนี้แน่นอน จะได้การพัฒนาระดับที่คุ้มค่าในระยะยาวเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ใช้เวลามาก เห็นมุมมองมาก เสี่ยงมาก ค่าใช้จ่ายก็มาก อาจจะมีผลต่อสุขภาพมากพอสมควรทุกอย่างเป็น peak area ทั้งหมด วิธีการพัฒนาตัวเองเมื่อถึงจุดนี้แล้วคิดว่าตัวคนๆนั้นเองคงรู้ได้ไม่ยาก หรือ คุณอาจจะต้องกลับเป็นคนที่เหมือนไปเริ่มต้นใหม่อะไรบางอย่าง อาจจะไปอยู่ป่าอยู่เขา ลองใช้ชีวิตแบบ survival ดู คล้ายๆกับการไปถึงจุดสูงสุด (คือมีตังค์เหลือใช้เป็นล้านแล้ว) ก็กลับสู่สามัญ อะไรทำนองนั้น อาจจะเข้าใจสัจธรรมมากขึ้นก็ได้ หรือถ้าใครเปิดร้านด้วยเงินหลักล้าน อย่างน้อยก็อุ่นใจที่มีทุนพอสมควร ก็จะทำให้มีการพัฒนาตัวเองอย่างเข้มข้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ต้องรู้ระบบงานทั้งหมด(แน่นอน ก็กรูเป็นเจ้าของหนิ) ต้องบริหารเงิน และคนเป็น (พัฒนาตัวเองด้านการสื่อสาร) ต้องทำการตลาดเพื่อให้เหนือคู่แข่ง (พัฒนาตัวเองด้านความคิดสร้างสรร) คงไม่เขียนหลักสิบล้านนะครับ ผมไม่เทพพอ เอากว้างๆไว้ก่อนแล้วกัน หวังว่าเป็นประโยชน์กับทุกท่านไม่มากก็น้อย จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 08:37:54

