ความคิดเห็นที่ 1 อย่างของเรายื่นภาษี ก็แทบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เพราะบริษัทหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ในแต่ละเดือนของรายได้ที่เราได้รับ มันมีสรุปยอดรวมอยู่ในเอกสาร ทวิ 50 หรือว่าเราเข้าใจผิด จากคุณ : BuaChomPooH_NucH เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 16:49:54

ความคิดเห็นที่ 2 อาจจะไม่ถูกทั้งหมดครับ ลองดูว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม กับ ภาษีเงินได้ อันไหนมากกว่า จากคุณ : โจ (ฉันมันตัวเปล่า) เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 17:25:04

ความคิดเห็นที่ 3 คนไทยทุกคนเสียภาษีอยู่แล้วครับ แค่ซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ หรือ ห้างค้าปลีก ก็เสียแล้วครับ ไม่ต้องกลัว แต่ที่ต้องกลัวก็คือ เสียภาษีกันแล้ว เงินนั้นกลับมาสู่ประชาชนเท่าไหร่ หายไปไหน ไปอยู่บ้านใครหรือป่าว นั้นแหละที่ ปชช. อย่างเราๆ ท่านๆ ต้องคำนึง แล้วช่วยกันเป็นหูเป็นตาครับ "อย่าให้คำว่าทุจริต เป็นวัฒนธรรม" จากคุณ : ง่วน เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 17:34:19

ความคิดเห็นที่ 4 รายได้หลักของประเทศไม่ได้อยู่ที่ภาษีมูลค่าเพิ่มค่ะ ประชาชนทุกคนต้องเสียภาษีผ่านทาง vat 7% ด้วยค่ะ จากคุณ : patendex เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 17:34:52

ความคิดเห็นที่ 5 ภาษีเงินได้ เป็นเงินที่หักออกไปจาก น้ำพักน้ำแรงของเรา เพื่อไปบำรุงประเทศชาติ ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นภาษีสะดวกสบายแบบกลายๆ เป็นภาษีที่จัดเก็บจากสินค้าที่นำมาเพิ่มมูลค่าแล้ว เช่น อาหารสด ไม่มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แม้แต่ในห้างต่างๆก็จะไม่มีการเก็บภาษีส่วนนี้) เพราะงั้นคนที่เสียภาษีเงินได้ ก็เท่ากับว่าจ่าย 2 เด้ง เพราะเค้าเองก็ต้องซื้อของอุปโภคบริโภคเช่นกัน เท่ากับว่าเค้าก็จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย ใช่มั้ย? จากคุณ : positivex เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 17:36:08

ความคิดเห็นที่ 6 เพราะงั้น ไม่น่านับการซื้อของที่บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม ว่าเป็นการเสียภาษีแล้ว แบบเดียวกันกับการเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคลครับ มันน่าจะคนละเรื่องกัน คนละเรื่องกัน!! จากคุณ : positivex เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 17:41:47

ความคิดเห็นที่ 7 ก็มันคือภาษีเงินได้ไง   ได้เยอะก็จ่ายเยอะ ได้น้อย ก็จ่ายน้อยไง มันไม่ยุติธรรมตรงไหน ถ้าไม่อยากจ่าย ก็อย่าทำตัวให้มีรายได้เกินที่กำหนดสิ   แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 54 18:29:07 จากคุณ : ชื่อนี้ใช้นอกราชการเท่านั้น เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 18:26:37

ความคิดเห็นที่ 8 เข้าใจผิดโคตรๆ เลยนะจ๊ะ รายได้ประเทศชาติประมาณ 2 ล้าน ล้านบาท จะเป็นไปได้เหรอจ๊ะ ที่จะมาจากคนแค่ 2 ล้านคนหน่อยๆ อย่างรถกระบะ กับมอไซค์นี่ คนกลุ่มไหนซื้อเยอะที่สุดจ๊ะ ถ้าไม่ใช่คนชั้นล่างกับคนตจว. เงินที่ซื้อรถพวกนี้ ครึ่งนึงเป็นภาษีนะจ๊ะ คนที่ซื้อบะหมี่ซอง ซื้อเหล้า ซื้อเบียร์ คิดว่าเป็นคนกลุ่มไหนจ๊ะ พวกนี้ภาษีเท่าไหร่จ๊ะ แล้วพวกกิจการต่างๆ ละจ๊ะ ได้กำไรมาไม่ต้องจ่ายภาษีเหรอจ๊ะ โลกแคบมาก ความรู้เท่าไหร่จ๊ะ ที่คิดว่าเงินภาษีมีแต่พวกลูกจ้างเท่านั้นที่จ่าย จากคุณ : patham เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 18:27:56

ความคิดเห็นที่ 9 #7 ภาษีเงินได้ คือภาษีเงินได้ ได้มากจ่ายมาก ทุกประเทศเป็นแบบนี้ เรามาช่วยให้คนไทยมีรายได้+สวัสดิการเท่าเทียมกันเถิด ช่องว่างจะได้ไม่มี ทุกคนอยู่ดีเท่าๆ กันในด้านพื้นฐาน #8 ตามนั้นค่ะ สินค้า + วัตถุดิบ ที่นำเข้ามาขายสำเร็จรูปหรือนำมาผลิตในประเทศ มีภาษีศุลกากร (นำเข้า+อากร) แล้วแต่ประเภทสินค้า ส่วนนี้จะนำมารวมเป็นต้นทุนสินค้า + กำไร +ค่าดำเนินการของผู้ประกอบการ นำไปขาย เท่ากับเราได้เสียภาษีให้รัฐไปด้วยในนี้แล้ว จากคุณ : Blue Baleen เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 18:41:00

ความคิดเห็นที่ 10 งี้คนสูบบุหรี่กินเหล้าสงสัยเป็นคนที่ทำให้ประเทศมีเงินพัฒนาเลยดิ จากคุณ : โดราลิบ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 19:45:11

ความคิดเห็นที่ 11 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้บริโภคคนสุดท้าย ต้องเสียทุกคนครับ  ขอทาน ได้เงินไปซื้อของ ที่ 7 ภาษีก็เข้าถึงกรมสรรพากรแล้วครับ จากคุณ : บองหลา เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 20:22:07

ความคิดเห็นที่ 12 ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร ภาษีนิติบุคคล ภาษีบุคคธรรมดา ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ไม่มีใครในประเทศไทย ที่ไม่เสียภาษีครับ เด็กเดินเอาเงินไปซื้อขนมราคา 1 บาท ในนั้นก็มีภาษีอยู่ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จขกท ครับ อย่าเป็นส่วนหนึ่งให้ประเทศไทยวันนี้ เป็นยุคสมัยที่คนเสพข้อมูล แล้ววิจารณ์ทันที โดยปราศจากการกลั่นกรองหาความจริงเลยนะครับ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 54 21:17:38 จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 21:15:42

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 3 ครับ เมื่อเก็บภาษีได้แล้วเงินนั้นไปไหนหรือไปทำอะไรที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนส่วนรวมบ้าง   ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้บ้านเมืองครับ   อย่าให้ใครเอาไปเพื่อประโยชน์ของกลุ่มตนหรือจัดทำงบเข้ากลุ่มของตนเพื่อไปซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกราคาแพงส่วนตัว แต่ความจริงนอกจากภาษีของ ปชช. ที่กินเงินเดือนแล้ว   ก็ยังมีภาษีเงินได้นิติบุคคลอีกด้วยนะครับที่รัฐบาลเก็บไป    ผมว่าบริษัทต่างๆทั้งแบบจำกัดและมหาชนน่าจะเป็นผู้ขับเคลื่อนและทำประโยชน์ให้กับประเทศมากกว่าปชช. กินเงินเดือนทั่วไปนะครับ    เพราะว่าถ้าเทียบกันด้วยเม็ดเงินแล้วแน่นอนแหละที่นิติบุคคลเสียมากกว่า  อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อให้ประชาชนเกิดรายได้จากการทำงานอีกด้วย แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 54 21:23:14 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 54 21:17:53 จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 21:16:54

ความคิดเห็นที่ 14 คห 3 เงินไปอยู่ที่ปลัดกระทรวงคมนาคม อ่ะดิครับ จากคุณ : arakball เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 21:42:42

ความคิดเห็นที่ 15 ผมไม่เคยคิดว่าชนชั้นกลางที่คุณว่าจะเสียภาษีมากที่สุดในสังคมนะ และผมคิดว่าคุณกำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิดอยู่ จากคุณ : King Bamboo เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 21:44:03

ความคิดเห็นที่ 16 ผมก็เสียภาษีเงินได้ทุกปีนะ แต่ จขกท.  สงสัย จะคิดผิด อย่างแรง  ดีไม่ดี ภาษีเงินได้  ส่วนนั้น เอามาพัฒนา กทม. ยังไม่พอเลยมั้ง  เลิก เอาตัวเองเป็นใหญ่เถอะ ภาษีเงินได้ เยอะ เพราะคุณตักตวงจากประเทศชาติได้มากกว่าคนอื่น ครับ จากคุณ : pon007 เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 22:07:14

ความคิดเห็นที่ 17 คนแค่ 2.3 จ่ายภาษีเลี้ยงคนทั้งประเทศ... ใช้คำพูดได้สลิ่มมาก.... ประโยคพวกนี้ถ้าช่างสังเกตหน่อย จะไม่ต้องถามเลย จากคุณ : ปีศาจตาเดียว เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 22:13:50

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นตั้งมาหลายกระทู้แล้ว เอาเวลาไปทำงานทำการเถอะครับ ............................................________ ....................................,.-'"...................``~., .............................,.-"..................................."-., .........................,/...............................................":, .....................,?......................................................\, .................../...........................................................,} ................./......................................................,:`^`..} .............../...................................................,:"........./ ..............?.....__.........................................:`.........../ ............./__.(....."~-,_..............................,:`........../ .........../(_...."~,_........"~,_....................,:`........_/ ..........{.._$;_......"=,_......."-,_.......,.-~-,},.~";/....} ...........((.....*~_......."=-._......";,,./`..../"............../ ...,,,___.\`~,......"~.,....................`.....}............../ ............(....`=-,,.......`........................(......;_,,-" ............/.`~,......`-...............................\....../\ .............\`~.*-,.....................................|,./.....\,__ ,,_..........}.>-._\...................................|..............`=~-, .....`=~-,_\_......`\,.................................\ ...................`=~-,,.\,...............................\ ................................`:,,...........................`\..............__ .....................................`=-,...................,%`>--==`` ........................................_\..........._,-%.......`\ ...................................,<`.._|_,-&``................` จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 22:25:40

ความคิดเห็นที่ 19 เปล่าๆ ไม่ได้บอกว่าไม่ยุติธรรม แต่คนชอบเหมาว่าฉันเสียภาษีแล้ว ผ่านภาษีมูลค่าเพิ่ม จริงๆ หน้าที่ของคนไทยทุกคนคือ ต้องเสียภาษีครับ ย้ำว่าทุกคน เพียงแต่ เค้ามีข้อกำหนด ให้ยกเว้นภาษี แก่คนที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้แค่นั้นเอง อย่างเมื่อตอนวัยละอ่อน เงินเดือนน้อย ผมก็ยื่นภาษี 0 บาท ตอนนี้เงินพอมีพอกิน เข้าข่ายที่ต้องจ่ายแล้ว ผมก็จ่ายภาษีไปตามข้อกำหนด พอถึงเวลาผมมีอะไรที่ลดหย่อนได้ ผมก็ไปขอคืนภาษี ก็แค่นั้นเอง... ปล. ก็ไม่ได้อยากมีรายได้เยอะหรอก มันมาของมันเอง... จากคุณ : positivex เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 22:50:19

ความคิดเห็นที่ 20 ขนาดผู้นำบางคน รวยล้นฟ้า ยังหนีภาษีเลยยยยยย ไปดีกว่าาาา จากคุณ : prun poa เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 00:14:07

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 20 5555 เรื่องนี้เถียงกัน 10 รอบก็ไม่ยอมรับจริงๆให้ตายเหอะ คนอื่นทำเป็นเรื่องปกติ ไม่ผิดกฏหมาย แต่กรณีนี้ผิดที่ ชื่อ.... มากกว่า จากคุณ : ปีศาจตาเดียว เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 00:50:55

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 20 แล้วมันมีบริษัทไหนไม่พยายามเลี่ยงภาษีมั่งล่ะครับ โธ่ ซี..ล่ะ ตัวแม่เลย จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 04:33:02

ความคิดเห็นที่ 23 ภาษีจาก vat 7%รวมกับภาษีสรรพสามิต ก็ 50% ของรายได้จากการเก็บภาษีแล้วครับ จขกท. ภาษีกลุ่มนี้มาจากสินค้าอุปโภค บริโภค ที่คนส่วนใหญ่ซื้อ ภาษี เงินได้บุคคลฯที่ จขกท.กล่าวถึงนั้น มีอยู่แค่ 10%เท่านั้น เพราะฉะนั้น ในข้อเท็จจริง ภาษีส่วนใหญ่ที่ใช้บริหารประเทศ ก็มาจากคนส่วนใหญ่ครับ จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 06:23:39

ความคิดเห็นที่ 24 ของจุกจิกจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ชนชั้นกลางก็ชื้อแถมชื้อมากกว่าคนชั้นที่ไม่ต้องเสียภาษีอีก ดังนั้น ชนชั้นกลางกลับต้องเสียภาษี 2 เด้ง คนจนเสียภาษีเด้งเดีวจากการชื้อของ ส่วนคนรวยมากๆ นิติบุคคลกลับได้ลดภาษีเป็น 23% และจะลดให้เหลือ 20% ในปีถัดไป จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 06:50:48

ความคิดเห็นที่ 25 คนไทยจ่ายภาษีที่หักจากเงินได้คือคนหาเช้ากินค่ำ คนรวยๆมีการหลบเลี่ยงมากมายทั้งที่ถูกกฎหมาย และเลี่ยงกฎหมาย จากคุณ : chet123654 เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 07:06:16

ความคิดเห็นที่ 26 ตั้งกระทู้ด้วยความคิดในแง่ลบ จากคุณ : ถ้าหล่อไม่ช่วย จะสวยให้ดู (paradoxe) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 07:59:28

ความคิดเห็นที่ 27 เพราะคนส่วนใหญ่ในประเทศ เป็นคนที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ในการเสียภาษี และส่วนหนึ่งคือ มีการเลี่ยงภาษีกันเยอะ ทำให้คนชั้นกลาง มนุษย์เงินเดือน โดนตลอด แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 08:33:42 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 08:33:25

ความคิดเห็นที่ 28 กระทู้ดักเฮีย จากคุณ : tuktak เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 09:09:06

