ความคิดเห็นที่ 1 เคยทำเมื่อสองปีที่แล้ว ลงทุนไปหมื่นกว่าบาท ได้คืนมา 170 บาท ตอนเดือนที่สาม แต่น้ำมันรำข้าวก็ดีนะ น้องสาวกินไปแล้วหายจากการเป็นหวัดแบบแพ้อากาศที่จมูกฟุดฟิดตลอดเวลาอ่ะ แต่ไม่ชอบตรงที่ต้องไปนั่งใน ฮอลล์ที่เมืองทอง แล้วฟังคนรวยมาโอ้อวด ว่าได้เท่านั้นเท่านี้ ส่วนเรานั่งฟัง แล้วก็ปรบมือตามเขาไปไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ถ้าเราไม่ปรบมือ คนในกลุ่มเดียวกัน พวกอัพไลน์ของเรา ก็จะคะยั้ยคะยอ ให้ปรบมือสิๆๆๆๆๆๆ สนุกดีออก พอเสร็จก็มานั่งล้อมวง สะกดจิตกันเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ฉันจะต้องเท่านั้น ฉันจะต้องได้เท่านี้ในเดือนหน้า ไม่เชื่อคอยดู รักษายอกเดือนละ 900 บาท หาเครือข่ายให้ได้เยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งสบาย ซื้อกินซื้อใช้กันเองในหมู่สมาชิก ไม่ต้องขายเยอะ เท่าที่จำได้ก็แค่นี้ อ่อ แล้วก็มี ช่องทางสร้างรายได้ 7 ช่องทาง มั้ง อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างก็ถามเพื่อนคุณ หุหุ ค่าสมัคร 300 ขึ้นเป็น supervisor 3000 จากคุณ : Time to put a slow number on? เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 09:28:54 A:113.53.254.210 X: TicketID:305440

ความคิดเห็นที่ 2 ลองไปฟังดูสิครับจะได้รู้ว่ามันเป็นไง พอฟังเสร็จก็จะได้คำตอบว่าทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำก็บอกเพื่อนไปตรงๆว่าทำไม่ไม่ทำ เช่น เราขอไม่ทำนะ มันไม่ใช่แนวอ่ะ ขอโทษด้วยแต่มิตรภาพเราเหมือนเดิมนะ ถ้าทำก็สมัครเลย ส่วนตัวผมขอแนะนำว่าอะไรที่เป็นอาชีพเสริมได้ก็ทำไปเถอะครับ แต่ผมไม่แนะนำให้ทำเอมสตานะผมสาวกแอมเวย์ จากคุณ : pitt123 เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 10:06:01

ความคิดเห็นที่ 3 เราลองทำมาหลายเน็ทเวิร์คแล้วนะคะ ก็ไม่ชอบค่ะ ชอบซื้อมาขายไป สร้างแบรนด์ตัวเองมากกว่า มีแต่คนชวนเยอะมากกกก เพื่อนเก่าๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องฯลฯ   แต่ไม่อยากทำอะค่ะ เพราะเราไม่ชอบไปฟังที่ center ไปปรบมืออย่างที่คุณ คห 1ว่า เราไม่ชอบไม่ว่าเน็ทเวิร์คไหนก็ตาม ขี้เกียจมาเล่าสรรพคุณสินค้าชา่วบ้านให้คนอื่นฟังอะค่ะ ขี้เกียจโทรไปถามสารทุกข์สุกดิบ ของลูกค้าที่ซื้ออาหารเสริมไปว่า กินแล้ว เป็นไงคะ ดีขึ้นมั้ยคะ ตอนนี้มีโปรโมชั่นนะคะ บลาๆๆๆ เวลาเสาร์อาทิตย์และตอนกลับบ้านหลังเลิกงาน เป็นเวลาอยู่กับครอบครัวและคนรัก  และทำกิจการเล็กๆของเราเอง อย่าหลงชื่อว่าไม่รักษายอดๆ ไม่จริง! อย่าลืมว่ายังไงมันก้ต้องมีรักษายอด Autoship หรืออะไร ต่อเดือน ไม่ว่าค่ายไหนก็เหอะ (ไม่งั้นจะเอาเงินส่วนไหนมาหล่อเลี้ยง และเป็นค่าคอม) สำหรับเรา เราเอามาลงธุรกิจตัวเองกำไรเยอะกว่า และเวลาว่างเหลือเยอะกว่า การปฏิเสธ มีแบบนุ่มนวลและแบบถอนรากถอนโคน ถ้าเจอตื๊อมากๆก็มีด่ากลับและตัดเพื่อนไปเหมือนกัน จากคุณ : ^Bloody_Brownie^ เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 10:50:03

ความคิดเห็นที่ 4 เสี่ยว่า เสี่ยเป็นคนนึง ที่รู้จักเอมสตาร์ ดีมาก ถึงมากที่สุดในพันธ์ทิพย์เลยก็ว่าได้ (ไม่ได้เว่อร์ เสี่ยพูดจริง) เสี่ยรู้จักตั้งแต่บริษัทเปิดใหม่ๆ มีสินค้าไม่กี่ตัว จนมีสินค้าเป็นร้อยตัว เสี่ยเคยเป็นนักธุรกิจเอมสตาร์มาก่อน แบบ Full Time ด้วย รายได้สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 70,000 บาท (ไม่ใช่ได้เดือนเดียวนะ) มีเงินอยู่คอนโดเดือนละหมื่นกว่า มีเงินซื้อรถญี่ปุ่นมา 2 คัน ส่งให้แม่เดือนละ 2หมื่น เสี่ยทำกัน 2 คนกับ ผบ. ที่บ้าน แต่ ผบ. ทำเสริมจากอาชีพหลัก แต่วันนี้ เสี่ยหยุดมาเปิดบริษัทของตัวเอง (ไม่ใช่บริษัท MLM) ที่เสี่ยหยุด ไม่ใช่เพราะเอมสตาร์ไม่ดี เป็นธุรกิจที่ดีมาก และเสี่ยก็ได้อะไรจากธุรกิจนี้มาเยอะมาก ทั้งในเรื่องของความรู้ ทักษะ และการพัฒนาตัวเอง รวมถึงมุมมอง และแนวคิดต่างๆ หากคิดว่า ธุรกิจนี้คือการล้างสมอง เสี่ยบอกได้เต็มปากว่า "ไม่ใช่" เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง ว่า เสี่ยเข้าไปสู่ธุรกิจนี้ได้ไง แล้วทำยังไงมีรายได้ 7หมื่น จากการใช้เงินซื้อของมาใช้แค่ 900 ... และสุดท้าย ทำไมถึงเลิก มีผลกระทบยังไง จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 12:57:10

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณ คห.4 ค่ะ รอฟังนะคะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 13:05:19

ความคิดเห็นที่ 6 เสี่ยขอแบ่งเรื่องราวออกเป็น 4 ช่วงก็แล้วกัน ช่วงที่ 1 - ช่วงเข้ามาสู่ธุรกิจนี้ เข้ามาได้อย่างไร ด้วยเหตุผลอะไร ครั้งแรกที่เข้าไปฟังในห้องรู้สึกยังไง ช่วงที่ 2 - ช่วงที่เริ่มทำ Full Time วันๆทำอะไรบ้าง ทำยังไง ทำแบบไหน ช่วงที่ 3 - ช่วงรุ่งโรจน์ ไลฟ์สไตล์ชีวิตช่วงนี้ ช่วงที่ 4 - ช่วงตัดสินใจหยุด แล้วมาเปิดบริษัท ทำกิจการของตัวเอง บทสรุป - ควรทำหรือไม่ ดีหรือไม่ดี ทั้งนี้ เนื้อหาทั้งหมด จะเป็นทั้งข้อคิดเห็น และ ข้อเท็จจริง และไม่มีการโปรโมท หรือแฝงโฆษณา ไปถึงบุคคลที่3 ใดๆทั้งสิ้น จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 13:06:38

ความคิดเห็นที่ 7 ช่วงที่ 1 ช่วงนั้น เสี่ยเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำงานกินเงินเดือนไปวันๆ จนวันนึง ก็มีเพื่อนมาชวนให้ไปฟังธุรกิจเอมสตาร์ เสี่ยก็ไปฟัง ...ไปง่ายจัง โดยปกติแล้ว เสี่ยเป็นคนชอบหาเงิน อะไรก็ได้ ถ้ามันทำแล้วได้ผลตอบแทนคุ้มค่า เสี่ยทำหมด (ที่ไม่ใช่ธุรกิจสีดำนะ) คอนเซ็ปของเสี่ยคือ เน้นที่ไม่เหนื่อยมาก ได้เงินคุ้ม ตอนนั้นเพื่อนที่มาชวนเสี่ย มีรายได้จากเอมสตาร์ เกือบ 5 หมื่นบาทแล้ว และมันก็บอกว่า ซื้อของใช้เดือนละ 900 แต่รายได้กลับมา เกือบ 5หมื่น สุดคุ้ม (ปัจจุบันเพื่อนคนนี้มีรายได้กว่า 7แสนบาท/เดือน) เสี่ยไม่สนหรอกว่า มันจะล้างสมองหรือว่าอะไร สนแค่ ถ้าสมองโดนล้าง แต่ได้เงิน เสี่ยก็ยอม... โง่แต่รวย เอาวะ!! ก่อนเข้าไปฟัง ก็ค้านเพื่อนอยู่ว่า "เหมือนแอ...รึเปล่า" มันบอก "ไม่เหมือน ไม่เหมือนเลย" พอถามไปว่า ไม่เหมือนยังไง มันก็ไม่บอก ให้ไปฟังเอาเอง ก็เลยลองไปฟังดู ภาพที่เสี่ยเห็นวันนี้ ก็คือ มันเหมือน แอ... เปี๊ยบ ต่างกันตรงที่แผนธุรกิจนี่หว่า หรือเรียกได้ว่า คอนเซ็ปเหมือนกัน ต่างกันที่วิธีการแบ่งจ่ายเงินให้นักธุรกิจ เสี่ยไม่รู้หรอก ว่ามันยาก หรือมันง่ายกว่า แอ... เพราะเสี่ยไม่เคยทำ แอ... แต่คนใน เอมสตาร์ มักชอบพูดกันว่า เอมสตาร์ง่ายกว่า แอ... เยอะ ทั้งๆที่ ไอคนที่พูดคำนี้ กว่า 90% ไม่เคยทำ แอ...  เสี่ยการันตีได้ เดี๋ยวมาต่อ พอดีช่างมาทำบ้าน จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 13:37:17

ความคิดเห็นที่ 8 กะลังมันส์เลยเสี่ย มาต่อ เอาแบบละเอียดให้เห็นภาพนะ จากคุณ : ฟาง เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 14:01:45 A:203.148.187.139 X: TicketID:289572

ความคิดเห็นที่ 9 หนูทำอยู่ค่ะ ลอกอินมาตอบเลย ด้วยความเคารพ เรียนไปด้วยทำไปด้วย ชีวิตแฮปปี้ สุขสันต์ ถ้าถามว่าล้างสมองมั้ย ไม่แน่นอนค่ะ เพราะทุกวันนี้ ถึงมีเงินเยอะขึ้น แต่ก็ใช้เหมือนเดิม ประหยัดดอออม คิดถึงอนาคต ไม่ใช่ไปฟังทุกคนต้องทำ ไม่มีใครบังคับใครได้หรอกค่ะ ไปฟังไว้ก็ดี ได้แนวคิด ได้รู้จริง ได้ตัดสินใจเอง แล้วก็สบายใจด้วย ว่าวันนี้ เรามีข้อมูลเยอะพอแล้ว ที่จะตัดสินใจ จะได้ไม่ต้องมาคิดมากว่าปิดกั้นตัวเองหรือเปล่า หนูเชื่อว่า เพื่อนของพี่เองก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ที่หนูทำอยู่ก็ซื้อสินค้าใช้เอง คุณพ่อ คุณแม่ใช้ เท่านี้เอง (น้ำมันรำข้าว แป้ง ของใช้ในห้องน้ำ) ตอนแรกก็ไม่ได้ฝันใหญ่ ไม่ได้อยากประสบความสำเร็จอะไรมากมาย ความคิดแบบเด็ํกๆ คืออยากไปเรียนต่อเยอรมัน จนถึง ป เอก ทำยังไง ให้ไปได้ โดยพ่อแม่ ไม่ลำบาก ทำยังไงให้อยู่สบาย โดยที่ไม่ต้องทำงานพาร์ทไทม์ รับจ้างอะไรแบบนี้ ก็เลยลองทำดู หนูคิดแค่นี้ วันนี้ก็มีเงินเก็บเยอะขึ้น ซื้อข้าวของใช้เอง ยังไงรอความเห็นเสี่ยหรอยต่อเลยนะคะ จากคุณ : แม่มดน้อยบนหุบเขา เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 14:47:57

ความคิดเห็นที่ 10 ร่ายมาซะยาว คุณตอบคำถามคุณเองแล้วนี่ คุณยังคิดว่าเค้าเป็นเพื่อนคุณอยู่ แต่เค้าเห็นคุณเป็นดาวน์ไลน์ของเค้าแล้วหล่ะ จากคุณ : mastergear เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 15:55:46

ความคิดเห็นที่ 11 ต่อ และแล้ว เสี่ยก็ตัดสินใจทำ ทั้งๆที่ไม่เคยทำธุรกิจประเภทนี้มาก่อนเลยนะ แต่ตอนนั้นในใจคิดแค่ว่า ถ้าเราทำแล้วเจ๊ง ของที่เราซื้อไป เราก็แค่ใช้ให้มันหมดๆไป เสี่ยเป็นคนทำอะไรแล้วจะไฟแรงในช่วงเริ่มต้น ข้อมูลทุกอย่าง ความรู้ทุกสิ่ง เสี่ยจะขวนขวายใคร่รู้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของข้อมูลเชิงลึกของบริษัท เสี่ยถึงขั้น เข้าไปค้นดูงบดุลของบริษัท กำไร ขาดทุน (ดูได้จากเว็บของกระทรวงพาณิชย์ หรืออะไรนี่แหละ ตอนนี้เสี่ยจำไม่ได้แล้วว่าเว็บไหน) แผนธุรกิจ เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ เอามาวิเคราะห์ เจาะลึก กันเป็นข้อๆเลย ภาษาในวงการเค้าเรียกว่า "ผ่าแผน" จากคนไม่เคยชอบอ่านหนังสือ ก็กลายมาเป็นคนรักการอ่าน... หนังสือที่นิยมๆกัน คือ พ่อรวยสอนลูก ซึ่งเล่มนี้แหละ เปลี่ยนชีวิตและแนวคิดของเสี่ย จนถึงทุกวันนี้เลยจริงๆ ใครไม่เคยอ่านลองไปหาอ่านดู เล่มที่ชื่อ "พ่อรวยสอนลูก" แล้วก็หนังสือ เกี่ยวกับแนวคิด ต่างๆ มากมาย เสี่ยกล้าพูดเลยว่า ถ้าคุณเข้าไปร้านหนังสือ หนังสือพวกแนวคิดต่างๆ กว่า 80% เสี่ยอ่านหมดแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ เสี่ยกลายเป็นคนมีหลักการมากขึ้น จากเดิมที่เป็นคน ปัญญาไม่มี หน้าตาดีไปวันๆ จะพูด จะคิดอะไร ก็เริ่มเป็นระบบมากขึ้น เริ่มมีการมองถึงเป้าหมายในอนาคต ที่ชัดเจนมากขึ้น ในแบบที่ไม่ใช่การเพ้อฝัน เดือนแรกที่ทำ เสี่ยมีรายได้จากธุรกิจนี้ ประมาณ 700 บาทเท่านั้น ถัดมา 3 เดือน รายได้ แตะหมื่นกว่าบาท (ถือว่าทำไม่ไวนะ) เสี่ยตัดสินใจ ลาออกจากงานประจำ มาทำเต็มเวลา ซึ่งการตัดสินใจลาออกมาทำเต็มเวลานี่แหละ ทำให้เสี่ยก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้ แบบเต็มตัว จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 16:06:00

ความคิดเห็นที่ 12 ช่วงที่ 2 - ช่วงทำ Full Time กลุ่มคนที่เสี่ยชวนช่วงแรก ก็มีพวกเพื่อนสนิทสมัยมหาลัย ญาติๆ แล้วก็บรรดา กิ๊กเก่า ทั้งหลาย ซึ่งเชื่อไหมว่า คนกลุ่มนี้ ก็สมัครๆไปงั้นๆ ไม่ได้คิดจะทำจริงจังเลย ซื้อกิน ซื้อใช้ ไปตามเรื่อง ตามราว ซึ่งกลุ่มนี้ ในวงการจะเรียกว่ากลุ่ม user ซึ่งจะไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่ากับกลุ่มที่เราเรียกว่า "นักธุรกิจ" ... ซึ่งเสี่ยมาถึงบางอ้อ ก็ตอนเลิกทำธุรกิจแล้ว ว่าจริงๆแล้ว เราควรสนใจกลุ่ม user มากกว่ากลุ่ม "นักธุรกิจ" (เดี๋ยวจะเฉลยตอนจบ ว่าเพราะอะไร) ตอนนี้รายได้เสี่ยประมาณเกือบๆ 2 หมื่นบาท สิ่งที่ทำในแต่ละวันก็คือ สปอนเซอร์ สปอนเซอร์ ทั้งเคสส่วนตัว และ ช่วยเคสทีมงาน แล้วก็ต้องตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่า "เดือนนี้ต้องมีลูกใหม่ เดือนนี้ต้องมีลูกใหม่" คำว่าลูกใหม่ ก็คือ คนที่เราไปแนะนำเองโดยตรง วันไหนไม่มีอะไรทำ เช่น ไม่มีเคสส่วนตัว ไม่มีทีมงานให้ไปช่วยเหลือ จิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อ กับตัว จริงๆนะ เพราะว่า พอว่างปุ๊บ เราจะรู้สึกว่า มันอันตราย!! อันตรายยังไง ก็มันหมายถึงว่า องค์กรเรา มันนิ่ง ไม่เคลื่อนไหวเลยน่ะสิครับ ดังนั้น ในแต่ละวัน เสี่ยจะพยายาม ทำตารางงานให้มันเน่นเข้าไว้ พูดตรงๆว่า ทำไงก็ได้ ให้ยุ่งๆ ให้มันมีงานทำ และในทุกๆสัปดาห์ จะมี 1 วัน ที่เราต้องไปเข้าประชุม ในสถานที่ๆเราเรียกกันว่า "เซ็นเตอร์" เดี๋ยวมาต่อ... จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 16:19:05

