|
จากการเปิดเผยรายชื่อ 40 อันดับ มหาเศรษฐีของไทย (Thailand's top 40 Richest 2011) ประจำปี 2554 ของฟอร์บส์ (Forbes) นิตยสารชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่า "ธนินท์ เจียรวนนท์" ครองตำแหน่งอันดับ 1 ด้วยสินทรัพย์ 7,400 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 222,000 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 400 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้นับว่าเป็นการครองแชมป์ต่อเนื่องเป็นปีที่สองติดต่อกันจากเมื่อปี 2553
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความเป็นผู้นำทางธุรกิจของ"ธนินท์"เท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นวิสัยทัศน์อันกว้างไกลที่นำพาธุรกิจสู่ความมั่งคั่งรุ่งเรือง
ปัจจุบัน"ธนินท์" มีตำแหน่งเป็น "ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร" เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ที่รู้จักในชื่อ "ซี.พี." ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำของไทยที่ดำเนินธุรกิจหลากหลายในลักษณะที่เรียกว่า Conglomorate มีธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารเป็นธุรกิจหลัก โดยมีการค้าการลงทุนใน 15 ประเทศทั่วโลก และมีบริษัทในเครือประมาณ 200 แห่งทั่วโลก พนักงานราว 280,000 คน ซึ่งความสำเร็จของซี.พี.ทั้งหมด เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์และความสามารถของ ‘ธนินท์ เจียรวนนท์’ นั่นเอง
เคล็ดลับการลงทุนสไตล์ ‘ธนินท์’
"ตลาดทั่วโลก วัตถุดิบทั่วโลก คนเก่งทั่วโลก การเงินทั่วโลกล้วนเป็นของซี.พี." นี่คือสิ่งสำคัญที่ ธนินท์ เจียรวนนท์ ตอกย้ำกับผู้บริหารและพนักงานซี.พี.อยู่เสมอ
แสดงให้เห็นชัดเจนถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลซึ่งได้นำพาให้ซี.พี.เติบโตเป็นปึกแผ่น เป็นบริษัทคนไทยที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนในต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย
"ผมมองว่าที่ผมทำงานนี่ไม่ได้คิดเลยเรื่องกำไร ไม่ได้คิดว่าทำธุรกิจนี้แล้วจะได้กำไรเท่าไร ผมคิดว่าทำธุรกิจนี้ อันแรกมีโอกาสสำเร็จไหม ถ้ามีแล้วถ้าจะใหญ่นี่ ธุรกิจอันนั้นจะต้องไปเกี่ยวข้องกับคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ไปเกี่ยวข้องกับคนส่วนน้อย ธุรกิจอันนี้จะไม่ใหญ่ ถ้าธุรกิจนี้เกี่ยวข้องกับประเทศเดียวธุรกิจก็ไม่ใหญ่ ต้องเกี่ยวข้องกับทั่วโลก สินค้านี้ต้องขายได้ทั่วโลกมันถึงจะมีโอกาสใหญ่ แล้วธุรกิจนี้ต้องลงทุนได้ทั่วโลกธุรกิจนี้ถึงจะมีโอกาสใหญ่ และยิ่งสำคัญกว่าเรื่องอื่นคือธุรกิจที่เราทำเป็นประโยชน์แก่ประชาชนไหม ถ้าไม่ ธุรกิจอันนี้ก็ไม่มีความยิ่งใหญ่" ธนินท์ กล่าว
ทำอะไรอย่าคิดแต่ความสำเร็จอย่างเดียว!
แม้ซี.พี.จะเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจจนเป็นที่ยอมรับทั่วไป ซึ่งสร้างความภูมิใจแก่ทุกคนในองค์กร แต่"ธนินท์" ในฐานะผู้นำไม่เคยกระหยิ่มยิ้มย่อง กลับคิดว่า"เราทำอะไรอย่าไปคิดในทางสำเร็จอย่างเดียว ต้องคิดว่ามีปัญหาอะไรตามมาอีก มีหวานต้องมีขม ได้อย่างต้องเสียอย่าง ถ้างานยิ่งใหญ่ ปัญหายิ่งมีมาก" ทั้งยังกล่าวกับผู้บริหารและพนักงานเป็นประจำว่า"เมื่อได้รับความสำเร็จ ผมดีใจแค่วันเดียว เพราะยิ่งรับงานใหญ่ ภาระของเราก็ยิ่งมากขึ้น" ด้วยคิดเช่นนี้ ธุรกิจของซี.พี.ภายใต้การบริหารของ ธนินท์ จึงปรับตัวเร็ว และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง จึงทำให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
จากคุณ |
:
ขอบฟ้าบูรพา
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.ย. 54 11:17:40
|
|
|
|
|