ความคิดเห็นที่ 29 ความเห็นที่ 19 ครับ คือผมยังไม่ได้ พูดเรื่อง ภาษีมูลค่าเพิ่มเลยครับ งง คือผมบอกว่า ภาษีเงินได้ ได้มากจ่ายมาก ได้น้อยจ่ายน้อย แค่นั้นเองครับ ถ้าไม่อยากจ่ายมาก ก็อย่ามีรายได้มาก ครับ คือไม่ต้อง เอา หลักฐานที่ผมพิมพ์มาแปะหรอกครับชี้ไปที่ความเห็นผมก็ได้(แบบที่คุณทำผมเขิน) ผมไม่ลบข้อความผมหรอกครับ ที่แก้เพราะมีคำผิดกับเพิ่มเติ่ม บรรทัดบนสุด รายได้คุณ ไม่ได้มาหาคุณเองหรอกครับ  กระทู้ก่อนๆของคุณก็บอกว่ามาจากน้ำพักน้ำแรง คงไม่ต้องเอามาแปะนะครับ เพราะผมเชื่อว่าคุณคงไม่กลับไปแก้ข้อความนั้น (ความเห็นที่ 5 พอดีพึ่งกลับไปอ่าน) ผมไม่มีทางเชื่อเลยว่าคุณไม่ได้อยากมีรายได้เยอะ และยิ่งไปกว่านั้นผมขอปฏิเสธ และปิดกั้น ความคิดที่คุณว่ารายได้ "มันมาของมันเอง" (ที่คุณลงไว้ในปัจฉิมลิขิต) คุณบอกว่าเมื่อก่อนตอนคุณวัยละอ่อน คุณก็เงินเดือนน้อย ถ้าคุณนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ทำงาน แล้วรายได้มันจะเยอะขึ้นได้อย่างไรครับ(บริษัทใจดีจัง) แต่ถ้ามันมีจริงๆรบกวนช่วยแนะนำเพื่อน ชาว pantip ที่กำลังหางานอยู่ไปทำกับคุณบ้างนะครับ ช่วยคนได้บุญเยอะนะครับ ที่ผมตอบคือคำตอบที่เจ้าของกระทู้สงสัยครับ ใช่ครับทุกคนต้องเสียภาษี และทุกคนมีสิทธิ์ลดหย่อนเหมือนกัน ตามเกณฑ์   (ไม่ต้องคิดตามผมก็ได้ คิดตรงข้ามกันเลยก็ดีครับ ความเห็นจะได้หลากหลาย) ยังไงรบกวนอ่านความเห็นที่ 16 อีกทีนะครับ เหตุผลที่ผมว่าทำไมได้เงินเยอะต้องจ่ายภาษีเยอะ ความคิดผม คล้ายความเห็นนี้ จากคุณ : ชื่อนี้ใช้นอกราชการเท่านั้น เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 09:54:29

ความคิดเห็นที่ 30 อ้อนึกขึ้นได้ ตอนที่จบมาแล้วทำงานใหม่ๆ เจ้าหน้าที่ ที่มาอบรมพนักงานใหม่ บอกผมว่า ถ้ารายได้ไม่เกิน แสนห้า ไม่ต้องยื่นเสียภาษี เงินได้ (ถ้าผิดพลาดประการใดรบกวนผู้รู้ชี้แจง ให้ทีครับ) นั่นแสดงว่าไม่ใช่ ทุกคนที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ ย้ำนะครับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องเสียภาษีเงินได้ จากคุณ : ชื่อนี้ใช้นอกราชการเท่านั้น เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 11:17:23

ความคิดเห็นที่ 31 ฮะฮะ ไม่ได้จะจำเพาะเจาะจงขนาดนั้นครับ (ผมเปล่าชวนทะเลาะนะ) คือแบบตั้งใจจะตอบความคิดเห็นนี้โดยเฉพาะน่ะครับ พอดีเวบนี้มัน อ้างอิงประโยคที่ต้องการมาไม่ได้ เลยมักจะทำแบบนี้เสมอ ยังไงก็ขออภัยด้วยนะครับ แต่เรื่องจริงนะครับ คือที่บอกว่ามันมาของมันเองเนี่ย ไม่ได้หมายความว่าไม่ทำงานนะครับ ผมก็ทำงานแหล่ะ แต่เรายิ่งทำงานไปเรื่อยๆ มันก็พัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่ได้ไปดิ้นรนขอเงินเพิ่ม ไม่ได้ดิ้นรนหางานใหม่ (ซึ่งคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนคงเข้าใจเรื่องนี้ดี) ส่วนเรื่องภาษี ผมยินดีและเต็มใจที่จะเสียภาษีทางตรงครับ ทางอ้อมผมก็เต็มใจเสีย แต่แหม...บางทีผมก็หมั่นไส้ คนที่เสียแต่ภาษีทางอ้อม มาบ่นๆว่าฉันเสียภาษีอย่างนู้น ฉันเสียภาษีอย่างนี้ ทั้งๆที่ยังไม่เคยเสียภาษีทางตรงเลยสักกะบาท ปีนี้ผมเสียทั้งภาษีเงินเดือน และภาษีตามมาตรา 40(8) ครับ ปล. ผมชอบคุยกับคนที่คิดตรงกันข้ามครับ มันสนุกดี จากคุณ : positivex เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 11:25:54

ความคิดเห็นที่ 32 ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 48 (1) เค้ายกเว้นให้ 150,000 บาท แรกที่ได้มา ไม่ต้องเสียภาษีครับ (คิดเป็นต่อปี) ไม่ต้องยื่นแบบก็ได้เพราะไม่ต้องเสียครับ แต่ถ้าอยากจะยื่นก็ยื่นได้นะครับ โดยยื่น 0 บาท   ปล. ผมไม่ใช่ผู้ชำนาญการนะครับ แค่จำมาจากคนข้างๆ จากคุณ : positivex เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 11:34:31

ความคิดเห็นที่ 33 เอ่อ แล้วทำไมไม่เอาข้อมูลมาโชว์ละครับ หาของปีใหม่ๆ ไม่เจอ เอาของปี 50 4 ปีที่แล้ว ตัวเลขคงไม่เกินไปกว่านี้หรอกมั้งครับ เจ้าของกระทู้พูดไม่ผิด แต่พูดไม่ครบครับ แต่ผมว่าเงินได้นิติบุคคลน่าจะเยอะสุด เมื่อเทียบตามอัตราส่วนคนเสียภาษีกับมูลค่านะครับ http://www.pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538724188&Ntype=134 จากคุณ : ^oio^ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 11:36:30

ความคิดเห็นที่ 34 พวกมนุษย์เงินเดือน เขาเสียเปรียบนะ เสียภาษีจากเงินเดือนโดยตรงเลย ส่วนคนที่บอก ชั้นก็ซื้อของก็เสียภาษีด้วยนะ มนุษย์เงินเดือนพวกนั้นก็ซื้อรถ ซื้อของกิน ก็เสียอีกต่อด้วยไง พวกเจ้าของกิจการมีวิธีหักภาษีได้มหาศาล แต่มนุษย์เงินเดือนยากพอสมควร หักแต่ละเดือนไปเลย ฉะนั้นคนที่บอก แค่ชั้นซื้อ รถมอเตอร์ไซต์ ซื้อของกินในห้าง เซเว่นก็เสียเหมือนกัน มันฟังดูโง่ๆ ครับ ที่ จขกท เขาเล็งเป้า คือ เค้าเสียภาษีจากเงินเดือน แบบไม่ค่อยเป็นประโยชน์เท่าไร เพราะนอกนั้น เขาก็เสียอีกต่อ พวกของกินของใช้เหมือนคนอื่นๆ นะแหละ จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 11:47:15

ความคิดเห็นที่ 35 เพิ่มเติมๆ ของปี 2553 ครับ http://download.rd.go.th/fileadmin/download/annual_report/annual_report53.pdf หน้า 100 จากคุณ : ^oio^ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 12:16:37

ความคิดเห็นที่ 36 ก็เพราะมันแบ่งเป็น ภาษีทางตรง และภาษีทางอ้อม มันก็มีภาษีแบบเดียวแหล่ะครับ ที่จำเพาะเจาะจงไปที่ตัวบุคคลว่า นาย ก. มีเงินได้ ต้องเสียภาษี นาย ข. มีเงินได้ ต้องเสียภาษี เท่านั้น เท่านี้บาท ซึ่งก็คือภาษ๊เงินได้ส่วนบุคคล ส่วนภาษีทางตรงอื่นๆ เช่น นิติบุคคล (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัท ห้างร้าน) ก็ไม่ใช่จำเพาะที่ตัวบุคคล ยิ่งภาษีทางอ้อมยิ่งไม่ต้องพูดถึง สรรพสามิตก็เป็นภาษีบาป เช่น เหล้า บุหรี่ หรือภาษีสบาย เช่น เครื่องปรับอากาศ  ซึ่งส่วนใหญ่ของสินค้าที่เป็นภาษีทางอ้อม มักจะเป็นของที่ไม่มี ก็ไม่ตาย... และคนที่จ่ายภาษีทุกคน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม จ่ายน้อยจ่ายมาก ต่างก็ได้รับผลประโยชน์จากภาษีนั้น เท่ากันหมดครับ... จากคุณ : positivex เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 12:32:41

ความคิดเห็นที่ 37 อยากรู้ว่าอาชีพเกษตรกรรมนี่ เค้าต้องเสียภาษีเงินได้หรือเปล่าครับ พอดีกำลังคิดว่าจะหาลงทุนทำไร่ทำสวน จากคุณ : ซาตานกลับใจ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 12:37:45

ความคิดเห็นที่ 38 ปกติ จขกทเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วครับ ตั้งคำถามแบบ ตรรกะแปลกๆ พวกคุณก็เข้ามา มาม่า กัน ป่านนี้ จขกท หัวเราะสบายใจไปแล้วมั้ง จากคุณ : poymk เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 12:54:09

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านบางความคิดเห็นแล้วแปลกใจที่บอกว่าพวกมนุษย์เงินเดือนเขาเสียเปรียบเรื่องภาษีเพราะว่าเขาเสียโดยตรงโดยหักจากเงินเดือน   ผมว่ามันมีช่องทางการ "ลดหย่อน" ภาษีได้นี่ครับ   มันเป็นเพราะว่าไม่เคยวางแผนการเงินส่วนบุคลลและวางแผนภาษีกันเองหรือเปล่า   จึงทำให้คิดว่าพวกมนุษย์เงินเดือน เขาเสียเปรียบเรื่องภาษี   ประเทศกำลังพัฒนาไปข้างหน้า   แต่ทำไมคนทำงานในเมืองไทยบางคนยังไม่เคยศึกษาเรื่องของการวางแผนการเงินส่วนบุคคลและการลงทุนกันเลย   ทำไมต้องหาเงินจากแหล่งเดียวคืองานประจำทั้งๆที่มันสามารถหาได้จากแหล่งการลงทุนเพิ่มอีกก็ได้ จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:10:33

ความคิดเห็นที่ 40 บริการจากรัฐบาลได้ไม่คุ้มภาษีที่ต้องเสียเลยคร้าบ นำเงินไปร่วมบริจาคสร้างสาธารนูปโภคให้ คนที่ขาดแคลนเห็นผลมากกว่าอีก -*- จากคุณ : DZ (deavgunner) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:19:25

ความคิดเห็นที่ 41 คนชั้นกลางบ้านเราแปลก จ่ายภาษีแล้วมาบ่นคนรายได้น้อย บ้านเมืองอื่นเห็นเค้าบ่น เรื่องความไม่ยุติธรรมของสังคม ทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกะคนรวยกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยสบายใจ จ่ายแต่ภาษีมรดกแล้วเดินแกว่งไปแกว่งมาไม่มีใครว่าอะไร หุ หุ จากคุณ : livelife เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:21:53

ความคิดเห็นที่ 42 ความคิดเห็นที่ 39 มาถามเคยศึกษาการลงทุนไหม? ช่องทางลดหย่อนภาษีมีเยอะ ขำครับ ไอ้ LTF RMF ประกัน อะไรนั่นนะ เอาเิงินไปจม 5 ปี สิบๆ ปี ถ้าหุ้นตก ตลาดวาย บริษัทประกันล้มละลาย ตอนเศรษฐกิจล่ม ทำไงครับ จมอีกกี่สิบปีขอรับ ถ้าคิดว่าซื้อแล้วไม่เป็นเหยื่อในอนาคต ก็เชิญครับ ทุ่มไปหมดตัวเลยครับ สำหรับการขอลดหย่อนวิธีนี้ แล้วพอขอลด มันก็ลดได้ไม่มากหรอกนะครับ สิบกว่าเปอเซนต์ ไม่ใช่เจ้าของกิจการที่มีหนทางมากมายในการลดภาษีนะขอรับ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 16:33:24 จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 16:31:22

ความคิดเห็นที่ 43 ภาษีเงินได้ไม่ยุติธรรมหรอกครับ พ่อค้าแม่ค้ามากมาย รายได้เดือนละสามสี่แสน ไม่จ่ายภาษี(เงินได้) แต่มนุษย์เงินเดือนรายได้แสนเดียว เจอภาษีเดือนละสองหมื่น ส่วน แวท 7 เปอร์เซนต์นั้น มนุษย์เงินเดือนก็ต้องจ่ายอีกเช่นกัน ต้องหาทางจัดเก็บภาษีจากพ่อค้าแม่ค้าให้มากกว่านี้ จากคุณ : ลุงเหว่ย เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 19:11:31

