ความคิดเห็นที่ 1 ข้ามหน้าฝ่ายจัดซื้อ จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 10:21:30

ความคิดเห็นที่ 2 ข้อผิดพลาดที่ควรปรับปรุงของพนักงานขาย ตอนที่ 6  - ข้ามหน้าฝ่ายจัดซื้อ พนักงานขายทุกคน ย่อมมีประสบการณ์สักหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อยที่ไม่สามารถเอาชนะ ใจฝ่ายจัดซื้อได้เลย ไม่ว่าจะใช้ความพยายามเพียงใดก็ตามในที่สุด พนักงานขายก็จะ บอกตัวเองว่า “เราได้เสนอขายอย่างที่ดีที่สุดแล้ว และสินค้าของเราก็มีคุณภาพสมราคา ด้วย ถ้าเขาจะดื้อและโง่อย่างนี้ ก็ช่วยไม่ได้” เหตุการณ์อย่างนี้ ชี้ให้เห็นว่า พนักงานขายเริ่มจะดูถูกลูกค้า โดยไม่ยอมนับหนึ่งถึงสิบ เลย ก่อนที่จะปล่อยให้มีแนวความคิดอันชั่วร้ายอย่างนี้เกิดขึ้นในใจของตน เพราะการล่วงเกินลูกค้า เป็นข้อผิดพลาดอย่างหนึ่งของพนักงานขาย ซึ่งอาจจะทำลาย ทั้งชื่อเสียงของบริษัท และอนาคตของเขาเองได้โดยไม่รู้ตัว จากประสบการณ์ของลุง พบว่า ถ้าพนักงานขายไปโวยกับหัวหน้าของตนในเรื่องนี้ โดย ทั่วไปแล้ว ผู้เป็นหัวหน้าก็จะแนะนำให้เขาไปพบเจ้านายของผู้ซื้อรายนั้นเสียเลย ซึ่งถ้า พนักงานขายหลงเชื่อ และกระทำตามนั้นจริง ก็เท่ากับว่า เป็นการพยายามชี้ให้บริษัท ของลูกค้าเห็นว่า ได้ตัดสินใจว่าจ้างเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อโง่เง่า ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมไว้ ในบริษัทนั่นเอง ซึ่งผลก็คือแทนที่ผู้เป็นเจ้านายจะเห็นคล้อยไปด้วย กลับจะเกิดความรู้สึกในทางตรงข้าม เสียอีก เพราะถือว่าถูกหักหน้าอย่างไม่ไว้เกียรติ สุดท้ายพนักงานขายอาจจะได้รับคำ ตอกหน้าอย่างสุภาพกลับมาว่า “เท่าที่ผมรู้มา เจ้าหน้าที่ของเราคนนี้ เป็นคนที่บริษัทของเราไว้วางใจมาก และนั่นแหละ คือสาเหตุที่เรามอบตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบสูงนี้ให้กับเขา” จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 10:24:40

ความคิดเห็นที่ 3 . จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 10:26:28

ความคิดเห็นที่ 4 สภาวะที่กระอักกระอ่วนใจ ในสถานการณ์อย่างนั้น พนักงานขายจะตกอยู่ในสภาวะที่กระอักกระอ่วนใจยิ่ง เพราะ หมายความว่า เขาจะต้องหวนไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนเก่าตามเดิม ซึ่งคราวนี้ ความยาก ลำบากก็จะทวีขึ้นอีกหลายเท่าตัว เนื่องจากผู้จัดซื้อคงไม่ยินดีปรีดาไปกับการกระทำของ เขาในครั้งนั้นแน่ เราจะโทษเจ้าหน้าที่ที่จัดซื้อผู้นี้ หรือเจ้านายของเขาได้หรือไม่ ลองคิดในแง่มุมกลับซิครับ ถ้าลูกค้าของคุณไปติดต่อเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของ คุณกับหัวหน้าคุณแล้วละก็ คุณจะรู้สึกโกรธที่เขาข้ามหน้าข้ามตาหรือไม่ ผมเชื่อว่า คุณ จะต้องนั่งสวดมนต์ภาวนา ขอให้หัวหน้าของคุณ โยนเรื่องนี้กลับมาหาคุณอีก เพื่อแก้ แค้นให้สาสมใจแน่ จริงอยู่ ในฐานะพนักงานขายที่ขยันขันแข็ง และพยายามเสนอคุณประโยชน์ให้กับลูกค้า อย่างจริงใจ แต่กลับได้รับการปฏิเสธจากผู้จัดซื้อคนเดียวกันถึง 3-4 ครั้งอย่างไม่ใยดี ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เอง ที่พนักงานขายจะรู้สึกไม่สบายใจ และอดคิดไม่ได้ว่า ผู้จัดซื้อมี อคติต่อเขา หรืออาจจะมีอะไรลับลมคมในกับบริษัทคู่แข่งก็ได้ เรื่องลับลมคมใน แนวความคิดข้างต้นอย่างนั้น เป็นข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของพนักงานขาย เพราะ โดยข้อเท็จจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อ เพียงแต่ “ปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบ ของเขา” เท่านั้นเอง เขาจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดของฝ่ายบริหาร ถ้าเขาสั่งซื้อสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม และทำให้บริษัทต้องสิ้น เปลืองค่าใช้จ่ายใช้เหตุ เพราะอารมณ์ส่วนตัวที่ชอบหรือไม่ชอบตัวพนักงานขายแล้ว เขา ต่างหาก ที่จะตกเป็นฝ่ายลำบาก ฉะนั้น การโยนความผิดไปด้วยแนวความคิดอย่างนั้น จึงเป็นการเสียเวลาเปล่า และไรสาระอย่างยิ่งที่สุด พนักงานขายที่ได้รับบทเรียนนี้ อย่างไม่มีวันลืมจนชั่วชีวิตเขา ก็คือ  “กมล” ซึ่งเป็น พนักงานขายอุปกรณ์สื่อสารให้กับบริษัทเครื่องไฟฟ้าแห่งหนึ่ง “กมล” เป็นคนอารมณ์ อ่อนไหว และค่อนข้างจะเลือดร้อนมาก วันหนึ่ง เขาได้ใช้อารมณ์ของเขาอาละวาดกับ ฝ่ายจัดซื้อของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งปฏิเสธสินค้าของเขา 5 ครั้งติดๆ กัน “กมล” ระเบิดใส่หน้าเจ้าหน้าที่ผู้นั้นว่า “ผมชักจะรู้สึกว่า คุณมีอคติต่อเรามาก ซึ่งผมอยากรู้นักว่า มันเป็นเพราะอะไร เดี๋ยวผมจะไปหานายของคุณดู” เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อผู้นั้น ซึ่งทำงานมาเป็นเวลา 11 ปีเต็ม แทนที่จะโกรธ “กมล”  เขา กลับควบคุมอารมณ์ของตนให้เยือกเย็นเหมือนเดิมและย้อนตอบว่า “งั้นเราไปด้วยกันดี กว่า และผมจะช่วยต่อว่าเจ้านายผมแทนคุณเอง ดีไหมครับ” ทั้งสองไปพบผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งหลังจากได้รับฟังเรื่องต่างๆ อย่างอดทนแล้ว ผู้ จัดการผู้นั้นก็บอก “กมล” ว่า “นี่คุณ ที่เราไม่ได้สั่งซื้อสินค้าจากคุณนั้นไม่ได้หมายความ ว่า เราชอบหรือไม่ชอบคุณหรอก และบอกตรงๆ เราไม่เคยสนใจด้วยว่าจะเป็นบริษัทเก่า ที่มีชื่อเสียงดี หรือจะเป็นบริษัทใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อวานนี้ สิ่งเดียวที่เราสนใจก็คือ “สินค้า นั้นมีคุณสมบัติตามที่เราต้องการไหมเท่านั้น” เพราะสินค้าที่เราผลิตออกมาทุกชิ้น จะ ต้องผ่านการตรวจรับรองมาตรฐานจากทางการ เราจึงต้องระวังมากเป็นพิเศษ สินค้าของ คุณถึงแม้จะมีคุณภาพดีก็ตาม แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ตรงกับความต้องของเราอย่าง สมบูรณ์ ซึ่งผมเสียใจด้วยจริงๆ และหวังว่าคำตอบนี้คงกระจ่างดีพอนะครับ” “กมล” ได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้งในวันนั้นเอง และเขาได้กลับตัวใหม่โดยกลับไปเริ่มต้นไป เยี่ยมฝ่ายจัดซื้อด้วยทัศนคติใหม่ที่ไม่มีความเป็นศัตรูหลงเหลืออยู่อีกต่อไปนับแต่นั้นมา การติดต่อฝ่ายจัดซื้อทุกแห่งของ “กมล”  ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอันดีงามเสมอ ทั้งหมดนี้ เป็นแนวความคิดเบื้องต้น ที่พนักงานขายจะต้องมีไว้ เพราะบริษัทส่วนใหญ่ ต่างก็รู้ดีและยอมรับอยู่แล้วว่า “งานขายมีบทบาทที่สำคัญยิ่ง” ทุกบริษัทที่เป็นลูกค้า อยากสร้างสัมพันธภาพที่ดีงามกับพนักงานขาย เพื่อผลประโยชน์ของธุรกิจทั้งนั้น หัวหน้าแผนกจัดซื้อ ของบริษัทอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง บอกับลุงว่า “พนักงานขาย มี ความหมายต่อเรามากพอๆ กับที่เรามีความสำคัญกับเขาทีเดียว และผมเต็มใจที่จะสั่งซื้อ กับพนักงานขาย ที่ปฏิบัติต่อผมด้วยความนับถือซึ่งกันและกันทุกคน” คำกล่าวข้างต้น น่าจะเป็นข้อสรุปที่ดี ในเรื่องทัศนคติของผู้ซื้อที่มีต่อพนักงานขายได้ อย่าเข้าใจผิด หรือหลงคิดไปว่า ฝ่ายจัดซื้อจะมีอะไรลับลมคมในซ่อนอยู่เบื้องหลังให้ เสียเวลา และเปลืองสมองไปปลี้ๆ เปล่าๆ เลย จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 10:33:46

ความคิดเห็นที่ 5 . จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 10:34:24

ความคิดเห็นที่ 6 นโยบายการสั่งซื้อ พนักงานขาย ควรจะเข้าใจว่าไม่มีผู้ซื้อคนใดยอมเสียเวลาเปล่า ๆ เพื่อมาเลือกที่รักมักที่ ชังกับพนักงานขายคนโน้นคนนี้ การที่เขาไม่ตัดสินใจสั่งซื้อนั้นอาจจะมีสาเหตุมาจากการ ที่สินค้านั้นยังไม่มีความเหมาะสมกับความต้องการหรือยังไม่ถึงเวลาอันสมควรก็เป็นได้ พนักงานขายน่าจะเป็นฝ่ายขอบคุณเขาที่ได้รับการแจ้งให้ทราบถึงข้อมูลเหล่านี้ เพราะ เป็นการช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลาเทียวไปเทียวมาทุกวัน กับสิ่งที่ไม่อาจจะเห็นผลได้ใน ระยะใกล้นั้น ขั้นตอนสำคัญอย่างหนึ่งที่พนักงานขายจะทำได้ก็คือ ศึกษานโยบายการสั่งซื้อของ บริษัทนั้น ๆ เสียก่อน เพราะถ้ามีโอกาสรู้ว่า บริษัทนั้น ๆ มีจุดยืนอยู่ที่ไหน ก็จะสามารถ ทำความเข้าใจกับกติกาเบื้องต้นของเกมการขายได้ไม่ยาก