ความคิดเห็นที่ 13 คห.10 กรุณาอย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ ตัวอักษรเราก็เล่าเท่าที่เราเล่าได้ คุณไม่ได้มายืนจุดเดียวกับเราก็กรุณาอย่าตัดสิน จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 16:38:02

ความคิดเห็นที่ 14 ช่วงที่ 3 ช่วงรุ่งโรจน์ พอรายได้ขึ้นมา 30,000 บาท เสี่ยก็ได้มีโอกาส ไปเที่ยว ต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต แต่ไม่ได้ไปกับบริษัทนะ ไปกันในกลุ่มทีมงาน ซึ่งเป็นโปรโมชั่น ที่อัพไลน์เค้าจัดขึ้นมา ถ้าเราทำคะแนนถึงเราก็ได้ไป แต่ก็ไม่ได้ไปไกลมาก ก็ไปใกล้ๆนี่แหละ ช่วงนี้เริ่มรู้สึก รักอาชีพนี้ซะแล้วสิ เพราะผลลัพธ์ที่ได้ มันชัด มันทำให้เราเริ่มฝันแล้วว่า อยากทำนู่น ทำนี่ อยากได้นั่น ได้นี่ เริ่มเอาคนสำเร็จมาเทียบกับตัวเราว่า ถ้าเราทำได้อย่างเค้า เราจะทำอะไรบ้าง ชีวิตเราจะเปลี่ยนยังไง ตอนนั้นลุยมันเต็มทึ่เลย มีออก ตจว. ไกลๆ ก็ไป ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ออก ตก ไปหมด ทำให้เครือข่าย ของเสี่ย เริ่ม โตขึ้น โตขึ้น จังหวะนี้เอง เสี่ยก็เริ่มมีกลุ่ม ของนักธุรกิจ มากขึ้น มากขึ้น จากคนธรรมดาเดินดิน กลายเป็นคนสำคัญในองค์กร ใครๆก็เรียกเสี่ยว่า "ผู้นำ" พูดอะไร สอนอะไร แนะนำอะไร ก็มีคนเชื่อ คนฟัง เป็นตัวอย่างความสำเร็จให้กับคนอื่น หัวใจพองโตมากช่วงนั้น แตะรายได้ 60,000 กว่าบาท ครั้งแรกในชีวิต และแล้วชีวิตเริ่มเปลี่ยน... //แก้คำผิดเฉยๆ// แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 08:52:19 แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 54 21:49:56 จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 17:29:10

ความคิดเห็นที่ 15 เสี่ยอยู่กลุ่มไหนครับ อยากรู้ จากคุณ : Warot888 (warot888) เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 20:48:35

ความคิดเห็นที่ 16 รอฟังต่อค่ะ ขอบคุณมากๆๆเลยค่ะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 21:12:44

ความคิดเห็นที่ 17 ผมออกจากธุรกิจนี้ เพราะไม่อยากเอาเพื่อนๆ ญาติๆ และคนที่รักทุกๆคน มาเปลี่ยนเป็นเงิน จากคุณ : warot888 เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 22:31:15

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนนี้ผมก็มีปัญหากับเพื่อนเรื่อง aimstar เนี่ยแหละครับ เกี่ยวกับผลประโยชน์ต่างๆ เพราะว่าผมมีรายได้ตรงนี้ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย จากคุณ : กลุ้มใจ เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 23:56:30 A:101.109.204.193 X: TicketID:330381

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนนี้ผมก็มีปัญหากับเพื่อนเรื่อง aimstar เนี่ยแหละครับ เกี่ยวกับผลประโยชน์ต่างๆ เพราะว่าผมมีรายได้ตรงนี้ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย = =" พูดง่ายๆว่า เพราะความผิดพลาด+ฟลุ๊คนั่นแหละครับ ปัญหาเลยตามมาว่าเงินก้อนที่อยู่ในชื่อของผมนั้นควรเป็นของใคร ทีนี้เลยดราม่าใส่กันเป็นซีรีย์เลยทีเดียว TwT ............ เอาล่ะมาเข้าเรื่องของ จขกท. ที่ผมพอแนะนำได้ก็คือ ให้มันเป็นอย่างที่เป็นอยู่เนี่ยแหละครับ ในเมื่อไม่อยากที่จะเข้าไปฟัง ก็จะถูกชวนเป็นพักๆ ไปเรื่อยๆ หรือจนกว่าเพื่อนของ จขกท. จะหยุดไปเองน่ะครับ อย่าไปซีเรียสกับมันมากครับ ถ้าเค้าเป็นเพื่อนของคุณจริงๆ และเข้าใจจริงๆ เค้าก็จะรู้ว่าจะวางตัวในเรื่องนี้กับคุณยังไง บุญรักษาครับ :D จากคุณ : กลุ้ม เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 23:57:31 A:101.109.204.193 X: TicketID:330381

ความคิดเห็นที่ 20 คนใกล้ตัว ทำขายตรงทุกอย่าง ทุกยี่ห้อ พอมียี่ห้อใหม่เข้ามา ก็เลิกทำของเก่า แถมขายของใหม่ก็บอกว่าของเก่าไม่ดี เลิกแล้ว อันนี้ดีกว่า...สรุป คือ ไม่จีรังและยั่งยืน คนที่ได้จริงๆ คือ ตัวใหญ่ ตัวเล็กๆหน่ะ อย่าไปหวังอะไรเลย จากคุณ : แพนด้าม้าน้ำ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 10:04:57

ความคิดเห็นที่ 21 รอเสี่ย รอเสี่ย ^0^ จากคุณ : WaLLiiE เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 11:07:01

ความคิดเห็นที่ 22 หายไปไหนแล้ว เข้ามารอฟังค่ะ จากคุณ : Yinglatte เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 11:29:09

ความคิดเห็นที่ 23 รอรอรอ จากคุณ : พาไล เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 11:34:59

ความคิดเห็นที่ 24 เคยถูกหลอกไปฟังเฮอร์บาไลฟ์ตอนสมัยปี 2 เจ็บใจมากๆที่เสียค่าโง่ไป แต่ก็แค่ ไม่กี่บาทเอง แต่คิดว่าเสียค่าโง่เพื่อแลกกับประสบการ์ณอีกอย่างในชีวิต ประชุมครั้งแรก เสียเงินค่าประชุมด้วย 1 ร้อย ก็งง แต่ก็ยอมจ่าย ถามว่าจะทำแบบไหน พวกหัวหน้าก็บอกว่าต้องสมัครสมาชิกลูกเดียว ไม่ตอบสักอย่าง ให้ไปอบรมที่กรุงเทพอยู่นั่นแหละ พอรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบมาพากล เลยไปค้นในเน็ต หาไปเรื่อยๆ เริ่มถึงบางอ้อ หลอกลวงนี่หว่า พอเรียนจบหาข้อมูลพวกนั่น สรุปว่า ไม่เห็นมันจะรวยกว่าเดิมเลย ร้านที่มันเช่าก็ไม่มีแล้ว สรุป หลอกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากโง่ก็ลองทำเองละกัน ถ้าผมเห็นใครทำแล้วมาแนะนำผม ผมด่ากระจุยเลย แต่ก่อนจะด่าผมให้เขาเล่าทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนผมไม่รู้อะไรเลย แต่ในใจหัวเราะดังมาก เพราะเหมือนกับที่เคยฟังมาทุกอย่างเลย พอพูดจบผมก็สวดยับ ใครจะทำก็ทำไป ใครจะรวยเพราะขายตรงก็ทำไปเถอะ สักวันคุณจะรู้ความจริงเอง แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 54 11:52:01 จากคุณ : Montlunla เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 11:50:42

ความคิดเห็นที่ 25 มาเล่าเรื่องของตัวเองบ้างครับ แต่ก่อนรู้จักพี่คนนึง สนิทกันมาก รักแกเหมือนพี่น้องเลยครับ เพราะทำงาน รพ.เดียวกัน พอพี่เค้ามาทำ aim พี่เค้าก็มาชวนผมอย่างโนเนอย่างนี้ อยากรวยมั้ย คือเราก็เออๆออๆไป และก็มาคะยั้นคะยอให้ผมสมัคร และก็เข้าไปฟัง อืม บอกตรงๆ ว่า ไม่ใช่ตัวเองเลยครับ ไม่ชอบธุรกิจแบบนี้ แต่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง พอเราไม่ไปพี่เค้าก็เหมือนเริ่มไม่พอใจรวมทั้งแฟนเค้าด้วย และมันก็ทำให้ความสัมพันธ์ของพี่น้องห่างกันไปเรื่อยๆ และตอนนี้ผมก็ไม่อยากติดต่อกับแกเลยครับ และตอนนี้ก็ได้ข่าวว่าพี่เค้าลาออกจากงานประจำมาทำ aim ครับ โหกล้ามากๆครับ ไม่ใช่อะไรนะครับ งานประจำก็โอเคอยู่แล้ว รายได้ก็ไม่ใช่น้อยๆ ในใจคิดว่าถ้ารวยจริงก็อนุโมทนาครับ ยินดีด้วย แต่ถ้ามันไม่ประสบความสำเร็จล่ะ จะทำยังไง เหมือนเอาอนาคตมาแลก แถมตอนนี้ความสัมพันธ์ของพี่น้องก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เฮ้อ เหนื่อยใจครับ จากคุณ : i_jack114 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 11:53:59

ความคิดเห็นที่ 26 รอเสี่ยต่อค่ะ อยากรู้ด้วย จากคุณ : อะจึ๋ยเคี้ยก เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 11:55:40

ความคิดเห็นที่ 27 เสี่ยครับ......ผมรออยู่นะ ^^ จากคุณ : อยากเป็นโปร เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 12:23:15

ความคิดเห็นที่ 28 เพื่อนกำลังมาบ้านวันใดวันหนึ่ง เพื่อชวนเข้า แอมเวย์ ทำไงดีหว่า จากคุณ : โดดเดี่ยวในบ้านหลังใหญ่ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 12:50:40

ความคิดเห็นที่ 29 อ้าว เสี่ยครับ ... ไหง๋ ขยักขย่อน อย่างงี้ล่ะ   รออ่านอยู่เนี่ย จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 12:51:09

ความคิดเห็นที่ 30 เคยทำขายตรงนะ หลายรายด้วย หลายครั้งที่เข้าไปฟัง เพราะคิดว่าเค้าจะพูดเกี่ยวกับตัวสินค้าว่าดีอย่างไร อยากให้ทดลองให้ดู หรือสาธิตอะไรก็ได้ ที่เราจะสามารถเอาไปขายต่อคนอื่นได้ว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มันดียังไง มันดีจริงๆนะ (อยากพูดได้เต็มปาก) แต่สุดท้ายเวลาเข้าไปฟัง ก็จบลงด้วยการที่มีคนมายืนพูดประสบการณ์ชีวิตตัวเอง บอกว่าได้บ้านมากี่หลัง ได้รถมากี่คัน แล้วชี้ชวนให้สมัครเลย (ซะงั้น - -") คือเราอยากฟังเกี่ยวกับว่า คุณขาย product ยังไงมากกว่า อยากรู้ว่า product นั้นมันเทพยังไง แต่พอฟังแล้วก็ได้แต่นึกสงสัยว่าที่เล่ามานั้นมันเทพจริง(ป่ะวะ) แต่ก็ลองขายๆไป เราเคยเอารายการสินค้า ไปให้เพื่อนดูด้วย สมัยเรียน พอเห็นหน้าเพื่อนแหยงๆ แล้วรู้สึกผิดพิลึก ทำไปทำมา เริ่มรู้ว่าตัวเองไม่เหมาะกับการขายสินค้า ชวนคนนั้นคนนี้ให้ซื้อ เพราะเราเป็นคนขี้เกรงใจ ทุกวันนี้เรียนจบเพื่อนแยกย้ายไปหมด ก็ไม่ได้ขายอะไรที่ไหน ยังเป็นสมาชิกบางแห่งอยู่ แต่ไม่ได้ทำธุรกิจอะไรประเภทนี้ ได้แต่ซื้อสินค้าบางอย่าง ที่เราใช้แล้วรู้สึกดี ส่วนสินค้าที่เราเคยชี้ชวนเพื่อนซื้อ ถ้าเราเห็นว่าดี เราจะซื้อส่งไปให้ที่ต่างจังหวัด เหมือนเป็นของขวัญมากกว่า เห็นเพื่อนเราหลายคนที่ทำ Aim star ได้ดิบได้ดีก็เยอะ แต่ลองพิจารณาด้วยพื้นฐานแล้วเค้าเป็นคนที่เก่ง เพื่อนเยอะ ขายเก่ง ชวนเก่ง เค้าก็อยู่รอดได้ ได้เงินดีซะด้วย แล้วเราก็ยินดีกับเค้านะ เคยชวนให้เราไปทำ เราก็บอกไปว่า เราเคยทำประเภทนี้มาแล้ว ไม่ถนัดจริงๆ ช่วงนี้พอก่อน เอาไว้พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเริ่มทำใหม่ ไม่สายหรอก แล้วเค้าก็เข้าใจ และไม่เคยมาตื้ออีกเลยนะ ^^ จขกท ก็อย่าไปซีเรียสมาก ยิ่งเพื่อนสนิทด้วยแล้ว เราว่าคุยง่ายกว่าเพื่อนห่างๆที่ตื้อตลอดอีกนะ ถ้าเค้าทำสำเร็จเราก็ยินดีกับเค้า ถ้าเค้าทำไม่สำเร็จเดี๋ยวเค้าก็เลิกเองแหละ จากคุณ : SeiGaKu เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 13:27:28

ความคิดเห็นที่ 31 รอเสี่ย+ จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 13:32:49

ความคิดเห็นที่ 32 เสี่ยจ๋า....มาให้ไว รออยู่ รออยู่ จากคุณ : มนตราหิมาลัย เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 13:37:02

ความคิดเห็นที่ 33 ขายตรง หลัก ๆ ตามชื่อ ก็คือเป็น Sales น่ะแหละ คุณจะเป็นทั้งผู้บริโภค ผู้ซื้อและผู้หาลูกค้า การเป็น Sales ในรูปแบบขายตรง คุณต้องทำยอดตามเป้า จึงจะได้ส่วนแบ่งพอประมาณ ซึ่งการทำยอดก็ได้แ่ก่ 1. บริโภคสินค้าเอง 2. ซื้อสินค้าเองมาตุนแต่ไม่ได้บริโภค 3. หาลูกค้า 4. หาเครื่อข่ายมากทำ 1 2 3 4 ให้ ทีนี้เมื่อเป็นงานขายสินค้า ก็ต้องมาดูจุดเด่นของสินค้า สินค้าส่วนใหญ่จะไม่ใช่สินค้าที่จำเป็น บางอย่างเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป แต่ราคาแพงกว่า ทำให้เทคนิคการขายต้องเป็น - ให้เครื่อข่ายใช้กันเองเยอะ ๆ เพื่อยอด และบอกว่าเพื่อให้รู้จักสินค้าที่จะขาย - โม้แหลก สรรพคุณเทพ จริงบ้าง โม้บ้าง อันนี้ก็ทั่ว ๆ ไป - ที่สำคัญคือเทคนิคสร้างฝัน เพื่อให้ขยายเครื่อข่ายคนใช้  โดยการเน้นไปที่ความรวย รวย รวย แล้วก็รวย  คนไหนโน้มน้าวเก่ง ยิ่งได้ลูกข่ายมาก  ถ้ากระตุ้นให้ลูกข่ายใช้ + หาลูกข่ายอีก + ขายได้มาก ก็ยิ่งรับมาก ถ้าจะเข้าไปร่วม คุณต้องดูก่อนว่า คุณพร้อมไหม ผลตอบแทนไม่ใช่เงินเดือน แต่เป็นเหมือนค่าคอมมิชชั่นล้วน ๆ ขายมาก หาลูกข่ายได้มาก จูงใจลูกข่ายได้มาก ก็ได้มาก ถ้าขายไม่ออก หาลูกข่ายไม่ได้ ก็จบเห่ ได้แต่ซื้อมาใช้เอง หรือตุนเอง การหาลูกข่าย ก็อย่างที่เพื่อนคุณทำน่ะ เริ่มจากชวนคนใกล้ตัวไปเรื่อย ๆ ต้องมีคนตกลงซักคนบ้างล่ะ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 54 13:41:01 จากคุณ : hellmoon เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 13:39:44