ความคิดเห็นที่ 44 ตรรก คนแถวนี้แปลก ทราบครับว่าทุกคนต้องเสียภาษีผ่านทางภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว แต่ประเด็นที่ว่าหลบเลี่ยงภาษีเงินได้แล้วไม่เป็นไรเพราะเป็นเงินรายได้ส่วนน้อยของประเทศมันไม่ใช่ ประเด็นที่ว่าบ.ของอดีตผู้นำ หลีกเลี่ยงภาษีไม่เป็นไรเพราะใครๆก็ทำก็ไม่ใช่ ประเด็นมันคือคนชั้นกลาง ไม่ซิมนุษย์เงินเดือนมากกว่าต้องแบกภาษีให้กลุ่มอื่นๆมากกว่าน่าสนใจ แบกให้คนจนผมไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ ถือว่าช่วยๆกัน แต่ที่แบกให้พวกจนไม่จริงนี่แหละที่เจ็บใจ พูดตรงๆนะครับ ร้านค้าถ้าใหญ่ระดับมีหน้าร้านส่วนใหญ่รายได้มันเข้าเกณฑ์เสียหมดแหละครับ แต่เอาเข้าจริงกี่คนที่มันเสียยื่นภาษีครับ บางร้านกำไรเดือนละเป็นแสนยังไม่เริ่มยื่นทำ VAT เลย แต่มนุษย์เงินเดือนเงินเดือน 2 หมื่นนิดๆโดนกันไปแล้ว ยิ่งคนรวยนี่ยิ่งแล้วเลย ผมรู้จักเพื่อนคนนึงพ่อมันเป็นเจ้าของโรงแรม 5 ดาวที่ภูเก็ต แต่พ่อมันไม่เคยเสียภาษีเงินได้ครับ ใช่ครับคุณพังไม่ผิดพ่อเค้าไม่เคยเสียภาษีเงินได้ เพราะเงินเดือนตัวเองนั้นเค้าเขียนไว้ 20000 บาท ส่วนเงินที่กินที่ใช้นั้น เบิกในรูปค่าใช้จ่ายบ.หมด เบิกเอาไปซื้อบ้าน รถหรูราคาเป็น 10 ล้าน แล้วเอาค่าใช้จ่ายตรงนี้เป็นค่าใช้จ่ายบ. ส่งผลให้บ.กำไรน้อยลง และเสียภาษีนิติบุคคลน้อยลงไปอีก ใช่ครับเค้าซื้อบ้าน ซื้อรถคงเสียภาษีไปไม่น้อย แต่ก็เลี่ยงได้ไม่น้อยเช่นกัน แล้วมันยุติธรรมมั้ยครับที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆต้องจ่ายภาษีทุกอย่างเต็มๆ แต่คนเหล่านั้นกลับเลี่ยงเอาๆ ทำไมผมซื้อรถผมเอาเงินตรงนั้นหักภาษีไม่ได้ครับ(หักได้แต่ดอกเบี้ย ค่ารถ หักไม่ได้) แต่ทำไมเจ้าของบ.เลี่ยงมาหักภาษีนิติได้ นี่ยังไม่นับไปถึงพวกเซลทั้งหลายที่เข้าสลิป ไม่กี่หมื่น แต่รับคอมซึ่งไม่เข้าสลิปเรือนแสน หรือพวกเงินนอกระบบที่มาจากธุรกิจผิดและไม่ผิดกม.หรือโกงบ้านโกงเมืองนะครับ ประเด็นมันใม่ใช่รายได้ส่วนน้อยของประเทศ ประเด็นมันไม่ใช่ทุกคนจ่าย VAT แล้วแต่ประเด็นคือคนบางกลุ่มอาศัย ช่องว่างทางกม.และความไม่เข้มงวดของรัฐเอาเปรียบโดยการไม่เสียภาษี ใช่ครับมันมีหนทางลดหย่อนแต่ถ้าศึกษาดีๆจะรู้ว่ามันลดหย่อนได้ไม่เยอะครับ อย่ามาอ้างว่าไม่ศึกษามาให้ดีครับ แต่พวกกลุ่มธุรกิจจงใจทำทรัพสินเป็นเท็จต่างหาก ว่ากันตามกม.ธุรกิจถ้ายอดขายเกิน 1.8 ล้านต่อปี ต้องยื่นทำ VAT ซื้อขายต้องมีบัญชีรับจ่าย มายื่นถ้ากำไรถึงก็ต้องเสีย ถามว่าบ.ระดับเล็กๆทำกันแค่ใหน 1.8 ล้านต่อปี ยอดมันแค่ 150000 ต่อเดือน หรือขายได้วันละ 5000 บาท ผมจะบอกว่าร้านก๋วยเตี๋ยวแผงลอยบางร้านก็เกินแล้วครับ วันก่อนดูข่าว 3 มิติยังได้ยินเลยว่าพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของริมท่าเรือน้ำท่วมยังได้วันละ 7000-8000 เลย แล้่วถามว่ามีกี่ร้านที่ยื่นครับ ถ้าร้านยื่น VAT จริงซื้อขายต้องมีใบกำกับภาษี ผมถามว่าในชีวิตจริง ท่านเคยเห็นร้านที่มียอดขายเกิน 1.8 ออกใบกำกับภาษีได้จริงกี่ราย เอาธุรกิจเล็กๆมากๆมาอ้าง เมื่อไม่ออก VAT นอกจากรัฐจะเสียรายได้จาก VAT แล้วยังทำให้สามารถเมครายได้ได้อีก เพราะพอไม่ต้องทำบัญชี VAT จะโม้ว่ากำไรเท่าใหร่ก็ได้ บางที่กำไรเป็นแสน แต่บอก หมื่นก็เยอะ แล้วยังเรื่องที่เมคบัญชีทรัพสิน บ.ระดับ.มหาชนเค้าก็มีวิธีหลบๆของเค้าอีกเยอะแยะ ถ้าจิตสำนึกนักธุรกิจ พวกนี้ดีเสียภาษี อย่างที่ควรจริงๆผมว่าภาษีเงินได้+ภาษีนิติบุคคล มากเลย Vat ไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 23:42:16 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 23:32:43 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 23:25:00 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 23:20:47 จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 23:11:44

ความคิดเห็นที่ 45 เห็นใจมนุษย์เงินเดือน โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัวต้องรับผิดชอบ ทั้งๆที่รายจ่ายก็ชนเดือนอยู่แล้ว เหลือเก็บก็ไม่มาก ไม่พอจะไปซื้อ LTF หรือประกัน แต่สิ้นปีภาษี เหมือนกับต้องเสียเงินเดือน 1 เดือนให้รัฐ  ปัจจุบันผมก็ยังเป็นอยู่ แต่พยายามจะหาทางออกไปสู่อิสระภาพทางการเงิน เหมือนในหนังสือ การลาออกครั้งสุดท้าย อยู่ จากคุณ : doctorpond เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 01:05:26

ความคิดเห็นที่ 46 เรื่องภาษีหลายคนอธิบายไปแล้ว ไม่อยากซ้ำ แต่หัวกระทู้นี่มันมองแคบมากเลยนะ ใช้คำว่าเลี้ยงคนทั้งประเทศเลยหรือ อยากจะบอกว่าในสังคมทั้งประเทศ ทุกคนต่างอาศัยพึ่งพากันทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่มีคนทำการเกษตร เราก็ไม่มีวัตถุดิบ ไม่มีพ่อค้านักธุรกิจเราก็ไม่มีคนหาของมาขาย ทุกอย่างเป็นลูกโซ่ค่ะ ไม่ได้มีใครอยู่เฉยคอยเขมือบอย่างเดียว จากคุณ : นางเอกหนังไทย เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 02:22:31

ความคิดเห็นที่ 47 # 42 การวางแผนการเงินและการวางแผนภาษีคือการซื้อ LTF RMF หรือประกัน หรือครับ ผมกะแล้วว่าจะต้องมีคนมักง่ายคิดแบบนี้   จริงอยู่ีครับที่ LTF RMF หรือประกัน มันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้แต่มันไม่ใช่ "การวางแผนการเงินและการวางแผนภาษี"   เอาเป็นว่าผมไม่สอนดีกว่าเพราะคุณมีอัคติและเดี๋ยวจะยาว  ผมว่าคุณลองไปถามนักการเงินหรือโบรกเกอร์เก่งๆบางคนดีกว่า (ย้ำว่าเก่งและแค่บางคนเท่านั้น) ว่า "การวางแผนการเงินและการวางแผนภาษี" คืออะไรและถ้าทำแล้วมันจะก่อให้เกิดอะไรบ้าง แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 54 02:47:13 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 54 02:46:33 จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 02:24:32

ความคิดเห็นที่ 48 # 44 แล้วพ่อของเพื่อนคุณที่เป็นเจ้าของโรงแรมแล้วไม่เสียภาษีน่ะ เค้ามีลูกจ้างหรือเปล่า  และธุรกิจของเค้าก่อให้เกิดรายได้ของประเทศในด้านสาธารณูปโภคและภาษีมูลค่าเพิ่มต่างๆของประเทศหรือไม่ ที่ถามแบบนี้เพราะว่าอยากให้คิดเยอะๆว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ขับเคลื่อนประเทศ   ใครกันแน่ที่เป็นผู้สร้างรายได้หลักให้แก่ประเทศ   ใครกันแน่ที่ก่อให้ประเทศเกิดประโยชน์ได้มากกว่ากัน  ระหว่าง "ลูกจ้างกับเจ้าของธุรกิจ" เรื่องช่องว่างของกฎหมายไม่ใช่เรื่องใหม่   คนที่ไม่ใช่นักกฎหมายหรือคนที่ไม่ได้ศึกษาทางด้านกฎหมายมามีส่วนน้อยที่จะเข้าใจเรื่อง "บ่อเกิดของกฎหมาย"   เพราะส่วนใหญ่ก็จะคิดไปว่าเป็นเรื่องการเมือง   เป็นเรื่องการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างผู้มีอำนาจ   แต่ถ้าคุณพิจารณาดีๆคุณอาจจะพอเข้าใจว่าทำไมกฎหมายเค้ายอมเปิดช่องว่างให้แก้เจ้าของธุรกิจมากมายกว่าลูกจ้าง เมื่อไม่มีธุรกิจหรือองค์กรของรัฐก็ไม่มีงานให้ทำ   เมื่อไม่มีงานให้ทำก็ไม่มีรายได้   เมื่อไม่มีรายได้ก็ไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายที่เป็นปัจจัย 4 ภาษีต่างของประเทศและค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยได้    เมื่อไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆได้ธุรกิจและกิจการการค้าต่างๆและรัฐบาลก็ไม่สามารถอยู่ได้เพราะไม่มีรายได้   และเมื่อกิจการการค้าต่างๆไม่สามารถอยู่ได้ก็ไม่มีงานให้ลูกจ้างทำ  แล้วมันก็จะวนอยู่แบบนี้เป็นวัฐจักร   ดังนั้นการเปิดช่องว่างเพื่อเอื้อประโยชน์แก่เจ้าของกิจการจึงเป็นประโยชน์แก่ประเทศมากกว่า แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 54 02:48:23 จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 02:46:16

ความคิดเห็นที่ 49 ผมว่าเรามาเลิกดราม่ากันดีกว่าครับ แค่ จขกท มันตั้งกระทู้แบบนี้ขึ้นมาก็ไม่สมควรที่จะมาทะเลาะกันครับ ปล่อยเค้าไป อีกอย่างนะครับ ประเทศเราเก็บภาษีรายได้จากคนทำงานไม่ได้มากมายเท่าไรเลยครับ คิดใหม่นะ จขกท มีถนนใช้ มีโทรสับสาธารณใช้ มีไฟฟ้าตามทางใช้ มันก็ได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า คุณใช้จ่ายอะไรไร้สาระไม่มีความจำเป็นได้ กะอิแค่จ่ายภาษีเพราะเงินเดือนคุณเยอะกลับมาบ่น ทำเพื่อชาติบ้างเหอะครับ มันไม่ได้มากมายเลย จากคุณ : ปีเตอร์นอร์ธ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 04:26:09

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 47 ผมว่าคุณเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไปนะ จะวางแผนเพื่อการเงิน ปรึกษาโบรกเกอร์ มันมีไม่กี่อย่างหรอก ถ้าปรึกษาพวกนี้นะ ทำๆ ไป เงินลงทุนก็ไม่คุ้มด้วย เป็นเหยื่อมากกว่า และถ้าใช้หัวสมองคิดให้รอบคอบจริงๆ นะ คุณกล้ารับประกันให้ผมไหมว่าจะได้เป็นพนักงานได้ตลอดจน 60 เงินเืดือนไม่ลด ไม่มีเลิกจ้าง ผมจะได้วางแผนการเงินได้แบบที่คุณบอกไม่ต้องห่วงอะไรเลย เงินก็จมอยู่ไอ้ที่ลงทุนนั่นละ เอาออกไม่ได้อีก ถ้าปีไหนเศรษฐกิจแย่แบบปี 51 อีก เลิกจ้างจะทำไง คิดอะไรให้รอบคอบหน่อย อย่าเป็นเหยื่อพวกนักลงทุน จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 11:23:42

ความคิดเห็นที่ 51 #50  คุณยิ่งโพสมันก็ทำให้ยิ่งเห็นความ "ไม่รู้เรื่อง" การวางแผนการเงินของตัวคุณเองเข้าไปใหญ่     ผมไม่ได้เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปและผมก็ไม่ได้ไว้วางใจโบรกเกอร์จนเกินไปด้วย  แต่ที่ผมแนะนำให้ไปขอความเห็นจากเค้าก็เพื่อที่คุณลองทำการศึกษาจากคนที่อยู่ในสายอาชีพพวกนั้นดู การวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลมันไม่ได้เป็นการประกันการตกงานหรือประกันว่าเงินเดือนจะไม่ลดลงตลอดจนอายุ 60      แต่การวางแผนทางการเงินมันคือการวางแผนเรื่องเกี่ยวกับรายรับ   รายจ่าย   เงินเก็บ  และเงินลงทุนของตัวคุณเอง  ว่าจะทำอะไรและอย่างไรบ้าง  จะต้องซื้ออะไรถืออะไรไว้บ้างและจะต้องเก็บเงินอย่างไรและที่ไหนบ้างเพื่อที่จะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้  เช่น  จะมีรายได้เป็นจำนวนเท่านั้นเท่านี้ต่อเดือนหรือต่อปี    จะเกษียณจากงานประจำโดยมีอายุและมีรายได้เท่านั้นเท่านี้ต่อปี    จะมีบ้านมีรถหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างไรบ้าง   จะมีการจ่ายภาษีอะไรและเท่าใดบ้าง ฯลฯ แผนการเงินส่วนบุคคลโดยส่วนใหญ่เค้าจะให้วางแผนป้องกันความเสี่ยงจากการไม่มีรายได้ประจำจากงานประจำและการเกิดอุบัติเหตุไว้บ้างแล้วไม่มากก็น้อย    เช่นกรณีปี 51 ที่คุณบอกมา  ถ้าคนที่เค้าวางแผนการเงินส่วนบุคคลมาดีแล้วเค้าก็แค่เสียใจนิดหน่อยที่ต้องจากทีทำงานเดิมสภาพแวดล้อมแบบเดิม    แต่เค้าก็ไม่อดตายหรอกครับ   เพราะว่าเค้าวางแผนรับความเสี่ยงจากการไม่มีรายได้จากการทำงานไว้บ้างแล้ว   อีกทั้งเค้าก็น่าจะมีเงินก้อนที่เก็บไว้เป็นทุนต่อไปอีกในอนาคตเพื่อจะทำอะไรต่อมิอะไรได้อีก อย่ากลัวความเสี่ยงเกินไปจนกระทั่งมันควบคุมทุกอย่างของชีวิต   ทุกอย่างมันมีทางแนวทางของมัน   ที่คุณคิดว่ามันเสี่ยงมันเป็นไปไม่ได้ก็เพราะว่าคุณไม่เคยรู้จักมัน   เพียงแค่ลองไปเรียนรู้มันแล้วลองลงทือทำดูแล้วคุณก็จะเห็นมุมมองใหม่ในโลกใบเดิม ใช้สมองให้เยอะ  ใช้ปากให้น้อยครับ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 54 12:14:15 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 54 12:09:16 จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 12:03:02

ความคิดเห็นที่ 52 ... ครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 13:21:37

ความคิดเห็นที่ 53 การวางแผนทางการเงิน VS การวางแผนทางภาษี การวางแผนทางการเงิน อาจหมายถึง การกำหนดการที่จะใช้เงิน ไม่ว่าจะในปัจจุบัน หรือเพื่ออนาคต นั้นคือ เตรียมที่จะใช้ เตรียมที่จะเก็บ เตรียมที่จะออม การวางแผนทานงภาษี อาจหมายถึง การกำหนดการจ่ายภาษี ที่มาจากรายได้ ไม่ว่าจะเป็นรายได้ทางตรงหรือทางอ้อม ให้จ่ายเพียงพอกับรายได้ที่ได้รับ หรืออาจเรียกกว่า เป็นการเตรียมเงินเพิ่มส่วนรวมอย่างไร "หาเงินเก่ง สู้เก็บเงินเก่งไม่ได้ เก็บเงินเก่งสู้บริหารเงินเก่งไม่ได้" จากคุณ : ง่วน เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 13:35:32

ความคิดเห็นที่ 54 ผมอยากเสียภาษีซักปีละ 70 ล้านบาท จากคุณ : marn_mania_1 เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 15:01:08

