ความคิดเห็นที่ 1 ผมตอบแบนี้ครับ ตามสูตรเป๊ะๆ 5 ที่ เรียกทุกที่ -จะเรียนต่อโทมั้ย ผมสตอไปว่า อยากทุ่มเทเวลาให้กับบริษัทเพราะชอบ อยากร่วมงาน อยากเป็นส่วนนึงของบริษัท ตอแห..มันเข้าไป -ข้อดี ข้อเสีย -ข้อดี ทำงานดี ทำงานเก่ง โม้เข้าไป ข้อเสีย มีปัญหาอะไรมักพูดตรงๆ ก็บอกไป เป็นคนพูดตรง -ชีวิตอีก 10 ปีข้างหน้า ก็บอกไป คงก้าวหน้าอยู่ที่บริษัทนี้ เป็นกำลังสำคัญ...... อยากจะด่าตัวเอง ช่างตอแห.. ไปได้ คนเรา -ทำไมถึงได้เกรดวิชานี้ D ล่ะ (ตอนนั้นมีัปัญหาสุขภาพ เลยทำให้เกรดไม่ดี แต่ก็ได้พยายามแก้เกรด ความจริงก็คือ ผมขี้เกียจเรียนวิชานั้น ผมเป็นพวกวิชาใหนไม่ชอบก็ไม่สนใจเลย เคยได้ F มาแล้ว แต่ถ้าวิชาใหนชอบ ไม่เคยพลาด A -ทำไมจบแล้วยังไม่ได้งาน ก็ตอ....ไปว่า ออกไปทำธุรกิจส่วนตัว หาประสบการณ์ชีวิต ชีวิตจริง เที่ยวๆๆๆๆๆๆ เพราะรู้ว่าแก่ตัวไปคงไม่มีโอกาสได้ทำอะไรห่ามๆแบบนี้อีกแล้ว -เป็นลูกคนโต คนกลาง คนเล็ก คน.....โคครพ่อโคตรแม่ จะต้องเป็นแบบนี้..... ก็บอกไป อาจจะไม่เป็นแบบนี้ไปทุกคน บ้านผมไม่เหมือนกัน ในใจเหรอ อี....... เมิงเป็นคนบ้านกรูเหรอ ลูกคนกลางต้องเป็นคนแบบนี้ๆๆๆ -จะทำงานที่นิ่กี่ปี ก็ตอบไป อยู่จนเกษียณ ในใจ กรูจะรู้มั้ย ได้ Provident Fund 50% ตรูก็ประเมินแล้วเงินดีมั้ย ไม่ดีหาที่อื่น จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 22:51:36

ความคิดเห็นที่ 2 วันนี้ช่วงบ่ายก็มีอีกที่โทรมาครับ ผมอยากลองของ คือไม่กะไปอยู่แล้วเจ้านี้ ผมตอบเกี่ยวกับ ป. โท ผมบอกว่ามีแนวคิดจะเรียนต่อ ทำไมอยากเรียนต่อ ผมก็บอกว่าจะได้พัฒนาตัวเองไปมากกว่านี้ ซึ่งผมก็รู้อยู่แล้วล่ะ ตอบแบบนี้ไม่เรียก แล้วก็จริงๆครับ HR ก็บอกว่าแล้วจะติดต่อไป ก่อนหน้านี้ผมจบมาใหม่ๆก็เป็น พอตอบว่าจะเรียนต่อ ก็ไม่เรียก เพราะคิดว่าพอพนักงานเรียนจบก็หางานใหม่ แต่ไม่มองว่าคุณได้อะไรมากขึ้นจากที่พนักงานพัฒนาตัวเอง อีกเรื่องคือถามว่าจะทำนานมั้ย ผมตอบไปว่าไม่เกิน 5 ปี ก็บอกปัด แล้วจะติดต่อไปอีก ผมลองใจดูว่าถ้าผมพูดตรงๆจะเรียกมั้ย แล้วก็ไม่เรียก เพราะบริษัทต้องการพนักงานที่ทำงานยาวเป็นสิบปี แต่ไม่มองว่าถ้า เงินเดือน + สวัสดิการ มันจูงใจให้พนักงานทำงานยาวขนาดนั้นมั้ย ถ้าบริษัทคุณดีจริงๆ พนักงานเขาไม่หนีไปใหนหรอกครับ จริงมั้ย ??? จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 23:01:51

ความคิดเห็นที่ 3 นิ่เป็นตารางเงินเดือนของ 2 คน ครับ ผมคิดเล่นๆ คนแรกทำที่เีดียว ขึ้นปีละ 5 ตามมาตรฐานไม่ย้ายงานเลย บริษัทคิดเรทนี้ตลอดไม่มีเพิ่มมากไปกว่านี้ กับอีกคน เรทขึ้นเงินเดือนตามคนแรก แต่มีการย้ายงานเพื่ออัพเงินเดือน ผมคิดแบบย้ายทีไม่ได้ขึ้นเยอะไรมาก 20 ปีผ่านไปความแตกต่างของรายได้เทียบกันได้เลยครับ นิ่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำไมหลายๆคนถึงไม่อยู่นาน เพราะบริษัทเขาไม่ได้ขึ้นเงินตามค่าครองชีพครับ บางที่เลวร้าถึงขั้น 2-3 ปี ขึ้นที แถมขึ้น 5% จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 54 23:18:29

ความคิดเห็นที่ 4 ผมก็สงสัยเช่นเดียวกันครับ ทั้งเรื่องคำถามสัมภาษณ์งาน + เงินเดือร จากคุณ : หนูโกะ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 00:07:21

ความคิดเห็นที่ 5 ถูกใจจริงๆ ส่วนใหญ่ก็แบบนี้ละ คนถามไม่ใช่คนในแผนกนั้นๆในการรับคนเข้ามันก็ถามแบบนี้ทั้งนั้นละครับ บางทีก็เจอกับคำถามซ้ำๆจนเบื่อที่จะตอบเหมือนกันว่าทำไม ไม่ว่าจะเป็น ทำไมต้องลาออก คิดว่ามีอะไรที่บริษัทต้องรับคุณทำงาน   เรื่องทำงานยาวๆ ทุกคนก็อยากทำที่ไหนยาวๆทั้งนั้นละ เพียงแต่ องค์กรนั้น เลี้ยงคนในองค์กรอย่างไร ถ้าเงินเดือนออกไม่ตรง เงินเดือนนี้ไปออกกลางเดือนหน้า ไม่มีสวัสดิการให้ โอทีไม่มี โบนัสไม่เห็นแวว อยากอบรมก็ต้องดิ้นรนหาเอง บริษัทไม่มีงบ ใช้งานทุกอย่าง อยู่มาเกือบ หลายปีเงินเดือนไม่ขึ้น เข้ามาตอนแรกเท่าไหร่ พ้นโปรไป 8-9 ปี เงินเดือนก็เท่าเดิม ทั้งที่ ค่าครองชีพขึ้นเท่าตัว HR คิดว่า คนนั้นเขาจะอยากทำงานที่เดิมไหม จากคุณ : pango เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 01:35:56