ความคิดเห็นที่ 34 รอเสี่ยค่ะ ตอนนี้พี่สาวกินน้ำมันรำข้าวแล้วทำให้ทานข้าวได้ น้ำหนักขึ้นมา 5 กก. ( เป็นคนที่ผอม ) เค้าดีใจมาก ๆ มาชวนให้เรากิน บอกเราว่าทำให้สายตาดีขึ้นเพราะเค้าปาดเค้ก ทำเบเกอรี่เป็นชีวิต เพื่อน ๆ ร่วมคอนโดเห็นพี่สาวคนนี้เปลี่ยนไป หน้าก็เด้งขึ้น คนที่นั่นก็ซื้อกินตามอีก ( พี่สาวไม่ได้ขายนะ ) ส่วนพี่สาวอีกคนก็กินซันคาร่าแล้วบอกว่า รู้สึกดีขึ้นมาก ๆ ไม่ตกขาว ผิวก็ดี ผ่องขึ้นด้วย ส่วนเรารึ น้ำมันรำข้าวเคยซื้อมานานมาก ๆ แล้ว แต่เก็บไม่เคยเอาเข้าปาก เลยไปหยิบกินต่อ อิ ๆ ส่วนซันคาร่าพี่สาวจะเอามาให้เย็นนี้ เดี๋ยวจะลองดูว่าดีจริงไหม มาเพิ่มข้อความค่ะ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 54 13:45:31 จากคุณ : กัญจน์ญภา เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 13:43:24

ความคิดเห็นที่ 35 โคตรเกลียดเลย พวกนี้ 900บาทแลกกับเพื่อน มันไม่คุ้มเลย จากคุณ : ..NuPaopaO.. เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 13:51:52

ความคิดเห็นที่ 36 ติดเบ็ด จากคุณ : ยุ่งจิง เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 14:01:05

ความคิดเห็นที่ 37 เสี่ยถูกอุ้มไปซะแ้ล้ว จากคุณ : ton_sakura เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 14:39:35

ความคิดเห็นที่ 38 ผมเห็นเค้าติดป้ายบิลบอร์ดตรงทางด่วนเบ้อเริ่มเลย ว่า เอมสตาร์เปิดสาขาที่อเมริกาแล้ว แต่ไม่รู้เปิดสาขายังไง ไม่มีบอก  เป็น kiosk รึแบกะดิน ก็ถือว่าเป็นสาขาเหมือนกันเปล่า จากคุณ : konglha7 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 14:51:26

ความคิดเห็นที่ 39 เป็นกระทู้แนะนำด้วย งงเลยทีเดียว แต่ดีค่ะ อยากให้มาแชร์ๆกันคะ ไม่ด่ากัน ไม่พาดพิงนะคะ ^^ รอเสี่ยนะคะ หายไปนานแร้ววววว จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 14:57:05

ความคิดเห็นที่ 40 ขอเคลียร์เป็นเรื่องๆนะครับ 1. ด้านมุมมอง ส่วนตัวผมมองในด้านบวกนะครับ (ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำแล้วก็ตาม)..ส่วนเพื่อนๆผมก็ทำกันเยอะครับและก็มีรายได้หลักแสนกันทั้งนั้น....ปัจจุบันผมกับเพื่อนก็ยังคุยกันเหมือนเดิมครับ ไม่ได้ผิดใจกันหรือรู้สึกแปลกๆแต่อย่างใดครับ ผมเชื่อว่าเพื่อนก็ต้องเข้าใจคุณครับ 2. ด้านผลตอบแทน >> มีคนเคยพูดว่า "คนจนมองหางานทำ คนรวยมองหาเครือข่าย"...ผมเชื่อว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นเครื่องมือที่ทำให้ได้ผลตอบแทนสูงในระยะเวลาอันสั้นครับ แต่เราก็ต้องแลกมาด้วยการทำงานหนักและความอดทน(ต่อแรงต้าน) ให้ได้ครับ 3. ด้านสินค้า >> ผมมองว่าสินค้าของธุรกิจพวกนี้ มักจะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงครับ แต่ไม่ใช่ยาวิเศษที่รักษาได้ทุกโรค กินแล้วเหาะได้เหมือนที่หลายๆบริษัทโฆษณา(โม้) เอาไว้ แต่มันจะได้ผลดียิ่งเมื่อเราบริโภค ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ครับ 4. ด้านลักษณะงาน>> ธุรกิจนี้ เป็นงานที่ต้องทำกับคน มันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ใครหลายคน รู้สึกอึดอัดจากการถูกตื้อ ถูกบังคับ หรือ อาจจะถูกหลอก ครับ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่านักธุรกิจที่มาชวนคุณเค้า "อยากได้เงิน" จากคุณ หรือเค้าอยากมอบ "ทางเลือกชีวิต" ให้กับคุณครับ.. ....ขอให้โชคดีครับ.... ^0^ จากคุณ : Dune Wizard เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 15:19:19

ความคิดเห็นที่ 41 พี่เขยกำลังทำอยู่ (แต่ผมไม่ยุ่ง) น้ำมันรำข้าว ราคาสมาชิก =(ต้องซื้อ 8 ขวด ถึงจะได้ราคาขวดละ 550 บาท) ผมไปเจอที่ร้านขายอาหารเสริม เจ้าใหญ่สุดในจังหวัด ราคาเริ่มต้น ขวดละ 450 บาท (ซื้อกี่ขวดก็ได้) ไม่ใช่ของปลอมซะด้วย 555+ จากคุณ : Poprock Engineer เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 15:37:17

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่ได้ทำธุรกิจนี้นะ แต่มีไปเอี่ยวกับเค้าด้วยเป็นระยะๆ....... คนแรก เพื่อนสมัยเรียนมหาลัย ก็ค่อนข้างสนิทหน่อย ตอนที่เค้าธุรกิจ aim... ก็ขยันมาชวนให้ไป center ชวนไปโน้น ไปนี่ แต่เราไม่เคยไปเลยสักครั้ง เพราะไม่ว่างมีทั้งว่างจริงและว่างไม่จริงด้วยนะ แต่ที่ไม่ไปคือ ไม่อยากทำจริงๆ พอเพื่อนทำไปได้สักไม่กี่เดือน เลิกทำแล้ว เพราะว่า อัพไลน์เค้าไม่ค่อยโอเคด้วย งก ฯลฯ เพื่อนคนนี้โทรมาบอกว่าเลิกทำแล้วละ เรางี้ดีใจสุดๆ เพราะพูดอะไรกันแล้วจะไม่อึดอัดเท่าไหร่ สบายใจหน่อย จบไปคนแรก คนสอง แฟนเก่า เคยกินน้ำมันรำข้าว และเคยให้แม่เค้ากินด้วย เค้าก็ซื้อของมากินอย่างเดียว ไม่เคยคิดจะชวนเราทำ (ที่ไม่ชวน เพราะเห็นเราไม่ค่อยมีค่าในสายตาเค้าเท่าไหร่อยู่แล้วละ เพราะฉะนั้นเค้าจะทำอะไรยังไง เหมือนแค่บอกเรานิดๆหน่อยๆ แค่นั้น เป็นช่วงกำลังระหองระแหงด้วย) ตอนหลังๆ (ที่ยังคบกันอยู่อ่ะนะ) เห็นบอกว่าไม่กินแล้ว ไม่มีตังค์ ขี้เกียจซื้อ ฯลฯ แฟนเก่าเคยไปฟังมาหลายตัวแล้ว แต่ไม่ทำสักตัว เพราะไม่ใช่แนวตัวเอง คนสาม คนนี้หนักสุด เพื่อนสนิทที่สุด ณ ตอนนี้ คล้ายๆคนแรกละ แต่เยอะกว่า เค้าทำ am.... คือว่า ชวนให้ไป center ชวนไปกระชับมิตร ฯลฯ ไป center ได้ 2 ครั้ง และไม่ไปละ เพราะเสียเวลาที่เราจะอยู่กับที่บ้านด้วย เรื่องสุขภาพด้วย กลับดึก เหนื่อย รวมทั้งเรื่องงาน เรื่องเรียนเราอีก ไม่ไหวๆ แต่เค้าก็ไม่เลิกที่ตื้อนะ มีพูดเป็นระยะๆ ส่วนเพื่อนคนนี้ เค้าก็พยายามดี กลับบ้านดึกๆดื่นๆ บางวันกลับตีสอง อะไรประมาณนี้ เพราะไปสปอนเซอร์คนโน้น คนนี้ อีกอย่างเค้ามีรถด้วยละนะ เค้าบอกว่าไม่ได้มาขายของนะ แค่จะแนะนำสินค้าดีๆเพื่อสุขภาพ จะได้มีความสุขกับการดูแลตัวเอง กินอาหารเสริมสาระพัด เดือนนี้จะ break เดือนนั้นจะไปต่างประเทศ มันดีนะ สิ่งที่ธุรกิจนี้ตอบแทนให้มา ให้คนมีความหวัง ความฝันที่เป็นจริง บางครั้งไม่ต้องก็ได้ อยู่แบบที่เป็น ดื้นรนแต่พอตัว แต่.....จำไว้ว่า อย่าให้เดือดร้อน เพราะเพื่อนเราซื้อของมาใช้ ซื้อของมาสาธิต (บางตัวแพงมาก) เดือนๆนึงซื้อเยอะนะ เป็นหนี้มันเครดิตจำนวนมาก ไม่ไหวนะ ตอนนี้เค้าสำนึกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะสำนึกขนาดไหนอ่ะนะ ปอลอ ไม่ว่าธุรกิจ am.... นะ เดี๋ยวเผื่อตีความผิด แต่บางครั้งเพื่อนเราสื่อสารออกมาบางครั้งไม่โอเคเท่าไหร่นะ จนบางทีเราแย้งไป ทะเลาะกันหนักๆก็มี จากคุณ : fungjai เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 16:03:23

ความคิดเห็นที่ 43 ระหว่างรอเสี่ย กลุ่มที่ผมทำมาคือใช้ concept 1 ต่อ 6 คือคุณไม่ต้องทำอะไร ก็แค่รักษายอดเดือนละ 900 บาท แล้วไปหามาอีก 6 คน เพื่อรักษายอดต่อ รักษายอดกันไปเรื่อยๆ หาต่อกันไปเรื่อยๆ อันนี้ก็ มี “ผู้นำ” บางคน ที่ทำแบบนี้ แต่ไม่ใช่ภายใต้รหัสของผู้นำเค้าเอง เรียกว่าเหมือนกับส่งตัวแทนไปฝังไว้ในองค์กรทั้งซ้ายและขวาของเค้า ยิ่งลึกยิ่งดีจะได้ไม่ผิดสังเกต แล้วใช้ปั่นยอดจากรหัสนั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดรหัส ถึงโดนตัดรหัสก็ไม่กระทบเค้า เพราะไอ้ตัวการมันอยู่ลอยลำอยู่ข้างบน ก็กึ่งๆลูกโซ่แบบแฝงๆ แต่ก็อย่างว่า พอมีบางคนมันดันไม่รักษายอดตามพันธสัญญา ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ก็ทำให้ต้องอุดปะ ซ่อมกันอุดตลุด ไอ้เราอะเหนื่อย ยิ่งอยู่ล่างๆ ก็ไม่ได้กินยอดเท่าไหร่   ตอนชวนก็ไม่คิดอะไรมากครับ อธิบายให้ฟังอย่างชัดเจนว่า เรากำลังทำ พาวเวอร์ออฟ 6 อยู่ (ตัวอย่าง) ตั้งชื่อให้กิ้ปเก๋ เสร็จแล้วไปอธิบายถึงวิธีการให้กับกลุ่มเป้าหมายฟังโดย จะเน้นกลุ่มรากหญ้าถึงชนชั้นกลางที่ต้องการอยู่เฉยๆแล้วได้ตัง พอเค้าเห็นดีเห็นงามก็ไปชักชวนกันต่อๆมา โดยมีข้อบังคับว่าต้อง ไปหามาต่อ และเซ็นต์ใบสมัครมาครบเรียบร้อย พร้อมปิดซุปเรียบร้อย ถึงจะเข้ามาต่อได้จึงจะรับประกัน รายได้ต่อเนื่องได้ เป็นเพียงแค่วิธีการนึง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม จากคุณ : vadchiangrai เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 17:09:45

ความคิดเห็นที่ 44 มาฟังเสี่ยต่อ จากคุณ : charmander เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 17:19:43

ความคิดเห็นที่ 45 เสี่ยยยคร๊าบบบบ มาเล่าต่อเถอะกำลังสนุกเลยครับ จากคุณ : ก้ามคับ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 17:33:58

ความคิดเห็นที่ 46 ผมชอบนะครับการทำงานแบบเครือข่ายแบบนี้ แต่ที่ผมไม่ทำ เพราะ ผมไม่เห็นด้วยเรื่องสินค้านี่แหละ อย่างที่ #ความคิดเห็นที่ 40 บอกว่า 3. ด้านสินค้า >> ผมมองว่าสินค้าของธุรกิจพวกนี้ มักจะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงครับ แต่ไม่ใช่ยาวิเศษที่รักษาได้ทุกโรค กินแล้วเหาะได้เหมือนที่หลายๆบริษัทโฆษณา(โม้) เอาไว้ แต่มันจะได้ผลดียิ่งเมื่อเราบริโภค ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ครับ ผมว่าที่มันส่งผลดีเพราะเพราะประโยคนี้มากกว่าสินค้าครับ "แต่มันจะได้ผลดียิ่งเมื่อเราบริโภค ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ" มันดีเพราะเราทานอาหารดี ออกกำลังกายครับ ไม่ใช่เพราะสินค้า ล้านเปอร์เซนต์ ปล. ผมกับแฟน เป็นนักวิจัยด้านโภชนาการ กับพิษวิทยาครับ  คุยกันทุกวันเรื่องนี้ว่าคนใช้เงินผิดๆไปกับเรื่องนี้เยอะ  กินง่ายๆ ถูกๆ ก็สุขภาพดีได้ครับ  ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ง่ายๆจบ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 54 20:03:07 จากคุณ : Love_mu1 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 20:02:41

ความคิดเห็นที่ 47 ต่อจากความคิดเห็นที่ 14 เสี่ยเกิดมา ไม่เคยมีรายได้ 60,000 - 70,000 ต่อเดือนมาก่อนในชีวิต ช่วงนี้ทำให้เสี่ยรู้สึกตัวเองดูดี มีชาติตระกูลมากๆ เสี่ยลืมเล่าไป เมื่อก่อนตอนเสี่ยทำเอมสตาร์แรกๆ เสี่ยไม่มีรถส่วนตัว ไปไหนก็รถเมล์ ทำไประยะนึง ก็ถอยมอเตอร์ไซ เป็นของตัวเองมาได้ 1 คัน พอตอนนี้ รายได้เกือบๆจะแสนแล้ว เสี่ยเริ่มมองภาพว่า เดี๋ยวมันก็ต้องแตะแสนแน่ๆ เสี่ยไปดาวน์รถ 1,500 ซีซี มาคันนึง เงินดาวน์ หุ้นกันกับ ผบ. แค่นั้นไม่หนำใจ เดือนถัดมา เสี่ยซื้อรถให้แม่ใช้อีก 1 คัน แต่เป็นรถมือสอง เป็นรถปี 2008 ซึ่งสภาพดีมาก ญาติเอามาขายให้ เป็นไง เท่ห์ไหม ความเท่ห์ไม่หยุดแค่นี้.... เสี่ยอยากทำตัวไฮโซ บ้านเสี่ยอยู่ชานเมือง เสี่ยรู้สึกว่า มันไกลเวลาออกไปทำงาน เพราะเนื้องานส่วนใหญ่อยู่ในเมือง เสี่ยเลยหาซื้อคอนโด ... แต่ ซื้อไม่ได้ เพราะเสี่ยอาชีพอิสระ เค้าไม่ปล่อยกู้ ก็เลยเปลี่ยนเป็นเช่าแทน เช่าคอนโดเดือนละ 12,000 จำได้ว่า สมัยเรียนมหาลัย เสี่ยอยู่อพาร์ทเม้น เดือนละ 3,000 ก็รู้สึกว่าหรูแล้ว คอนโดเสี่ยมีอ่างอาบน้ำด้วยนะ ไฮโซจริงๆ 555 ขนาดที่บ้านยังไม่มีเลย เดี๋่ยวมาต่อ ไม่รู้ยังอ่านกันอยู่รึเปล่า ตอนแรกที่หยุดเล่าไป เพราะเสี่ยนึกว่า ไม่มีคนอ่าน แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 54 21:24:52 จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 21:23:16

ความคิดเห็นที่ 48 รับรองว่าเรื่องของเสี่ย จะทำให้คนที่ทำเอมสตาร์ ได้คิด และคนที่กำลังทำ ได้รู้ โดยที่เสี่ยไม่ดิสเครดิต ใคร ใดๆเลย จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 21:26:36