ฝ่ายจัดซื้อบางคน อาจจะเป็นผู้ช่วยนัดหมายให้พนักงานขายได้พบกับช่างเทคนิค หรือ ฝ่ายวิศวกรรม ถ้ายังมีข้อสงสัยในตัวสินค้า หรือได้รับการขอร้องวิธีนี้ จะเป็นการลัดขั้น ตอนที่เขายอมให้เราข้ามหน้าไปด้วยความเต็มใจ และไม่ถือว่าเป็นการกระทำผิดระเบียบ เลย เพราะฉะนั้น ขอให้จงเดิน “ทางลัด”  ดีกว่าการ “เข้าประตูหลัง”  ซึ่งจะมีผลเสีย มากกว่าได้ ในนโยบายการสั่งซื้อของแต่ละบริษัท จะมีรายละเอียดพอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะไม่ ระบุราคา หรือเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างชัดเจน รวมทั้งจะไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลของคู่แข่ง ด้วย เพราะฉะนั้น พนักงานขายจึงไม่ควรจะดื้อรั้นไปสอบถามในเรื่องเหล่านี้ นอกจากนี้ บางบริษัทอาจจะต้องบริหารงานภายใต้การควบคุมของทางการอย่างใกล้ชิด ซึ่งพนักงานขายอาจจะได้รับการปฏิเสธ เนื่องจากกรรมการในบริษัทของตน บังเอิญอยู่ ในฐานะที่มีผลต่อการตัดสินใจสั่งซื้อซึ่งเป็นข้อห้ามของทางการได้ การทำความเข้าใจกับนโยบายเหล่านี้ จะช่วยให้พนักงานขายลดความเป็นปฏิปักษ์ หรือ ตัดความรู้สึกที่เลวร้ายต่อกันออกไป พนักงานขายที่ถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่ เพียรพยายามมาเป็นเวลานาน ย่อมเกิดอารมณ์เสียได้ง่าย ๆ จึงเหมาเองว่า ผู้ซื้อมีอคติ กับเขาหรือมีเบื้องหลังกับบริษัทคู่แข่ง ข้อหาเหล่านี้มักจะเป็นข้อหาที่เลื่อนลอย มีพนักงานขายบางคน ที่คิดว่าตัวเองแน่ หันไป ใช้วิธีเข้าไปหาผู้ใหญ่เพื่อรายงาน ดังตัวอย่างข้างต้น แต่มักจะถูกตอกหน้ากลับมาบ่อย ๆ ถ้าเขาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อผู้นั้นผิดจริง ข้อกล่าวหาของเขา ก็จะ ล่วงรู้ไปถึงเจ้าหน้าที่ผู้นั้นและบุคคลอื่นจนได้ภายในเวลาอันสั้น  และคงไม่มีบริษัทใดที่ อยากจะต้อนรับพนักงานขายที่มีพฤติการณ์แบบนี้แน่ ความรับผิดชอบของฝ่ายจัดซื้อ พึงระลึกไว้เสมอว่า ผู้บริโภคทุกคน มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจผิด และเลือกซื้อสินค้าที่ ฟุ่มเฟือยโดยใช้เหตุตามอารมณ์ได้แต่สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อแล้วจะทำอย่างนั้นไม่ ได้เด็ดขาด เพราะเขาจะต้อมีเหตุผลในการสั่งซื้อเพียงอย่างเดียวว่า “บริษัทมีความจำ เป็นต้องการสินค้านี้หรือไม่” การตัดสินใจผิด อาจจะมีผลให้เขาถูกออกจากงานได้ง่าย ๆ ยิ่งในตลาดอุตสาหกรรมแล้ว ฝ่ายจัดซื้อจะต้องสั่งซื้อสินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการ ของลูกค้าของเขาเท่านั้น เพราะถ้าเป็นสินค้าที่ขายต่อได้ยาก ต่อให้พนักงานขายชักจูง ใจเขาอย่างไร ก็ประสพความสำเร็จลำบาก