ความคิดเห็นที่ 55 ความคิดเห็นที่ 51 คุณนั่นแหละไม่ค่อยใช้สมอง ไอ้สิ่งที่คุณคิดว่าดี คงเพราะคิดในแง่ว่ารายได้มันการันตีมาตลอด มาตรฐานตัวเองทั้งนั้น แต่คนส่วนใหญ่มันไม่ได้เป็นแบบคุณนะ ใช้แต่มาตรฐานตัวเองตัดสินว่าถ้าวางแผนแล้ว อนาคตไม่ต้องห่วงมากมาย ขอโทษครับ เรื่องเบสิคแบบวางแผนการเงิน ผมว่าทุกคนรู้ครับ แต่ในความเป็นจริง ไม่มีอะไรแน่นอนแบบนั้นหรอก แค่ไปซื้อบ้าน ซื้อรถ ถึงจะวางแผนดีๆ ยังไง ก็ตายทั้งเป็นได้อยู่ดี ถ้าเจอออกจากงาน ไอ้ที่คุณบอก อุ้ย แค่ออกจากงาน แต่วางแผนไว้แล้ว ไม่เป็นไรแค่เสียใจ คนส่วนใหญ่ เค้ามีผ่อนบ้าน ซื้อของหลายๆ อย่าง ตัวแปรมันคุมไม่ได้แน่นอนดังใจนะขอรับ ไม่มีเงินมาผ่อน ก็โดนยึด ตัวแปรคือหางานไม่ได้ในอีกหลายๆ ปี อันนี้ควบคุมไม่ได้แน่ๆ ตายพอดี มองกว้างๆ หน่อยขอรับ ผมรู้เรื่องพวกนี้ครับ การวางแผนการเงิน และผมว่าทุกคนก็รู้หมด ถ้าไม่เกินตัวใครๆ เรื่องแบบนี้ใครๆ ก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ แต่ทำได้จริงแค่ไหน แต่ไอ้นิสัยว่าตัวเองรู้มากกว่าคนอื่น คนอื่นไม่ได้รู้เรื่องแล้วมายกตนข่มท่านเลย นิสัยแบบนี้น่ากลัวจริงๆ เดิมเราก็พูดกันถึงเรื่องลดหย่อนภาษี ผมบอกมันลดไม่ได้มากหรอก มนุษย์เงินเดือนเสียเปรียบเรื่องภาษีมากๆ เงินก็จมหลายปีพวกซื้อหุ้นเอาไปหักลดหย่อนได้แค่สิบกว่าเปอเซนต์ พอเรื่องภาษีเคลียร์ไม่ออก แล้วก็มั่วไปเรื่องวางแผนการเงิน ตกลงจะอวดคุยเรื่องไหนกันแน่ครับ จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 16:10:33

ความคิดเห็นที่ 56 เหอๆๆ ผมแค่รับรู้มานานแล้ว ว่า พนักงานเงินเดือนน้อย ไม่ต้องเสีย พ่อค้าแม่ค้า ร่ำรวย บางคนเสีย บางคนไม่เสีย พนักงานระดับกลางเงินเดือนสูง (ผมอยู่กลุ่มนี้) เสียทุกปี หักค่าลดหย่อนได้นิดเดียว พนักงานระดับสูง เสียภาษี แต่ก็มีกิจการส่วนตัว กิจการส่วนตัว เจ้าของบริษัท ส่วนมาก แต่งบัญชี หลีกเลี่ยงภาษี มันเป็นกันทั้งโลก อย่าคิดมาก คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนประหลาด จากคุณ : เค้าเปล่านะ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 17:32:09

ความคิดเห็นที่ 57 # 55 ถ้าคุณคิดว่าคุณรู้แล้วทำไมคุณจึง "วางแผนการเงินส่วนบุคคล"  ไม่เป็นล่ะครับ ถ้าคุณกลับไปอ่านสิ่งที่ผมบอกให้ละเอียดคุณจะเห็นว่ามันไม่ใช่แค่ว่ารู้ว่าตนเองมีรายได้เท่าไหร่และจะต้องมีรายจ่ายเทาไหร่และถ้ารายได้มากกว่ารายจ่ายจะมีเงินเหลือและรายได้น้อยกว่ารายจ่ายจะไม่มีเงินพอแล้วจะเรียกว่าวางแผนการเงินเป็นนะครับ   แค่นั้นใครๆเค้าก็รู้ครับ   เห็นไหมแค่นี้คุณก็อ่านแล้วยังไม่เข้าใจเลย   ผมบอกแล้วไงว่าคุณยิ่งโพสมันก็ทำให้ยิ่งรู้ว่าคุณไม่รู้เรื่องเรื่องการวางแผนการเงิน       เพราะฉะนั้นผมว่าคุณกลับไปหาความรู้เรื่องนี้ก่อนเถิด    ถ้าคุณไม่ชอบผมไม่อยากรับในสิ่งที่ผมโพสไปคุณก็สามารถไปถามผู้อื่นหรือหาความรู้จากแหล่งอื่นๆก็ได้ครับ จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 17:36:02

ความคิดเห็นที่ 58 ทุกประเทศในโลกแบ่งการเก็บภาษีออกเป็นสองประเภทครับ ภาษีทางตรง >> เป็นการเก็บภาษีจากรายได้ของประชาชน ภาษีทางอ้อม >> เป็นการเก็บภาษีจากการซื้อขายของประชาชน ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการเก็บภาษีทางตรงมากที่สุดเพราะประชาชนเต็มใจที่จะเสียภาษี ส่วนประเทศด้วยพัฒนาหรือกำลังพัฒนาจะเก็บภาษีทางอ้อมมากที่สุดเพราะประชาชนพยายามหลีกเลี่ยงที่จะจ่ายภาษีทางตรง จึงต้องไปเก็บภาษีทางอ้อมเป็นหลัก จากคุณ : เป็นตับ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 20:35:21

ความคิดเห็นที่ 59 ความคิดเห็นที่ 57 น่าเบื่อจริงๆ คำถามอยู่ในคำตอบผมบนๆ ไปเกือบหมดแล้วนะ ขอเดาว่าทำงานเกี่ยวกับให้คำปรึกษาการลงทุนใช่ไหมครับ ถึงได้แถขนาดนี้ จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 21:23:35

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นด้วยกับประโยคที่ว่า "อย่าให้คำว่าทุจริต เป็นวัฒนธรรม" ผมมีอีกที่ได้ยินบ่อยๆ "คอรัปชั่นไม่เป็นไร ขอให้มีผลงาน/ทำงาน" "คอรัปชั่นไม่เป็นไร ขอให้เราได้ประโยชน์" ใครกำลังมีความคิดนี้ ผิดอย่างแรงครับ ประเทศจะล่มจม เพราะคิดกันแบบนี้แหละ เพียงแค่คุณคิดแบบนี้ ผมไม่อยากจะคิดต่อเลยว่า คุณจะสอนลูกคุณให้เป็นคนมีคุณธรรม จริยธรรม ได้ยังไง เข้าเรื่อง ส่วนเรื่อง ภาษี นี่จ่ายทุกคนครับ จ่ายมากจ่ายน้อย มีมากจ่ายมาก มีน้อยจ่ายน้อย ส่วนที่จ่ายจะเป็นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิตรและอื่นๆ ทุกคนจ่ายหมดครับไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม จะบอกว่า 2.3 ล้านคน จ่ายนี่ก็ไม่จริงเท่าไหร่ แต่ 2.3 ล้านคน  อาจจะมีภาษีเงินได้ที่ต้องเพิ่มเข้ามาเพราะรายได้มากกว่า 150,000 บาทต่อปีหลังลดหย่อนแล้วเท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 54 21:50:54 จากคุณ : KINKIMONO เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 21:46:48

ความคิดเห็นที่ 61 #48 ใช่ครับ เค้าอาจทำประโยชน์มากกว่าผม แต่มันไม่ได้ให้อภิสิทธิ์เค้าเลี่ยงภาษีหนิครับ ภาษีที่ลูกน้องเค้าเสีย ออกจากกระเป๋าลูกน้องเค้านะครับ ไม่มใช่กระเป๋าเค้า เป็นเงินที่ ลูกน้องเค้าใช้แรงงานแลกมา แต่เค้ากลับเลี่ยงภาษีในสิ่งที่เค้าพึงเสีย คนละเรื่องเลย คุณน่าจะทำความเข้าใจใหม่นะครับ ไม่ใช่ว่าคุณทำดีซักอย่างแล้วจะสามารถทำชั่วได้ฉันใด ถึงแม้ว่าเจ้าของกิจการจะเสียภาษีทางอื่นๆไปเยอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะมีสิทธิจะเลี่ยงภาษีครับ จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 22:25:17

ความคิดเห็นที่ 62 #59   ผมไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับด้านการลงทุนใดๆเลยครับ   แต่ผมเป็นเจ้าของกิจการที่เป็นรูปนิติบุคคล   ซึ่งเป็นกิจการที่ผมและแฟนก่อตั้งและบริหารกันเองโดยที่ไม่ได้มีครอบครัวหนุนหลังให้   แต่สิ่งที่แนะนำคุณไปนั้นเป็นความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่ผมได้ร่ำเรียนมาและเคยลงมือปฏิบัติมา     ดังนั้นผมไม่ได้แถแต่อย่างใด   ผมทราบดีที่คุณบอกว่าผมแถก็เพราะว่า "คุณไม่มีความรู้ในเรื่องนี้" และเถียงผมไม่ได้ก็เลยจะพยายามยัดเยียดว่าสิ่งที่ผมบอกไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แต่ผมก็พยายามที่จะบอกว่ามันเกิดขึ้นได้จริง คุณลองนำเรื่องนี้ไปลองถามผู้ที่ "ลงทุนเป็น" ดูสิครับ   แล้วดูผลซิว่าจะเป็นอย่างไร คนเราถ้าหากไม่เคยรู้อะไรมาก่อน  ก็อย่าเพิ่งคิดว่าสิ่งนั้นมันเป็นไปไม่ได้แล้วเอาแต่โวยวาย    แต่จงหัดเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆสำหรับตัวเองและลองเรียนรู้มันดูทั้งจากผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์และจากการลงมือปฏิบัติจริง จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 22:44:20

ความคิดเห็นที่ 63 #61  แน่อนครับไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการหรือลูกจ้างก็ไม่มีสิทธิ์เลี่ยงภาษีเหมือนกัน  แต่ที่ผมให้ความเห็นไว้ใน #48 อันนั้นผมต้องการให้เห็นว่าผู้ทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองตัวหลักคือใคร     และผมก็ต้องการแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าลูกจ้างหรือเจ้าของกิจการก็มีสิทธ์ได้รับการลดหย่อนภาษีเหมือนกันถึงแม้เม็ดเงินในการลดหย่อนมันจะไม่เท่ากันก็ตาม   และการเลี่ยงภาษีผมว่ามันก็ไม่สามารถระบุได้นะครับว่าเค้าทำชั่ว  อย่าจิตใจหยาบเกินไปในมุมมองที่มีต่อคนอื่น  การเลี่ยงภาษีมันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายครับมันไม่ใช่การเป็นคนชั่ว    เพราะอย่าลืมนะครับว่าเงินที่เสียภาษีกันไปเค้าไม่ได้นำไปทำบุญหรือไปช่วยเหลือผู้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้    แต่เค้าเอาพัฒนาประเทศซึ่งเอาไปพัฒนาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือเปล่าก็ไม่รู้    ดังนั้นเราทุกคนจึงไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเงินภาษีของพวกเราที่จ่ายไปมันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและตัวเราอย่างไรบ้าง    แล้วถ้าเกิดเงินภาษีมันไม่ได้นำไปพัฒนาประเทศและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมแต่มันดันไปทำให้คนบางกลุ่มนำไปซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยและอยู่อย่างสุขสบายล่ะ    ภาษีของเราจะมีค่าต่อประเทศอีกไหมแล้วคนที่จ่ายภาษีอย่างครบถ้วนยังกลายเป็นคนดีอยู่ไหม พยายามมองโลกด้วยเหตุและผลพร้อมกับหลักการของเรื่องนั้นๆที่เค้าตั้งเอาไว้ ครับ    อย่ามองโลกด้วยการเอาความรู้สึกของตนเองไปตัดสินผู้อื่น   เพราะเราต่างคนต่างความคิดครับ   ถ้าเอาแต่มุมมองตัวเองมันก็ถูกเฉพาะคนที่เค้าทำอย่างที่เราต้องการหรือว่าทำอย่างที่เราชอบ    แต่ถ้าเอาหลักการที่เค้าตั้งเอาไว้มันอาจจะขัดกับสภาพจิตใจของเราแต่ว่ามันจะทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อส่วนรวมครับ   เพราะกฎที่ตั้งเอาไว้ไม่ได้มีใครเขียนขึ้นเองโดยเฉพาะแต่ว่ามันผ่านการจัดตั้งขึ้นมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเค้ายอมรับกัน จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 23:28:07

ความคิดเห็นที่ 64 รัฐกล้ายกเลิกภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้หมดป่ะละ แล้วก็จ่ายกันแค่ VAT 7% จะได้ยุติธรรมเท่าเทียมกันทั้งหมด เพราะมนุษย์เงินเดือนต้องจ่ายภาษีซ้ำซ้อนทั้งภาษีบุคคลธรรมดา และ ก็ภาษีมูลค่าเพิ่ม จากคุณ : น้ำค้างเดือนเก้า เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 23:59:15

ความคิดเห็นที่ 65 แปลกดี การเลี่ยงภาษีไม่เกี่ยวกันเลยว่าเขาจะเป็นคนชั่ว   คิดได้ไงเนี่ย ชั่วส่วนชั่ว ดีส่วนดี ที่ประเทศอื่น ที่เจริญแล้วการเลี่ยงภาษีถือว่าเป็นความผิดทางอาญา ที่ร้ายแรง แล้วก็เป็นความผิดทางจริยธรรมขั้นชั่วร้าย แต่ประเทศไทยมองมันเป้นเรื่องธรรมดา 5555 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 00:22:07 จากคุณ : lyonheartz เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 00:21:16

ความคิดเห็นที่ 66 อยากให้เมืองไทย ดึงระบบค้าขาย ข้างถนน, ห้างร้านทั่วไป เข้าระบบภาษีให้หมด รายได้รัฐน่าจะเพิ่มขึ้นอีกโข เหมือนที่สิงคโปร์ทำครับ จากคุณ : gbangmod เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 00:59:32

ความคิดเห็นที่ 67 # 65 ประเทศอื่น ที่เจริญแล้วนี่คือประเทศอะไรหรือครับ ขอข้อมูลอ้างอิงด้วย   อย่ากล่าวลอยๆแบบคิดเอาเอง จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 01:24:06

ความคิดเห็นที่ 68 ใช่ครับ มันมีสองประเด็น 1. เก็บภาษีไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น พวกเจ้าสัวต่างๆ เก็บมันไม่ได้หรอก มันเลี่ยงเก่ง  ไม่ต้องอื่นไกล ดูอดีตนายกที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศเสียก่อน 2. เก็บภาษีไป ก็โดนนักการเมืองแดร๊กหมด เหลือให้แค่พอจ่ายเงินเดือนข้าราชการ และที่เหลือเศษๆ ก็เอาไปพัฒนาประเทศจริงๆ อยู่หน่อยหนึ่ง จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 01:39:02