ความคิดเห็นที่ 6 วิชานี้ทำไมได้ D หึหึ ของเรา F เลยค่ะ มีตัวเดียวแต่ก็โดดเด่น ไปที่ไหนโดนถามตลอด เราก็ตอบไปตามจริง มันไม่ผ่านอ่ะค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะผ่าน ตอนกลางภาคก็คิดว่ายังไงต้องผ่าน แต่มันก็ไม่ผ่านไงคะ แค่เนี่ยไม่เห็นมีใครถามต่อ แต่ไม่รู้ว่า HR เค้าคิดยังไงนะ แหะๆ สรุป บริษัทที่ไม่ถามเรื่อง F รับเราและให้เงินเดือนสูงกว่าบริษัทที่ถามเรื่อง F อีก จากคุณ : น้ำชายามเย็น เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 04:05:56

ความคิดเห็นที่ 7 มาให้ give กับข้อความนี้ ... ตรงมากมาย ^^ "...เวลากรูหางาน หาไปเหอะ กว่าจะเรียกคุย แสนยากเย็น พอเรียกไปคุยก็ไม่เอาอีก สงสัยตัวเลือกมันเยอะ พอกรูทำงานที่ใหม่ นิ่ก็ขยันโทรเช้า โทรเย็น ก่อนหน้านี้ตั้งนานเมิงไม่โทร จะมาโทรหาตอนนี้ทำเพื่อ...... " จากคุณ : ปังผิง เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 09:12:33

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่รู้กันเหรอครับว่ามันมีหลักสูตรการอบรม  การเป็น "Clever HR" HR ทุกคนต้องผ่านหลักสูตรนี้   เลยทำให้ เวลาไปสัมภาษณ์งานที่ไหน   คุณก็จะเจอกับคำถามรูปแบบเดียวกัน ซึ่งการสัมภาษณ์งานกับ HR ถือว่าเป็นด่านหินที่สุด  บางทีคุณอาจจะ เจอคำถามโคตรเทพอย่าง  "ถ้าเลือกได้ คุณอย่างเป็นตัวการ์ตูน  ตัวไหน" หรือ ให้เลือกอาหาร 1 จาน  จาก 5 จาน    อะไรประมาณนี้ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 54 09:17:54 จากคุณ : kawao เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 09:13:12

ความคิดเห็นที่ 9 สรุป อยากได้งานก็ต้องตอแหXตามน้ำไปนะแหละ 555+ จากคุณ : goHm เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 09:24:33

ความคิดเห็นที่ 10 มันเหมือนการพรีเซนงาน และฝึกสร้างภาพคับ (Imaging) การตอบตรงๆ ถ้าเราทำงานได้น้อยไม่ค่อยดี ไป Presentartion แบบตรงๆ อาจทำให้เค้าไม่รู้ความคืบหน้าของงานไงคับ จากคุณ : teak เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 09:25:22 A:119.46.56.82 X: TicketID:245074

ความคิดเห็นที่ 11 มันเป็นคำถามพื้นถามที่ควรจะถามครับ เพราะเป้าหมายของการรับคนเข้าทำงานคือต้องให้แน่ใจว่า คนคนนั้น ฟิตและเข้ากับองค์กรณ์ได้ดีที่สุดครับ ทุกคำถามมีจุดประสงค์แฝงของมันอยู่ อันไหนเราดูออกก็ตอบไปตามที่คิดว่าเค้าอยากฟัง แม้เราจะไม่ได้พูดความจริงก็ตาม อันไหนดูไม่ออก ก็ตอบ ๆ ไปเถอะครับ เพราะถ้าเค้าฟังแล้วมองว่่า เราไม่น่าเหมาะกับองค์กรณ์เค้า เราก็อาจจะไม่เหมาะจริง ๆ ก็ได้ ในฐานะที่เป็นนายจ้าง ผมก็ย่อมอยากจะรู้จักผู้สมัครให้มากที่สุดครับ ขอเห็นต่างเรื่องตารางเงินเดือนของคุณนิดนึงนะครับ เพราะหากคุณมีความสามารถจริง อายุงานที่มากขึ้น คุณก็น่าจะได้รับตำแหน่งและความรับผิดชอบที่มากขึ้นและแน่นอนว่าก็จะมีผลตอบแทนอื่นเพิ่ม นอกจาก 5% ต่อปีอย่างเดียว เพราะหากคุณมีความสามารถพอที่จะย้ายงานที่ปรับเงินเดือนคุณได้สูงขึ้นประมาณหนึ่ง คุณก็น่าจะมีดีพอ ที่บริษัทจะพยายามดึงตัวคุณไว้ ผมยังเชื่อครับว่าการที่เราจะเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทใดบริษัทหนึ่งนั้น เราต้องเข้าใจแก่นของบริษัทนั้นจริง ๆ เพราะพอเรารู้ข้อจำกัดและระบบภายในบริษัทนั้นทั้งหมดแล้ว ก็บริหารและการตัดสินใจ ก็จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ จากคุณ : ประมาณนั้น (LuPangBig) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 09:47:03

ความคิดเห็นที่ 12 :-)ไว้ก่อนแม่สอนไว้ จากคุณ : Rewritable เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 09:49:51

ความคิดเห็นที่ 13 นั่นสินะ เขาจะรู้ได้ยังไงว่าเรา Fake หรือไม่ ?? นอกจากจะรับเข้าไปทำงานดูเสียก่อน อิอิ... ผมเคยถูกหัวหน้างานโดยตรงสัมภาษณ์นะ ก็ถามประมาณนี้เบื้องต้นก่อนแล้วหลังจากนั้นก็เข้าหน้าที่ของเราเลย ผมว่ามันมีประโยชน์กว่ามาถามอะไรอย่างนี้จริงๆ จากคุณ : Mr.Quiet เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 10:15:05

ความคิดเห็นที่ 14 คห.11 บริษัทส่วนใหญ่ จะเสนอผลตอบแทนมากกว่าปกติเพื่อดึงตัวไว้ ก็ต่อเมื่อจะลาออก ถูกมั้ย ...  ถ้าอยู่เฉยๆ ตั้งใจทำงานไป ดูมีความสุขดีกับเงินเดือนที่ได้รับ  อยู่ๆบริษัทจะให้เงินเพิ่มเพื่ออะไร? จากคุณ : jj kal เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 10:19:32

ความคิดเห็นที่ 15 ตรงมากๆๆ ชอบๆๆ จากคุณ : concept x เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 10:29:28

ความคิดเห็นที่ 16 ผมงว่านะ เวลาทำงานหน่ะ มันต้อง ตอแร๋ ผสมจริงครับ ตอนไปเสนองาน ก็ต้องใช้ ทั้งแร๋ทั้งจริง เวลางานมีปัญหา มันก็ต้องจริง+ลบเลี่ยง แต่ต้องแก้ไขให้เสร็จ ทำงานกับคู่ค้า ถึงเราไม่แหลใส่เขา เขาก็จะแหลใส่เรา บอกไม่ถูกแฮะ ผมว่า มันเป็นส่วนที่จะทำให้งานสำเร็จได้นะ เอิ๊ฏๆ จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 10:34:33

ความคิดเห็นที่ 17 คนที่เปลี่ยนงาน ไม่มีความจำเป็นจะต้องอัพเงินเดือนขึ้นเหมือนตารางในความเห็นสาม   ได้น้อยลงก็มี จากคุณ : หัวโตนะ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 11:06:14