ศึกษาสภาวะเศรษฐกิจ ความรู้เรื่องสภาวะเศรษฐกิจ จะมีส่วนช่วยให้พนักงานขายเข้าใจ สาเหตุของการขายไม่ ได้ บ้างพอสมควร เพราะมันมีผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำนั้น ทุก ๆ บริษัท ต่างก็ต้องผจญกับภาวะฝืดเคืองคับขันและ พยายามหลีกเลี่ยงการลงทุนสั่งซื้อสินค้าประเภทต้นทุนคงที่ เช่น เครื่องจักร หรือการ โฆษณา เป็นต้น พนักงานขายจึงน่าจะคำนึงถึงจุดนี้บ้าง......... จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 10:40:40

ความคิดเห็นที่ 7 . จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 10:41:13

ความคิดเห็นที่ 8 สัมพันธภาพส่วนบุคคล ความสัมพันธ์ส่วนตัว ย่อมมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจไม่น้อย  พนักงานขายบางคน ไม่ เคยเรียนรู้ถึงศิลปะมนุษย์สัมพันธ์เลยพวกเขาจึงชอบคิดอะไรเข้าข้างตัวเองเอาแต่ได้ โดยไม่สนใจที่จะทำความเข้าใจว่าทำไมลูกค้าจึงเมินเฉยอย่างนั้น พนักงานขายที่ยึดถือทัศนคติผิด ๆ ว่า  “จะต้องขยันลูกเดียว” มักจะเดินทางจากบริษัท หนึ่ง ไปอีกบริษัทหนึ่งประดุจหุ่นยนต์ ขาดความเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจไปอย่างไม่รู้ตัว และปฏิบัติต่อผู้ซื้อโดยคิดว่าก็เป็นหุ่นยนต์เหมือนกัน จากการศึกษาพบว่าผู้ซื้อส่วนใหญ่พอใจที่จะสั่งซื้อกับพนักงานขาย ที่ให้ความสนใจต่อ เขาอย่างแท้จริงเท่านั้นซึ่งหมายถึงพนักงานขาย ที่มักจะสอบถามหรือพูดคุยในเรื่อง สุขภาพ ครอบครัว งานอดิเรก ของลูกค้าอย่างจริงใจ “การรับฟังผู้มุ่งหวังอย่างตั้งใจ” จะช่วยให้พนักงานขายได้รับข้อมูลที่เขาต้อการได้และ ขอให้เชื่อเถอะว่า ความมีน้ำใจอย่างนี้ จะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน เพราะเมื่อถึงเวลาที่ คุณเสนอขายบ้าง เขาก็จะรับฟังคุณด้วยความตั้งใจเช่นกัน นักขายมือทองคนหนึ่ง ชื่อ “เกรียงศักดิ์” มีสมุดบันทึกวันเกิด “ลูก ๆ ของลูกค้า” ทุกคน....... และไม่ลืมที่จะส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้ตามวันนั้นๆ เสมอ ความมีน้ำใจเหล่านี้ได้ สร้างความประทับใจให้ลูกค้าอย่างตราตรึงแบบหาที่เปรียบมิได้ วิธีการที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้มุ่งหวังอีกอย่างหนึ่งก็คือ “ให้คำแนะนำ และช่วย เหลือให้เขาขายดียิ่งขึ้น”  ซึ่งเป็นการแสดงว่าคุณไม่เพียงแต่ผ่านมาเยี่ยมตามหมาย กำหนดเท่านั้นหากแต่ยังให้ความสนใจ และต้องการกระชับมิตรภาพระหว่างกันอย่างแท้ จริงในที่สุดความรู้สึกเหล่านี้ก็จะถูกแปรสภาพเป็นใบสั่งซื้อให้ในบั้นปลาย หลีกเลี่ยงการแตกร้าว สัมพันธภาพระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ควรจะอยู่นอกเหนือความขัดแย้งใด