ความคิดเห็นที่ 69 กลโกงภาษี หลายๆ คนคงเคยเห็นพาดหัวข่าวว่า ‘ อุ้มสมุห์บัญชีบริษัท ช.การช่าง ส่อโยงคดีภาษี ’ คงจะเกิดแรงเหวี่ยงต่อผู้คนในข่าวทุกๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นตัวกลุ่ม นักอุ้ม + ผู้ถูกอุ้มและครอบครัว + บริษัท ช.การช่าง จำกัด + สรรพากร ( เพราะถูกพาดพิง) ผู้เขียนคงไม่กล่าวย้ำเจาะไปในรายละเอียดของเนื้อข่าวดังกล่าว เพราะบุคคลต่างๆ เหล่านี้ล้วนได้รับเคราะห์กันหนักหนาสากรรจ์อยู่มากแล้ว ข้อเขียนนี้ จะพุ่งไปที่กลวิธีหลีกเลี่ยงภาษี เท่าที่ตรวจพบอยู่ปกติทั่วไป พอเป็นกระสายดังนี้ครับ 1. การวางแผนภาษี (tax avoidance / tax planning) หรือโกงภาษี ( tax evasion) คงต้องอ้างคำพิพากษาอมตะของท่านผู้พิพากษา Learned Hand ของศาลสูงในสหรัฐอเมริกาที่ว่า “There is nothing sinister in arranging one’s affairs so as to keep trees as law as possible” ( มิใช่เป็นสิ่งที่ผิดอันใดเลย ที่ผู้เสียภาษีจะหาช่องทางหรือกลวิธีใดๆให้ตนชำระภาษีต่ำที่สุดเท่าที่กฎหมายเปิดช่องให้) หากจะอธิบายความตามประสาพูด ก็คงจะต้องบอกว่ากรณีเนื้อหาตามคำพิพากษาถือเป็นการวางแผนภาษี ซึ่งบางกรณีอาจรู้สึกหมิ่นเหม่แต่ไม่มีความผิด ตามกฎหมาย อาทิ - การจัดตั้งคณะบุคคล เพื่อแตกฐานเงินได้ให้เล็กลง ทำให้หน่วยภาษีเดิมซึ่งมีเงินได้แท้จริง สามารถประหยัดเงินภาษีลงมาได้ เช่น คณะบุคคลบิดากับบุตร เป็นต้นกรณีดังกล่าว ถ้าพิจารณาจากเจตนารมณ์ของการจัดตั้งคณะบุคคล ย่อมชัดเจนว่ามิใช่เกิดจากเหตุผลทางธุรกิจ แต่เป็นเพราะต้องการประหยัดภาษีเท่า นั้นเอง - การแยกกิจการค้าอสังหาริมทรัพย์ออกเป็น 2 หน่วยภาษี คือ บริษัท ขายที่ดินเปล่า จำกัด ( เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ของรายรับก่อนหักรายจ่ายใดๆ) และบริษัท รับจ้างสร้างบ้าน จำกัด (เข้าสู่ระบบ VAT ทำให้มีสิทธิขอคืนภาษีซื้อ ( input tax)ถามว่า กรณีดังกล่าวเป็นเจตนาแท้จริงทางการค้าหรือไม่ คำตอบก็คงเป็นเช่นเดิมว่าเพราะตูต้องการประหยัดเงินภาษีจ้า! ส่วนกรณีการหนีภาษี ( หรือจะเรียกว่าโกงภาษี) ซึ่งตามศัพท์ภาษาอังกฤษมีหลายคำเรียก เช่น tax fraud หรือ tax evasion เป็นต้นนั้น จะต้องเข้า 3 องค์ประกอบต่อไปนี้ครับ 1. An attempt must be made to evade taxes. (Spies v. U.S.317 U.S.492) จงใจหนีภาษี 2. Wilfulness must be proved (Haigler v. U.S.172 F2d 986, C.A. 10th) พิสูจน์เจตนาดังกล่าวได้ชัดเจน 3. A tax deficiency must exist ( U.S. v. Schneck, 126 F2d 702 C.A. 2d Cert. denied) จากข้อ 1 + 2 เป็นผลให้เกิดการเสียภาษีต่ำกว่ายอดที่ถูกต้องตาม กฎหมาย 2. กลวิธีหนีภาษีในประเทศไทย ขอยกกลโกงภาษีสามัญทั่วไปที่มักตรวจพบอยู่เสมอ ( โดยเฉพาะในหมู่เถ้าแก่ใหม่ SMEs ทั้งหลาย)ดังนี้ครับ ( 1) หลบรายได้ ตัวอย่างเช่น - ขายสินค้า 100 รายการ แต่เปิดบิล ( ใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีตามแต่กรณี) เพียง 20 รายการ - แตกหน่วยภาษีออกเป็นหลายๆ คณะบุคคลซึ่งมิใช่นิติกรรมที่แท้จริง - จับสลากชิงโชคได้รางวัลใหญ่ (ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร) แต่ให้บุตร 5 ขวบเป็นผู้รับรางวัลแทน เพราะตัวคุณพ่อคุณแม่ เป็นผู้มีรายได้สูงปรี๊ดตกในช่วงอัตราภาษี 20% แล้ว หากนำเงินรางวัลไปรวมทับเข้าไป ก็จะต้องถูกเก็บภาษีถึง 30% เชียว - ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี รายนี้ซิจึงจะถือว่าเจ๋งจริง (แฮ่ๆ แต่ตอนจบ ขณะถูกจับได้ละก็ นอกจากต้องเสียภาษีย้อนหลัง + เบี้ยปรับ 2 เท่า + เงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนแล้ว ยังต้องโดนดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 37 แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งระวางโทษปรับ 2 พันถึง 2 แสนบาท และจำคุก 3 เดือนถึง 7 ปีเชียว (2) หักรายจ่ายเกินจริง ( Claming Fictitious or Improper Deductions) ตัวอย่างเช่น - นำรายจ่ายส่วนตัวมาตัดจ่ายในบัญชีของบริษัท เช่น ซื้อเครื่องเขียนแบบพิมพ์ให้ลูกๆ ค่านิตยสารรายเดือน รายปักษ์ ซึ่งอ่านที่บ้าน ค่าอาหารเลี้ยงรับรอง ญาติผู้ใหญ่ ค่าเช่าอพาร์ทเมนท์ตากอากาศส่วนตัว เป็นต้น กรณีจะถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี ( 3) - รายจ่ายที่กำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง (ม. 65 ตรี ( 9)) เช่น รายจ่ายค่าซ่อมแซมตามบิล 2,000 บาท แต่ลงบัญชีเป็น 5,000 บาท - ตั้งรายจ่ายค้างจ่ายแก่บริษัทในเครือเป็นระยะเวลานาน โดยมิได้มีการจ่ายจริง (มาตรา 65 ตรี ( 1) เงินสำรองหรือ ( 9)) - บริจาคเงินแก่พรรคการเมืองต่างๆ ขณะนี้กฎหมายภาษีของไทยยังมิได้มีบทบัญญัติรองรับเหมือนในต่างประเทศชั้นนำ กรณีจึงคงเข้าลักษณะรายจ่ายต้อง ห้ามตามมาตรา 65 ตรี ( 3) (13) ( รายจ่ายส่วนตัวและไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจของกิจการ) (3) การหลีกเลี่ยงโดยผ่านระบบบัญชี ( Accounting Irregularities) - การทำบัญชี 2 ชุดหรือไม่บันทึกบัญชีเอาดื้อๆ - การบัญชีรายการทรัพย์สินเป็นค่าใช้จ่าย เช่น กรณีการต่อเติมอาคาร บันทึกเป็นค่าซ่อมแซม เป็นต้น ผลก็คือ กิจการสามารถหักรายจ่ายได้เร็วขึ้น แทนที่จะ ต้องตัดจ่ายในรูปค่าเสื่อมราคาถึง 20 ปี - การถ่ายโอนกำไรระหว่างประเทศ โดยวิธีการตั้งราคาโอน ( transfer pricing) เช่น บริษัทในเครือในประเทศไทย ซื้อสินค้าจากบริษัทแม่ในต่างประเทศใน ราคาสูงกว่าความเป็นจริง หรือการตั้งรายการเท็จ เช่น ค่าลิขสิทธิ์ ค่าที่ปรึกษา เป็นต้น ซึ่งขณะนี้กรมสรรพากรได้ออกคำสั่ง ป. 113/2545 และวางแนวทาง ปฏิบัติเพื่อแก้ช่องโหว่ดังกล่าวแล้ว - การบันทึกบัญชีเงินลงทุนระยะยาว ( investment portfolio) เป็นเงินลงทุนระยะสั้น (trading portfolio) เพื่อสามารถหักรายจ่ายจากการด้อยค่า ตามนัยมาตรา 65 ทวิ ( 6) ( สินค้าคงเหลือให้ตีราคาด้วยราคาทุนหรือราคาตลาดที่ต่ำกว่า) ผมขอเขียนแค่นี้นะครับ เพราะการนำเสนอบทความทำนองนี้ถือเป็นดาบสองคมซึ่งอาจเป็นผลเสียต่อทางราชการได้ สำหรับกรณีข้างต้น เป็นวิธีการพื้นฐานทั่วไป ซึ่งฉากสุดท้ายมักจะจบลงด้วยความเศร้าเคล้าน้ำตา! 3. บทลงโทษผู้เสียภาษีที่ฉ้อฉล ขณะนี้ ในประมวลรัษฎากรของไทยเรา ยังถือว่ามีบทลงโทษที่หน่อมแน๊มเต็มที จึงทำให้ทุจริตชนไม่เกรงกลัว ซึ่งในระยะยาวควรจะต้องเร่งแก้ไข โดยเพิ่ม บทลงโทษให้รุนแรงเหมือนในอารยประเทศโดยอาจต้องนำมาตรการแซงชั่น (Sanctions) ทางสังคมมาประกอบด้วย เช่น ให้ปรากฏชื่อในบัญชีดำ ( black list) ของทางการ และเสียสิทธิต่างๆ ทางสังคมและธุรกิจเป็นต้น ในที่นี้ ขอสรุปบทลงโทษสำหรับภาษีหลักๆ เพียง 2 กลุ่มดังนี้ครับ (ตาราง) ประเภทภาษีโทษแพ่งโทษอาญา เบี้ยปรับเงินเพิ่ม 1. ภาษีเงินได้ (บุคคลธรรมดา , นิติบุคคล)- 1 เท่าของภาษีที่ชำระขาด (ม. 22) - 2 เท่า กรณีมิได้ยื่นแบบ (ม. 26)1.5% ต่อเดือนหรือเศษของเดือน (ม. 27) กรณีจงใจหลีกเลี่ยงภาษี ม. 37 กำหนดโทษปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 2 แสนบาท และจำคุก 3 เดือนถึง 7 ปี 2. ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีธุรกิจเฉพาะ - 1 เท่า กรณียื่นภาษีขายขาด , ภาษีซื้อเกิน , ชำระภาษีขาดฯลฯ (ม. 89) - 2 เท่า กรณีไม่ยื่นแบบฯ มีสินค้าขาดจาก stock ฯลฯ (ม. 89) 1.5% ต่อเดือนหรือเศษของเดือน ( ม. 89/1) มาตรา 90 – 90/5 กำหนดบทลงโทษเรียงตาม ลำดับลหุโทษไปถึงโทษสูงสุดเท่ากับมาตรา 37 รวมแล้ว 42 กรณี 4. ส่งท้าย กํลยาณีจกํลยาณํง ปาปกาลีจปาปกํง กรรมใดใครก่อคนผู้นั้นต้องรับกรรมการหลีกเลี่ยงภาษี นอกจากจะต้องรับโทษทัณฑ์ตามกฎหมายแล้ว ยังเป็นบาป ทางใจ ที่ต้องคอยผวาอยู่เสมอแม้เพียงเห็นนกกาบินผ่าน หมายเหตุ ความจริงวิธีประหยัดภาษีสามารถทำให้ถูกกฎหมายได้ โดยวิธีวางแผนภาษี ( tax planning) รับรองว่าเป็นวิธีที่ดีกว่า ถูกต้อง ถูกเงินและถูกใจสรรพากร มากกว่าเป็นไหนๆ! ที่มา: http://www.lawheal.com/tax/article_tax9.htm SENATAMMARAK LAWHOTLINE & CONSULT OFFICE จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 01:47:42

ความคิดเห็นที่ 70 ความคิดเห็นที่ 62 ในที่สุดความจริงก็เผย เป็นพวกเจ้าของกิจการที่มีวิธีอันมากมายสำหรับภาษี ไม่ได้เข้าใจอะไรพวกมนุษย์เงินเดือนเลยแม้แต่น้อย เอางี้ละกัน กลับมาเข้าประเด็น สำหรับมนุษย์เงินเดือน นอกจาก LTF RMF ประกัน หาวิธีที่จะลดหย่อนให้ผมหน่อยสิ มีวิธีไหนอีกที่จะได้มากๆ นะ พวกหุ้น ltf ก็แค่ สิบกว่าเปอเซนต์ที่จะลดได้เองนะ ที่จะลดหย่อนในแต่ละปีได้อีกนะ หรือคุณจะให้เป็นหนี้เยอะๆ ไปซื้อบ้าน เพื่อได้ลดภาษีปีละแสนตามโครงการรัฐบาลหรอ หุหุ ไอ้วิธีลดหย่อนภาษีสำหรับมนุษย์เงินเดือนในแต่ละปีนะมันมีไม่มากหรอก คุณเจ้าของกิจการเอ้ย มนุษย์เงินเดือนเราๆ ถูกหักทุกเดือนเลยนะครับ แถมเลี่ยงยากด้วยไม่เหมือนคุณที่จะมีวิธีล้านแปดในการหลีกเลี่ยงได้ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 09:52:13 จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 09:42:52

ความคิดเห็นที่ 71 60 ล้าน คน นี้คือคนทั้วประเทศ รวม คนแก่ รวมเด็ก ด้วยนะครับ รวมผู้ไม่มีรายได้ รวมเกษตรที่ไม่ต้องเสียภาษี อยู่ด้วยนะครับ จากคุณ : love_vinai เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 09:43:49

ความคิดเห็นที่ 72 ผมเห็นด้วยจริงๆครับว่า ลูกจ้างซึ่งเป็นชนชั้นกลางจริงๆที่เกณฑ์รายได้เข้าข่ายต้องเสียภาษี โดนจัดเต็ม เต็มเม็ดเต็มหน่วยตลอด มันเลี่ยงลำบากครับ เพราะรายได้มีที่มาแน่นอน ผมไม่สงสัยเลยว่าปัจจุบันนี้ เด็กจบใหม่หรือจบมานานแล้วจะมาเป็นพ่อค้าแม่ค้ากันเยอะครับ ขายเสื้อผ้าทั้งปลีกและส่ง, ค้าขายอาหาร, ขายเครื่องสำอางค์และยาบำรุง, ขายอย่างอื่น ฯลฯ ธุรกิจข้างบนเป็น SMEs ทำไมถึงไม่เสียภาษีครับ (ส่วนใหญ่) เอาง่ายๆ VAT จดปล่าว? แล้วตอนยื่นภาษีเงินได้ส่วนบุคคลยื่นตามจริงรึเปล่า ผมว่าระบบเรามันกำลังผลักแรงงานออกไปทำธุรกิจส่วนตัวกันมากขึ้นครับ ส่วนหนึ่งเพราะเรื่องการจัดเก็บภาษีไม่เป็นธรรมด้วย จากคุณ : บ้าแพะ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 10:10:04

