มันมีเคสแบบนี้เยอะแยะนะครับ
แบบว่าผู้จัดการหาเรื่องเลิกจ้างลูกน้อง
ทำทีเป็นห่วงลูกน้อง ไม่สบายรึเปล่า ทำเป็นว่าลูกน้องผิดปกติ พาลูกน้องไปพบจิตแพทย์ ไปถึงก็บอกว่าลูกน้องมีอาการแปลก ๆ เช่น เพื่อนไม่คุยด้วย ห่างจากคนอื่น พูดจาแปลก ๆ ไม่รู้เรื่อง
ออกค่าแท็กซี่ให้ รูดบัตรเครดิตรับใบเสร็จค่าบริการด้วยตัวเอง มีคนขับรถมารับเวลาไปทำแบบทดสอบที่โรงบาลจิตเวช
แพทย์ให้ทำแบบทดสอบออกมา ผลอีก 2 สัปดาห์วินิจฉัยว่าไม่ได้ป่วย ไม่ได้เป็นโรคจิต
แต่ผู้จัดการเซ็นเลิกจ้างเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งปล่อยข่าวทั่วบริษัทว่าป่วย ไม่สบาย ต้องพักรักษาตัว เลิกจ้างด้วยความเป็นห่วง เรื่องถึงศาลแรงงาน...อยากรู้องค์กรไหน หลังไมค์มาได้
กลวิธีเลิกจ้างไม่เป็นธรรม แต่ทำให้เป็นธรรมก็มี
ผู้จัดการจ้างคนทำอะไรแปลก ๆ สะกดรอยตามเวลาเลิกงานหรือวันหยุด เช่น ยกมือไหว้เสาธงเป็นเวลานาน, เดินจงกรมรอบราวตากผ้า, จ้างคนขายปาท่องโก้ ขายเต้าฮวยหน้าบริษัทตะโกนด่าลอย ๆ ทุกวัน ๆ ตอนกลับบ้าน
แล้วบริษัทจับส่งจิตแพทย์ด้วยความเป็นห่วง ลูกน้องไม่รู้เรื่องให้การกับจิตแพทย์ว่าเหมือนมีคนมาด่าข้างหูทุกวันตอนกลับบ้าน ไปเจอคนทำอะไรแปลก ๆ แพทย์วินิจฉัยว่าคิดไปเอง หลอนไปเอง ได้ยินไปเอง เพราะแพทย์ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง คนไข้ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับตัวเอง ไม่ทันได้บันทึกเสียงหรือวิดีโอไว้ แพทย์ให้ยารักษาซ้ำอีกต่างหาก ทั้ง ๆ ที่คนไข้ปกติดี ลูกจ้างมีความผิดป่วยไม่สบายเป็นเหตุให้เลิกจ้าง ฟ้องร้องอะไรก็ไม่ได้ นายจ้างกลั่นแกล้งแต่กลับเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรม อุบัติการณ์แบบนี้แพทยสภายังไม่เคยจารึกไว้ด้วยซ้ำว่าทำได้จริง
จะมีทางใดที่แพทยสภาจะเป็นตัวกลาง ปลดความซวยของแพทย์และโรงพยาบาล ไม่ให้เป็นตัวประกัน ไม่ให้เป็นทางผ่านของความขัดแย้งระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
เพราะไม่ใช่แพทย์เท่านั้นที่ซวย ลูกจ้างอย่างเราซวยยิ่งกว่า
แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 54 09:28:34