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วเราจะพัฒนาตัวเองได้อย่างไร มีตั้งมากตั้งมายขนาดนี้ อันนี้ผมก็จะบอกกว้างๆว่า ........... "แต่ละคน มีความพร้อม มีจริตการพัฒนาตัวเอง ไม่เหมือนกันครับ"............ บางคนชอบอ่านหนังสือคนเดียวเงียบๆ บางคนชอบค้นหามุมมองใหม่ๆอยู่เสมอ ชอบออกไปสังคม เพื่อแสวงหาแรงบันดาลใจ บางคนตังค์เยอะก็ไปเทรน บางคนตังค์น้อยก็อ่านหนังสือเอา บางคนอ้วน อยากลดน้ำหนัก ออกกำลังกายได้ 5 วันก็หยุด แต่พอไปเต้นแอโรบิคที่โลตัส มีคนเต้นด้วยเป็นร้อยคน มันทำให้มีบรรยากาศในการออกกำลังกายฝังเข้าไปให้ทำทุกวัน (จริตบางคนชอบ บางคนไม่ชอบ) ............. ใช้เงินน้อย ใช้เวลาน้อย - ก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ใช้เงินน้อย ใช้เวลามาก - ฝังลึก ตามวินัยของเรา มีวินัยมากก็ฝังลึกมาก ใช้เงินมาก ใช้เวลาน้อย - เป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดด รวดเร็ว น่าสนใจ คุ้ม มองเห็นชัด ใช้เงินมาก ใช้เวลามาก - เป็นเหมือนนวัตกรรมที่จะพลิกชีวิตเราได้เลย อาจจะบอกได้ว่าเป็นจุดพลิกผันของชีวิตเลยก็ได้ ขอจำกัดความครับ 1. คุณมีต้นทุนเท่าไหร่ในการพัฒนาตัวเอง ?  - ข้าวต้องกิน เสื้อผ้าต้องซัก ทำงานแล้วเงินส่งที่บ้านไหม ค่างวดรถมีมั้ย ค่าเดินทางมีมั้ย ค่าน้ำมันมีมั้ย มีโรคประจำตัวไหม เหลือเงินไว้พัฒนาตัวเองมั้ย ถ้าไม่เหลือ ฝึกจิต นั่งสมาธิ ไม่ยึดติด เท่านี้ได้มั้ย ? ถ้าเหลือ เหลือเท่าไหร่ จะเก็บไม๊ หรือจะเอาเงินไว้ทำอะไร ? 2. สภาพแวดล้อมที่คุณอยู่ ส่งผลต่อการพัฒนาตัวเองของคุณมากไหม ? - อยู่ในหมู่บ้านเงียบมากๆแต่ชอบถ่ายรูปคน ชอบถ่ายภาพกิจกรรม การเคลื่อนไหว ชอบออกงานสังคมเพื่อหาเครือข่าย  ........ หรือ ........ อยู่ในหมู่บ้านชุมชนแอดอัด วุ่นวายพลุกพล่าน แต่เป็นโปรแกรมเมอร์ ต้องฝึกฝนชั่วโมงบินและใช้สมาธิสูง ......... สิ่งเหล่านี้รอบๆตัวคุณเป็นอย่างไรและมันมีผลต่อคุณหรือไม่ ? 3. เป้าหมายในชีวิต คุณอยากให้ตัวคุณเป็นอะไร ? - อยากเป็นชาวสวน หรือมีไร่ข้าวโพด ปัจจุบันเป็นเลขานุการ จะพัฒนาตัวเองให้เป็นชาวสวนเต็มตัวได้อย่างไรดี ....... หรือ ......... เป็นนักบัญชี วันนี้ต๊อกต๋อยในโรงงาน ปีหน้าต้องเป็นหัวหน้าแผนกแล้วละ ปีหรือ 2 ปีต่อไปก็ต้องเป็นผู้จัดการบัญชีแล้วละ ปีต่อไปจากนั้นอีก ก็ต้องเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีแล้วละ อืม..... จะพัฒนาตัวเองอย่างไรดีละถึงจะเป็นแบบนั้นได้ ? 4. ไม่มีของฟรีในโลก ไม่มีอะไรเพอเฟค ทุกอย่างเป็น อนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป วันนี้มีคนที่เค้าแย่กว่าคุณ เค้าไม่มีข้าวกิน นอนใต้สะพาน คุณมาเล่นพันทิพ และในขณะเดียวกัน วันนี้ก็มีคนเทพกว่าคุณ อาจจะพูดได้ 5 ภาษา อาจจะไปดูงานมาแล้ว เกือบ 20 ประเทศ อาจจะเคยเป็นผู้รับเหมาสร้างบ้านหลักหมื่นจนถึงหลักล้าน ........ แล้วอะไรที่มันจะเหมาะสมกับคุณที่สุด ในการพัฒนาตัวคุณ ตัวคุณเองเท่านั้นครับที่จะตอบได้ ขอแค่ไม่โกหกตัวเองก็พอ ที่ผมบอกในข้อ 1-4 นี่หมายความว่า " จงพัฒนาตัวเอง อย่างที่เหมาะสมกับตัวเอง มองตัวเอง มองรอบตัว แล้วประมวลผลด้วยตัวเอง " ...........เดินทางสายกลางครับ (มัชฌิมาปฏิปะทา) ........พัฒนาตัวเองแบบพอดีๆ เอาเท่าทีเราคิดว่ามันเหมาะสมกับเรา อันไหนมันหนักไป ก็ไม่ต้องฝืน อันไหนมันเบาไป ก็สู้ ฮึด ขึ้นมาหน่อย แล้วเราจะพัฒนาตัวเองอย่างมีความสุข ทั้งตอนที่กำลังพัฒนาตัวเองอยู่ และความสุขที่ได้สัมผัสกับ ผลที่เราพัฒนาตัวเองครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 08:38:06

ความคิดเห็นที่ 8 มีเรื่องพูดให้ฟังทิ้งท้ายครับ ผมไปฟังขิม เพลง Canon Rock จากฝีมือคนเล่มขิมท่านนึงในยูทูปเขาชื่อ  อ้อม เขาเป็น อาจารย์ สอนหนังสือ อยู่ที่บางมดครับ (พระจอมเกล้าธนบุรี) อ.อ้อม เนี่ย เรียนจบวิศวกรรมเครื่องกล ปริญญา ตรี โท และ เอก (จบที่อเมริกาหมดเลย) แล้วก็มาสอนเกี่ยวกับ Robot อยู่ที่บางมด เรียกได้ว่า ถ้าเจาะเลือดอาจารย์ได้ คงจะมีมีดกลึง, เครื่อง CNC , หรือระบบหุ่นยนต์กลไกไหลออกมาจากเลือดแกเลยทีเดียว 555555+ จากที่ดูคร่าวๆก็จะเห็นว่า การพัฒนาตัวเอง ส่วนของเนื้องาน อ.อ้อมก็พัฒนาไปอย่างเข้มข้นแล้ว (ก็เรียนจบซะขนาดนั้น ตรงสายซะขนาดนั้น แถมกลับมาสอนที่บางมด แบบ เน้นๆ ซะขนาดนั้น) ในการพัฒนาตัวเองด้านอื่นๆ ก็มีเช่นกันครับ อ.อ้อมก็เล่นดนตรีด้วย (เขาตีขิมครับ) และเวลาว่างก็ วิปัสสนา ปฏิบัติธรรม ... ผมไม่รู้จัก อ.อ้อมเขาเป็นการส่วนตัวนะครับ รุ่นน้องเล่าให้ฟัง ...................... แต่ผมก็พอจะสัมผัสได้ ว่าการพัฒนาตัวเองของ อ.อ้อม นั้นน่าสนใจครับ  ถ้า อ.อ้อมได้เข้ามาอ่าน ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรหรอกครับ (ผมไม่ได้เรียนที่นั่นด้วยซ้ำ) แต่ผมได้เห็นได้ยินโปรไฟล์แล้ว ก็อยากจะตีความเพื่อสื่อออกมาในทางที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อชาวสีลม พันทิพ ครับ ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่ออาจารย์อ้อมแต่อย่างใด หากเห็นว่าไม่เหมาะสมก็แจ้งมาได้ครับ กระทู้อาจารย์อ้อมที่เฉลิมกรุง http://www.pantip.com/cafe/chalermkrung/topic/C10766309/C10766309.html และลิ้ง ยูทูปเพลง Canon Rock ครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 08:38:29