ความคิดเห็นที่ 18 กระทู้นี้ยังไม่มีใครพูด.... ผมพูดเลยละกัน.... "เมื่อไหร่ HR จะเป็นวิชาชีพ" จากคุณ : UNFORTUNATELY เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 11:13:58

ความคิดเห็นที่ 19 ขอกระทืบ Like ซักร้อยครั้ง...สะใจจริงๆ HR นี่ก็ชอบคน:-)นะ ... จากคุณ : คนผ่านทาง (Am-Boss99) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 11:20:47

ความคิดเห็นที่ 20 เคยลองมาเหมือนกันครับ พอตอบว่า มีแผนจะเรียนต่อแบบ ทำงานไปเรียนไป  สีหน้าเปลี่ยนเลยครับ รีบปิดการสัมภาษณ์ทันที จากคุณ : Thutmose เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 11:27:56

ความคิดเห็นที่ 21 จริงด้วย-_-'' บอกตามตรงนะ ไม่ชอบเวลาสัมภาษณ์งาน(บางที่)เท่าไหร่เลยค่ะ เหมือนเป็นเวลาที่ต้องใส่หน้ากาก ตอบอะไรที่เขาอยากได้ยินเท่านั้น พอตอบตามจริงก็ไม่รับ หรือเพราะการตอบตามจริง ทำให้เราเป็นคนต่ำกว่ามาตรฐานไปเลยก็ไม่รู้ เขาก็เลยไม่เอา-_-'' เราอยากบอกกับบริษัทที่สัมภาษณ์ตรง ๆ ว่าอะไรที่เรารับได้และไม่ได้ ในการจะทำงานให้กับบริษัท ๆ หนึ่งไปนาน ๆ ถ้าคุณมีในสิ่งที่เรารับไม่ได้ ก็ไม่ต้องรับเรา ของ่าย ๆ แค่นี้ได้มั้ย หรือบอกมาตรง ๆ ว่าคุณมองหาใคร มีความสามารถแบบไหน ถ้าเรามีเราก็จะบอกว่ามี ถ้าเราไม่มี แต่เรียนรู้ได้ เราก็จะบอก หรือถ้าเราไม่มีและเป็นอะไรที่เรียนรู้ไม่ได้ด้วย เราก็ไม่มานั่งโกหกบอกว่าฉันทำได้ทุกอย่างหรอก หรือเขามีประสบการณ์โดนผู้สมัครหลอกว่าทำโน่นทำนี่เป็น แล้วมาถึงทำอะไรไม่เป็นเลยมาก่อนก็ไม่รู้ แต่เราเป็นคนตรง ๆ อ่ะ อันไหนเราว่าเกินความสามารถก็ไม่อาจเอื้อมไปขอนั่งอยู่ในบริษัทแล้วทำอะไรไม่เป็นเลยหรอก-*- คุยกันง่าย ๆ แค่นี้ไม่ได้หรือไงไม่รู้ ถ้าบอกว่าอยากคุยกันตรง ๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมมากมาย HRเขาจะรับได้มั้ยคะ เรื่องถามstrengthกับweakness ก็เหมือนกัน คนเรามีคุณสมบัติต่าง ๆ กันไป ให้เรานั่งเขียนเรียงความเป็นหน้า ๆ เสียเวลาไปเป็นชั่วโมงเพื่อจะพบว่า ที่เขียนไปไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย.... งั้นให้เขียนทำไมคะ มาคุยกันตรง ๆ ง่าย ๆ แต่แรกดีกว่ามั้ย การคุยกัน HRก็จดโน้ตได้อยู่แล้วว่าได้ทัศนคติมุมมองอะไรของคนที่คุยด้วยได้บ้าง หรือว่ามันยากไปคะ-_-''จะบอกว่าการเขียนเรียงความเป็นภาษาอังกฤษช่วยพิสูจน์ทักษะความรู้ภาษาอังกฤษได้ งั้นคุยกันเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่ต้นจนจบไปเลยดีกว่ามั้ย หรือเอาtopicอื่นมาให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษดีกว่าค่ะ มันน่าจะดูมีประโยชน์กว่าให้มานั่งสาธยายสรรพคุณตัวเอง ทั้ง ๆ ที่HRเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าที่เขียน ๆ กันมาว่าจริงบ้างไม่จริงบ้าง โม้เอาโล่บ้างทั้งนั้น อืม เก็บกดเนอะ 5555555 แต่บางทีก็ไม่ชอบความพยายามที่จะต้องทำให้ตัวเองดูดีเพื่อให้ได้งานอ่ะ ที่ผ่านมาบริษัทที่คาดหวังจะได้เห็นอะไรแบบนี้จากเรา เราพลาดทุกบริษัทเลยแหละ 55555 บริษัทที่เขารับ ก็คุยกันตรง ๆ เขาเห็นอะไรในตัวเราเขาก็รับไปทำ ไม่เคยทำให้เจ้านายคนไหนผิดหวังเลย ทำไมต้องสัมภาษณ์กันสวยงามอะไรนักหนาก็ไม่รู้ เบื่อนิดนึงเหมือนกันค่ะ-_-'' แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 54 11:54:40 จากคุณ : แมลงสาบเทวีราชินีกะจั๊ว เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 11:54:16

ความคิดเห็นที่ 22 เขาต้องการดูทัศนคติครับ ผมก็ถาม ทั้งที่ไม่ได้อยากรู้ แค่อยากดูวิธีการเรียบเรียงคำตอบ การหาเหตุผล ทัศนคติ บุคลิกภาพ แต่ตอนนี่คุณคงไม่เข้าใจ เอาไว้เมื่อคุณได้เป็นคนสัมภาษณ์งานจริงๅ แล้วจะเข้าใจมากขึ้นครับ จากคุณ : Blue_ship เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 12:03:17

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบความเห็นที่ 11 ไม่จำเป็นเสมอไปครับ แต่ก็ยอมรับว่าส่วนใหญ่อาจจะใช่ โดยปกติหากนายจ้างจะเพิ่มความรับผิดชอบให้ นายจ้างต้องคิดถึงเรื่องการปรับเงินเดือนอยู่แล้วครับ เพราะเป็นเรื่องของแรงจูงใจในการทำงานครับ และอีกอย่างหากคุณเป็นคนที่มีตัวเลือกจริง ๆ บริษัทเค้าทราบอยู่แล้วครับว่าในวงการเค้าให้กันอยู่ที่เท่าไหร่ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีค่าพอที่จะให้เท่านั้นหรือเปล่าเท่านั้นครับ อีกกรณีคือการปรับเงินเดือนอาจเป็นได้ยาก เพราะหัวหน้าค้ำอยู่ครับ บางทีเงินเดือนคุณกับหัวหน้าต่างกันแค่ 5000 หากบริษัทจะปรับให้คุณ ก็หมายความว่าอาจจะสร้างความไม่พอใจกับหัวหน้าคุณได้ และอาจจะต้องปรับให้หัวหน้าคุณด้วย ดังนั้นหากคุณดีจริง เค้าก็เลือกที่จะปรับให้คุณแล้วไปแก้ปัญหากับหัวหน้า หรือ เค้าก็อาจเลือกที่จะตัดคุณ และไปบี้ กับหัวหน้าให้ฝึกคนใหม่ ให้เก่ง ๆ เท่านั้นเอง โดยสรุปครับ "หากคุณเก่งและคุ้มค่าที่จะจ่าย เราก็พร้อมจ่ายครับ" แต่คำถามคือ คนส่วนใหญ่ไม่ได้เก่งจริง แต่มักคิดว่าตัวเองเก่ง มีทางเลือกและบริษัทต้องง้อครับ ความเห็นส่วนตัวนะครับ จากคุณ : บิ๊ก (LuPangBig) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 12:30:44