ความคิดเห็นที่ 49 เวลาไปเซ็นเตอร์ บ่อยครั้ง เสี่ยจะได้รับหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ หรือบางทีก็ต้องไปพูด อธิบายเรื่องราวของธุรกิจ ในห้องสำหรับคนใหม่ ที่เพิ่งมาครั้งแรก คือเซ็นเตอร์ หลักๆ จะมี 2 ห้อง ห้องแรกคือ ห้องคนใหม่ ห้องนี้จะคุยเรื่องเกี่ยวกับบริษัททั้งหมด พรีเซนสินค้า แผนธุรกิจ และคนที่ประสบความสำเร็จ ส่วนอีกห้อง เป็นห้องเทรนนิ่ง สำหรับคนที่ทำธุรกิจอยู่ มาเรียนรู้วิธีการ เรียนรู้แนวคิด การดูแลองค์กร การติดตามทีมงาน ฯลฯ ซึ่งเสี่ยบอกเลยว่า ไอห้องเทรนนิ่งเนี่ย มันโคตรจะดีเลย ดียังไง? ดีตรงที่ มันช่วยพัฒนาทักษะอย่างเห็นได้ชัด ทั้งบุคลิกภาพ ความมั่นใจ การพูด การจา แนวคิด ฯลฯ ซึ่งใครว่าล้างสมอง เสี่ยยืนยันเลยว่า "ไม่ใช่" เพราะคน ไม่ใช่สัตว์มีเขา จะได้ไปนั่งให้ใครมาล้างสมอง ในเอมสตาร์ เค้าจะมีแบ่งเป็นกลุ่มๆ ตามผู้นำระดับสูง ซึ่งได้หลักล้าน/เดือน กันไปหมดแล้ว อาทิเช่น (ขออนุญาตเอ่ย) Clover Group Together Together Plus Century ICDS เป็นต้น ในการเข้าประชุมที่เซ็นเตอร์แต่ละครั้ง "ไม่เสียค่าใช้จ่าย" เพราะผู้นำระดับสูงที่มีรายได้แล้ว จะช่วยกันหารค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ดังนั้น ตัดประเด็นเรื่อง การหลอกไปฟัง แล้วเก็บเงินได้เลย อย่างเสี่ย รายได้เกือบๆ 70,000 บาท เสี่ยมีหน้าที่จ่ายค่าเช่าห้องประชุม เดือนละแค่ 1,000 บาท เสี่ยอยู่ในธุรกิจมาร่วมๆ 3 ปีเต็ม โดยทำเป็นอาชีพ ไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลย ด้วยแผนธุรกิจที่มันง่าย... จนเสี่ยรู้สึกว่า มันง่ายเกินไป จนทำให้บางที กลายเป็นยากสำหรับบางคน และง่ายเกินไป สำหรับบางคน งงไหม เดี๋ยวเสี่ยมาอธิบายให้ฟัง จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 21:42:48

ความคิดเห็นที่ 50 ผบ. จะดูหนัง เดี๋ยวพรุ่งนี้ เสี่ยจะมาเล่าให้จบ จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 21:51:51

ความคิดเห็นที่ 51 อ่านอยู่ค่ะ พี่ที่ทำงานเคยทำ คลั่งไคล้รุนแรง หายใจเข้า หายใจออกเป็นเอม แต่ตอนนี้เลิกแล้ว เลิกเด็ดขาดเลย สงสัยเหมือนกัน เพราะอะไรนะ? จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 22:17:19

ความคิดเห็นที่ 52 จะเข้ามาอ่านใหม่นะคะเสี่ยหรอย จากคุณ : takai1987 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 22:26:06

ความคิดเห็นที่ 53 โห. คุณ love2loveU อยากทราบเรื่องราวจังค่ะ เพื่อจะำเป็นข้อมูลน่าสนใจ ^^ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 22:45:05

ความคิดเห็นที่ 54 จขกท อยากรู้ แนะนำให้ "ลองดู" แล้วมาบอกกันมั่งนะ จากคุณ : เบนบ้านคลอง เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 23:10:34

ความคิดเห็นที่ 55 อ้าว..เสี่ยคะ ค้างเลย กะลังอ่านมันส์ๆ เสี่ยเล่าได้สนุกดีค่ะ เพื่อนก็มาชวนทำค่ะ แต่เราถามกลับว่า ตัวสินค้าน่ะ เครื่องสำอางค์ ราคาสูง เทียบเท่าเค้าท์เตอร์แบรนด์ ไปซื้อของแบรนด์เลยไม่ดีเหรอ แล้วอาหารเพื่อสุขภาพ ก่อนหน้าที่จะรู้จัก เอมสตาร์น่ะ เราต้องกินมั้ย ก็ไม่กิน แล้วตอนนี้ ทำใมเราต้องซื้อสินค้าไว้ทุกเดือนล่ะ ตอนที่เพื่อนชวน เราบอกเค้าว่า เธอรู้จักนิสัยฉันใช่มั้ย ฉันไม่ชอบตื้อคน ง้อคน พูดอะไรมากมาย เพราะถ้าสมัครไป ก็คือเสียเงินทิ้ง และฉันก็คงไม่ขยายเครือข่ายให้เธอ เพราะฉันพูดไม่เก่ง เข้าใจนะ เอาแค่นี้ละกัน เพราะตอนนี้เพื่อนก็เลิกทำแล้ว จากคุณ : ชีวิตชิลชิล เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 23:32:15

ความคิดเห็นที่ 56 เห็นเพื่อนชวนเหมือนกันค่ะ เพิ่ง ม.5เอง ฮ่าๆ พอถามว่ามันคืออะไร เหมือนแอม... อ๊ะป่าว เพื่อนร่ายมาซะยาวเลย ว่าไม่ใช่ๆ :D จากคุณ : Margaret เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 23:34:58

ความคิดเห็นที่ 57 ... จากคุณ : BEETONG เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 23:47:09

ความคิดเห็นที่ 58 คห.54 เราแจ้งไว้ชัดเจน ว่าเราคิดยังไงค่ะ เราไม่ไปค่ะ จริงๆเราก็เคยไปฟังแล้วกับธุรกิจขายตรง แต่ไม่ใช่ Aim star นานแล้วค่ะ เราแค่ต้องการทราบเกี่ยวกับ Aim Star เท่านั้น เราพอใจแล้วค่ะ จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 00:01:39

ความคิดเห็นที่ 59 คอยด้วยคน จากคุณ : เป็ดสวรรค์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 00:04:40

ความคิดเห็นที่ 60 เพิ่งมีคนมาชวนเหมือนกันแล้วใส่กลับไปด้วยว่า "อย่าโลภเลย ไปวัดตัดกิเลสออกไปซะบ้างนะ" เราเห็นว่าธุรกิจพวกนี้มากระตุ้นความโลภของคนให้มากขึ้น จากที่เคยอยู่ปกติสุข พอมี พอกิน พอใช้ มีเหลือเก็บ เรื่อยๆ กับชีวิตกลับต้องมาคิดเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้ (ถึงจะเป็นไปได้ก็ไปเบียดเบียนคนอื่นเค้า มันบาป) ฉะนั้นมีชีวิตที่พอเพียง กินอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกายให้แข็งแรง ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ  ทำอาชีพที่ไม่เดือดร้อนใคร เท่านี้ก็เพียงพอต่อการดำรงชีวิตแล้ว ปล. มารอเสี่ยหรอยด้วยคน กำลังมันส์เลย เสี่ยรีบมานะคะ ทุกคนกำลังคอยอยู่ จากคุณ : bevery เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 00:40:58

ความคิดเห็นที่ 61 เราเฉยๆ. นะกับพวกธุรกิจพวกนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปรบมือกันเกรียวเวลาไปนั่งฟัง เราก็เคยไปนั่งฟังนะ ก็ได้ความรู้ด้านอื่นๆ ด้วย. จริงๆ นะ แบบโภชนาการ. ร่างกายอะไรพวกนี้ แต่เราไม่เคยลุกขึ้นปรบมือให้ใครหรือทำหน้าชื่นชมสุดยอดอะไรอย่างนี้นะ. ก็เฉยๆ. เขาก็แค่คนที่ประสบความสำเร็จมีรายได้ระดับสูงแล้ว. แค่นั้น มีญาติทำของแอม อยู่ระดับสูงแล้วด้วย ได้ไปเที่ยวยุโรปไม่รู้จะกี่รอบ เราก็จะรำคาญเสมอที่เขามักจะบอกว่าอาชีพลูกจ้างมันไม่มั่นคง อะ อันนี้เข้าใจ เราก็ใช้สินค้า แต่ไม่ใช่สาวกนะ ก็เฉยๆ อะ. ยี่ห้ออื่นก็ใช้ จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 01:02:11

ความคิดเห็นที่ 62 ขอเล่าประสบการณ์จี๊ด ๆ ที่ได้สัมผัสมานะคะ มีรุ่นน้องคนนึงก็สนิทกันมากพอสมควรโทรมาหาเรา บอกว่ามีเรื่องจะปรึกษา อยากคุยด้วย ไอ้เราด้วยความเป็นห่วงน้องเลิกงานก็โอเคไปเจอ ทั้งที่วันนั้นเป็นวันที่งานเรามีปัญหา เราก็เครียดอยากกลับบ้านนอนมาก สุดท้ายพอมาเจอกลับต้องมานั่งฟังน้องสาธยายเกี่ยวกับของธุรกิจนี้ ทั้ง ๆ ที่เราเองไม่ได้สนใจเลย แล้วไม่ได้มีน้องคนเดียว มีอีก 2-3 คนมานั่งรุมช่วยกันโน้มน้าว เห็นเราไม่สนใจก็มีคนที่ 4 เข้ามาอีก เอ้า!! อยากจะลุกก็ลุกไม่ได้ สรุปวันนั้นเรานั่งฟังไปเกือบ 2 ชั่วโมง จนเรามึนลืมไปเลยว่าน้องไม่ได้ปรึกษาไรเราเลยนี่หว่า เรียกมานั่งฟังล้วน ๆ เราอุตส่าห์เป็นห่วง ..แบบว่าเสียความรู้สึกไปเลย คือน้องเคยพูดให้เราฟังแล้วแหล่ะว่าน้องเค้าทำ เราก็ออกตัวไปก่อนแล้วด้วยว่าเราไม่สนใจนะ ก็คิดว่าจบแล้วก็คุยเรื่องอื่นกันเหมือนเดิม ไม่คิดว่าน้องเค้าจะมาไม้นี้ พูดไม่ออกเลย สุดท้ายน้องเค้าให้เหตุผลว่าแค่อยากแนะนำสิ่งดี ๆ ให้ ไม่อยากให้ปิดใจ บลาๆๆๆ แต่วิธีการของน้องมันทำให้เราติดลบกับการทำธุรกิจแบบนี้ไปแล้วอ่ะค่ะ จากคุณ : นู๋ปุ้ย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 01:03:51

ความคิดเห็นที่ 63 วันนี้เพิ่งเจอธุรกิจเครือข่ายรูปแบบใหม่ (อาจจะเก่าสำหรับคนอื่น) เป็นการเปิดเบอร์ ทรูมูฟ ส่งเข้ามาทางเมลล์ ชื่อ real nwtwork ไม่รู้ว่าบริหารจัดการกันยังไงเหมือนกัน ขอเล่ามั่งนะ เคยมีเพื่อนร่วมรุ่นแต่ไม่ได้สนิทกัน เจอก็คุยกันธรรมดา เรียนจบก็แยกย้ายกันไป อยู่ดีๆมาเจอกันก็คุยกันแล้วขอเบอร์ก็ให้ไป ไม่กี่วันก็โทรมาชวนไปกินเหล้า บอกว่าเดี๋ยวเลี้ยง เออดีๆ ก็ไป พอเจอมันก็บอกว่า เดี๋ยวมีอะไรจะบอก แล้วมันก็ไม่บอก บอกว่าเดี๋ยวรอพี่มันมาก่อน ถามว่าเรื่องอะไรก็บอกเดี๋ยวรอพี่มันมาก่อน ก็สงสัยล่ะ มันมีอะไร แล้วเรื่องพี่มันมาเกี่ยวกะกรูตรงไหน พอพี่มันมาก็ซื่อๆเลย เราบอกว่าไม่อ่ะครับ แม่ก็ทำอยู่ ขายซูเลียน ดูท่าทางพวกเค้าก็เสีย Self ไปเหมือนกันนะ ก็เราไม่สนใจจริงๆนี่หว่า อีกอย่างขืนสมัครไป โดนแม่ด่าแน่ๆครับ พวกนี้ข้อหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบคือ ชอบเอาตัวอย่างของคนที่ทำแล้วรวย มีบ้านมีรถ มาอ้างอิง แล้วถามแบบไม่ค่อยให้เกรียติเรา ตรงที่ว่า อยากมีเหมือนเค้าไหม๊ ฟังแล้วมัน เกิดรู้สึกว่า เรามันเป็นเครื่องมืออุปกรณ์ทางการเกษตรให้เค้าจูงไปไงอย่างนั้นน่ะ ของพวกนี้ยอมรับว่าบางอย่างก็ใช้ดีนะ บางทีก็อยากใช้ อยากช่วยเพื่อนเรื่องยอด แต่ โอ้โห...ราคามัน เอาเรื่องน่าดูเลย ขอแนะนำเจ้าของกระทู้ว่า ก็สมัครเป็นสมาชิกเพื่อช่วยเพื่อนเรื่องยอด แต่ก็คุยกันก่อนว่า ไม่ไปฟังนะ แค่้สมัครให้เธอมียอด ถ้าเอาไปใช้แล้วดี อนาคตก็อาจจะซื้อต่อเนื่อง ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ยังไงลองพิจารณาดูครับ จากคุณ : ผู้ชำนาญการด้านความเหงา เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 01:23:58

ความคิดเห็นที่ 64 ทำตอนนี้ ก็ไปเพิ่มเงินให้พวกเสี่ยแหละครับ พวกระดับ TOP ระดับล่าง ทำงานกันขี้แตก แต่แล้วแต่คนชอบละน่ะ  บางคนชอบขายก็ ได้ทำในสิ่งที่ชอบก็ดีน่ะ แต่ที่สำคัญ อย่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็พอ จากคุณ : phanyanukul เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 01:47:42

ความคิดเห็นที่ 65 กำลังโดนลากให้ไปทำอยู่ค่ะ โดยเอาความฝันว่าได้ไปเที่ยวต่างประเทศมาล่อ แล้วก็นะ...คนที่มาชักชวนให้ไปทำก็เป็นผู้ใหญ่ที่นับถือซะด้วย ท่าทางแกจะชอบแผนธุรกิจมาก วาดฝันให้ลูกเลยทีเดียวว่าจะพาลูกไปเมืองนอก เราไม่ได้ไม่ชอบธุรกิจนี้นะคะ แต่เราไม่ชอบคนที่ใช้ธุรกิจนี้เป็นเครื่องมือหลอกล่อคนให้มีกิเลส อยากได้เงิน อยากรวย อยากไปเที่ยวต่างประเทศมากกว่าค่ะ ส่วนตัวแล้วได้ลองใช้สินค้าตัวดังๆของเค้าแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายเลยค่ะนอกจากทำให้กินเก่งขึ้น แต่อาการนอนไม่หลับ ปวดหัว แพ้อากาศอะไรพวกนี้ยังมีอยู่ค่ะ ขนาดอัดวันละ4เม็ดนะคะเนี่ย จากคุณ : ฉันรักตัวฉัน เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 03:40:58