ความคิดเห็นที่ 73 ผมคนหนึ่ง ที่คิดว่า "คนดี" จะไม่เลี่ยงภาษีครับ ส่วนคนที่เลี่ยงภาษี...คงไม่น่าจะเรียกว่า "คนดี" ได้ครับ   จากคุณ : เฉาก๊วยกะบ๊วยเค็ม - -" เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 10:12:03

ความคิดเห็นที่ 74 อยากจะวิงวอนว่าถ้าจะเก็บภาษีก็ให้เท่าเทียมอย่างเป็นธรรม คนจนรายได้น้อยจริงไม่ต้องจ่าย พ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายที่รายรับเยอะๆต้องจ่ายเหมือนมนุษย์เงินเดือน พวกคุณลองคิดดูนะ สมมุติว่าบุคคลธรรมดา (มนุษย์เงินเดือน) สามารถมีสิทธิหักลดหย่อนภาษีบ้าบออะไรเท่ากับพวกนิติบุคคลนะ โดยหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ ประเทศเราจะสูญเสียรายได้ตรงนี้ไปเท่าไหร่...คิดดูครับ แล้วตอบว่าคนส่วนนี้ใช่หรือไม่ที่กำลังถูกเอาเปรียบอยู่ ผมอยากทราบที่มาว่ามันมีเหตุของเรื่อง (Nature) อะไรที่เป็นที่มาว่านิติบุคคลซื้อรถ ซื้อบ้านและสามารถนำมาเป็นรายจ่ายเพื่อลดหย่อนได้ครับ (ไม่นับเหตุด้านกฎหมายนะ) จากคุณ : บ้าแพะ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 10:20:43

ความคิดเห็นที่ 75 ที่เห็นๆไปอยู่บ้านปลัดกระทรวงอะไรไม่รู้ พันล้านแล้วนิ กุละหน่าย จากคุณ : la..la..means เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 10:35:22

ความคิดเห็นที่ 76 เอาข้อมูลมาเพิ่มครับ แม้ว่าอาจจะไม่อัพเดทเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะเห็นโครงสร้างรายได้ของรัฐมากขึ้น สไลด์จาก วุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ผู้อานวยการส่วนนโยบายการคลังและงบประมาณ สานักนโยบายการคลัง สานักงานเศรษฐกิจการคลัง ทั้งหมดสามารถหาได้จากกูเกิ้ล ลองอ่านแล้วคิดก่อน แล้วค่อยพิมพ์ ----------------------- ส่วนเรื่องโครงสร้างภาษีนั้นเป็นเรื่องที่ไทยต้องปรับปรุงอีกพอสมควร แต่ทุกอย่างก็ต้องพึ่งกฎหมาย แล้วใครออกกฎหมายล่ะ จากคุณ : High Bridge เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 11:02:53

ความคิดเห็นที่ 77 นอกเรื่องนิด เวลาไปกินตามร้านอาหารในห้าง มักจะเจอทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% + service charge 10% คิดแล้วปวดตับ กินข้าวจานนึง + ราคาไปอีกตั้ง 17% เลยแน่ะ จากคุณ : มวยมีค่าย เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 11:21:48

ความคิดเห็นที่ 78 อ่านบนๆแล้วตลก ยังกะคนที่เสียภาษีเงินได้ แล้วเวลาไปซื้อของไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บอกว่าเสียภาษีเงินได้แล้วเลยจะขอยกเว้นได้อย่างงั้น ประเด็นคือภาษีเงินได้ ก็ตามรายได้ ได้มากจ่ายมา ได้น้อยจ่ายน้อย หรือไม่ต้องจ่าย มันก็ยุติธรรมแล้ว แต่ทำไมคนที่จ่ายมันถึงน้อยจนหลายเป็นเหมือนภาระมาอยู่ที่คนที่ทำงานประจำ คนที่ไม่มี มีน้อย ไม่จ่ายมันไม่มีปัญหาหรอก แต่ไอ้พวกมีแต่ไม่ต้องจ่ายนี่แหละ แล้วก็ไม่ได้เกี่ยวว่าพวกนี้จะไปจ่ายภาษีในรูปแบบอื่นทีหลังยังไง ไม่เห็นจะเกี่ยว เพราะทุกคนก็ต้องจ่ายเท่าเทียมกัน ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องภาษีเงินได้ เวลาคุยกันไม่รู้ชอบไปเรื่องนู้นเรื่องนี้ เอาทีละเรื่องกันไม่เป็นรึยังไง ไอเรื่องภาษีอื่นจำนวนเยอะกว่า ใครเป็นคนขับเคลื่อนประเทศ อะไรแบบนี้ คือจะเอามาโยงให้ดูว่าความเห็นตัวเองถูกอะนะ ไปตั้งกระทู้ประเด็นใหม่ดีกว่า เอาทีละเรื่องกันเป็นรึเปล่า จากคุณ : Lick-My-L-Ball เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 11:36:48

ความคิดเห็นที่ 79 #70 ครับ ก่อนที่ผมจะก่อตั้งกิจการขึ้นมา   ผมก็เคยเป็นลูกจ้ามาก่อนครับและก็ถูกหักภาษีอย่างที่ลูกจ้างทุกคนรวมทั้งคุณด้วยเป็นมานั่นแหละครับ    และผมก็ไม่เคยคิดจะปิดบังตัวตนแต่อย่างใดแต่ว่ามันไม่สามารถโพสในนี้ได้เพราะว่ามันจะผิดกฎของบอร์ดแล้วก็จะถูกแจ้งลบ แต่ผมก็ได้ทำการวางแผนการเงินส่วนบุคคลของตนเองขึ้นมา  มันจึงทำให้ผมเข้าใจว่าความจริงแล้วมันมีช่องทางการหาเงินและช่องทางการลดความเสี่ยงรวมทั้งช่องทางการลดหย่อยภาษีทางอื่นๆอยู่ด้วย   ซึ่งคนที่เป็นลูกจ้างแต่ไม่พัฒนาตนเองอย่างคุณคงไม่เข้าใจ ผมไม่ได้บอกว่า LTF RMF ประกัน มันสามารถลดหย่อยภาษีได้เป็นจำนวนเงินมากมายก่ายกองนะ   แต่ที่ผมเคยให้ความเห็นไปแล้วอันนั้นผมหมายถึงลูกจ้างก็มีช่องทางลดหย่อนภาษีเหมือนกันถึงแม้เม็ดเงินในการลดหย่อนมันจะต่างจากเจ้าของธุรกิจก็ตาม ถ้าคิดจะลดหย่อนภาษีโดยใช้ LTF RMF ประกัน เท่านั้นมันอาจจะเห็นผลว่าลดหย่อนเป็นจำนวนเงินได้ไม่มากแต่ถ้าบวกกับการวางแผนการเงินส่วนบุคคลเข้าไปด้วยก็จะทำให้เห็นจำนวนเงินเข้ากระเป๋าสุทธิที่เพิ่มมากขึ้นจากเดิมครับ     ผมเดาว่าคุณยังอยู่ในวัยเรียนใช่ไหม   เห็นชอบถามและตอบอะไรแบบที่ไม่ค่อยใช้เหตุผล     ถ้าใช่ก็สามารถหาหนังสืออ่านได้ที่ห้องสมุดนะครับ   แต่ถ้าไม่ใช่คุณก็สามารถหาเวลาว่างจากการทำงานไปนั่นงอ่านหนังสือเพิ่มเติมได้นะ จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 11:37:59

ความคิดเห็นที่ 80 ความคิดเห็นที่ 79 ไม่สามารถโพสในนี้ได้ ใช้วิธีผิดกฎหมายในการเลี่ยงภาษีมนุษย์เงินเดือนหรอครับ วิธีแบบนั้นคนคิดออกมีเป็นล้านครับ แต่บางทีเค้าไม่อยากทำกัน  ไร้สาระ ใช้วิธีเลี่ยงแบบหน้าไม่อาย แล้วก็บอกมีวิธีอื่นอีกมากมาย ถ้ามีก็บอกมาสิ ถ้าวิธีมันไม่ผิดกฎหมาย บอกมาเล้ย วิธีลดหย่อนมากกว่านี้นะ หรือว่าคิดแต่วิธีไม่ถูกกฎหมายถึงได้ไม่กล้าพล่ามออกมา เอๆๆ เดี๋ยวนะ ถ้าไม่ผิดกฎหมายก็คือ การโฆษณาค้าขาย งานตัวเองใช่ไหมครับเลยไม่กล้าโพส ก้ากกกก แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 13:04:19 จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 13:02:48

ความคิดเห็นที่ 81 ขอย้ำอีกทีนะครับ ว่าขอ วิธีที่หักลดหย่อนได้จริง นอกจากที่ผมคิดได้นะครับ ถ้ายังจะพล่ามไรอีก ก็บอกมาให้ชัดเจนนะครับ เหตุผลที่บอกไม่กล้าโพส กลัวโดนลบฟังไม่ขึ้นครับ นอกจากคุณจะโฆษณาอะไรสักอย่างเพื่อตัวคุณเองนะแหละ ไม่ก็ใช้วิธีผิดกฎหมายในการเลี่ยงภาษี ถ้ารู้บอกมาเลยครับ วิธีลดหย่อนที่ทำได้นอกจากที่ผมคิด ไม่เห็นจะต้องไปกลัวอะไร คนทั่วไปจะได้ใช้ด้วย จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 13:30:22

ความคิดเห็นที่ 82 เห็นด้วยกับ 78# ครับ จากคุณ : du เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 14:12:05 A:58.181.157.122 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 83 คนทั่วไป เกษตรกร เสียภาษีต่อเดียว คือ ภาษีทางอ้อม จาก VAT ฯลฯ บางคนปลูกข้าว ก็กิืนข้าวที่ตัวเองปลูก เหลือก็ค่อยขาย อันนี้ก็เสีย VAT น้อยลงไปอีก ส่วนมนุษย์เงินเดือน ข้าราชการ เสียภาษีสองต่อ คือ ภาษีทางอ้อม จาก VAT และภาษีทางตรง คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สรุปว่า มนุษย์เงินเืดือน ข้าราชการ อัตราส่วนของภาษีที่จ่ายไป ต่อ รายได้ในแต่ละเดือน มันมากที่สุด.. ในทุกกลุ่มครับ เพราะถ้าไปดูการหักลดหย่อนภาษีแล้ว ถ้าใครต้องเสียภาษี มาตรา 40(1) แล้ว แทบกระอักเลือด มันหมายความว่า เงินเดือน 100 บาท คุณโดนหักภาษีไปแล้ว 10-30 บาท เหลือเงินให้คุณใช้เพียง 70-90 บาทเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 14:30:53 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 14:28:25

ความคิดเห็นที่ 84 #34 ถ้ารู้สึกเสียเปรียบก็ลาออกจากงานซิจ๊ะ คงไม่มีใครห้ามหรอก หรือเลือกตั้งครั้งต่อไป สมัครรับเลือกตั้งเลยนะจ๊ะ แถลงนโยบายให้พวกลูกจ้างไม่ต้องเสียภาษีไปเลย ดูซิจะมีใครเลือกสักกี่คน โถ่ ไอ่คนฉลาด ฟายไม่ว่า แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 15:20:13 จากคุณ : patham เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 15:02:24

ความคิดเห็นที่ 85 มันเป็นปกติครับ ทุกประเทศก็ทำ รายได้มาก ภาษีก็มากตาม นโยบายแบบนี้มีเพื่อลดหย่อน หรือบีบ ช่องว่าง ความห่างระหว่างคนรวยกับคนจน ไม่เช่นนั้นถ้าคนรวยเสียภาษีเท่าคนจน หรือคนจนเสียภาษีเท่าคนรวย โดยไม่แบ่งเป็นขั้นบันไดตามระดับรายได้ คนจนก็จนไป คนรวยก็รวยไป ห้องฟุตบอลจะรู้เรื่องนี้ดี เพราะเรื่องรายได้นักฟุตบอล ที่ อังกฤษ เพดานสูงสุด รายได้จะถูกหักมากถึง 50% ครับ ครึ่งนึงกันเลยทีเดียว ซึ่งก็อย่างที่บอกว่าถ้ารายได้ไม่ถึงขั้นมันก็จะลดลงมาเป็นขั้นบรรได 45, 40, ... ตามแต่ที่กฏหมายเขากำหนด กฏหมายบ้านเรา การเก็บภาษี เค้าไม่ได้ตั้งใจมาเก็บคนเฉพาะกลุ่ม รัฐ ก็อยากให้มีประชาชนเยอะๆ ที่เข้าข่ายให้เขาเก็บภาษี แต่บ้านเราคนจนมันเยอะน่ะครับ ให้ทำไงได้ คนระดับกลางโดนเก็บภาษีแค่นี้ยังบ่น ต้องลองดูพวกที่เสียภาษีกันทีเป็นล้านหรือสิบล้านสิครับ อย่าไปคิดมากเลยครับ ถึงเขาจะเก็บภาษีคุณมากกว่าคนจน แต่ขนาดเก็บแล้วคุณก็ยังลืมตาอ้าปากได้มากกว่าพวกคนที่เค้าจนนะ พวกคนที่เค้าจน อย่าว่าแต่เสียภาษีเลย เอาแค่อยู่ให้ได้โดยไม่ต้องพึ่งสวัสดิการรัฐเลย ผมว่าก็เก่งแล้ว ประเทศที่ดี ความต่างระหว่างชนชั้นมันต้องน้อย ต้องแคบ คนจนกับคนรวยต้องไม่ห่างกันเกินไป ซึ่งรัฐลดช่องตรงนี้โดยสารพัดวิธีอย่างที่บอก เบสิคสุดก็ภาษี สวัสดิการสังคมต่างๆ หรือนโยบายระยะสั้น-ยาว ตอนนี้คนจน เป็นเหมือนพื้นฐานของประเทศ เพราะเฉลี่ยมี % สูงที่สุด ดังนั้นถ้าคนกลุ่มนี้พัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ ประเทศเราก็จะก้าวกระโดดตามไปด้วย จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 15:44:04

ความคิดเห็นที่ 86 ยังมีความรู้เรื่องภาษีน้อยนิด แต่ว่านะ จะเก็บเท่าไหร่อย่างไร ใครเลี่ยงภาษี ใครจ่าย แต่ที่สำคัญคือการนำเงินภาษีไปใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดด้วยนะคะ หากทุกคนในประเทศจ่ายภาษีครบ ทุกบริษัทไม่มีการเลี่ยงภาษีเลยมันก็ดี (อาจเป็นเรื่องในอุดมคติด) แต่คนที่จะใช้เงินภาษีนั้นเป็นใครกัน ใช้แล้วถึงมือประชาชนจริงรึเปล่า จากคุณ : Jan_si เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 16:00:39

ความคิดเห็นที่ 87 ความคิดเห็นที่ 84 ถ้าจะพ่นไขมันในสมองออกมา ก็อย่าดีกว่าครับ มนุษย์เงินเดือนเสียเปรียบจริงครับ เรื่องภาษีคนทำงานบ้านเรามันต้องปรับเปลี่ยนบ้างแหละ แล้วภาษีที่เสียไป ก็ใช้ประโยชน์กับประเทศไม่คุ้มค่าเลย เขาเลยไม่อยากเสียกันครับ เพราะมันไม่ได้คืนมากับตัวเขาเอง แบบเมืองนอก ค่ารักษาฟรี และดีจริงๆ ไม่ใช่แบบเรารักษาฟรีแต่มีเงื่อนไขนู่นนี่เต็มไปหมด จนไปเสียเงินรักษาเองดีกว่า จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 16:28:45