ความคิดเห็นที่ 25 ใช่ค่ะ ไม่อยากตอ... ไม่อยากใส่หน้ากาก เบื่อมากกับคำถามจะอยู่กับเรานานมั้ย อยากจะตอบว่าถ้าดีก็อยู่นาน ถ้าไม่ดีก็ต้องขยับขยายแหละค่ะ เคยลองเหมือนคห.20เหมือนกัน รีบปิดการสัมภษณ์เลย ไอ้เราก็แกล้งถามนู้นถามนี่ใหญ่เลย เสนอความสนใจเต็มที่ แต่เขาก็ไม่อยากตอบแหละ 555 จากคุณ : i Mon Baa เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 12:52:08

ความคิดเห็นที่ 26 ก็เมืองไทยไงครับ :-)แลนด์ ผมเข้าใจ จขกท. ครับ ผมก็สไตล์เดียวกะคุณแล้วประสบการณ์ก็คล้าย ๆ คุณ บ้านเมืองเรานับวันมันยิ่งปัญญาอ่อนลงไปทุกวัน จากคุณ : Death Of Heretic Angels เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 13:20:06

ความคิดเห็นที่ 27 เจอ HR ที่ดีก็ดีไป เจอ HR แพนเทิร์นเดิมๆ หล่ะโคตรปวดหัวเลย เราเป็น HR เอง เวลาเจอ HR สัมภาษณ์ บางทีเราก็อยากบอกนะ ถามเนื้อๆ ตรงๆ ประเด็นเลยได้ไม๊ รู้ๆ กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าเราไม่เป๊ก เราก็พยายามปิดการสัมภาษณ์ด้วยตนเอง โดยแกล้งโง่ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ให้เค้าแดร๊กเล่นๆ ไปเลย จะได้เลิกคุยกันซักที หลังๆ เปลี่ยนแนวขอสัมภาษณ์เบื้องต้นทางโทรศัพท์ กับบริษัทที่เรียกสัมภาษณ์ก่อน ใครไม่คุยก็ไม่ไปอ่ะ ไม่อยากเสียเวลา 555+ จากคุณ : เจ้านายตัวเอง เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 13:22:58

ความคิดเห็นที่ 28 เดี๋ยวก็มีกระทู้ ทำไมผู้สมัครต้องตอบตามสูตร ตอบอย่างอื่นไม่เป็นหรือไง เบื่อฟัง กี่คนๆก็ตอบแบบนี้ สัมภาษณ์ 10 คน ตอบแบบเดียวกันเลย บลาๆๆๆ สรุปเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด จะได้งานหรือไม่ได้งาน การตอบคำถามไม่ใช่ปัจจัยเดียว อยู่ที่หน้าตาท่าทาง บุคลิก เกรด ประสบการณ์ และสุดท้ายรสนิยมส่วนตัวของผู้มีอำนาจรับเข้าทำงาน อิอิ จากคุณ : ชื่อนี้ใช้นอกราชการเท่านั้น เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 13:23:37

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 21 ถูกใจมากๆครับ คุยกันตรงๆเลย ผมเคยไปสัมภาษณ์ บริษัทหนึ่ง (ชาวต่างชาติ) เขาไม่ถามอะไรมากความเลย ถามแค่ทำได้ไหม ได้ก็ทำให้ดู เขาเห็นก็ ตกลงรับเลย ง่ายๆไม่เรื่องมาก เคยเจอบางที่ บางตำแหน่ง list มาเสียหางว่าวอยากได้คนเป็นนั่นนี่ บางทีไอ้ความสามารถที่คุณต้องการนี่ มัน multijob มากๆ แบบกะให้มาเป็น GB แน่ๆ แต่พอเจอคนที่ทำได้ดันกดเงินเดือนเขาซะไม่เหลืออีก บางที่ก็แปลก เอกสารสมัครงานเราก็แนบไปให้แล้ว ก็ต้องมาเสียเวลา มานั่งกรอกซ้ำให้เปลืองกระดาษอีก ไม่เข้าใจว่าจะมีเทคโนโลยี่ไว้ทำไม จากคุณ : pango เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 14:17:15

ความคิดเห็นที่ 31 55555+ อ่านแล้วขำมาก 55 จากคุณ : พี่ราหู เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 16:41:39

ความคิดเห็นที่ 32 เพราะว่า HR ไม่รู้จริงๆ ว่าเนื้องานนั้นต้องการคนประเภทไหน ไม่ได้มีความรู้เฉพาะทาง เคยเจอถามว่าทำโปรเจคอะไร เราก็ตอบๆๆ สรุปชีทำหน้า งง เพราะไม่รู้จักศัพท์เทคนิค และเทคนิคที่ใช้ในการทำโปรเจคเลย (ก็มันโปรเจควิศวะเนอะ) เราก็คิดในใจ ถามตรูทำไมว้าาาาา ดังนั้น เลยถามคำถามพื้นๆ ที่คิดว่า สามารถจะบอกถึงตัวตนของคนมาสัมภาษณ์ได้ แต่หารู้ไม่ว่าเราสตรอเบอแหลใส่ จากคุณ : Kimmery เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 16:47:32

ความคิดเห็นที่ 33 ตอนจบมาใหม่ๆ ไปสัมภาษณ์งานมาที่หนึ่ง เค้าดู transcript แล้วดูอีก ดูจนกระดาษจะเปื่อยอยู่ละ แล้วมาบอกว่า คุณไม่ได้เรียนมาทาง Food science โดยตรงจะทำงานได้มั๊ย? ก็ตอบไปว่า ทำได้อยู่แล้ว ถึงจะไม่ได้ฟู้ดส์จ๋าโดยตรงแต่ก็มีเรียนแนวนี้มาบ้าง การคิดไม่ต่างกัน + ค้นคว้าเพิ่มเติมก็ทำได้อยู่แล้ว ไม่ใช่จบสายบริหารแล้วมาทำงานสายวิทย์นิ เกรดก็ไม่ได้ห่วยนะเฟ้ย โชคดีที่เค้าไม่เอา เหอๆๆๆ สงสัยเค้าจะดูอารมณ์โต้ตอบเราละมั้ง อีกที่หนึ่ง เค้าถามเราตรงๆ ก็ตอบไปตรงๆเลย เพราะที่ไปที่นี่เพราะมีคนรู้จักอยู่ข้างใน+พอรู้นิสัยคนนี้ด้วย ถ้าตอบตรงๆในที่อื่นนะ เค้าคงหาว่าบ้าแน่ๆ จากคุณ : fungjai เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 17:18:51

ความคิดเห็นที่ 34 ตรงๆ เลย พอได้งานใหม่ทำ ดันอีกทีโทรมาแล้วก็หลายๆที่โทรมา ทำไมที่เราว่างงานไม่โทรมากัน? ไม่เข้าใจ HR นัดกันโทรหรอ . . . คงตรงกับทุกๆ คน จากคุณ : nightmaez เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 17:40:23