ความคิดเห็นที่ 66 อันนี้ตอบในฐานะผู้บริโภคนะคะ ไม่รู้จะเกี่ยวกันบ้างหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่าอาจจะได้รับประโยชน์บ้างในด้านใดด้านหนึ่ง(หรอ??)หรือคนที่ทำธุรกิจนี้อยู่อาจจะนำไปใช้ปรับปรุงในด้านการขายผลิตภัณท์และสินค้าได้ค่ะ อิอิ คือเราสัมผัสกับธุรกิจประเภทนี้บ่อยมากๆๆในหลายๆๆๆแบรนด์ ( ไม่เคยทำธุรกิจค่ะ แต่ว่าคนรอบๆตัวชอบมาชักจูง แฮ่ๆๆ ) อันดับแรก แอม.. อันนี้คุณแม่ใช้ค่ะแต่เค้าก็สมัครแบบนักธุรกิจหน่ะค่ะ เพราะว่าเหมือนช่วยคนที่มาขายประมาณนี้เพราะสินค้าหลายตัวก็มีคุณภาพดี ปล.คุณแม่ไม่ได้ซื้อพวกอาหารเสริมนะคะ ส่วนใหญ่เป็นพวกเครื่องสำอาง และ อื่นๆ ซึ่งคุณแม่ชอบและเห็นว่าหลายตัวก็มีคุณภาพดีจริงๆ :) ** แต่ประเด็นอยู่ที่ เราแอบ "รำคาญ" คนที่เป็น เค้าเรียกอะไรนะ เหมือนเป็นหัวหน้าทีมหรือเป็นอะไรสักอย่างของคนที่นำสินค้ามาขายคุณแม่เราอีกทอดนึงหน่ะค่ะ คงเห็นว่าคนๆนี้ขายคุณแม่เราได้เยอะได้บ่อย เค้าก็แบบมาทำการตลาดกับคุณแม่เราเองซะเลย คือ ช่วงนึงเค้าจะมาทุกๆๆๆๆๆๆวัน คือคุณแม่เราเป็นแม่บ้านด้วยไงคะอาจจะเห็นว่ามีเวลาว่างค่อนข่างเยอะ แนะนำโน่นนี่ และที่สำคัญจะขาย "เครื่องกรองน้ำ" ซะให้ได้เลย มาที่บ้านบ่อยจนในลักษณะ"แขกไม่ได้รับเชิญ"ก็ว่าได้เลยค่ะ เบื่อมากๆๆๆ แต่คุณแม่ก็ไม่อยากจะ "ไล่" นะคะ ผ่านไปเป็นเดือนๆๆๆหน่ะค่ะ ถึงเงียบหายไป -*- ต้องบอกก่อนเลยว่าที่คุณแม่ซื้อเพราะพอใจในตัวสินค้าเองไม่ใช่เรื่องอื่นใด อันนี้ต่อมาเป็นธุรกิจ ที่ จขกท. ถามนี่ล่ะค่ะ เรามีพี่สาวที่มีเพื่อนทำธุรกิจนี้อยู่บอกตามตรงว่า ช่วงนึงพี่สาวแทบจะตัดขาดกับเพื่อนคนนี้แล้ว คือเค้ามาบอกขายสินค้าให้กับพี่สาวเรา พี่สาวเราก็ด้วยความที่อยากช่วยเพื่อน จึงซื้อสินค้าไปในบางรายการที่เห็นว่าพอใจ เท่านั้นไม่พอเพื่อนคนนี้บอกกับพี่สาวว่า " แกๆๆมีเพ่อนแกคนไหนอีกมั๊ย?ที่สนใจ ( แล้วตรูจะไปรู้หรือฟระ T^T ) พี่สาวเราก็นะด้วยความเห็นว่าเป็นเพื่อน จึงไปขายกับเจ้านายให้ แบบเอาแคตาล็อคไปให้ไรงี้ เจ้านายพี่สาวสั่งสินค้าหลายรายการ ราคารวมเป็นหมื่นบาท!! เจ้าเพื่อนพี่สาวเห็นดังนั้นเลยอยากทำความรู้จักกับเจ้านายพี่สาวเรามาก จึงทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้พบเจอกับเค้า เพราะอยากขายสินค้าหน่ะค่ะ จนเกือบทะเลาะกันเลย อันนี้เล่าคร่าวๆนะคะ ต่อมาสดๆร้อนๆเกิดขึ้นกับตัวเองค่ะ มีเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทพอควรทำธุรกิจนี้ ที่จขกท.ถามถึงนี่ล่ะค่ะ เค้าคนนี้เดิมทีเป็นคนที่มีฐานะทางบ้าน ฐานะทางการเงิน ดีมากๆๆๆๆๆ อยู่แล้วนะคะ เรียกว่า รวย อยู่ในระดับสูงของสังคมเลยดีกว่า เค้าก็มาแนะนำเรา  ส่วนตัวเราเนี่ย เรียนตามตรงว่าไม่ได้แอนตี้ อะไรนะคะ ก็รับฟังได้ จึงบอกเค้าไปว่า โอเค ก็รับฟังได้นะ เค้าเห็นเรามีทีท่าสนใจระดับนึง คงไปบอกกับเพื่อนๆในกลุ่มนักธุรกิจที่เค้าทำด้วยกันอ่ะ แบบหลังจากนั้นจัดเต็มเลย -*- พวกกลุ่มนักธุกิจเค้าก็อยากคุยกับเรา นัดเจอ สนใจไหม บลาๆๆ ถ้าลงทุนเท่านั้น เท่านี้ ได้เท่านั้นอย่างนั้นนี้ ได้ไปเมืองนอกนะ ให้ดูวีซีดีจากคนจนทำไงรวยได้ ไปยุโรป บลาๆๆ ( เอ่อถึงตรูจะไม่ได้เศรษฐ๊อะไรในตอนนี้ แต่ตรูก็ไปเมืองนอกเองได้เฟ่ยโดยไม่ได้ต้องพึ่งธุรกิจแบบนี้ ) ร่ายมาซะนาน คือ สรุปว่า ส่วนตัวเรา "เกลียด" การชักจูงให้เป็นสมาชิกหรือว่าสนใจทำธุรกิจพวกนี้โดยการ แนะนำ อวดอ้างสรรพคุณ ( หรือโม้ ) หรือว่าอาจจะจริง ในทำนองที่ว่า - ทำแล้วไปเมืองนอกนะฮร้า ไปเที่ยวยุโรปคร๊า - มีรถขับหรูเท่ห์ๆนะ จิบอกให้ - นำคนที่เคยยากจนค่อนแค้นนนนมั่กๆๆๆๆ แต่ตอนนี้ร่ำรวยโฮกเป็นเศรษฐีมาบอกว่า เนี่ยะฉันรวยได้เพราะธุรกิจนี้ -*- คือแต่ละธุรกิจอ่ะเหมือนกันหมด "รำคาญ" คร๊าาา เราอยากให้แนะนำในตัวสินค้าจริงๆมากกว่า ให้เป็นการแนะนำสินค้า ในเชิงให้ข้อมูล และ ไม่ใช่อวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง ซึ่งตอนนี้เราก็ไม่ได้แอนตี้การทำธุรกิจประเภทนี้นะ แต่เผื่อคนไหนทำอยู่อยากให้ปรับกลยุทธในการขายนิดนึง จะดีมากๆๆๆค่ะ จบข่าว ปล2. ร่ายมานาน ไม่รู้เกี่ยวกับที่ จขกท. ถามบ้างหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆๆ จากคุณ : KimYee เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 08:50:22

ความคิดเห็นที่ 67 ผมมองว่ามันยากครับ ถ้าอยู่ ยอดปิระมิด อันนั้น รายได้ดีจริง แต่ถ้าอยู่ปลายยอด อันนั้นแย่ มีคอนโดอยู่ มีรถ ขับ เหมือนจะสวยหรูน่ะครับ แต่ยังไงก็เป็นหนี้ รอบด้านเลยดูดี แต่ภาพ ผมเคยโดนเหมือนกัน พวกขายตรง แต่งตัวดีๆ ขับรถดีๆไว้ก่อน จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 08:59:41

ความคิดเห็นที่ 68 เล่าต่อจาก ความคิดเห็นที่ 49 ตอนนี้ เสี่ยจะอธิบายให้ฟังว่า แผนธุรกิจมันง่ายเกินไป แล้วก็ ยากเกินไปเพราะอะไร จำได้ไหม เสี่ยเคยเล่าไปว่า เพื่อนที่มาชวนเสี่ย รายได้ประมาณ 7แสน แล้ว แล้วเพื่อนคนนี้ ก็ช่วยให้เพื่อนๆอีกหลายคน มีรายได้ หลักแสน ตามๆกัน ซึ่งเสี่ยก็นับถือในความเก่ง ของเพื่อนคนนี้มากๆ ชีวิตเพื่อนคนนี้ ก็เริ่มเปลี่ยนอย่างหน้ามือ เป็นหลังมือ มีบ้าน มีรถหรู มีโคโยตี้ มีพริตตี้ มีดาวมหาลัย 555 (จริงๆ) ประเด็นก็คือ พอเค้าได้รายได้เยอะๆแล้ว เค้าก็เริ่มหยุดทำ เพราะแผนธุรกิจมันง่าย มันหยุดทำแต่รายได้มันก็ยังมีอยู่ เพราะเครือข่ายมันมีร่วมแสนคนได้มั้ง ยกตัวอย่างเสี่ยก็ได้ แผนมันง่ายขนาดที่ว่า เสี่ยเจอคนเอาจริงกับเสี่ยแค่ 2 คน เสี่ยก็มีรายได้ขึ้นมาเลย ประมาณ 7หมื่น อันนี้เสี่ยไม่ได้มาอวยว่า แผนบริษัทมันดี แต่อย่างใด ก็เพราะแผนมันง่ายนี่แหละ มันเลยเป็นดาบสองคมตรงที่... มันทำให้คนที่มีรายได้เยอะ "ตกหลุมสบาย" ก็คือคิดง่ายๆ ไม่ต้องทำอะไรก็ ได้เงิน พอคนที่ชวนเราไม่ทำแล้วปุ๊บ เราก็ต้องทำเอง แต่ประเด็นคือ ทักษะหรือความสามารถ ในการบริหารทรพยากรบุคคล ของแต่ละคน มันไม่เท่ากัน คนที่ประสบความสำเร็จ มีประสบการณ์ มีภาพความสำเร็จที่ชัดเจน หากได้เข้ามาช่วยคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ มันก็จะทำให้คนๆนั้น ประสบความสำเร็จ ได้ง่าย และไวขึ้น แต่คนสำเร็จหลายคน ตกหลุมสบาย หรือบางคนก็กลายเป็นเทวดาไป เข้าไม่ถึงตัว เริ่มไม่อยากไปคุยเคสเล็กๆ จะคุยที ขอเป็นเจ้าของกิจการ หรือคนใหญ่คนโตเท่านั้น จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 09:04:25

ความคิดเห็นที่ 69 ช่วงที่ 4 ในช่วงนี้ เสี่ยรับรายได้ประมาณ 7หมื่น มา เกือบๆ 1 ปี ตำแหน่งก็ไม่ไปไหน ไม่ขึ้น ไม่ลง เสี่ยเริ่มเหนื่อย กับการบริหารทรัพยากรบุคคล เริ่มรู้สึกขาดทุน กับการเดินทางไกลๆ เริ่มเบื่อกับคนที่นัดแล้วไม่เป็นนัด ในสมองตอนนี้เริ่มมีความคิดจะเลิกแล้ว แต่ก็ยังกัดฟัน ฝืนสู้ เพราะเห็นสีหน้า แววตา ของทีมงาน ที่เค้ามีความหวังแล้วก็เลิกไม่ลง เวลาเข้าประชุมทุกครั้ง แน่นอนว่า เค้าก็ต้องเอาคนที่ประสบความสำเร็จมาพูด ครั้นจะให้เอาคนล้มเหลวมาพูด เพื่อบอกว่า เค้าทำยังไงถึงล้มเหลว มันก็กะไรอยู่ เมื่อเอาคนสำเร็จมาพูด มันก็ต้องมีผลลัพธ์ ความสำเร็จมาโชว์ บ้าน รถ ท่องเที่ยว อะไรก็ว่าไป เพื่อให้เห็นว่า มันสำเร็จได้จริง อันนี้มันเรื่องปกติพื้นๆ ของธุรกิจMLM อยู่แล้ว อย่าว่าแต่ MLM เลย คุณลองนึกง่ายๆ ถ้างานที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ มันทำให้มีรายได้เดือนละแสน เดือนละล้าน คุณก็ Happy จริงไหม แต่เรื่องของเรื่องคือ รอบเซ็นเตอร์ของเสี่ย มันไม่มีคนสำเร็จ...เพราะเพื่อนที่สำเร็จ มันไม่ทำแล้ว นิยามของความสำเร็จในเอมสตาร์ รายได้มันต้อง 1แสนขึ้นไป ซึ่งเสี่ยยังไม่ถึง นั่นทำให้เสี่ยทำงานยากขึ้น ยากขึ้น เรื่อยๆ ธุรกิจเครือข่าย ยิ่งทำช้า ก็ยิ่งยาก จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 09:13:46

ความคิดเห็นที่ 70 ไปทานข้าวเช้าแปบ เดี๋ยวเสี่ยมาเล่าต่อ จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 09:16:34

ความคิดเห็นที่ 71 จนมาช่วงหลัง เสี่ยรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องตัดสินใจหยุด ด้วยเหตุผลในเรื่องของความคุ้มค่า ยิ่งตำแหน่งสูง ความรับผิดชอบ ก็ยิ่งสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าบัตรเข้างานต่างๆที่เราต้องสำรองจ่ายไปก่อน ซึ่งบางครั้งก็ เข้าเนื้อ แต่ค่าบัตรงาน ของเอมสตาร์ ตั้งแต่เสี่ยทำธุรกิจมา แพงที่สุดคือ 300 แต่ปกติเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 100-150 เอมสตาร์จะไม่ใช่บริษัทที่หวังทำกำไรจากบัตรเข้างาน ซึ่งอันนี้เป็นข้อดี อย่างบางที่ เสี่ยเคยฟังมาว่า คนใหม่ที่เพิ่งเข้าไปฟังครั้งแรก ก็จะต้องเสียค่าบัตรด้วย ประมาณ 500-600 (แต่มีเลี้ยงบุฟเฟ่ด้วยนะ...ที่ไหนคุ้นๆไหม) ค่าเดินทางไป ช่วยทีมงาน ตจว. ค่าที่พัก นึกออกไหมว่า เพื่อนเสี่ยไม่ได้ทำแล้ว ภาระพวกนี้ ก็ตกกับเสี่ยคนเดียว ทั้งๆที่เสี่ยก็ยังมีภาระ รถอีก 2 คัน คอนโดอีก ให้แม่อีก ขาดสภาพคล่องเลยทีนี้ แล้วเรื่องของเรื่องก็คือ ธุรกิจนี้ถ้าคุณประสบความสำเร็จระดับนึงแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือ "ต้องสร้างภาพ" ให้คุณดูเป็นคนสำเร็จ จะมาใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ไปเซ็นเตอร์ ไปสปอนเซอร์ ไม่ได้ จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 09:49:14

ความคิดเห็นที่ 72 เสี่ยคิดอยู่ 2 เดือนเต็มๆว่า "ออกมาแล้วจะทำอะไร" การที่คลุกคลี อยู่กับวงการธุรกิจเครือข่ายมาร่วม 3 ปี แล้วรายได้เราขนาดนี้ มันทำให้เสี่ยเลิกคิดเรื่องการกลับไปทำงานประจำ ไม่ใช่งานประจำไม่ดี หรือไม่ใช่เพราะว่าเสี่ยโลภมาก อยากได้เงินเยอะ แต่เสี่ยมีภาระ"หนี้" ที่ต้องชำระ เสี่ยตั้งโจทย์ ไว้ว่างานที่จะมาแทนที่เอมสตาร์ ในตอนนี้ ต้อง... 1. ไม่ใช่งานประจำ 2. รายได้ขึ้นต่ำต้อง มากกว่า 30,000/ด 3. สามารถต่อยอด ทำให้มีรายได้มากกว่า 1 แสน/ด ได้ พอคิดออกปุ๊บ เสี่ยตัดสินใจ ลดภาระค่าใช้จ่ายทันที - ออกจากคอนโดที่เช่า - ขายรถทิ้งไป 1 คัน - ขายไอโฟน แล้วมาใช้ โทรศัพท์ถูกๆ(มาก) เครื่องละ 500 มือ1ด้วยนะเอ้า ในวันที่เสี่ยหยุด รายได้อยู่ที่ประมาณ 6หมื่นกว่าบาท พอเสี่ยไม่ทำแล้วปุ๊บ เดือนต่อมา รายได้อยู่ที่ประมาณ 5หมื่น แล้วก็ 5หมื่นอยู่ประมาณ 3 เดือน ก็ตกลงมาอยู่ที่เกือบๆ 4หมื่น 2หมื่น และตอนนี้ผ่านมาประมาณครึ่งปี รายได้เสี่ยเหลือ 12,000 (ไม่ทำอะไรเลย รักษายอดเฉยๆ 900 บาท) บริษัทที่เสี่ยมาเปิด ก็งอกงามขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้รายได้มันอาจจะยังไม่เท่า ตอนที่เสี่ยเคยทำเอมสตาร์ แต่คิดว่าไม่เกินสิ้นปี มีเฮแน่นอน ซึ่งวันนี้ ทำให้เสี่ยเข้าใจองค์ประกอบ ของธุรกิจเครือข่ายแล้วว่าเป็นยังไง จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 10:00:35

ความคิดเห็นที่ 73 บทสรุป 1. เอมสตาร์ เป็นธุรกิจเครือข่ายที่ดีมากๆบริษัทนึง เสี่ยมีโอกาสได้รู้จักกับเจ้าของบริษัท เป็นการส่วนตัว ก่อนที่จะเข้ามาทำธุรกิจเอมสตาร์ เสี่ยคอนเฟิร์มว่า คุณหมอไม่ได้เปิดเอมสตาร์ เพื่อความร่ำรวยของคุณหมอเอง เพราะคุณหมอเอง โค ตะ ระ รวยอยู่แล้ว และที่เอมสตาร์ โด่งดัง เติบโตแซงหน้าบริษัทอื่นๆ ที่เปิดมาก็เพราะ คุณหมอเป็นคนที่เข้าใจธุรกิจเครือข่าย อย่างลึกซึ้ง รู้ว่าต้องทำแบบไหน ทำยังไง ซึ่งถ้าคุณหมอหวังกอบโกย เอมสตาร์คงไม่โต ขนาดนี้ ***สำหรับสาขาอเมริกา ตามที่ ความคิดเห็นที่ 38 กล่าวไว้ว่า เป็นแบกะดิน กรุณาเข้าไปดูที่ http://www.aimstarnetwork.com/USA/index.html นี่แหละครับ มันเลยเป็นที่มาของคำว่า "รู้จัก หรือรู้จริง" ที่คนเครือข่ายเค้าชอบพูดกันเวลาไปชวนคน 2. คุณต้องมีความสามารถ ในการจัดการทรัพยากรมนุษย์ เพราะจะมีคนหลายกลุ่มสาขาอาชีพ หลายครอบครัว หลายความคิด ให้คุณต้องบริหารจัดการ 3. ช่วงระยะเริ่มต้น เป็นช่วงที่งานหนักที่สุด เรียกว่าเป็นช่วงคัดกรองเลยก็ได้ ถ้าฝ่าไปได้ไว ก็สบายขึ้น งานจะง่ายขึ้น ถ้าติดอยู่ช่วงนี้นาน ก็จะยิ่งทำยากขึ้น จนถึงยากโค ตะ ระ 4. จากแผนธุรกิจที่ง่าย บางทีคุณอาจจะฟลุค ถูกหวย ไปชวนคนแรก แล้วเจอคนแรกจริงจังมาก คุณก็แทบจะประสบความสำเร็จได้เลย 5. คุณจะถูกปลูกฝังให้มีนิสัย ชอบโชว์ผลลัพธ์ของความสำเร็จ อย่างเช่น ถ้าผมมีรายได้ 3แสน/เดือน ในเอมสตาร์ จะให้ผมมาขับรถ 1,500ซีซี อีกไม่ได้ คุณจะโดนกดดันจากทีมงาน ทั้งอัพไลน์ ดาวน์ไลน์ จะกดดันคุณ ไม่ว่าจะทางตรง หรือทางอ้อม คุณต้องซื้อรถสปอร์ต หรือรถยุโรป หรือไม่ก็ แคมรี่ แอคคออด มาขับเท่านั้น ถึงดูสมฐานะ...จะพอเพียงไม่ได้ เพราะมันจะไม่เหนี่ยวนำ 6. เป็นเรื่องน่ายอายเล็กๆ ถ้าคุณเป็นผู้นำ แล้วไม่เก็บคะแนนไปท่องเที่ยวต่างประเทศ (การเก็บคะแนน ต้องรักษายอดเพิ่มจาก 900 เป็น 3,000บาท) 7. น้ำมันรำข้าว เพื่อนเสี่ยเป็นไทรอย ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม่เสี่ยเอามาทาหน้า ผิวก็ชุ่มชื่นขึ้น (แม่เสี่ยผิวแห้ง) เสี่ยกินแล้วก็ หลับง่าย ถ่ายคล่อง 8. ความเข้าใจผิดของคนทำเอมสตาร์หลายคนก็คือ เวลาไปชวน มักจะพูดแต่เรื่องธุรกิจ แล้วบอกว่า "งานนี้ไม่เน้นขาย" แต่เสี่ยมาประมวลผลแล้วว่า การที่ทำ MLM แล้วไม่เคลื่อนตัวด้วยกลยุทธ์ ของการกระจายสินค้า ไม่เชิดชูสินค้า เน้นแต่จะหาคนเข้ามาทำธุรกิจ มันไม่มั่นคง... ...เพราะเวลาคุณเลิกทำ คนกลุ่มนี้ก็เลิกด้วย เพราะเค้าไม่ได้อยากใช้สินค้ามาตั้งแต่แรก แล้วเค้าก็ย้ายไปทำยี่ห้ออื่น ทำของบริษัทอื่น กรณีกลับกัน หากขยายเครือข่ายด้วยสินค้า คุณจะได้ "องค์กรของผู้บริโภค" เค้าจะใช้สินค้าด้วยความประทับใจในสินค้า ต่อให้คุณเลิก เค้าก็ยังเดินเข้า shop ไปซื้อสินค้าใช้อยู่ จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 10:21:35