ๆ ทั้งหมด จริง อยู่ลิ้นกับฟันย่อมมีโอกาสกระทบกระทั่งกันบ้าง เช่นผู้จัดซื้ออาจจะเพิ่งถูกเจ้านายเล่น งาน หรือพนักงานขายอาจจะเกิดครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน สิ่งเหล่านี้ จะสร้าง ความขุ่นเคืองให้กับอารมณ์ได้ง่าย เพราะฉะนั้นพนักงานขายที่ดี ควรจะระงับอารมณ์ของ ตน โดยการนับหนึ่งถึงสิบเสียก่อนที่การโต้เถียงจะเกิดขึ้น เป็นธรรมดาอยู่เอง ที่เมื่อพนักงานขายเกิดอารมณ์เสียกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อเขาจะมี ความรู้สึกอย่างจะหาใครสักคนให้ไปเล่นงานนายคนนั้นจนสาแก่ใจ แต่ถ้าเขาสงบสติอารมณ์สักครู่หนึ่ง เขาจะทราบดีว่า “ข้อขัดแย้งทุกอย่างสามารถขจัด ได้เสมอ ถ้ามีความพยายามพอ” และความเข้าใจผิดก็จะเปลี่ยนมาเป็นความเข้าใจอันดี งามแทน “กิตติรัฐ” พนักงานขายสีคนหนึ่ง ต้องเผชิญหน้ากับผู้จัดการซื้อซึ่งกำลังอารมณ์เสียสุด ขีด เขาไม่ยอมฟังการเสนอขายของ “กิตติรัฐ”  แถมยังไล่เขาออกจากห้องอีกด้วยแต่ ก่อนที่ “กิตติรัฐ” จะเดินออกมาจากบริษัทนั้น เขาไม่ลืมที่จะถามเลขาฯ ของเจ้าหน้าที่ คนนั้นว่า มีอะไรเกิดขึ้น และเธอก็บอกว่า “ก็บริษัทประกันรถยนต์ไม่ยอมจ่ายค่าเสีย หายนะซิคะ ท่านก็เลยหัวเสียทั้งวัน” เมื่อ "กิตติรัฐ” มาเยี่ยมลูกค้ารายนี้อีกครั้งหนึ่งภายหลัง  เขาได้แนะนำบริษัทประกันภัยที่ รู้จักดีให้แก่ผู้จัดซื้อคนนั้นเพื่อพิจารณา ในกรณีที่ลูกค้าอาจจะต้องการเปลี่ยนบริษัท ใหม่   ผลปรากฏว่า ผู้จัดซื้อผู้นั้นรู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง และได้ขอโทษขอโพยต่อ การกระทำของตัวเองในคราวก่อนด้วย จากนั้นมา “กิตติรัฐ” ก็ได้รับใบสั่งซื้อจากบริษัท นี้เป็นประจำ ถ้าหาก “กิตติรัฐ” ไม่พยายามทำความเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงของผู้จัดซื้อ และถือเป็น อารมณ์ นำเรื่องไปรายงานผู้บริหารเบื้องบน เรื่องก็คงจะจบเห่อย่างแน่นอนแต่โชคดีที่ เขามีประสบการณ์มากพอ และรู้ดีว่า “สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร” การข้ามหน้าข้ามตาผู้จัดซื้อนั้น ไม่ใช่ข้อเสนอหรือวิธีการที่ดีอย่างแน่นอนเพราะผลจะลง เอยไป “ในทางลบ” ค่อนข้างแน่ ฉะนั้น จะไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเราจะพยายามค้นหารากแก้ว ของปัญหานั้นและช่วยเหลือเขาขจัดปัญหานั้นแทน “การเดินทางข้ามหัวคนอื่นอาจจะใช้เวลาสั้น แต่ผลกระทบของมัน อาจจะสร้างความเสีย หายให้เกิดขึ้นสุดคณานับ” ____________________________________________________________ ตอนต่อไป  :  - ข้อผิดพลาดประการที่ 7  :  ถือดีไม่ปรับปรุงตัว ----------------------------------------------------------------------------------- จาก  The 36 Biggest Mistakes Salesmen make and how to correct them.  