ความคิดเห็นที่ 35 ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็จริงนะคะ แต่อยากแชร์ของตัวเองบ้าง ที่ผ่านมาเราเป็นคนตอบคำถามตรงมากนะคะ น้อยมากที่จะสตอเบอรี่ ใส่ความจริงล้วนๆ ขี้เกียจก็ตอบว่าตัวเองขี้เกียจ แต่เคยมีที่นึงบริษัทฝรั่ง พูดชื่อไปนี่ร้องอ๋อกันเลย ฝรั่งถามถึงเรื่องเรียน เรื่องชีวิตส่วนตัว และจบด้วยครอบครัว How about your family? .. ตอนนั้นในใจไม่รู้จะตอบว่าไง ทำไมล่ะ ครอบครัวเราเป็นไงวะ จะบอกไรดี จนพูดไปว่า "I don't know but I love my family" ฝรั่งยิ้ม พร้อมกับบอกว่าจะติดต่อไป ตอนนั้นขำตัวเองในใจมาก ชั้นพูดอะไรออกไป อีกไม่นาน เขาก็โทรมารับเราเข้าทำงาน !! ^^ จากคุณ : H e h a H a w a ii เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 18:06:15

ความคิดเห็นที่ 36 อิฉันก็ไม่ค่อยสตรอเบอรี่นะ มักจะตอบไปตรง ๆ มีอยู่ที่นึงบริษัทข้ามชาติโรงงานใหญ่โตถามว่าทำไมถึงอยากออกจากที่เก่า (ที่เก่าเป็นบริษัทมหาชนขนาดใหญ่เช่นกัน) ตามตำราเค้าว่าห้ามว่าที่ทำงานเก่า  แต่อิฉันสุดทน.. บอกทนเจ้านายไม่ไหวฮ่ะ เจ๊เป็นโรคจิต ชอบด่า ชอบเขวี้ยงแฟ้ม คนที่นั่นก็ชอบแทงข้างหลัง แข่งขันก็มาก อิฉันเกลียดสังคมที่นั่น.. คำถามถัดมา.. ถ้าคุณได้มาทำงานที่นี่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงอะไร  อิฉันตอบไปว่า ก่อนอื่นเลยขอเปลี่ยนพรมบริษัทคุณเหอะ เพราะมันโคตรเหม็น เนี่ยกลิ่นติดเสื้อเลย...  - _ -" ได้งานด้วยค่ะ..  อยู่มาซักพัก ตอนนี้เติบโตอยู่ในตำแหน่งบริหารละ.. จากคุณ : คนดีผีคุ้ม เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 19:15:08

ความคิดเห็นที่ 37 อยากเป็นแบบพี่ คห บนบ้าง จากคุณ : มุตุ๊ เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 19:46:13

ความคิดเห็นที่ 38 ผมไม่เคย:-)หรอก ด้วยเพราะเป็นแบบนี้เลยต้องสัมภาษณ์งานตั้ง9เดือนถึงได้งาน เป็นตัวของตัวเองตลอด ถามตอบไม่มีแต่งเติม พูดตรงๆตามที่คิด ผมคิดว่าคุ้มนะ ที่ที่ผมทำงานอยู่ เป็นมีความสุขดีด้วยการงานและสภาพสังคม ดีกว่าพวกเพื่อนหลายคนที่แหลๆไป สุดท้ายหลายคนก็อยู่ได้ไม่นานก็ต้องบ่น และอยากหาที่ใหม่ จากคุณ : poa_busy เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 20:00:07

ความคิดเห็นที่ 39 ในฐานะ HR จำเป็น ทุกคำถาม มันใช้สังเกตความเป็นตัวตน ของคนที่ถูกสัมภาษณ์ได้ในระดับขั้นหนึ่งครับ อย่างถ้ามาสัมภาษณ์กับผมแล้ว บริษัทผมแล้ว (บริษัทผมขนาดเล็ก) -จะเรียนต่อโทมั้ย >ผมสตอไปว่า อยากทุ่มเทเวลาให้กับบริษัทเพราะชอบ >อยากร่วมงาน อยากเป็นส่วนนึงของบริษัท ตอแห..มันเข้าไป *น่าจะ:-) เพราะบริษัทนี้มันไม่ได้ perfect ขนาดนั้น -ข้อดี ข้อเสีย >ข้อดี ทำงานดี ทำงานเก่ง โม้เข้าไป >ข้อเสีย มีปัญหาอะไรมักพูดตรงๆ ก็บอกไป เป็นคนพูดตรง *ข้อดี ไว้ฟังว่าจะโม้มากแค่ไหน โม้มาก ๆ ก็ลดความน่าเชื่อถือไป ไม่ก็จัดทดสอบไปเลย ณ ตอนนั้น ข้อเสีย อย่างถ้านิยมการพูดตรง ก็ต้องดูว่า ทำงานในส่วนไหน ถ้าไม่ต้องพบปะผู้คนก็ไม่เท่าไหร่ และยังใช้เป็นคำถามอื่น ๆ ต่อได้อีกด้วย -ชีวิตอีก 10 ปีข้างหน้า >ก็บอกไป คงก้าวหน้าอยู่ที่บริษัทนี้ เป็นกำลังสำคัญ...... >อยากจะด่าตัวเอง ช่างตอแห.. ไปได้ คนเรา *อืม แหลอีกแน่ ๆ มันจะแหลเป็นกิจวัตรหรือเปล่า? -ทำไมถึงได้เกรดวิชานี้ D ล่ะ >(ตอนนั้นมีัปัญหาสุขภาพ เลยทำให้เกรดไม่ดี แต่ก็ได้พยายามแก้เกรด >ความจริงก็คือ ผมขี้เกียจเรียนวิชานั้น >ผมเป็นพวกวิชาใหนไม่ชอบก็ไม่สนใจเลย เคยได้ F มาแล้ว >แต่ถ้าวิชาใหนชอบ ไม่เคยพลาด A *ถ้าตอบว่ามีปัญหาสุขภาพ ก็ต้องสงสัยว่า ถ้ามีปัญหาด้านสุขภาพมันน่าจะส่งผลกระทบทุกวิชา ไม่ใช่แค่วิชาเดียว? -ทำไมจบแล้วยังไม่ได้งาน >ก็ตอ....ไปว่า ออกไปทำธุรกิจส่วนตัว หาประสบการณ์ชีวิต >ชีวิตจริง เที่ยวๆๆๆๆๆๆ เพราะรู้ว่าแก่ตัวไปคงไม่มีโอกาสได้ทำอะไรห่ามๆแบบนี้อีกแล้ว *ก็ถามต่อได้ครับ ว่าทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ทำไมถึงกลับมาหางานประจำทำ แต่ถ้าตอบมาตรง ๆ  ผมก็เฉย ๆ นะ มันก็เป็นความชอบของแต่ล่ะคน -เป็นลูกคนโต คนกลาง คนเล็ก คน.....โคครพ่อโคตรแม่ จะต้องเป็นแบบนี้..... >ก็บอกไป อาจจะไม่เป็นแบบนี้ไปทุกคน บ้านผมไม่เหมือนกัน >ในใจเหรอ อี....... เมิงเป็นคนบ้านกรูเหรอ ลูกคนกลางต้องเป็นคนแบบนี้ๆๆๆ *คำถามนี้บ้างทีวัดความแหลของบ้างคนได้นะครับ โดยสังเกตจากการตอบได้ครับ อย่างลูกคนเล็กลักษณะนิสัยหลาย ๆ บ้าน มันเหมือนกันจริง ๆ ครับ -_-' -จะทำงานที่นิ่กี่ปี >ก็ตอบไป อยู่จนเกษียณ >ในใจ กรูจะรู้มั้ย ได้ Provident Fund 50% ตรูก็ประเมินแล้วเงินดีมั้ย ไม่ดีหาที่อื่น *อืม ไอ้นี้แหลสุด ๆ และแหลมาหลายเรื่อง (จากคำถามแรก ๆ ) จะรับดีหรือเปล่า ? แต่สงสัยว่าจขทก. คงไปสมัครบริษัทใหญ่ ๆ ในไทยเป็นแน่ ถึงได้ถูกเรียกสัมภาษณ์เมื่อตอบแบบนี้ -_-' อย่างคำถามที่คุณ จกขท. ยกมาว่าอยากให้ประเทืองปัญญา มันจะวัดเรื่องทำงานได้ แต่จะวัดเรื่องพฤติกรรมคนไม่ได้ไงครับ  ซึ่งในการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แค่ทำหน้าที่ใครหน้าที่มันใช่ไหมครับ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 54 21:54:39 จากคุณ : MAX เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 21:35:33