ความคิดเห็นที่ 74 ทุกวันนี้ เสี่ยหยุดทำเอมสตาร์ แต่มันก็เป็นเพราะจังหวะของชีวิต ไม่ได้หยุดเพราะเอมสตาร์ไม่ดี แต่เพราะเสี่ยประเมินแล้ว ถ้ามันไม่คุ้ม เท่าที่เราอยากให้เป็น เราก็ไปทำไออื่นดีกว่า เสี่ยก็เลยมาเปิดบริษัทเอง เป็นเจ้านายตัวเอง แล้วก็เป็นนักลงทุนเต็มตัว ทั้งหุ้น ทองคำ กองทุน ฯลฯ ตอนนี้ก็กำลังผุดไอเดียขึ้นมาอีก 1 ไอเดีย แต่อันนี้ไม่ใช่ธุรกิจ เป็นการทำบุญ เอาไว้มีเวลาทำแล้ว จะมาบอกบุญ ใครมีข้อซักถามอะไรก็ ถามได้เลย ถ้าเสี่ยรู้ เสี่ยจะตอบให้ /// กลายเป็นกระทู้แนะนำไปซะแล้วหรือนี่/// จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 10:25:39

ความคิดเห็นที่ 75 เสี่ยหรอย ครับ ผมสงสัย ผมถามหน่อยครับ คนที่มีรายได้ระดับเสี่ย 6-7หมื่น มีกี่คน คนที่มีรายได้ต่ำกว่าเสี่ย มีกี่คน กรุณาตอบให้ชัดๆ อยากรู้ครับ จากคุณ : จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 10:36:01

ความคิดเห็นที่ 76 ผมก็กะเอาคร่าวๆนะ มันหาตัวเลขชัดๆไม่ได้ รายได้ 6-7หมื่น (ประมาณตำแหน่งเพิร์ลสตาร์) ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณหลักพัน (กี่พันไม่รู้นะ ผมหยุดทำมานาน ไม่ได้ติดตาม) หลักล้านต่อเดือน น่าจะประมาณ 8 (ถ้าจำไม่ผิดนะ ใครมีข้อมูลถูกต้องก็วานบอก โดยเฉพาะคนที่ทำอยู่ตอนนี้) รายได้ต่ำกว่า 6-7 หมื่น ก็เยอะมากๆล่ะ เพราะสมาชิกน่าจะถึงล้านรหัสแล้ว ทั้งนี้ เรื่องข้อมูลพวกนี้ ผมไม่ค่อยชัวร์แล้วล่ะ เพราะผมหยุดมาหลายเดือน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเนี่ย แป๊ะ จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 10:48:04

ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อสัก 3-4 เดือนก่อนมีรุ่นน้องที่มหาลัย นัดผมไปฟังเอมสตาร์ บอกกันตรงๆ แบบนี้ละ ผมก็ตัดสินใจไป เพราะว่า ผมสงสัยมาก คือมีเพื่อนของเพื่อน เงินเดือนประมาณ 5 หมื่นบาท จากงานประจำ ก็ไปขายเอมสตาร์ มีบริษัท vendor ของที่ทำงานผม พนักงานคนหนึ่งเงินเดือนน่าจะเกิน 5 หมืน ก็ขายเอมสตาร์ ผมเลยสงสัยมากกว่าทำไมคนเก่งแบบนั้น (2 คนนี้เก่งมากในสาย IT) ถึงสนใจขายเอมสตาร์ ผมอยากรู้ระบบ นัดเจอกันที่ร้านแมค น้องเขาก็อธิบายระบบ รายได้มาจากทางไหน บลาๆ ผมก็เอากระดาษมานั่งคำนวณกันเลย ว่าเป็นไปตามที่เขาอธิบายไหม ผมก็รู้สึกว่าระบบเขาดีนะ แต่ผมไม่ทำ คือพอน้องเขาอธิบายหลักการเสร็จ ผมก็ว่าหลักการดีนะ พี่เข้าใจแล้ว แต่พี่ไม่อยากทำธุรกิจแนวนี้นะ พี่อยากทำธุรกิจแบบอื่นมากกว่า น้องเขาบอกว่า เขากับทีมงานจะช่วยให้ผมมีรายได้เดือนละแสน ภายใน 6 เดือน แล้วเขาก็ยกตัวอย่างว่า แอมเวย์มีสามชิก 30 ล้านคน มีคนที่รายได้เกินแสน 100 คน ส่วน เอมสตาร์มีสมาชิก 1.3 ล้านคน แต่มีคนที่มารายได้เกินแสน 500 คน เห็นไหมพี่ ระบบเราดีกว่า บลาๆ ผมก็ตะลึงอยู่ในใจ เอ่อ น้องครับ น้องจะทำให้พี่มีรายได้เดือนละแสนภายใน 6 เดือน แต่ความน่าจะเป็นของคนที่มีรายได้เกินแสน นี่คือ หมื่นคนจะมีประมาณ 4 คนที่ประสบความสำเร็จเลยนะ ผมก็เคยฟังธุรกิจแนวนี้มาหลายครั้ง หลักที่พวกเขาใช้กันมากๆ คือการเอารายได้ ผลประโยชน์มากล่อมจนลืมเหตุผล ตอนที่ผมไปฟังรุ่นน้องพูด เขาพูดแต่เรื่องรายได้ และระบบ ผมพยายามถามถึงสินค้า ก็อธิบายผ่านๆ เหมือนไม่ได้เน้นที่สินค้าเลย ผมก็ได้แต่คิดในใจว่ามันไม่ถูกนะ แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรไป จากคุณ : remem เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 11:11:00

ความคิดเห็นที่ 78 ฮี้กับกับ จากคุณ : หรูหรามหาประลัย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 11:31:20

ความคิดเห็นที่ 79 มีเพื่อนมาแนะนำเหมือนกัน เราก็ปฏิเสธไปตรงๆ ว่าไม่ชอบ รวยอยู่แล้ว ไม่ชอบใช้สินค้าหลอกแมวพวกนี้ สมัยก่อนแฟนก็มาลากไป center เรานั่งฟังแล้ว รู้สึกอะ ว่าคนที่พูดไม่ได้จริงใจ ดูหลอกๆ เราก็นิ่งไม่ตบมือ ดันกลายเป็นตัวประหลาดในห้องไปซะงั้น ไม่สนใจ เดินออกมานั่งหน้า center มีคนพยายามมาคุย ให้เข้าไปฟัง ไปดูการสาธิตสินค้า เรายอมเสียมารยาทบอกว่าไม่ มานั่งรอเวลาเฉยๆ โดนหลอกมา ไม่ชอบ จากคุณ : amkoka เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 12:01:26

ความคิดเห็นที่ 80 อืมม  มาฟัง แล้ว ก็ ต้อง คิดตาม จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 12:04:02

ความคิดเห็นที่ 81 ผมชอบที่เสี่ยเขียนครับ ไม่ลบและไม่บวกเกินไป งานอะไรที่ผมไม่รู้จัก ไม่เคยทำถ้ามีคนมาแชร์จะเป็นสิ่งดีมาก ฟังเสี่ยได้ความรู้แต่ไม่ทางที่ผมจะทำaim starเด็ดขาด ปล.ถ้ากระทู้นี้ไม่มีเสี่ยมาคอมเม้น อาจเป็นกระทู้ยำบาทากระทู้นึง แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 12:33:01 จากคุณ : charmander เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 12:31:00

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณเสี่ยมากๆๆค่ะ ตามอ่านตลอด ในฐานะคนตั้งกระทู้ เราก็คงไม่ยอมให้เป็นกระทู้โดนยำหรอกค่ะ นอกจากจะไม่มีคนตอบ ถ้าหากความเห็นไม่ work หรือทะเลาะกัน เราจะแจ้งลบทันที นี่ก็นับว่าเป็นโชคดีค่ะ ที่มีคนให้ความรู้ดีๆ อยากให้มีคนแชร์อีกนะคะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 13:07:20 จากคุณ : น้ำพุกลางทะเลทราย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 13:06:23

ความคิดเห็นที่ 83 ชอบที่เสี่ยบอกว่า "เค้าก็ต้องเอาคนที่ประสบความสำเร็จมาพูด ครั้นจะให้เอาคนล้มเหลวมาพูด เพื่อบอกว่า เค้าทำยังไงถึงล้มเหลว มันก็กะไรอยู่" มันตรงแบบบอกไม่ถูกเลยครับ จากคุณ : Mr.โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 13:10:14

ความคิดเห็นที่ 84 ชอบคห.ของคุณเสี่ยหรอยมากๆ เขียนได้ดี เห็นภาพชัดมาก เรียกว่าเป็นภาพรวมของ MLM แบรนด์อื่นๆ ด้วย ไม่ใช่เฉพาะเอมสตาร์เท่านั้น (เพราะเราก็เคยทำพวกนี้อยู่ช่วงนึง) งานเครือข่าย ระบบมันดี แต่คนคิดจะทำต้องเข้าใจเรื่องอื่นๆ ด้วย ว่ามันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรบ้าง ตามที่คุณเสี่ยหรอยได้แชร์เอาไว้ วงการนี้มันต้องอาศัยโชคด้วย ซึ่งก็คือต้องหาคนเก่งมาทำงานให้เราให้ได้ หาไปเรื่อยๆ ถ้าเราได้ดาวน์ไลน์ที่เก่งมีคุณภาพปุ๊บ เราก็สบาย แล้วก็เป็นวงการที่สร้างภาพจริงๆ เวลาพวกนี้บอกว่า "ที่มาชวนก็เพราะหวังดี ไม่สมัครไม่เป็นไร ถ้าน้องไม่สนใจ น้องก็แค่พลาดโอกาสดีๆ เท่านั้นเอง น้องทำ/ไม่ทำ พี่ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่แล้ว" คำพูดแบบนี้สคริปทั้งนั้น แต่ยังไงก็ตาม ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดี เพียงแต่ถ้าคุณเข้าไปแล้วคุณเจอเบื้องหลังมากมายแล้วคุณรับได้ คุณสามารถยอมรับสภาพแบบนั้นได้ ก็แล้วแต่จะพิจารณา ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับคนอะเนอะ จากคุณ : ant เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 13:14:55 A:110.168.76.112 X: TicketID:117703

ความคิดเห็นที่ 85 อ่านะ ผมอ่านมาสองสามรอบแล้วยังงงว่าตรงไหนที่เสี่ยอธิบายวิธีการทำงานของเอมดาว ว่ามันทำงานยังไง รายได้มายังไง เห็นแต่เสี่ยบอกเหนื่อยงั้นเหนื่อยงี้ มีเงินเท่านั้นเท่านี้ อ่าฮะ หรือผมอ่านโง่เอง อันนี้ที่เสี่ยบอกว่า ซึ่งใครว่าล้างสมอง เสี่ยยืนยันเลยว่า "ไม่ใช่" เพราะคน ไม่ใช่สัตว์มีเขา จะได้ไปนั่งให้ใครมาล้างสมอง มันก็จริงส่วนหนึ่ง แต่เสี่ยอย่าลืมว่ามนุษย์เกิดมาศีลไม่เสมอกัน ปัญญาและความโลภต่างกัน ดีอยู่อย่างคือการ(ถูกหลอก)เข้าไปฟังครั้งแรกจะคัดคนที่ไม่โลภ ไม่สนใจ ออกไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง เพื่อนๆ หลายบ้านมากที่ดราม่าจากการที่สมาชิกครอบครัวคนใดคนหนึ่งหลุดไปเปนสาวกแอมหรือเอมดาวเข้า ที่นี้ละ เดือดร้อน จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 13:37:58

ความคิดเห็นที่ 86 ข้อมูลที่เสี่ยพิมพ์เล่ามา มีประโยชน์มากค่ะ กลางๆดี  เห็นทั้งสองด้าน ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : มนตราหิมาลัย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 13:42:01

ความคิดเห็นที่ 87 อ่อ ที่เสี่ยบอกว่า องค์กรที่เสี่ยอยู่ มันไม่ได้เป็นการล้างสมอง ก็ตรงที่ว่า มันสามารถ เก็บเกี่ยว ความรู้ ไปใช้ในการดำเนินชีวิต ได้มาก มากมายจริงๆ แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ อย่างบุคลิกภาพ ในการพบเจอผู้คน หรือเทคนิคในการพูดในที่ชุมชน หรือ การปรับทัศนคติ ให้เป็นคนคิดบวก ซึ่งมันได้อะไรมากกว่าที่จะเข้าไป "ปลุกใจ" หรือ "โมติเวท" บ้าน รถ เงิน ท่องเที่ยว แต่สิ่งพวกนี้ มันทำให้บางคน มองไปเป็น "เป้าหมาย" ครับ เช่น "ชั้นต้องมีรายได้ 3แสนบาท เพื่อที่จะมีรถ BMW อย่างอัพไลน์ ของชั้นให้ได้" เหมือนประมาณแรงบันดาลใจ Success Bring Success มันก็เหมือนเป็น กลยุทธ์ ของธุรกิจนี้แหละครับ เป็นโมเดลของธุรกิจ MLM เนื่องจากมันลงทุนต่ำ แต่ถ้าสำเร็จ ผลกำไรมันคุ้มค่า แล้วความเสี่ยงก็ต่ำด้วย เพียงแต่ต้องอาศัยความขยัน + จังหวะของเวลา + โชค ถึงจะประสบความสำเร็จได้จริง เพราะเวลาคุณไปชวน คุณจะไม่รู้หรอกว่าคนไหนเอาจริง คุณก็ต้องอาศัยโชค ไอ้ครั้น จะทำให้คนไม่เอาจริง มาเอาจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอย่าลืมนะครับว่า "เราจะทำให้ใครประสบความสำเร็จไม่ได้ ถ้าเค้าไม่ต้องการ" แล้วเรื่องของเรื่องคือ เอมสตาร์ ไม่มีสินค้าตัวใหญ่ ประเภทราคาหลักหมื่น มันก็เลยทำให้ คนที่ทำส่วนใหญ่ ไม่พุ่งเป้าไปที่การ "ขายสินค้า" แต่ไปเน้น ในเรื่องการ "พาคนเข้าประชุม" แทน ซึ่งเสี่ยประเมินว่า มันก็ไม่ถูกต้อง 100% ส่วนวิธีการทำงานของเสี่ย เดี่ยวเสี่ยเล่าให้ฟังคร่าวๆครับ จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 14:13:43

ความคิดเห็นที่ 88 ผมทำธุรกิจส่วนตัว เคยทำสินค้าตัวเองเป็นระบบขายตรง ปรากฏว่ามันไม่ถูกจริตของผมอย่างแรง จึงเลิก ไปทำแบบขายตรงจริงๆ และเน้นหาตัวแทนจำหน่ายแทน.. ถ้ามันไม่ใช่ อย่าฝืนครับ เพราะงานมันจะออกมาไม่ดี จากคุณ : เนนก เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 15:12:44 A:202.44.8.100 X: TicketID:324733

ความคิดเห็นที่ 89 ธุรกิจแบบนี้ เหมาะสำหรับกอบโกยช่วงสั้นๆ เหมือนการสร้างฐานปิรามิดไปเรื่อยๆ แต่พอปิรามิดสูงมากๆ อิฐเริ่มหมด ฐานปิรามิดล่างๆ ก็จะถอดใจ ค่อยๆเกิดรูโหว่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนล้มเป็นโดมิโน แล้วไปทำยี่ห้อใหม่ ธุรกิจแบบนี้จะอยู่ได้ไปกาลนาน ถ้าจำนวนคนเพิ่มไม่มีวันหมด เพราะเป็นธุรกิจที่ต้องพึ่งจำนวนคนมาสร้างฐาน แต่แนวโน้มประชากรมีแต่เติบโตลดลงเรื่อยๆ คนโสดเยอะ คนแต่งงานมีลูกไม่เกินสองคน หลักล้านคนนี่ผมว่าก็ใกล้เต็มทีแล้วนะครับ และถ้าเกิดเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นมา สินค้าก็ไม่ใช่ของจำเป็นซะด้วย มันจะไปก่อนเพื่อนนะ แต่มันจะเวิรค์สุดๆ ถ้าทำตอนเพิ่งเริ่มเปิด ผมว่าเสี่ยหรอยก้มองว่ามันเริ่มตันๆแล้ว คือต้องลงแรงเยอะมากๆ เพื่อรักษายอด ไม่เหมือนกับตอนเริ่มใหม่ๆ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 15:31:24 จากคุณ : lunch เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 15:28:04