ความคิดเห็นที่ 9 ลิ้งยูทูปไม่ติด จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 08:39:24

ความคิดเห็นที่ 10 .....     *** ขอบคุณค่ะ   *** ***     *** แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 09:23:05 จากคุณ : ปาดศรี เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 08:42:36

ความคิดเห็นที่ 11 กระทู้ดีๆ แบบนี้ต้องโหวต จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 10:48:35

ความคิดเห็นที่ 12 Wow... Really love ur this thread :) จากคุณ : เขียนบน iPhone (Monitor Man) เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 13:01:38

ความคิดเห็นที่ 13 เงินเป็นปัจจัยที่สำคัญจริงๆ จากคุณ : ความรักใต้ต้นไม้ เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 15:39:24

ความคิดเห็นที่ 14 เราชอบกระทู้คุณมากเลยค่ะ จากคุณ : onearth เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 15:42:34

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากนะคะ สำหรับการแบ่งปันสิ่งดีๆ จากคุณ : Mossard เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 16:54:41

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านรอบที่ 2 แล้ว ขอบคุณมากครับ   อันดับแรกที่ผมจะทำหลังการอ่านคือการนั่งสมาธิครับ... จากคุณ : Mr.โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 17:27:45

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณครับ ได้อะไรหลายๆอย่างจากการอ่าน กระทู้นี้ จากคุณ : ItrusYOU เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 21:30:16

ความคิดเห็นที่ 18 เพื่อนผมคนนึง มันโง่อิ๊ง แล้วบ้านก็ไม่ค่อยมีตัง ไม่สิมันไม่มีตังเลย เพราะหนีออกจากบ้านมา พ่อแม่มันเป็นคนบ้านนอกของแท้ แบบว่า ไม่ยอมให้เรียนมหาลัย บอกว่าไม่มีเส้นมีสาย ไม่เจริญหรอก มันก็เลย สมัครมาเรียน แล้วขี่มอไซหนีออกจากบ้านมาเลย (ทำงานเซเว่น แล้วก็เรียน แล้วเจือกเก่งอีกอันดับ 1 เหรียญทอง) ตอนซักปีสอง มันอยากทำโทเมืองนอก เกรดมันเทพมากๆอยู่แล้ว แต่โง่อิ๊ง แล้วเค้ามี รีไควเอ้อ ขั้นต่ำของทุนไว้ที่ IELTs 7.5 สิ่งที่มันทำมันก็แค่โหลดบิท โหลดแล้วปริ้นท์บ้าง อะไรบ้าง โหลดหนังสืออ่านจาก elementary ถึง advance ดูหนังซับ ดูซีรี่ ใช้เวลาปีเดียว มันทำไอเอลได้ 7.5 เป๊ะ (ทำงานเซเว่นเก็บเงินไปสอบ) จากคนที่เรียงประโยคยังไม่ถูกเลย ตอนปี 1 อยากบอกว่าคนที่ปิดโอกาสตัวเองด้วยคำว่าไม่มีเวลาน่ะ ก็ไม่ควรจะไปโทษคนอื่นว่าสังคมไม่ให้โอกาส รัฐบาลไม่ช่วย คนพวกนี้เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว เพ้อฝัน อยากก้าวหน้า แต่งอมืองอเท้า จากคุณ : hexa เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 21:36:08 A:49.49.26.163 X: TicketID:256654

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ จขกท. มากคะ เป็นประโยชน์มากๆเลย ขออนุญาตนำเรื่องไปแชร์นะคะ จากคุณ : gateaeo เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 22:07:03