ความคิดเห็นที่ 88 ที่เถียง ๆ กันจะเป็นจะตาย เรื่องภาษีเพื่อประเทศอันเป็นที่รักน่ะ รู้กันหรือเปล่าว่า 30-50% ของภาษี ไปอยู่ในถุงเก็บเงินบ้านใครต่อใครบ้าง .. 555 จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 16:49:34

ความคิดเห็นที่ 89 ผม จขกท นะครับ ไม่คิดว่าจะได้เป็นกระทู้แนะนำ อยากบอกว่าผมเพียงแค่ตั้งข้อสังเกต แล้วแสดงความคิดเห็นออกมา ไม่ได้มีเจตนาให้มาเกิดความแตกแยกหรือการแบ่งชนชั้น แต่อยากให้เป็นการถกกันในเรื่องของความคิดเห็น ความจริง ที่ได้ความรู้และเกิดประโยชน์มากกว่า   ครับผม จากคุณ : TGIM (Mr.Feynman) เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 18:16:15

ความคิดเห็นที่ 90 Aria_zone ยิ่งโพสก็ยิ่งทำไห้รู้ว่า "ไม่มีความรู้"   โพสไปเรื่อยๆไม่อายหรือครับ เดี๋ยวสักพักก็โพสตอบอีก  เดี๋ยวคอยดูเถอะไม่มีอะไรหรอกก็แค่พยายามหาทางด่าผมโจมตีผมเหมือนพวกเกรียนทั่วๆ    ถึงจะโจมตีผมยังไงก็ไม่สามารถลบล้าง "ความไม่รู้" ของตนเองได้หรอกครับ    กลับไปเรียนเถอะ จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 19:46:45

ความคิดเห็นที่ 91 ความคิดเห็นที่ 90 เมื่อไรจะตอบสักทีว่าเรื่องลดหย่อนภาษี ยังมีวิธีไหนอีก มัวแต่นอกเรื่องไปวางแผนบ้าๆ อยู่นั่นแหละ ตอบไม่ออกก็ไม่ต้องมาตอบแล้วนะ ผมมั่นใจ 100% ว่าคุณหาวิธีหักลดหย่อนภายในแต่ละปี นอกเหนือจากวิธีที่ว่า เชื่อได้เลยว่า คงหาทางไม่เจอแน่ๆ เพราะถ้าคิดได้ก็คงบอกไปแล้วแหละ สงสัยตอนที่ตอบตอนแรกคงกำลังดี้ด้า ลืมนึกไปว่าตัวเองเป็นเจ้าของกิจการมีวิธีเลี่ยงภาษีในแต่ละปีล้านแปด แต่มนุษย์เงินเดือนการหักลดหย่อนแต่ละปีมีแค่ไม่กี่ทางเท่านั้น จะตอบทีหลังก็หาทางไม่ค่อยออก ก็เลยต้องแถไปเืรื่อยๆ ไม่กล้าบอกวิธี ทำเป็นบอกโพสไปก็กลัวโดนลบ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 20:06:28 จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 20:03:43

ความคิดเห็นที่ 92 ทำไมไม่บอกพ่วงต่อไปด้วยเลยหล่ะว่า ป.ตรีเท่านั้นจึงจะเลือกตั้งได้ เหอๆ ตรรกะของคนที่หลงตัวเองว่ามีความรู้และจริยธรรมสูงส่ง เหอๆ ชาวบ้านชาวช่องเขาก็เสียเหมือนกันหมดอ่ะ  แล้วไอ้คนที่บอกว่าคนที่มีเงินเดือนกินแล้วเสียภาษีนั้นเสียเปรียบ อยากจะบอกพวกคุณว่า ถ้าชาวบ้านเขาเลือกได้ เขาก็อยากจะมีเงินเดือนเหมือนพวกคุณแหล่ะค่ะ ไม่มีใครอยากได้เงินรายวันวันละไม่เกิน 300 เหมือนที่สังคมมันเป็นอยู่หรอก หรือแลกกันไหม พวกท่านที่มีเงินเดือนกิน ลองมาหาเงินรายวันแล้วตายเอาดาบหน้าดูป่ะ เพระาดิฉันเชื่อว่า คนที่เขาหากินรายวันเขาก็อยากท่จะมีเงินเดือนแล้วเสียภาษีเอาดีกว่า ปล. จขกท.ไม่ทราบว่าอ่านข้อความของดิฉันจบไหมนะ ยังไงก็พยายามหน่อย เพราะมันมีไม่กี่บรรทัด อดทนอ่านสักนิด ดีกว่าพรรคพวกที่ชอบแชร์เรื่องโง่ๆบนเฟสบุ๊ค อ่อลืมไป ก็พรรคพวกของ จขกท.ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ ที่ชอบแชร์เรื่องโง่ๆบนเฟสอยู่อ่ะ จากคุณ : เสือน้อยจอมซน เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 20:04:15

ความคิดเห็นที่ 93 รอให้กีบคนที่ 100 จากคุณ : ค่ง หยาง เจี่ยน เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 20:15:07

ความคิดเห็นที่ 94 จขกท.+กองเชลียสลิ่มทั้งหลาย โปรดแหกตาดูซะ เมื่อดูเสร็จแล้ว ก็หัดสงบปากลงบ้างนะ จากคุณ : เสือน้อยจอมซน เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 20:25:32

ความคิดเห็นที่ 95 อีกสักดอก จากคุณ : เสือน้อยจอมซน เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 20:29:48

ความคิดเห็นที่ 96 #92 ใจเย็นๆครับถ้าตามอ่านผมเชื่อว่าคห.ส่วนใหญ่จะไม่ติดใจอะไรกับคนจนจริงๆที่ไม่เสียภาษีเงินได้หรอกครับ เพราะมันก็โอเคอยู่แล้วที่คนรายได้ต่ำกว่า 20-30k ต่อเดือนจะไม่เสียภาษี ไม่ว่าาจะเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือไม่ แต่ประเด็นคือมันมีคนบางกลุ่มในสังคมซึ่งไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่มีรายรับชัดเจน เอาเปรียบโดยการแต่งบัญชีรายรับ ของตัวเองเพื่อจะเลี่ยงภาษีไปต่างๆนาๆ แต่แน่นอนครับไม่ได้หมายถึงชาวบ้านตาดำๆที่คุณพูดแน่เพราะคนรายได้ต่ำจริงๆนั้น ไม่เสียภาษีเงินได้โดยกม.อยู่แล้ว ตอนนี้ผมก็สนใจคำตอบของคุณ ดอน สเตราส์ อีกเช่นกันว่ามีวิธีใดที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆเราจะเลี่ยงได้นอกจาก พวกกองทุน ประกัน โดยไม่ผิดกม. ส่วนเรื่องการเลี่ยงของเจ้าของกิจการที่เอารายจ่ายส่วนตัวมาแต่งบัญชีบ.นั้นนั้น หากพิจารณาจริงๆมันถือเป็นเรื่องสีเทา เพราะจะว่ามันผิดกม.มั้ยก็คงไม่ผิด 100 เพราะเป็นการอาศัยช่องว่างทาง กม.ของเราที่ออกกฎไม่รัดกุมมเองแต่ถามว่ามันยุติธรรม และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกม.มั้ย ก็ตอบได้เลยว่าไม่ และถ้าหากให้ศาลพิจารณาก็มีโอกาสที่ท่านจะเห็นว่าผิดได้ถ้าเจตนามันส่อไปทางหลบเลี่ยงจริง(อย่างเจ้าของโรงแรม เงินเดือน 20000 ยังไม่หลบเลี่ยงอีกหรือ) แต่หลายๆกรณีมันก็ผิดชัดเจน เช่นประเภทแต่งบัญชี ยืนบัญชีเท็จ โกหกรายได้ ไม่ยอมไปทำ VAT ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าผู้ที่ทำธุรกิจอิสระเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ยอมเสียตรงนี้ ทั้งๆที่ผิดกม. หากยังจำได้ไม่นานนี้เคยมีกระทู้เล่าว่าเป็นคนขับรถตู้แต่มีรายได้เดือนละกว่า 60k คิดว่าเค้าเสียภาษีเงินได้มั้ยครับ ถจริงๆแล้วยังมีอาชีพลักษณนี้ ไม่น้อยครับ ที่เป็นอาชีพอิสระและรายได้เกินเยอะแต่ไม่ยอมยื่นภาษีเงินได้ ถามว่า มันควรหรือไม่ เราควรจะมีกม. ที่ให้ความยุติธรรมมากกว่านี้หรือไม่ จนหลายๆครั้งผมรู้สึกว่าทำไม่เราไม่เลิกเก็บ ภาษีเงินได้ไปเลย แล้วไปเพิ่ม VAT ก็ได้ แต่นั่นแหละคนที่จะตายก็คือคนจนอีกเพราะราคาของมันจะขึ้น ทางรอด เดียวคือจนท.ที่เกี่ยวข้องต้องมีมาตรการที่รัดกุม มีการจัดระเบียบอาชีพอิสระและนิติบุคคลให้เรียบร้อย ปชช.ควรมี จิตสำนึกและให้ความร่วมมือด้วย ไม่ใช่ว่ามองว่าข้าโกงได้เอ็งอยากยุติธรรมเอ็งก็โกงบ้างซิ บลาๆ ส่วนประเด็นที่ว่ามันจะไปพัฒนาได้กี่ % เข้ากระเป๋าใครนั้นมันคนละประเด็นแล้วครับ เรื่องโกงก็แยกไปเป็น หัวข้อได้ยาวเลย แต่ที่เราถกกันอยู่คือความยุติธรรมในการจัดเก็บภาษีไม่ใช่การนำภาษีไปใช้ กล่าวคือ ถ้าจัดเก็บควรให้เท่ากันและยุติธรรมทั้งกลุ่มมนุษย์เงินเดือนและอาชีพอิสระ ไม่ใช่กลุ่มนิ่งต้องเสียสม่ำเสมอ แต่อีกกลุ่มอาศัยช่องว่าหลบไปวันๆ แล้วมาบอกว่าฉลาดกว่า ปล.โดยส่วนตัวผมไม่คิดว่าคตนจงใจหลบเลี่ยงภาษีโดยทำผิดกม. ฉลาด และเรียกว่าเป็นคนดีได้ครับ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 21:51:48 จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 21:45:05

ความคิดเห็นที่ 97 อ่านคห.50แล้วเพลีย น้ำเต็มแก้วยังน้อยไป ล้นแล้วครับ พี่ครับ จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 21:48:34

ความคิดเห็นที่ 98 #78 #84 เห็นด้วยค่ะ แล้วถ้าแบบประเทศแถบสแกนดิเนเวียนนี่เป็นยังไงคะ ผู้รู้ช่วยตอบให้ด้วย ภาษีเงินได้บุคคล. Max 70% ภาษีมูลค่าเพิ่มก็มี อื่นๆ ไม่รู้ค่ะ ภาษีนิติบุุคลก็น่าจะเกือบๆ 60-70% จากคุณ : เขียนบน iPad (Blue Baleen) เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 21:48:57

ความคิดเห็นที่ 99 คห.96 ถ้าเจ้าของให้เงินเดือนตัวเองน้อยๆ แล้วผิดกม. สตีฟจ๊อบส์ติดคุกไปแล้วครับ เพราะเขาได้แค่ปีละ1ดอลล่าร์ จริงๆแล้วการทำVATมันยากเกินไปสำหรับร้านค้าทั่วๆไปครับ ลองนึกถึงสภาพร้านโชว์ห่วยใหญ่ๆ เจ้าของเป็นป้าๆสิ ถ้าบังคับแกทำVAT ผมว่าแกเลือกไล่ลูกจ้างออก แล้วปิดกิจการดีกว่า แต่สำหรับโรงแรม5ดาวนี่ มันก็เกินไปหน่อยจริงๆครับ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 21:53:53 จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 21:50:44

ความคิดเห็นที่ 100 #99 ผมถึงบอกไงครับว่ามันเป็นสีเทาๆ มันอยู่ที่เจตนารมณ์ของผู้ทำด้วยครับ กรณีจ็อบนั้นเป็นบ.มหาชน ซึ่งเค้าจะมีรายได้จากเงินปันผลมหาศาลครับ ซึ่งตรงนี้แน่นอนว่าเค้าจะเสียภาษีเงินได้จากรายรับเงินปันผล เมื่อมันเป็นบ.มหาชน มุมมองตรงนี้จะเปลี่ยนเพราะของที่ ซื้อในบ.ไม่ใช่สิทธิขาดของเค้าทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย เช่นซื้อรถมาคันนึงรถคันนั้นก็เป็นกรรมสิทธิของบ.แอปเปิ้ล จะซื้อได้ต้องผ่านกรรมการหลายคน และเจ้าของก็คือผู้ถือหุ้นทุกคน วันนี้สตีฟตายรถก็ตกเป็นของบ. และ CEO ที่มารับตำแหน่งเพราะเป็นรถประจำตำแหน่ง การเบิกเงินใช้ก็ไม่สะดวกและเค้าคงไม่สามารถเอาเงินบ.ไปซื้อข้าวของ ส่วนตัวได้ครับ เพราะนั่นคือการโกง บ. ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆฟ้องได้ทันที ดังนั้นรายรับเค้าจึงต้องเป็นรายรับจริงๆ แต่กรณีที่ผมกล่าวอ้างเป็นบ.ที่เค้าเป็นเจ้าของเองครับ(หรือในเครือญาติ) ดังนั้นมุมมองมันจะต่าง เช่น การเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆ นั้นจะเขียนบิลอย่างไรก็ได้ บอกเป็นค่าจัดเลี้ยงลูกค้า แต่จริงๆเอาไปถอยบีบีบลาๆ ซึ่งตรงนี้ไม่มีใครกล้าเบรคแน่ เพราะเค้าเป็นเจ้าของ 100%  จะเห็นได้ว่าเค้าสามารถใช้เงินขอบ.ได้อย่างอิสระโดยไม่มีการตรวจสอบ ดังนั้น เค้าไม่จำเป้นต้องเขียนเงินเดือนให้ตัวเองเลย รวมถึงการปันผลด้วยเพราะในเมื่อบ.เป็นของเค้าต่อให้กำไรไม่ปันผลมา มันก็อยู่ในบ.เค้า ดังนั้นถ้ามองในมุมนี้จะเห็นได้ว่าเค้าสามารถเอาเงินของนิติบุคคล มาใช้ส่วนบุคคลได้ มองตามตัวอักษร อาจเหมือนกัน แต่จะเห็นได้ว่าทางปฏิบัติมันต่างกัน ซึ่งกรณีอย่างนี้ถ้าศาลพิจารณาว่าเป็นการมีการใช้เงินนิติบุคคล ซื้อของส่วนตัวก็ถือว่าจงใจหลบเลี่ยงทันทีครับ เรื่อง ยื่น VAT ยากเข้าใจครับว่ายาก แต่กม.ไม่มีคำว่ายากเกินไป เอาไปอ้างไม่ได้ครับไม่งั้นผมอ้างว่ายื่นภาษีเงินได้ ผมขั้นตอนยุ่งยาก ขอไม่ยื่นได้มั้ย เกินปัญญาผม ตามกม.ให้ผู้ยื่น VAT  ต้องมียอดขาย 1.8 ล้านต่อ ปีซึ่งไม่จนแล้วนะครับ น่าจะมีระบบบัญชีง่ายๆ เอาแค่รายรับ รายจ่ายได้ แค่นี้ก็พอมีข้อมูลทำ VAT แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 22:14:39 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 22:09:56 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 22:09:01 จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 22:05:21