ความคิดเห็นที่ 90 นานๆ เสี่ยจะเห็นกระทู้ MLM ไม่มี ดราม่า ปกติเสี่ยไม่ค่อยอ่าน + ไม่ค่อยตอบกระทู้ เกี่ยวกับ MLM ใน pantip จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 16:27:39

ความคิดเห็นที่ 91 อ่อ ที่เสี่ยบอกว่า องค์กรที่เสี่ยอยู่ มันไม่ได้เป็นการล้างสมอง ก็ตรงที่ว่า มันสามารถ เก็บเกี่ยว ความรู้ ไปใช้ในการดำเนินชีวิต ได้มาก มากมายจริงๆ แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ อย่างบุคลิกภาพ ในการพบเจอผู้คน หรือเทคนิคในการพูดในที่ชุมชน หรือ การปรับทัศนคติ ให้เป็นคนคิดบวก" เห็นด้วยค่ะ เคยเป็นสามชิก ของหมอ... ไปฟังอยู่ 2-3 ครั้ง แต่ไม่ได้ทำ แต่เราเอาตรงนี้มาใช้แทน  555+ จากคุณ : พาไล เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 16:51:47

ความคิดเห็นที่ 92 ลองดูกันนะ ผมหยุดไปเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลคล้ายเสี่ย แต่เพิ่มเติมคือ ผมไม่คิดว่าจะเกษียณได้ด้วยธุรกิจแบบนี้อย่างที่เค้าว่ากัน จากคุณ : kriangsong เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 17:29:09

ความคิดเห็นที่ 93 เคยโดนเพื่อนชวนเข้าไปทำเหมือนกัน ผมเคยเข้าไปฟังของ Amway มาก่อน นานมากแล้ว แต่ไม่ได้สนใจทำ ของAimstarก็เข้าไปฟังแบบจริงจัง เข้าCenterไปก็หลายครั้ง มีจ่ายเงินเข้าไปฟังอบรมบ้างเล็กน้อย ดูDVDที่เพื่อนแจกๆมา แต่ยังไม่ได้เข้าไปทำ และก็มีไปฟังของที่อื่นๆมาบ้าง ลองเอามาเปรียบเทียบกัน เพราะว่าตัวผมเองเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่ออะไรยาก แต่ไม่ได้เป็นคนที่ปิดใจไม่ยอมรับอะไรเลย ปรกติแล้วผมทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ กำไรเดือนๆนึงก็ประมาณ 6 หลักต้นๆ ก็ถือว่าไม่ได้เยอะ ปัญหาคือผมไม่ได้ชอบธุรกิจที่ตัวเองทำอยู่ แบบว่าบังเอิญทำมาแล้วก็ต้องทำไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ทุ่มเทเวลากับมันมาก ส่วนใหญ่จะให้ลูกน้องดูแลซะมากกว่า ดังนั้นเวลาผมก็เลยเหลือค่อนข้างเยอะ พอเวลาเหลือเยอะ ก็รู้สึกเบื่อ อยากจะหาอะไรทำที่ตัวเองชอบ ก็เลยเข้าไปฟังๆดู สำหรับธุรกิจMLM จากที่ไปฟังๆมาดูหลายๆที่ ถึงจะเป็นธุรกิจแนวเดียวกัน แต่ความยาก-ง่ายในการทำธุรกิจ ไม่เหมือนกัน สำหรับคนที่อยากทำ ลองๆฟังแผนธุรกิจดูดีๆ อย่าหลงเชื่อความสำเร็จของคนที่ทำธุรกิจนั้นๆ อย่าโลภ ฟังแล้ววิเคราะห์ด้วยเหตุผล ทุกธุรกิจในสายงานนี้จะเอาความอยากของคนมาเป็นตัวล่อเสมอๆ แล้วก็จะยกตัวอย่างคนที่ประสพความสำเร็จมาสองแบบ แบบแรก คนที่มีชื่อเสียงในวงการธุรกิจทั่วไปอยู่แล้ว และตัดสินใจมาทำเครือข่าย กับคนที่ต้นทุนในการทำธุรกิจแย่ แต่ประสพความสำเร็จ เพื่อให้เรารู้สึกว่า เราเองก็ทำได้ สำหรับAimstar ผมว่าแผนธุรกิจของเค้าดีระดับนึง เหมาะสำหรับคนที่ทุนไม่เยอะ แต่อยากลองทำธุรกิจ แผนธุรกิจค่อนข้างเข้าใจง่าย บริหารสายงานไม่ยาก แต่ข้อเสียคือ ธุรกิจมันค่อนข้างเติบโตเร็ว มันทำให้ถึงจุดที่ตันเร็วมาก ฝากไว้นิดนึง สำหรับคนที่ต่อต้านMLM จริงๆแผนธุรกิจของ MLM คือการทำการตลาดโดยที่ไม่พึ่งพาโฆษณา และหน้าร้าน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของสินค้าต่ำ แต่ที่ทำให้มันเสียคือ คนที่เอามันไปใช้ผิดวิธี แล้วมาโทษระบบว่ามันหลอกลวง จากคุณ : หล่ออย่างพอเพียง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 18:55:46

ความคิดเห็นที่ 94 เพราะ fb ทำให้ผมรู้ว่า ผมมีเพื่อนสมัยประถมคนนึงทำเอมสตาร์ ระดับ 2 ล้านต่อเดือน (คนทำเอมสตาร์คงรู้เลยว่าใคร)  เพราะหน้าเฟซเค้าจะมีแต่เรื่องนี้แหละ  แล้วก็โชว์บ้าน โชว์รถ  บิ๊วแรงบันดาลใจอะไรประมาณนั้นไป  ผมก็ไม่ได้แอนตี้มันนะ  และมันก็ไม่เคยมาชวนอะไรผม (หรืออาจจะเพราะระดับมัน ต้องชวนรายเป้งๆสุดๆก็ไม่รุ 555+) จากคุณ : reddev เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 19:38:25

ความคิดเห็นที่ 95 มีรหัสเป็นล้านรหัส นิ่คนไทยทำธุรกิจนี้เป็นล้านคนเลยเหรอ ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกมั้ย เหอ เหอ แรกๆก็ดูดีนะ หลังๆ.......... ไม่อยากพูด มีส่งท้ายไว้จะมาบอกบุญนะ ผมภาวนาให้มันเป็น บุญจริงๆ ไม่ใช่บอกว่ามีสิ่งดีๆมาฝาก จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 20:24:30

ความคิดเห็นที่ 96 ผมกินน้ำมันรำข้าว แล้วเท้าบวม เหมือนเกาท์กำเริบทั้งที่ไม่เป็นมานานมาก แทบเดินไม่ได้ ใครรู้อธิบายทีครับ แต่แฟนกินแล้วดีมากครับไม่มีปัญหาอะไร แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 21:10:34 จากคุณ : sailompantip เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 21:09:35

ความคิดเห็นที่ 97 ส่วนตัวไม่ชอบครับ มันดูสะกดจิตยังไงไม่รู้ เราเข้าไปเราก็เหมือนหนูไปถีบจักรให้เค้า ทำจนตัวสายแทบขาด คนที่รวยก็ยอดปิรามิดอยู่ดี ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมว่าเอาเวลาไปทำอะไรที่เป็นของเราเองดีกว่าครับ รวยก็รวยเอง เจ๊งก็เจ๊งเอง ยังรู้สึกดีกว่าไปทำให้เค้าครับ จากคุณ : pongchay เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 22:05:03

ความคิดเห็นที่ 98 Mbell กำลังดราม่าแล้ว 1 ราย เสี่ยไม่ได้ทำเครือข่ายใดๆ แล้วทั้งสิ้นครับตอนนี้ คนไทยทำธุรกิจเอมสตาร์ (หมายถึงสมัครนะ) มากกว่า 1 ล้านรหัสแล้วจริงๆครับ ซึ่งมันก็ไม่เห็นจะแปลก เพราะยักษ์ใหญ่อย่าง แอม... มีเยอะกว่านี้อีก ธุรกิจเครือข่าย มันไม่ได้เหมาะกับทุกคนหรอกครับ แล้วมันก็ไม่ได้สำเร็จทุกคน ตอนเรียนมหาลัย มันยังไม่ได้เกียรตินิยมกันทุกคนเลย มันอยู่ที่ว่า ใครมุ่งมั่น มากกว่าใคร แล้วคนที่ทำเครือข่าย ก็ไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย ที่สังคมต้องมารังเกียจหรอกครับ บางคนเค้ามาทำเครือข่าย เพราะต้นทุนชีวิตเค้าต่ำ จบ ป.4 ทำงานโรงงาน แต่พอมาทำเครือข่าย ก็ร่ำรวย เปลี่ยนชีวิตกันไป ในบางมุม มันก็คือ ธุรกิจแห่งโอกาส ในบางมุม มันก็เหมือน ทำงานให้คนอื่น แล้วแต่ว่าใครจะมองมุมไหน คุณลองไปคุยกับคนที่ทำอยู่ตอนนี้ เค้าก็ต้องใส่คุณยับ ว่างานประจำ มันไม่ดี ไปทำงานให้เจ้าของบริษัทรวย คนที่แอนตี้ ก็จะบอกว่า MLM มันทำนาบนหลังคน ลูกโซ่ บลาๆๆ ซึ่งทุกอย่างมันคือ "มุมมอง" ครับ ถามว่าใครถูก "ไม่มี" ถามว่าใครผิด ก็ "ไม่มี" pantip คนอาจไม่ชอบ MLM กันเยอะ ซึ่งมันก็คือ "มุมมอง" ของคน pantip ส่วนใหญ่ ถ้าคุณไปอยู่ในเว็บที่เค้าคุยกันเรื่อง MLM มันก็จะเป็น "มุมมอง" ของคนที่ทำ MLM ใครทำอะไร อยู่ข้างไหน ทีมไหน บริษัทไหน บ้านไหน มนุษย์เราก็มักเข้าข้าง สิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งที่ตัวเองอยู่เสมอ ว่ามันดี ซึ่งมันอาจจะดีจริง หรือไม่จริงไม่รู้ แต่ขอให้ตัวเองได้เชื่อว่า ที่ๆเราอยู่นี้ มันดี มันเลยเกิดคำว่า "มุมมองที่แตกต่าง" โชคดีมีชัยครับ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 23:34:40 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 54 23:23:32 จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 23:20:58

ความคิดเห็นที่ 99 ผมมีสองคำถามสำหรับเอมสตาร์ คำถามแรก คือ เอมสตาร์เอาเงินมาจากไหนครับ พวกแอมเวย์ เฮอร์บัลไลฟ์ที่พวกเคยโดนหลอกนั่งฟังมา เค้ามักจะให้เน้นการขายของไปด้วย นั่นคือรายได้ของบริษัท ก็จะมีมาจากค่าสมาชิก แต่ละเดือน กับการซื้อของของสมาชิก โดยถ้าทำยอดได้เยอะ เค้าก็ได้ผลตอบแทนเยอะ สิ่งที่เราเห็นตามมาก็คือ มีการสต็อกของมีการไปไล่ให้ซื้อ ตามตื้อ จนพวกเราหลายคนรู้สึกรำคาญ และรังเกียจแอมเวย์ เอเจล เฮอร์บัลไลฟ์ไป สิ่งที่ผมได้ยินมาจาก เอสตาร์กลับต่างออกไปในแบบนึง คือเพื่อนผมมักจะบอกว่า ที่นี่ไม่เน้นขายของ เราสร้างระบบ ผมพยายามพูดคุย ซักถาม ฟัง แต่ สิ่งที่ผมเห็นก็คือ ระบบที่ว่า มันเป็นการชักชวนคนเข้ามาสมัครเยอะๆ ค่าสมาชิก เท่านี้ ค่าซื้อของต่อเดือน 900 ไม่ต้องไปทำยอดขายของเพื่อให้ได้ Level เท่านั้นนี้ ต่างๆนานา พูดง่ายๆก็คือ หาคนมาสมัครเยอะๆ โดยที่เพื่อนผมเรียกว่ามันเป็นองค์กร ถ้ามองในแง่บริษัท เอมสตาร์จะมีรายได้จากการขายของ แน่ล่ะ ทางหนึ่ง เป็นกำไรที่น่ะดีพอควร (ผมไม่รู้ว่าตน้ทุนจริงๆมันเท่าไร แต่ก็ต้องมีบ้างล่ะ) ส่วนอีกทางหนึ่งของบริษัทเอมสตาร์เองที่เอามาจ่ายให้คนที่เข้าไปทำนั้น ก็เป็นรายได้จาก การสมัครสมาชิก และต่อยอด มีทั้งพวกประสบความสำเร็จและไม่สำเร็จ ผมคิดว่าบริษัทน่าจะมีรายได้ประมาณนี้นะครับ ถ้าสมาชิกเอมฯ มีรายได้ที่จ่ายมาจากบริษัทโอนเข้าทุกเดือนแบบนี้ และยิ่งบอกว่าไม่ต้องทำยอด ขายของ หาสมาชิกมาจอยเยอะ มันต่างอะไรกับแช่ลูกโซ่ล่ะครับ ที่เน้นแต่หาสมาชิก เพื่อนๆที่ไปทำล้วนแต่เป็นคนรังเกียจแอมเวย์ทั้งนั้น แต่กลายเป็นว่าเค้าชอบ ที่จะไม่ไปขายของ แต่ไปทำชักชวนคนมาแทน ซึ่งน่าจะดูเหมือนพนักงานขายน้อยกว่า ก็เลยไปสมัครกัน มีคนนึงที่เป็นตัวตั้งตัวตี ตอนนี้ได้เดือนเป็นแสนไปแล้ว เป็นนักบินเสียด้วย จนบางทีผมเองก็อยากลองไปทำดู เอาแบบว่า ช่างมันจะดูน่ารังเกียจแคไหน ก็ยอม ขอให้รวย แต่สุดท้ายก็ยังทำใจยอมรับว่ามันไม่ใช่ตัวเองไม่ได้ จากการที่เอมฯ ใช้ระบบสมัครสมาชิกเยอะๆ ชวนคนเยอะๆแบบนี้ ผมเองกลับมมองว่ามันน่ารังเกียจกว่าการไปขายของหรือไม่ อย่างน้อยตัวบริษัทเอง ก็มีเงินที่ได้จากการขายของมาจ่ายให้สมาชิก แต่นี่ใช้เอาหาคนเยอะแล้วเก็บเงินจากจำนวนคนที่โตขึ้นแทน ถ้ามีอะไรเข้าใจผิด อยากชี้แจง อยากแนะ อยากเสริมก็ได้นะครับ ผมเองก็อยากแลกเปลี่ยนมุมมองเหมือนกัน จากคุณ : ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 23:39:56

ความคิดเห็นที่ 100 คำถามที่สอง ทำไมเสี่ยหรอยเลิกทำแล้วรายได้ลดลงเรื่อยๆอะครับ เพื่อนผมบอกว่ามันเป็น Passive income ทำไปจนถึงจุดนึงจะหยุดก็ได้ แล้วรายได้จะเท่าเดิมตอนที่เราหยุด แล้วมันจะเป็นรายได้ passive จริงๆ คือไม่ต้องทำงานก็ได้เงิน แต่ฟังจากเสี่ยหรอยแล้ว กลับบอกว่ารายได้ลดลงเรื่อยๆ เลยงงครับ จากคุณ : ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 23:42:55

ความคิดเห็นที่ 101 ส่วนใหญ่ รายได้ มาจากไหนหรอครับ  เสี่ย จากได้ หาสมาชิก900 รึว่า % การขาย จากคุณ : ..NuPaopaO.. เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 54 23:59:59

ความคิดเห็นที่ 102 เสี่ยครับ ผมจากความเห็นที่ 19 นะครับ อยากจะขอคำแนะนำว่าจะคุยกับดาวไลน์ + อัพไลน์ ยังไงดี เรื่องเงินที่กำลังเข้าบัญชีของผมเรื่อยๆ ตามระบบของมันอยู่ เพราะความผิดพลาดกับความไม่เข้าใจแผนของมันในตอนแรกน่ะครับ จากคุณ : เห้อ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 00:34:49 A:125.24.82.9 X: TicketID:330381

ความคิดเห็นที่ 103 อยากทราบข้อมูลของบริษัท bhip หน่อยค่ะ เป็นธุรกิจเครือข่ายเช่นกัน ใครพอจะทราบรายละเอียด และความน่าเชื่อถือบ้างคะ จากคุณ : PolLa PloY เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 02:28:18

ความคิดเห็นที่ 104 ตอบคำถามคุณ เจ้าของกระทู้ค่ะ ตอนเพื่อนมาชวนทำ เราไม่ทำ และเราก็คิดแค่ว่า ถ้าเรื่องแค่นี้ถึงกับเลิกคบกัน คนอย่างเค้าก็ไม่สมควรเป็นเพื่อนเราหรอก พูดไปตรงๆเลย ว่าไม่อยากทำไม่ใช่แนว ถ้าเป็นเพื่อนต้องเข้าใจค่ะ ................................... เท่าที่อ่านมา ธุรกิจ ขายตรง นี่ไม่ต่างอะไรจากโลกมายา เลยเนอะ ต้องสร้างภาพให้ดูดีตลอดเวลา ขายของเหมือนขายฝัน แต่กับเราคงอยาก เพราะเราตื้อใครไม่เป็น ตอนเพื่อนมาชวนทำ ยังคิดเลย จะไปรอดได้ไงวะ เน้นหาคนมาทำเพิ่ม ไม่ได้เน้นขายตัวสินค้า...ธุรกิจแบบงงๆ บอกตรงๆมันคือการบังคับซื้อสินค้าทางอ้อมสุดๆ เราไม่ได้ซื้อเพราะมันใช้ดี แต่เราซื้อเพราะเราต้องการทำยอด แผนธุรกิจที่ว่าสุดยอด มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง จากคุณ : jaizu เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 03:27:40