ความคิดเห็นที่ 20 สุดยอดค่ะ @.@ จากคุณ : หนูเป็นมนุษย์ต่างดาว เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 54 22:30:22

ความคิดเห็นที่ 21 สุดยอดมากค่ะ....มีประโยชน์มาก ขอนำเรื่องนี้ไปแชร์นะค่ะ ^^'' จากคุณ : Power (+Fight away+) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 13:41:53

ความคิดเห็นที่ 22 ตามมาจากเฟสบุคเพราะเห็นเพื่อนเอามาแชร์... เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์จริงๆค่ะ ทำให้ได้ย้อนดูตัวเองว่าเราเคยผ่านมาระดับไหน และตอนนี้กำลังพัฒนาตัวเองในระดับอะไรอยู่[hk' (ปกติเป็นคนเรื่อยๆชิวๆ  ทำไปเรื่อยๆโดยไม่ค่อยได้วิเคราะห์สังเคราะห์ว่าทำไปเพราะอะไรนะค่ะ ^_^") ขอบคุณที่เอาเรื่องดีๆมาแบ่งปันนะคะ จากคุณ : firstmolar เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 18:02:46

ความคิดเห็นที่ 23 เยี่ยมเลยคะ สรุปไว้เห็นภาพเป็นโครงสร้างชัดเจนดี ^^ ว่าแล้วก็ไปนั่งสมาํธิดีกว่า.... จากคุณ : minimezz เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 20:51:33

ความคิดเห็นที่ 24 สำหรับคนเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ขอแนะนำ สโมสรเพื่อการฟัง การคิด และการพูดค่ะ เป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรนะคะ http://www.lannatoast.org/content/view/12/28/ ค่าสมาชิก 500 - 1500 ค่ะ (ตลอดชีพ) เป็นสมาชิกมา 30ปี มีเพื่อนต่างอาชีพมาเป็นเพื่อนเพื่อพัฒนาทักษะทั้งสามหลากหลายมากค่ะ ทั้งประธานธนาคาร เถ้าแก่ คณบดี นักศึกษา เด็กปั่นจักรยานส่งหนังสือพิมพ์ นักเรียนมัธยม อบต. ช่างซ่อมรถ ช่างตัดผม แม่บ้าน ฯลฯ ตอนแรกมาฝึกเหมือนพลิกชีวิตตัวเองภายใน 1 ปี พัฒนาตัวเองจากคนขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ไม่รู้จักศักยภาพของตัวเองเลย มาเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง ภาคภูมิใจในตัวเอง รักและสนุกสนานที่จะเรียนรู้ทุกอย่าง เข้าสังคมได้ทุกสังคมอย่างกล้าหาญค่ะ นักศึกษาหลายคนที่ผ่านเวทีนี้ หลังจากจบการศึกษาก็จะโดดเด่น แตกต่าง รุ่นพี่ล้วนแล้วแต่ประทับใจ ที่เห็นน้องๆในสโมสร เติบโต และเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ที่สำคัญก็คือ ได้รู้จักตัวเองว่า เด่น ด้อยตรงไหน พัฒนาได้ก็พัฒนา หรือละวางส่วนที่ทำไม่ได้ สังคมที่มั่น เหมือนที่บอกว่า "ถ้ารู้น้อยกว่า ก็จะถาม ........... ถ้ารู้มากกว่า ก็จะสอน............ ถ้ารู้เท่ากัน ก็จะแลกเปลี่ยน" รู้ไม่มากไม่น้อยแต่ขอร่วมแชร์ค่ะ จากคุณ : ป้าดอกเหมย (Fiorina) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 22:16:25

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับ จากคุณ : รักภาษาไทย เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 22:23:52

ความคิดเห็นที่ 26 ยังไม่ได้อ่าน แต่เชื่อว่าเนื้อหาน่าสนใจ กด โหวต และกด Like ให้แล้วครับ ขอบคุณล่วงหน้าเลย เดี้ยวจะกลับมาอ่านใหม่ เนื้อหาน่าสนใจครับ จากคุณ : Panda Smile เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 54 19:00:07

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ละครใบ้ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 02:08:04 A:58.9.214.139 X: TicketID:317173

ความคิดเห็นที่ 28 เยี่ยมมากครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Culture เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 11:22:44

ความคิดเห็นที่ 29 กระทู้ดีๆ แบบนี้ โหวตให้ค่ะ จากคุณ : Madamdentist เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 16:50:15

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณครับ อ่านแล้ว ย้อนมองดูตัวเองในบัดดล...แล้วก็ต้องถอนหายใจ ดังเฮือกยาว....... จากคุณ : oดินสอน้อยo เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 16:54:02