ความคิดเห็นที่ 40 ผมรู้น่ะ ว่าจริงหรือตอ... จากคุณ : บทกวีแห่งรัก เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 22:16:42

ความคิดเห็นที่ 41 #39 ผมกลับเชื่อว่า ถ้าทุกคนรับผิดชอบงานตัวเองได้สมบูรณ์ เรื่องที่ต้องวัดพวกนั้นจะไม่จำเป็นนะครับ ผมทำงานบริษัทไอทีข้ามชาติ ผมไม่เจอสัมภาษณ์แบบนั้น แต่เจอแนวๆ วิธีการจัดลำดับความสำคัญของงาน เทคนิคการเจรจา หรือเจาะลงรายละเอียดงานเลย ซึ่งผมมีความสุขกับการสัมภาษณ์แบบนี้มากกกกกก เท่าที่เคยคุยกับเพื่อนในสายงานวิชาชีพ เช่นวิศวกร หลายคนจะทำหน้าเซ็งมาก เมื่อพบว่าตัวเองตกสัมภาษณ์ HR แต่ทำได้ดีในการคุยกับหัวหน้างาน เคยมีคนบ่นว่า คนที่ผมต้องทำงานด้วยชอบผม แต่ HR ที่ไม่ได้ดีลงานกัน ทำไมเป็นคนตัดสินว่าผมเข้ากับทีมไม่ได้? จากคุณ : FujoshiKanojo เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 00:04:13

ความคิดเห็นที่ 42 เราว่าที่ hr ต้องถามปัญญาอ่อน เพราะว่า เขาอยากรู้นิสัยเป็นหลักค่ะ ความสามารถุทำงานตำแหน่งนั้นๆ คงไม่ได้จำเป็นมั๊งเนี่ย ประมาณคนมีความสามารถทำได้หาง่าย  ตำแหน่งงานไม่ใช่อะไรที่ต้องเทพๆ   ถ้าต้องการอะไรที่เทพๆ นิสัยดีหรือไม่ เข้ากับองค์ได้หรือไม่ อยู่นานหรือไม่ จะเรียนต่อหรือไม่ คงไม่สนหรอก ผ่านให้หมดทุกอย่าง ขอแค่เทพท่านนั้น ยอมมาทำงานกับเขาเหอะ จัดให้หมด ฮ่าๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีกรณีซื้อตัว หรือ กรณีเจอคนเทพๆ เจ๊งๆ ก็ติดต่ออัญเชิญจีบมาร่วมงานเลย ตำแหน่งอะไรมากกว่าที่จะทำ บางคน บริษัทยอมแม้กระทั่งไปตกลงกับอีกบริษัทเพื่อขอตัวเทพท่านนี้ มาทำงานด้วย แบบแบ่งเวลากัน สัปดาห์ละ 3 วันยังเอา ฮ่าๆ จากคุณ : buchecktien เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 02:06:58

ความคิดเห็นที่ 43 นี่ของผมนี่ตามสูตรจริงๆ งัดตามหลักวิทยาศาสตร์มาตอบ สมัยเริ่มงานที่แรก HR : ใช้เวลาเดินทางนานเท่าไรจากที่พักมาที่ทำงาน กระผม : ก็ยังไม่แน่ใจครับ ยังไม่ชิน HR : คุณจะกะเวลาได้หรอ จะมาสายตั้งแต่วันแรกรึเปล่าเนี่ย กระผม : (V = S/T นี่แหละวะ ครูสอนมา)       ก็น่าจะเดินทางได้ไม่เกิน 60 กม/ชม นะครับ รถเยอะแต่ไหลได้เรื่อยๆ ประมาน 20 กม. คงใช้เวลาประมาน T = S/V ก็คงประมาน 20-30 นาทีครับ HR : ? เอากะกรูสิ เด็กจบใหม่นี่หว่า ยิ่งสั่นๆเกร็งๆอยู่ ถามเยอะอีก วิชาการกันเลยทีเดียว - - เพิ่มเติม ถ้าลองนึกย้อนกลับไป ณ ตอนนั้น ผมพิสูจน์ได้ว่า HR บางคนไม่ได้ต้องการคำตอบตามสูตร เพราเขาอาจไม่รู้สูตร หรือลืมสูตรวิทย์ ม.3 แต่กรูดันจำสูตรได้ ขำๆนะ ที่เล่าคือเรื่องจริงๆ 100% ขอบอก อิอิ เอ๊ะ คนละสูตรกะ จขกท นี่หว่า เผ่นนน! แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 54 05:18:06 จากคุณ : ตอนจบใหม่ (หวนคำนึงถึงบ้าน) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 04:59:12