ความคิดเห็นที่ 106 สงสัยเหมื่อนกันว่าทำไมเลิกทำรายได้ถึงลด จากคุณ : โสดเสมอเมื่อเจอผู้ชาย เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 10:31:12

ความคิดเห็นที่ 107 ตอบ ความคิดเห็นที่ 99 อธิบายดังนี้ครับ สำหรับคำถามแรก เอมสตาร์ เอาเงินมาจากไหน เอมสตาร์ก็เอาเงินมาจากการที่นักธุรกิจ ซื้อสินค้าไปใช้นั่นแหละครับ ที่บอกว่า 900 บาท/เดือน มันก็คือ การที่เราซื้อสินค้า (อะไรก็ได้) ให้ครบ 300 คะแนน ซึ่งมันจะประมาณ 900 บาทครับ แต่ในทางปฏิบัติจริงๆ มันจะไม่ใช่ 900 เป๊ะๆ ไปทุกคน เพราะส่วนใหญ่ ก็ซื้อโน่น นี่ไป แล้วแต่บุคคล อาจจะเป็น 1,000 หรือ เท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่คะแนนต้องถึง 300 คะแนน บริษัท ถึงจะคำนวนรายได้ ในเดือนนั้นๆให้ครับ พูดง่ายๆว่า ซื้อเกิน 300 คะแนน (ประมาณ900บาท) ไม่เป็นไร แต่ถ้าซื้อไม่ถึง 300 คะแนน ก็จะไม่ได้รับรายได้ในเดือนนั้นๆครับ คำพูดชักชวนที่ว่า "ที่นี่ไม่เน้นขาย" เสี่ยมองว่า มันเหมือนการพูดเพื่อให้ผู้ฟัง "รู้สึกในทางบวก" มากกว่าครับ แต่คำพูดนี้ ก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง เสี่ยขอยกตัวอย่าง ว่าทำไมไม่เน้นขาย แล้วทำไมต้องเน้นขายนะครับ สินค้าในเอมสตาร์ จะไม่มีสินค้าราคาหลักหมื่น มีแต่หลักสิบ หลักร้อย และ หลักพัน ทำให้ผลกำไรที่ได้จากการขายนั้น น้อยมาก และทำให้ไม่คุ้มค่า ในการเดินสายไปขายของอย่างเดียว เช่น น้ำมันรำข้าว ราคาปกติ 900 บาท ราคาสมาชิก 750 บาท เท่ากับได้กำไร 150 บาท/ขวด ถ้าอยากมีรายได้ 30,000 บาท/ด ในทางทฤษฎี ก็ต้องขายยน้ำมันรำข้าวให้ได้ 200 ขวด/เดือน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจได้ไม่คุ้มเสีย ในเมื่อสินค้าเอมสตาร์ ไม่มีสินค้าตัวใหญ่ ดังนั้นผู้นำก็เลยต้องสรรสร้าง คำพูดสวยๆ เพื่อสร้างองค์กรของ Product lover หรือ Brand loyalty ขึ้นมา แต่จะทำยังไงล่ะ ก็ต้องอาศัย ที่ประชุม หรือ บรรยากาศ ในห้องประชุม ไงครับ ดังนั้น คนที่ทำธุรกิจเอมสตาร์ ส่วนใหญ่ ก็มักจะเห็นเรื่องของการพาคนเข้าห้องประชุม สำคัญไปกว่า การเน้นขายสินค้า ถ้ามองภาพไม่ออก ลองนึกถึง Facebook ครับ แอดกันไป แบบปากต่อปาก เพื่อนของเพื่อน ของเพื่อน ของเพื่อน ของเพื่อน... จนปลายทาง เราก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร มาแอดเรา เหมือนกันครับ ในเอมสตาร์ ผู้นำพยายามสร้างให้เกิดเครือข่าย หรือ network ขนาดใหญ่ จากการใช้สินค้า คนละเล็ก คนละน้อย เอมสตาร์ อาจไม่ต้องขายของ (อาจจะนะครับ) แต่ เอมสตาร์ ต้องใช้สินค้าครับ ซึ่งตรงนี้แหละครับ แต่มันต่างจากแชร์ลูกโซ่ ระหว่างคำว่า " มาทำกับเราสิ มาขายด้วยกัน เดี๋ยวเราช่วยขาย " กับ " มาทำกับเรา ที่นี่เค้าไม่เน้นขาย แค่เข้าไปเรียนรู้ " คำไหนที่คนส่วนใหญ่ รู้สึกเป็นบวกมากกว่ากัน พูดง่ายๆว่า คนส่วนใหญ่ ไม่ชอบขาย ... แต่รู้ไหมครับ คนรวย รวยจากการขาย ลองไล่อันดับมหาเศรษฐี ระดับโลกดูก็ได้ ไม่มีใ:-)โดยไม่ขาย ***สำหรับ คำถามที่สอง เป็นคำถามที่ดีเยี่ยมครับ Passive income จะเกิดเมื่อ "คุณมีมากพอครับ" ขออธิบายเรื่อง Passive กับ Active เล็กน้อย สำหรับคนที่อาจจะยังไม่ทราบ หนังสือพ่อรวยสอนลูก เล่มที่ชื่อ "เงินสี่ด้าน" คิโยซากิ เค้าแบ่งงานออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบ Active (เราเป็นสาเหตุของรายได้ ไม่มีเรารายได้ก็ไม่เกิด) และแบบ Passive (หยุดทำ รายได้ไม่หยุด) ทีนี้ในมุมของ MLM ถ้าคุณจะให้เกิด Passive มันไม่ใช่ว่า คุณเข้าสมัคร ทำ มีดาวไลน์ ปุ๊บ นั่นหมายถึง Passive แล้ว MLM เราทำ Active ในช่วงแรก เพื่อให้เกิด Passive ในช่วงหลัง และการที่จะให้เกิด Passive ก็ต้องเกิดจากการที่เรามีเครือข่าย และจำนวน "ผู้นำ" ที่มากพอ พูดง่ายๆว่า คุณต้องสร้างคนเก่ง มาทำงานแทนคุณนั่นแหละครับ ภาษาสวยๆของคนทำธุรกิจนี้คือ "การส่งต่อความสำเร็จ" กรณีเสี่ย เสี่ยไม่ได้มีผู้นำเกิดขึ้นเยอะ พอเสี่ยหยุด คนที่ทำอยู่ ก็จะค่อยๆหยุด หรือ ย้ายไปทำบริษัทอื่น เสี่ยมองว่า Passive Income ในธุรกิจเครือข่าย ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่าย ต่อให้มีรายได้หลักล้าน/เดือน แล้วก็มีความเสี่ยงที่สูง เพราะมีสินทรัพย์ เป็นมนุษย์ ควบคุมได้ยาก สู้การลงทุนประเภท อสังหาฯ หรือ หุ้นVI ยังทำให้เกิด Passive ได้ง่ายกว่า การชักชวนคนด้วยการบอกว่าเป็น Passive ก็เหมือนกับการ "ขายฝัน" ว่าอนาคต ถ้าคุณมาทำ แล้วคุณจะได้นอนนิ่งๆ ก็รับเงินสบายๆ อยู่บ้าน *** ตอบความคิดเห็นที่ 101 รายได้มาจากการใช้สินค้าของ เครือข่าย ของสมาชิกของเราทั้งหมดครับ ส่วน 900 บาท นี่ไม่ใช่ค่าสมาชิกนะครับ (รายละเอียด อธิบายไปแล้วด้านบนครับ) *** ตอบความคิดเห็นที่ 102 กรณีคล้ายเพื่อนของเสี่ยเลยครับ เพื่อนเสี่ยไม่ทำอะไรเลย ชวนพี่ชายมา 1 คน พี่ชายไปชวนเพื่อน ปรากฎเพื่อนพี่ชายทำจนรายได้หลักแสน เพื่อนเสี่ย ก็เลยได้หลักแสนไปด้วย กรณีของคุณ ถ้าตามหลักการแล้ว มันก็เป็นไปตามรูปแบบ และเงื่อนไขการจ่ายของแผนอยู่แล้ว อัพไลน์ ดาวไลน์ ไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ครับ จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 10:34:07

ความคิดเห็นที่ 108 ขอบคุณมากครับ สำหรับคำอธิบาย ผมเองก็มีมุมมองดังนี้ เท่าที่ผมสัมผัสมา ผมได้รับเเต่คำว่า ไม่ขายของ หาสมาชิก(ในนามของการสร้างองค์กร) มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า สินค้าไม่ว่าจะเป็นน้ำมันรำข้าว ฯลฯ ต่างๆนั้น มันมีเอาไว้เพื่อให้องค์กรมันดำรงอยู่ได้ จริงๆแล้วเพื่อนมันก็พูดแบบนี้ด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือการหาคนเข้ามาให้เยอะๆ นั่นเท่ากับว่า เอมฯ ใช้สินค้าเป็นตัวบังหน้าให้พ้นจากคำว่าแชร์ลูกโซ่ใช่ไหมครับ การมีสินค้า น่าจะเป็นไปเพื่อจุดประสงค์หลักเลยคือ ได้กำไรจากการขายสินค้า 1.การให้ระบบหาคนเข้ามานั้นดำรงอยู่ได้อย่างถูกกฏหมาย 2.บริษัทได้กำไรจากการขายสินค้า เพื่อเอาเงินนั้นมาหมุนในระบบที่จะต้องเอามาจ่ายให้สมาชิกด้วย ถ้าใครซื้อเกิน บริษัทก็ยิ่งมีเงินมากเท่านั้น เมื่อลองคิดตามตรรกกะแล้ว มีบริษัทไหนบ้าง ที่จะไม่รณรงค์เรื่องการขายเลย อาศัยแต่ลูกๆเข้ามาอย่างเดียว ผมเดาว่า บริษัทที่โตเร็วประมาณนี้ ก็เพราะการขยายตัว อย่างรวดเร็วของสมาชิกนั่นเอง แต่หากสมาชิกในประเทศมากขึ้น หรือขยายต่างประเทศไม่สำเร็จ ก็จะเกิดการชะลอตัวของรายได้ ตามตัวอย่างของความเห็นที่ 92 สิ่งดีของเอมสตาร์คือ จับจุดคนถูก ที่ไม่ชอบขาย เลยเอาความไม่ขายมาพรางหน้าให้คนเชื่อ แต่สิ่งที่เอมทำเนี่ย มันเหมือนเดินไปเคียงข้างกับระบบแชร์ลูกโซ่ ต่างกันตรงที่มีสินค้าเป็นตัวพรางเท่านั้น ลองคิดดูดีๆ อยู่ๆมีคนมาขายน้ำมันรำข้าว เราเองอยากซื้อกินเป็นชีวิตประจำวันหรือไม่ หรือที่เราบอกว่าดี เพราะเราจำใจซื้อมาตั้งเเต่ต้นแล้ว จากการเป็นสมาชิก ถ้าไม่กินเลยก็จะเสียดาย มันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า จากคุณ : ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 13:21:52

ความคิดเห็นที่ 109 ทำเอมสตาร์อยู่เหมือนกัน เต็มตัวด้วยค่ะ ที่เสี่ยหรอยเล่ามาทั้งหมด  คอนเฟิร์มว่า "เป๊ะ"   ส่วนอื่นๆ  เสี่ยหรอยเคลียร์ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ไม่ต้องอธิบายซ้ำเนอะ ธุรกิจเครือข่าย จะสวยงามหรือแมลงสาบ แล้วแต่มุมมองและประสบการณ์ที่แต่ละคนเคยเจอค่ะ  ด้วยธุรกิจแบบนี้  มันไม่มีการคัดกรอง ไม่กำหนดวุฒิการศีกษา หรือพื้นฐานความสามารถใดๆ  แค่อายุครบก็สมัครได้แล้ว ดังนั้น จีงเป็นสังคมที่รวบรวมคนร้อยพ่อ พันแม่ไว้เป็นล้านๆคน การถ่ายทอด ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร เราเชื่อว่า มีกันทุกค่ายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะแอม... ,เอม....  หรือบริษัทอื่นๆ  กฎจรรยาบรรณต่างๆก็มี  แต่มันก็ควบคุมได้ในระดับนึง  สิ่งที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจเหล่านี้ดีขึ้น  คงจะอยู่ที่สำนึกของคนที่ทำธุรกิจนี้อยู่ล่ะค่ะ ถ้ามีสำนึก ทำธุรกิจอย่างถูกต้อง ในความเห็นเรา  มันเป็นธุรกิจที่ดีที่สุด  สำหรับคนที่ทุนไม่มาก  ประสบการณ์ไม่มี แต่ต้องการมีธุรกิจของตัวเอง แต่ที่ภาพลักษณ์ของเครือข่ายมันยำ่แย่  เพราะคนส่วนใหญ่  เมื่อเข้ามาธุรกิจนี้แล้ว  ความโลภมันบังตา  อะไรที่ทำแล้วเกิดPV (เกิดยอดธุรกิจ)ก็ทำหมด  บังคับเพื่อน  หลอกคน ตื้อง้อ สารพัด ท้ายสุดก็ไปไม่รอด  เพราะเพื่อนที่มาเพราะถูกหลอกหรือบังคับ  ไม่มีทางเปิดใจอยู่แล้ว  ในที่สุดก็เลิกทำ เพื่อนเลิกคบ  กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างคนไม่สำเร็จ เราเองเป็นคนนึงที่เชื่อว่าธุรกิจนี้ มันทำเงินจริงๆ เคยเห็นคนที่ได้หลักแสนหลักล้าน จากธุรกิจเครือข่ายเยอะแยะ  แต่ก่อนหน้านี้ไม่คิดจะทำธุรกิจเครือข่าย  เพราะเคยรู้สึกไม่ดีกับการโดนเพื่อน "ยัดขายของ" เหมือนกัน ถ้าเงื่อนไขของการได้รายได้หลักแสนหลักล้าน  คือเราต้องไปยัดขายของเพื่อน  ตื้อเพื่อน พูดง่ายๆคือต้องทำสิ่งที่เราเคยเกลียด เพื่อนเลิกคบ เราก็ขออยู่กลางๆ  ดีบ้าง แย่บ้างตามสภาพเราดีกว่า เมื่อมาศึกษาเอมสตาร์  ก็คิดว่า ถ้าทำอย่างถูกต้อง เราก็เป็นคนนึงที่สำเร็จได้ ก็ตัดสินใจลงมือทำ  ซึ่งก็ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น  ว่าจะเป็นคนนึงที่ไม่แลกเพื่อนกับเอมสตาร์เด็ดขาด  เราคุยกับเพื่อนแทบทุกคน  ว่าเราทำอยู่  เล่าแผนถ้าเพื่อนสนใจ  เพื่อนไม่สนก็ไม่ตื๊อ  คนเราความชอบ  จริต และเป้าหมายในชีวิตไม่เหมือนกัน นี่ก็ตั้งใจจะเขียนไดอารี่เกี่ยวกับชีิวิตหลังจากเข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเครือข่ายอยู่  แต่ยังไม่มีเวลาเลย -_-"   สำหรับจขกท. ถ้าไม่สนใจก็บอกเพื่อนไปตรงๆ  ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ  ที่เพื่อนคุณเอ่ยปากชวนไปฟังโน่นนี่ตลอด  อาจเป็นเพราะทางเซนเตอร์ปลูกฝังมาว่า  การเปิดโอกาสให้เพื่อนคือ "การให้" เซนเตอร์เราก็สอนแบบนี้ค่ะ  อย่าเพิ่งเสียความรู้สึกับเพื่อน  เค้าอาจจะแค่หวังดีกับคุณจริงๆ แต่ถ้าการให้ของเพื่อน  เป็นสิ่งที่คุณไม่ต้องการ  ก็คุยตรงๆเลยค่ะ  ว่าอยากคุยกันแบบเพื่อนเหมือนเดิมมากกว่า  เหมือนตอนที่ไม่มีเอมสตาร์เข้ามาในชีวิตเพื่อนน่ะค่ะ คุยตรงๆเค้าคงเข้าใจ @เสี่ยหรอย  ยินดีอย่างยิ่งค่ะที่ได้มาเจอศิษย์เอมสตาร์ผู้พี่  เพียงแต่เรายังไม่ได้เลิก  ทั้งๆที่เจอสถานการณ์ใกล้เคียงกันมากๆ  ขึ้นเหนือ ล่องใต้ แทบไม่มีเวลาส่วนตัว  แต่ด้วยความที่ เคยทำธุรกิจส่วนตัวมาก่อน  เมื่อเทียบกับเอมสตาร์แล้ว  เอมฯถูกจริตมากกว่าและเสี่ยงน้อยกว่า อิอิ  ยินดีด้วยนะคะที่วันนี้เจอธุรกิจของตัวเองที่ลงตัวแล้ว  ถ้าเมื่อไหร่อยากกลับมาทำเอมฯ  มาทำเซนเตอร์ด้วยกันก็ได้นะคะ ^ ^ ใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติม  สอบถามได้นะคะ  ยินดีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่ะ จะดราม่า มาม่า อาม่าอะไรก็ตามสบายค่ะ  ไม่ซีเรียส จากคุณ : มังกรเผือก เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 14:12:44

ความคิดเห็นที่ 110 @sailompantip น้ำมันรำข้าวมี โอเมก้า 6 มากกว่า 3 มากค่ะ ถ้าร่างกายได้รับ 6 ไปมากๆ จะมีการอักเสบเกิดขึ้น เกิดอาการ ปวด บวม แดง ร้อน ได้ แนะนำให้ถ้าไม่หยุดทานก็ต้องหา โอเมก้า 3 มาทานคู่ พวกกลุ่ม น้ำมันปลา ทานซัก 3000 mg ต่อวัน จากคุณ : มิสเจีย เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 54 14:20:35