ของ  George N. Kahn วุฒิวัฒน์  อรรถจริยา  แปลและเรียบเรียง อมร  ถาวรมาศ.....เรียบเรียงใหม่ amorntvm@hotmail.com ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ตอนที่แล้ว..................................................................... ข้อผิดพลาดที่ควรปรับปรุงของพนักงานขาย ตอนที่ 5 – ขอบแข่งเรื่องราคา http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B10972485/B10972485.html เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพ  :  อ่านแล้ว  กรุณาเก็บเข้า “คลังกระทู้เก่า” ด้วยนะครับ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 10:50:42

ความคิดเห็นที่ 9 ช่วยกดเข้าคลังกระทู้ให้แล้วค่ะ แล้วถ้าเกิดเราทราบว่า ฝ่ายจัดซื้อมีนอกมีใน หรือให้เราต้องเอาของมากำนัลจ่ายใต้โต๊ะเกินที่ควรจะเป็น ถึงจะยอมซื้อสินค้าของเรา เราควรทำยังไงดีคะ ข้ามหน้าก็ไม่ได้ -_-'  ถ้าฝ่ายผลิตต้องการสินค้าของเรา แต่ฝ่ายจัดซื้อกีดกันพยายามดึงของเจ้าอื่นที่ฝ่ายผลิตไม่้ต้องการมาแทนจะทำยังไงดีคะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 12:01:56

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากค่ะ ลุงแอ็ด เป็นข้อมูลที่ดีมากๆ เลยค่ะ กับฝ่ายจัดซื้อของหลายๆ บริษัทที่เคยเจอบางราย...หายไปเกือบปี..แต่ระหว่างนี้ ถึงเค้า ไม่ได้ซื้อสินค้าเรา ก็โทรหาเค้าบ้างเรื่อยๆ ค่ะ บางทีก็เป็นอย่างที่ลุงเอ็ดบอกค่ะ เขายังไม่ มีความจำเป็นต้องใช้ พอต้องใช้ ก็มีมาโทรเช็คราคาอยู่เรื่อยๆ ค่ะ บางทีเช็คราคาแล้วไม่ ซื้อก็มี แต่ก็จะบอกลูกค้าว่าสามารถสอบถามข้อมูลได้ตลอด..ไม่ซื้อไม่เป็นไร... ทั้งๆ ที่ จริงๆ เราก็เบื่อเช็คราคา ถามโน่นถามนี่ตลอดแล้วไม่ยอมซื้อ...แต่พอวันนึงเค้าจำเป็น ต้องใช้สินค้า..และราคาเราได้ ก็เปิดออเดอร์ มาให้ค่ะ...ใช้เวลารอเป็นหลายๆ เดือนเหมือนกันค่ะ..คุ้มกับความที่เราอดทน.. แต่พอมาช่วงหลังๆ นี่ ออเดอร์มากขึ้น จัดซื้อเริ่มมีข้อเสนอค่ะ...ว่าจะเปิด ออเดอร์ให้เรา จำนวนเยอะพอสมควร...เปิดราคาตามเราเสนอ ไม่ต่อรองราคา.... ส่วนลดขอให้จ่ายส่วน ตัวให้เค้าค่ะ....คล้ายๆ คุณกุนซือ คือถ้าเราไม่มีส่วนลดให้ส่วนตัวก็จะไปซื้ออีกที่... จากคุณ : มินจุน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 13:59:29

ความคิดเห็นที่ 11 ดูเหมือนจะเจอปัญหากับฝ่ายจัดซื้อหลายคนเลยแฮะ ขอบคุณลุงแอ๊ดมากครับที่แบ่งปันความรู้อยู่เสมอมา     จากคุณ : หมูอ้วนพุงดำ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 07:47:13