|
มีคนส่วนหนึ่ง (ร้อยล่ะ 0.5) มีพฤติกรรมชอบเอาไปโดนไม่บอก (ขโมย) เป็นนิสัยส่วนตัว ทางการแพทย์เรียกว่า Kleptomania (โรคชอบหยิบฉวย) โรคชอบหยิบฉวย (Pathological stealing) หรือ Kleptomania เป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่ง ทำให้ผู้ป่วย ไม่สามารถยับยั้งใจต่อแรงกระตุ้นที่จะลักเล็กขโมยน้อยได้ แม้ว่าสิ่งของนั้นจะไม่ใช่ของมีราคา เช่น ปากกา คลิปหนีบกระดาษ กิ๊บติดผม ผ้าเช็ดหน้า ฯลฯ แต่ผู้ป่วยก็สามารถหยิบฉวยติดมือได้โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน หรือไม่ได้ขโมยของเพราะต้องการทรัพย์สินเงินทอง แต่เพราะควบคุมอารมณ์ไม่ได้เท่านั้นเอง และเป็นการลงมือกระทำคนเดียว
จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยโรคชอบหยิบฉวย หรือ Kleptomania กว่า 75% เป็นเพศหญิง ซึ่งสาเหตุของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่น่าจะเกิดความผิดปกติทางชีวภาพ ทำให้สมองหลั่งสารบางอย่างออกมา เช่นเดียวกับโรคซึมเศร้า โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคแพนิก และโรคบูลิเมีย (โรคที่คิดว่าตัวเองอ้วนอยู่ตลอดเวลา จึงมักจะทานอาหารเข้าไปแล้วล้วงคอออกมา)
โดยเคยมีผลการศึกษาระบุว่า ผู้ป่วยโรคชอบหยิบฉวย จะเป็นโรคซึมเศร้าร่วมด้วยถึง 40% ,เป็นโรคแพนิกด้วย 40% ,เป็นโรคกลัวด้วย 40% ,เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำด้วย 45% ,เป็นโรคบูลิเมียด้วยถึง 60% นอกจากนี้ยังพบมีการใช้สารเสพติดด้วยถึง 50% และอาการอาจเกิดขึ้นได้หลังผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้สมองได้รับบาดเจ็บ หรือการสูดเอาก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าสู่ร่างกายมากเกินไป จนเกิดภาวะ "Carbon monoxide poisoning"
อาการของโรคชอบหยิบฉวย หรือ Kleptomania
มักจะขโมยสิ่งของที่ตัวเองไม่มีความจำเป็นต้องใช้ หรือสิ่งของที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร
ก่อนลงมือ ผู้ป่วยจะมีความเครียดเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หลังจากลงมือขโมยของแล้ว จะรู้สึกสบายใจ และผ่อนคลายลง
เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ผู้ป่วยบางรายอาจจะกลับมารู้สึกผิด เสียใจ เพราะผู้ป่วยทราบว่า การหยิบขโมยของเป็นเรื่องผิดต่อศีลธรรมและกฎหมาย แต่กลับกันอาจมีบางรายที่อาจไม่รู้สึกอะไรเลยจากพฤติกรรมนั้นก็เป็นได้
ผู้ป่วยที่ขโมยของมาแล้วอาจนำของไปเก็บไว้ หรือทิ้งไป หรือเอาไปคืนที่เดิม
ทั้งนี้ ในทางจิตวิทยา ยังมีการวิเคราะห์ด้วยว่า การที่ผู้ป่วยขโมยของในห้างสรรพสินค้า แล้วทำให้พ่อแม่ได้รับความอับอาย เหมือนกับเป็นการแก้แค้น เนื่องจากไม่พอใจบุคคลบางคนที่มีอำนาจในชีวิต เช่น พ่อแม่ ก็เป็นได้
การรักษาโรคชอบหยิบฉวย หรือ Kleptomania ผู้ป่วยโรคชอบหยิบฉวย หรือ Kleptomania ส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมเช่นนี้นาน ๆ ครั้ง ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่บางคนอาจมีอาการเรื้อรัง ๆ อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า มีผู้ป่วยโรคชอบหยิบฉวย หรือ Kleptomania มากถึง 1,200,000 คน ซึ่งคณะนักวิจัยโรงเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดสหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาพบว่า ยาแก้โรคซึมเศร้า ก็ไม่สามารถรักษาโรคชอบหยิบฉวยให้หายได้ เช่นเดียวกับ ดร.นอร์แมน ซุสส์แมน ศาสตราจารย์วิชาจิตวิทยาโรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ก็ยังยอมรับว่า โรคนี้ไม่ตอบสนองกับการรักษาใด ๆ เพราะแม้ผู้ป่วยจะเคยถูกจับกุมจากการกระทำเช่นนี้หลายครั้งแล้ว แต่ผู้ป่วยก็หักห้ามใจไม่ให้หยิบฉวยในครั้งต่อ ๆ ไปได้เลย
แต่ทั้งนี้ เรายังสามารถรักษาบำบัดอาการของผู้ป่วยด้วยการใช้ยา ร่วมกับ "วิธีจิตบำบัด" โดยแพทย์ นักจิตวิทยา จะรับฟังอาการของผู้ป่วย ด้วยการแสดงความเห็นอกเห็นใจ และให้กำลังใจผู้ป่วยว่า อาการนี้สามารถรักษาให้หายได้หากตั้งใจจะรักษา นอกจากนี้ ยังต้องใช้ "วิธีพฤติกรรมบำบัด" ด้วยการโน้มน้าวให้ผู้ป่วยกลับมาสู่ความเป็นจริง ให้รู้จักเหตุผล รู้จักกฎ กติกา ศีลธรรมอันดี โดยครอบครัวและญาติของผู้ป่วย ควรจะเข้าใจ และให้ความร่วมมือในการให้กำลังใจผู้ป่วยที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย
อย่างไรก็ตาม ในวงการแพทย์พบข้อมูลเกี่ยวกับวิธีป้องกันโรคนี้น้อยมาก แต่เชื่อว่า การอบรมเลี้ยงดูเด็กให้มีสุขภาพดี สร้างสัมพันธภาพด้านบวกกับเด็กอย่างใกล้ชิด และจัดการปัญหาต่าง ๆ อย่างมีไหวพริบ ใช้เหตุผล จะช่วยทำให้อาการของโรคทางจิตเวชลักษณะนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยลง
ปล. ขณะนี้มีห้างหรือร้านค้าสินค้าจะต้องติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพิ่มความปลอดภัย ที่เรียกว่า RFID สามารถนำมาติดสินค้าได้
ที่มาของข้อมูล http://health.kapook.com/view21661.html
แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 54 08:55:36
จากคุณ |
:
ง่วน
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ต.ค. 54 08:54:53
|
|
|
|
|