ความคิดเห็นที่ 44 ขอลองตอบ5คำถามพิชิตHRบ้างนะครับ -จะเรียนต่อโทมั้ย ตรียังเรียนไม่จบเลย ขอจบตรีก่อนได้มั้ยครับ -ข้อดี ข้อเสีย ข้อดีไม่ค่อยมี ข้อเสียคือไม่ค่อยมีข้อดี -ชีวิตอีก 10 ปีข้างหน้า ก็เอาอายุผมบวก10ไป อีกอย่างผมคงไม่ก้มหน้าก้มตาเป็นลูกน้องหรือ( ^o^ )เค้าไปจนครบ10ปีหรอกครับ -ทำไมถึงได้เกรดวิชานี้ D ล่ะ ก็ผมไม่ชอบ เรียนให้มันจบๆผ่านๆไปก็เท่านั้นแหละ เหมือนเวลาคุณไม่ชอบกินผัก แต่มันผสมอยู่ในก๋วยเตี๋ยวคุณจะทำไง เขี่ยทิ้งหมดก็ลำบาก ก็ทนกินไปบ้างแต่พยายามกินให้น้อยที่สุดใช่มะ? -ทำไมจบแล้วยังไม่ได้งาน ก็เบื่อ อยากพักผ่อน อยากเที่ยว อยากนอน อยากขี้เกียจ เมื่อไหร่รู้สึกว่าต้องทำงานก็จะออกมาหางานทำแบบนี้นี่ไงครับ -เป็นลูกคนโต คนกลาง คนเล็ก คน.....โคครพ่อโคตรแม่ จะต้องเป็นแบบนี้..... ผมอะลูกคนกลาง ลูกคนกลางก็หมาหัวเน่าแบบนี้ไง ก็ดีขวนขวายเองสนุกดี -จะทำงานที่นิ่กี่ปี มันก็มีไม่กี่เหตุผลหรอกครับในการลาออกของคน เบื่อคน กับ เบื่องาน ส่วนตัวผมไม่เคยเบื่องาน เพราะผมย้ายไปที่ไหนก็ทำแต่งานเดิมแหละ ปล. ของผมชอบมีแต่ถามว่าทำไมถึงไม่เรียนให้จบ เพราะผมดรอปไว้ตอนปีสามเอาเงินไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วกลับมาก็หางานประจำทำยาวเลยจากปกติรับแต่ฟรีแลนซ์ ผมตอบ:ก็ผมอยากไปเที่ยว ถามว่าเสียดายมั้ยก็เสียดายเหมือนกันที่ไม่เรียนให้จบตอนนั้น แต่ถ้าไม่ได้ไปตอนนั้นผมจะรู้สึกเสียใจ ผมไม่อยากทำอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องเสียใจไปตลอดชีวิต จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 08:16:25

ความคิดเห็นที่ 45 หาคนทำงานนั้นๆได้ไม่ยากครับ แต่หาคนที่เข้ากับวัฒนธรรมที่ทำงาน ยากกว่า มักจะแบ่งการสัมภาษณ์กันดังนี้ หัวหน้างาน - เจาะถามเรื่องงาน อย่างที่ทุกคนอยากให้ถาม HR - ถามเรื่องส่วนตัวทั่วไป อย่างที่บอกว่าเป็นสูตร สิ่งที่แตกต่างคือ HRมือเก๋าๆเขาจะมีชุดคำถามเยอะ ปรับเปลี่ยนเพื่อขุดสิ่งที่อยู่ในใจของผู้สัมภาษณ์ได้ มีมารยาท คุยกับเขาแล้วจะรู้สึกว่าได้รู้จักตัวเองเพิ่มขึ้น ถ้าHRเด็กๆสิ่งที่มักเจอคือไม่รู้จะถามอะไร ยิ่งตอบยิ่งหงุดหงิด ผู้สัมภาษณ์ที่เก่งจะนำการสนทนากับHRเด็กๆได้ครับ ตอบเพื่อให้เขาถามคำถามถัดไปอย่างที่เราต้องการ รวมถึงขุดข้อมูลเกี่ยวกับทีมงานจากเขาแทน ^^ ยกตัวอย่างเช่น จะทำงานที่นี่กี่ปี ภายใน5ปีถ้าขึ้นระดับบริหารได้ก็อยู่ต่อ ปกติการจัดโครงสร้างองค์กรของที่นี่เป็นอย่างไรและมีจัดfast trackสำหรับพนักงานที่มีศักยภาพสูงไหมครับ ถามให้เป็น ตอบให้เป็น จะเรียกค่าตัวได้ครับ ลองดู จากคุณ : numnumnum1 เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 09:17:20

ความคิดเห็นที่ 46 จากประสบการณ์ ของคนที่เข้าทำงานโดยที่ HR ไม่ได้สัมภาษณ์ 3 ครั้ง หัวหน้างาน สัมภาษณ์ ทั้ง 3 ครั้งเลย ไม่เคยมีสักครั้งที่ HR สัมภาษณ์ หรือมีส่วนตัดสินใจ HR มีหน้าที่ทางธุรการในการรับเท่านั้น การติดสินว่ารับหรือไม่รับใคร อยู่ที่การตัดสินใจของหัวหน้างาน (HR จะมารู้รายละเอียดงานทาง technic เชิงลึกได้อย่างไร ว่ารู้หรือไม่รู้) ข้อสอบที่ใช้สอบวัดความรู้เข้าแผนกผม เป็นแบบตัวเลือก จาก 40 ข้อ ได้ต่ำกว่า 10 ก็ไม่ต้องมาพูดกันเลย สูงสุดที่เคยมีคนทำได้ คือ 25 โดยทั่วไปแล้วก็จะได้ 18-23 ราวๆนั้น ถ้าจะต้องตอบตามสูตรให้กับ HR บ้าง 1. เรียนปริญญาโทมั๊ย บอกไม่เรียนแล้ว ที่จบมา ปริญญาอยู่ในลิ้นชักตู้ไหนไม่รู้ ไม่ได้ใช้งานแล้ว อยากเรียนอีกหลักสูตร แต่รอเก็บเงินก่อน 2. ข้อดี ก็ความรู้ในเทคนิคของสายงาน ข้อเสีย คือ ไม่รู้ข้อเสียของตัวเอง เหมือนคนปกติทั่วไป 3. 10 ปีข้างหน้าทำอะไร ถ้าบริษัทยังมั่นคง และมีความเจริญก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ ก็อยู่ที่นี่แหละ จากคุณ : master foo bar เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 54 09:29:58

ความคิดเห็นที่ 47 ผมเคยเจอ HR ถามอะไรแบบไม่สร้างสรรค์ ไม่มืออาชีพ  แบบว่า ปัญญาอ่อนมาก ผมลุก เดินออกกลับบ้านเลย ขืนกรูได้งานที่เมิง กรูปัญญาอ่อน แน่ ๆ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 54 12:48:00 จากคุณ : SuperunknowN เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 12:44:28

ความคิดเห็นที่ 48 ใจเย็น ๆ เถอะค่ะ คุณเจ้าของกระทู้ พื้นฐานชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน ดิฉันเคยไปสัมภาษณ์แล้วเราทำงานมานานน่ะค่ะ หลัง ๆ เอชอาร์เด็กเนี่ยกลายเป็นเราต้องสอนเค้าอีกต่างหากค่ะ ดูหงุดหงิดเล็กน้อยด้วยเพราะเค้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสายงานที่เราทำเลย คือมันไม่ทันกันไงคะ เอาเป็นว่าลองไปดูโหงวเฮ้งก่อนว่าคุณอยากทำงานกับองค์กรนั้นมั๊ย ตอบให้ได้งานมันไม่ยากหรอกค่ะ ใคร ๆ ก็ตอบได้ แต่ติงนิดนึงค่ะ ใบสมัครที่กรอกแล้วกรอกอีกเนี่ยไม่รู้จะอะไรกันหนักหนาจริง ๆ ค่ะ มันก็อยู่ในโพรไฟล์หมดแล้ว ไม่ได้คุยนะคะเรารับจ้างแบบโปรเฟสชั่นนอลค่ะ  ของคุณยังดีนะคะ ของดิฉันโดนถามขนาดที่ว่า รางวัลนี้มีหลักฐานมาโชว์มั๊ย ฉันเกือบจะสวนกลับไปแล้วค่ะว่าได้เป็นโล่ห์ตั้งอยู่ที่บ้านจะให้ถ่ายรูปให้ดูดีมั๊ยคะ หรือว่าครั้งหน้าจะส่งไปรษณีย์มาให้ดู นี่คือที่ดิฉันไปที่บริษัทจัดหางานที่นึงนะคะ รีครูทเตอร์เค้าจูเนียร์มากค่ะ ถามดิฉันแบบนี้ค่ะ จากคุณ : anumotanasatu เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 15:37:13

ความคิดเห็นที่ 49 ที่จขกท.พูดมาคือความจริง เราเองก็ผ่านคำถามประเภทนี้มา"เกือบ"ทุกบริษัท แต่กับบริษัทที่ทำอยู่ปัจจุบัน ไม่เคยถามคำถามที่จขกท.ลิสต์มาเลยค่ะ จากคุณ : Renze เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 17:39:59

ความคิดเห็นที่ 50 น่าจะเป็นบล็อคคำถามเบสิคของประเทศเราหรือเปล่า คือ เราปสก การทำงานน้อยนะ อยู่สิงคโปร์ก็โดนสัมภาษณ์มาสี่บริษัท ไม่มีบริษัทไหนถามเราด้วยคำถามที่คุณ จขกท ลิสต์มาเลย ทีแรกคุยกันเฉยๆ ที่ๆสองสอบเขียนแล้วก็คุยกันเรื่องปสกการทำงานที่ผ่านมาของเรา ที่ๆสามเทสต์สัมภาษณ์คุยทั่วๆไปแล้วก็ให้ทำบททดสอบการทำงาน ที่ๆสี่สอบข้อเขียน แล้วก็ทดสอบจิตวิทยา แล้วก็สัมภาษณ์อีก คำถามที่โดนส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับเรื่องงานเลยหรือปสกการทำงานของเราที่ผ่านมา ไม่มีคำถามเบสิคพื้นฐานอะไรพวกนี้เลย จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 17:57:28

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามากด like ความคิดเห็นที่ 41 จากคุณ : Bonus [Shyboy] เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 54 20:15:32

ความคิดเห็นที่ 52 ขอตอบในฐานะที่ทำงาน HR มาเป็น 10 ปี ต้องยอมรับว่าบางบริษัท HR ก็เป็นอย่างที่น้อง ๆ บ่นกันจริง ๆ ยอมรับและสลดใจกับ HR บางที่ที่ไม่พัฒนาตัวเอง พฤติกรรมเดิมๆ อยู่บนหอคอยงาช้าง เวลาตอบคำถามน้องไม่จำเป็นต้องสตอเสมอไป ถ้าเค้าจะไม่รับเราเพราะรับการตอบคำถามตรงๆไม่ได้  ก็เป็นโชคดีของน้องแล้วค่ะ อย่างเช่นเรื่องเรียนต่อที่พี่เจอมากที่สุด บางครั้งต้องถามเพราะว่า บริษัทเคยเจอปัญหาสำหรับคนที่เรียนต่อ ซึ่งแต่ละที่ปัญหาแตกต่างกัน บางทีจริตของหัวหน้างานน้องแต่ละที่ก็แตกต่างกัน บริษัทเดียวกันที่พี่เจอหัวหน้าบางท่านยินดีส่งเสริม แต่บางท่านมาพูดกับพี่ตรงๆ เลยว่าถ้ามีโครงการเรียนต่อผมไม่เอานะขี้เกียจมีปัญหากับลูกน้องในฝ่าย มันมีหลายปัจจัยค่ะ อย่างเพิ่งด่วนสรุปว่าคำถามปัญญาอ่อนถามทำไม เพราะพี่ๆ หลายท่านไม่อยากให้น้องเสียเวลา เสียโอกาส แต่พวกที่ถามแบบหาสาระไม่ได้พี่ก็เห็นสมควรแล้วที่น้องๆ จะโวย ^^! ทำไมเวลาเรียก ก็เรียกซะหลายที่ ตั้งนานทำไมไม่โทรมา ^^ ชอบคำถามนี้มากค่ะ โดนใจสุด ๆ ตอนพี่หางานตอนจบใหม่ ๆก็เจอแบบนี้เหมือนกัน มันเป็นจังหวะค่ะน้อง กระบวนการภายในของแต่ละที่ จะใช้เวลาไล่เลี่ยกัน เท่าที่ผ่านมาบางทีไปช้าที่ฝ่ายที่จะรับน้อง ขอเปรียบเทียบ ขอสัมภาษณ์อีกสุดท้ายเอาคนแรก 555 อันนี้เยอะค่ะ จังหวะมันก็เลยชนกัน แต่สำหรับพี่พี่จะไม่อยากให้ช้า เพราะน้อง ๆที่มีความสามารถจะหางานกันได้ไม่นาน และถ้าเราเห็นว่าน้องทำได้ที่อื่นเค้าก็เห็นเหมือนกัน เวลาที่ใช้สัมภาษณ์บอกได้แค่เบื้องต้น มาทำงานจริงๆ  อาจจะกลายเป็นหนังคนละม้วนกับตอนที่สัมภาษณ์ก็ได้ค่ะ แต่ที่พี่แนะนำคือ ถ้าน้องตกลงจะไปที่ไหนแล้วเกิดเปลี่ยนใจอย่าลืมโทรไปยกเลิกกับ HR เค้าด้วยนะคะ พี่ๆ เค้าจะได้เรียกคนสำรอง หรือไม่ก็รีบรับคนมาสัมภาษณ์ใหม่ ตอนพี่เปลี่ยนงาน มีบริษัทหนึ่งนัดพี่ไปสัมภาษณ์พี่โทรไปถามเค้าว่าทำงานวันไหนถึงวันไหน คือพี่จะไม่ไปสัมภาษณ์กับบริษัทที่ทำงานวันเสาร์ เจอประชาสัมพันธ์บอกว่า หนูตอบไม่ได้ค่ะต้องถาม HR พอเจอ HR ตอบว่า บอกไม่ได้ค่ะเป็นความลับบริษัท ^^! พี่อึ้งเลยค่ะ อะไรอะ วันเวลาทำงานเป็นความลับด้วย สรุปพี่เลยไม่ไปสัมภาษณ์ เพราะถ้าพี่ได้งานที่นี่คนแรกที่พี่จะจัดการก็คือลูกน้องพี่เอง 5555 จากคุณ : HR ตัวจริงเสียงจริง (napat_or) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 54 10:39:48

ความคิดเห็นที่ 53 เวลาโดนถามจะตอบแบบที่อยากตอบ ไม่ตอบตามอุดมคติ เพราะไม่รู้จะไป fake ทำไมตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน ถ้าจะรับ ก็ต้องรับที่เราเป็นเรา ถึงจอยู่ได้นานครับ จากคุณ : Blancpain เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 16:22:56

ความคิดเห็นที่ 54 มีFBแฟนเพจ HR_Thailand สำหรับไปร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนคนทำงานHR คนหางานค่ะ จากคุณ : HR_Thailand เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 16:46:57 A:210.213.57.179 X: TicketID:330360

ความคิดเห็นที่ 55 มีFBแฟนเพจ HR_Thailand สำหรับไปร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนคนทำงานHR คนหางานค่ะ จากคุณ : HR_Thailand เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 16:47:08 A:210.213.57.179 X: TicketID:330360