ความคิดเห็นที่ 101 เสริมนิดหากคุณไปอ่านคห.69 มันจะคาบเกี่ยวกับข้อ (2) หักรายจ่ายเกินจริง ( Claming Fictitious or Improper Deductions) ตัวอย่างเช่น - นำรายจ่ายส่วนตัวมาตัดจ่ายในบัญชีของบริษัท เช่น ซื้อเครื่องเขียนแบบพิมพ์ให้ลูกๆ ค่านิตยสารรายเดือน รายปักษ์ ซึ่งอ่านที่บ้าน ค่าอาหารเลี้ยงรับรอง ญาติผู้ใหญ่ ค่าเช่าอพาร์ทเมนท์ตากอากาศส่วนตัว เป็นต้น กรณีจะถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี ( 3) ขออธิบายเพิ่มนะครับ ให้เข้าใจง่ายขึ้น คือเงินที่ทุกคนจะเอามาใช้ส่วนตัวได้นั้นต้องผ่านการเสียภาษีเงินได้ครับ (ยกเว้นจะถูกกำหนดให้ยกเว้นตามกม.)ไม่ว่าจะมาจากทางใหนต้องนำมาพิจารณาภาษีก่อนจะไปใช้ได้ จะเห็นได้ว่าเพราะจ๊อปทำบ.มหาชน เค้าจึงเอาเงินส่วนกลางมาใช้ไม่ได้ ต่อให้เค้าได้เงินแค่ 1 ดอลล่าก็ไม่ผิดเจตนารม เพราะเงินที่เค้าเอามาใช้มาจากเงินที่เสียภาษีเงินได้อย่างถูกกม.ซึ่งในที่นี้คือเงินปันผล กรณีเจ้าของโรงแรม มันจะไม่ผิดกม.ครับถ้าเค้าบอกว่าเงินเดือน 20000 แล้วเค้าใช้เงินในเรื่องส่วนตัวแค่ 20000 แต่เนื่องจากเค้าเป็นเจ้าของ เค้าสามารถเอาเงินบ.มาใช้ได้โดยไม่มีผู้ท้วงติง เท่ากับเค้าเอาเงินที่ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ที (เพราะยังเป็นทรัพย์สินบริษัท)มาใช้ส่วนบุคคล ตรงนี้ครับที่เท่ากับเค้าเจตนาหลบเลี่ยงภาษีจากการปลอมรายได้ ซึ่งมันไม่เป็นจริงๆแน่ๆที่ระดับผู้บริหารโรงแรมจะมีรายได้ที่ไปใช้จ่าย แค่ 20000 ต่อเดือน จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 22:23:10

ความคิดเห็นที่ 102 ค.ห. 92 อยากจะบอกว่า...ผมก็เคยกินเงินรายวัน แถมไม่ถึง 300 ซะด้วยสิ...(ว่าแต่เรืองนี้มันเกี่ยวกับภาษีตรงไหนนิ?) และถึงแลกงานกัน ก็มาทำแทนกันไม่ได้หรอก เพราะงานมันไม่ใช่แค่เรื่องของโอกาส แต่เป็นเรื่องความสามารถด้วยส่วนหนึ่ง และความสามารถไม่ได้ใช้เวลาเป็นวัน หรือเป็นเดือนในการสะสม แต่มันใช้เวลาหลายๆปีครับ... อ่ะ...กลับมาเรื่องภาษี จะว่าไป...ไม่ว่าจะเสียภาษี หรือไม่เสียภาษี ก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน สามารถรับบริการจากรัฐได้เสมอกัน ใช่มั้ยครับ ไม่ว่าคุณจะเสียภาษีทางตรง หรือทางอ้อม  เพราะอย่างนั้น เรามาช่วยกันถนอมรักษาสาธารณะสมบัติ ให้มันมีสภาพดี พร้อมใช้ กันจะดีกว่า...แทนที่จะมานั่งทะเลาะกันเนี่ย อ่อ! แล้วคุณลองเสียภาษีทางตรงดูบ้างรึยังครับ? แต่ถ้ารายได้ไม่ถึง 150,000 บาท/ปี สามารถยื่น แบบ ภ.ง.ด.90 ทางอินเตอร์เนตที่ http://www.rd.go.th โดยภายใน 1 ปี มีเงินได้ตามเกณฑ์ของ เงินได้พึงประเมินที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการ (มาตรา 56) เช่น ถ้ายังโสดและมีรายได้ 30,000 บาท/ปี (รายได้เดือนละ 2,500 บาท) ก็ต้องยื่นแบบแสดงรายได้ แต่ไม่ต้องเสียภาษี ฯลฯ ถ้าถามว่าไม่ต้องเสียภาษีแล้วทำไมต้องยื่นแบบ ก็เพราะว่า กฎหมายได้กำหนดหน้าที่ของผู้เสียภาษี ให้ต้องยื่นแบบแสดงรายการเกี่ยวกับเงินได้พึงประเมินที่ตนได้รับ ในเมื่อเงินได้นั้นถึงเกณฑ์ตามที่กำหนด... (ลองไปหาอ่านดูนะครับ รายละเอียดปลีกย่อยมันเยอะ) เพราะงั้นพี่น้องผู้ใช้แรงงาน ที่มีเงินได้รายวันละเกินกว่า 83.33333 บาท ก็สามารถยื่นเสียภาษีได้ครับถ้าอยากจะทำ แต่...จะมีใครทำมั้ยเนี่ยสิ (ผิดถูกประการใดโปรดชี้แนะด้วยนะครับ) จากคุณ : positivex เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 00:30:19

ความคิดเห็นที่ 103 ความคิดเห็นที่ 63 #61  แน่อนครับไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการหรือลูกจ้างก็ไม่มีสิทธิ์เลี่ยงภาษีเหมือนกัน  แต่ที่ผมให้ความเห็นไว้ใน #48 อันนั้นผมต้องการให้เห็นว่าผู้ทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมืองตัวหลักคือใคร     และผมก็ต้องการแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าลูกจ้างหรือเจ้าของกิจการก็มีสิทธ์ได้รับการลดหย่อนภาษีเหมือนกันถึงแม้เม็ดเงินในการลดหย่อนมันจะไม่เท่ากันก็ตาม   และการเลี่ยงภาษีผมว่ามันก็ไม่สามารถระบุได้นะครับว่าเค้าทำชั่ว  อย่าจิตใจหยาบเกินไปในมุมมองที่มีต่อคนอื่น  การเลี่ยงภาษีมันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายครับมันไม่ใช่การเป็นคนชั่ว    เพราะอย่าลืมนะครับว่าเงินที่เสียภาษีกันไปเค้าไม่ได้นำไปทำบุญหรือไปช่วยเหลือผู้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้    แต่เค้าเอาพัฒนาประเทศซึ่งเอาไปพัฒนาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือเปล่าก็ไม่รู้    ดังนั้นเราทุกคนจึงไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเงินภาษีของพวกเราที่จ่ายไปมันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและตัวเราอย่างไรบ้าง    แล้วถ้าเกิดเงินภาษีมันไม่ได้นำไปพัฒนาประเทศและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมแต่มันดันไปทำให้คนบางกลุ่มนำไปซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยและอยู่อย่างสุขสบายล่ะ    ภาษีของเราจะมีค่าต่อประเทศอีกไหมแล้วคนที่จ่ายภาษีอย่างครบถ้วนยังกลายเป็นคนดีอยู่ไหม พยายามมองโลกด้วยเหตุและผลพร้อมกับหลักการของเรื่องนั้นๆที่เค้าตั้งเอาไว้ ครับ    อย่ามองโลกด้วยการเอาความรู้สึกของตนเองไปตัดสินผู้อื่น   เพราะเราต่างคนต่างความคิดครับ   ถ้าเอาแต่มุมมองตัวเองมันก็ถูกเฉพาะคนที่เค้าทำอย่างที่เราต้องการหรือว่าทำอย่างที่เราชอบ    แต่ถ้าเอาหลักการที่เค้าตั้งเอาไว้มันอาจจะขัดกับสภาพจิตใจของเราแต่ว่ามันจะทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อส่วนรวมครับ   เพราะกฎที่ตั้งเอาไว้ไม่ได้มีใครเขียนขึ้นเองโดยเฉพาะแต่ว่ามันผ่านการจัดตั้งขึ้นมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเค้ายอมรับกัน จากคุณ : ดอน สเตราส์ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 23:28:07 ------------------------ เจ้าของความคิดเห็นนี้คงจเป็นคนแบบเดียวกับเจ้าของโรงแรม5 ดาวที่ภูเก็ตนั่นล่ะค่ะ จากประโยคนี้ " และการเลี่ยงภาษีผมว่ามันก็ไม่สามารถระบุได้นะครับว่าเค้าทำชั่ว  อย่าจิตใจหยาบเกินไปในมุมมองที่มีต่อคนอื่น  การเลี่ยงภาษีมันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายครับมันไม่ใช่การเป็นคนชั่ว" ตรรกกะที่คุณใช้แปลกมากเลย คนที่ทำผิดกฏหมายไม่นับเป็นคนชั่วงั้นหรือคะ ผิดกฎหมายอาญานะคะ แล้วที่ให้อ้างว่าประเทศไหนมีบทลงโทษรุนแรง ยกตัวอย่างเอาใกล้ๆเลย. เกาหลีใต้ค่ะ. ลองไปหาข่าวอ่านดูนะ มีดาราดังไม่แจ้งเสียภาษี ความลับแตกตอนโดนสรรพากรเรียกเก็บ โดนประณามถึงขั้นต้องออกจากวงการเลยนะคะ ข่าวเพิ่งไม่กี่เดือนนี้เองค่ะ ก็ถึงว่าทำไมบ้านเมืองเค้าเจริญเร็วเหลือเกิน เคยอ่านหนังสือพ่อรวยสวนลูกมาหรือเปล่าคะ. คิดว่าน่าจะอ่าน ดิฉันอ่านแล้วก็บอกไม่ถูก จริงอยู่ว่าสอนให้คนรวยขึ้น จัดการบริหารการลงทุน แต่ช่วงต้นๆของเล่มที่ทำให้ดิฉันไม่อ่านต่อก็คือ สอนให้เจ้าของกิจการทำทึกวิถีทางให้เสียภาษีน้อยที่สุด แล้วก็ต้องยอมรับว่า คนรวย โดยเฉพาะเจ้าของกิจการห้วใส ฉลาดแกมโกงเนี่ย งบดุลสิ้นปีทำยังไงไม่ทราบ ไม่เหลือกำไรให้เรียกเก็บภาษีได้สักบาท เผลอๆแจ้งขาดทุนอีก แล้วบางทีมีคอนเท็คดีๆ เผลอๆไปขอซัพพอร์ทการลงทุนจาก BOI. ได้อีกด้วย ภาษีนิติบุคคลแทบจะไม่ต้องเสียกันเลยทีเดียว อย่าอ้างว่าใครๆก็เสียภาษีเหมือนๆกันค่ะ แรงงานนอกระบบที่ไม่เคยจ่ายภาษีมีเยอะมาก ทั้งๆที่รายได้สูง จริงๆข้อดีของprogressive tax รายได้มากจ่ายมากนี่ช่วยกระจายความเหลื่่อมล้ำทางสังคมได้ดีมากเลยนะคะ แต่จะให้ระบบภาษีมันทำงานด้วยตัวของมันเองคงยาก ตราบใดที่เมืองไทยคนยังมีจิตสำนึกสาธารณะไม่พอ อย่าหวังว่าจะเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วยเรื่องลดหย่อนภาษี ไม่ใช่ว่าซื้อกองทุน ทำประกันเยอะๆแล้วลดหย่อนได้ทั้งหมดนะคะ เค้ากำจัดไว้แค่ปีละไม่เกินเท่่าไหร่ เหมือนว่า(ไม่แน่ใจ). ประกันก็เบี้ยประกันสูงสุดได้ไม่เกินหนึ่งแสนบาท. ทำประกันเบี้ยสักสองแสน แสนส่วนที่เกินมาก็เอาไปลดหย่อนไม่ได้แล้ว จากคุณ : ยาวจัง (เทวดามหาภัย) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 00:54:49

ความคิดเห็นที่ 104 ถ้าจะด่า ต้องด่าพวกเจ้าของที่ดิน พวกได้รับมรดกตกทอดครับ สองกลุ่มนี้ต้องนำมาเสียภาษีให้มาก จากคุณ : พวกไหนหล่ะที่มีทั้งที่ดิน และม เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 08:30:36 A:58.97.5.194 X: TicketID:315835

ความคิดเห็นที่ 105 บ่นก่อนละกันครับ ---อ่านผ่าน ๆ แล้วอ่อนใจครับ มีการกำหนดให้คนนู้นคนนี้เป็นชนชั้นกลาง ชั้นต่ำ ชั้นสูง - ผมทำงานอยู่แค่ชั้นสอง สงสัยจะกลายเป็น ชนชั้นต่ำ จากความแตกแยกทางการเมือง ลุกลามไปกันใหญ่ พูดภาษาเดียวกันทั้งนั้นจะทำให้ความแตกต่างมันเกิดขึ้นมาเพื่ออะไรครับ --- จบเรื่องบ่น เรื่องภาษีเงินได้แบบ progressive rate ก็ใช้กันโดยทั่วไปในโลก เพื่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมน้อยที่สุด จขกทบอกว่า ถ้ามีการจัดเก็บอย่างเป็นธรรมเหมาะสม บ้านเมืองคงเจริญกว่านี้ แบบไหนเหรอครับที่เป็นธรรมเหมาะสม อธิบายเพิ่มได้ไมครับ ถ้าอยากจ่ายภาษีน้อย ๆ ก็ตามนี้ครับ: 1. แต่งงาน 2. มีลูก 3. ซื้อประกัน 4. สะสมเงินกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท 5. ซื้อบ้าน เอาดอกเบี้ยเงินกู้บ้านมาหักออกจากภาษี 6. จ่ายประกันสังคม 7. รอพ่อแม่อายุ 60 8. บริจาคเงินให้ หน่วยงาน ฯลฯ 9. LTF/RTF เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพน่าจะเป็นทางลดหย่อนที่ดูดีหน่อยครับ (ถ้าบริษัทที่ทำงาน จัดให้นะครับ) ออกจากบริษัทก็ได้เงินส่วนของคุณกลับแน่ ๆ แต่ส่วนของบริษัทก็แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละที่ จากคุณ : เอาชื่อรัยอ่ะ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 08:51:54

ความคิดเห็นที่ 106 " โง่ แล้ว อวด ฉลาด " จากคุณ : ก้ามปูจอมพลัง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 11:08:51

ความคิดเห็นที่ 107 เป็นเพียงข้อคิดเห็น อย่าแตกแยกกันเลยครับ การที่คนส่วนน้อยยังเสียภาษี แสดงว่าบ้านเรายังมีคนจนอยู่มาก แต่เงินมันคงไม่ใช่ทุกสิ่งของมนุษย์ จริงมั้ยครับ.. หากเรายึดติดกับความอยากมากจนเกินไป มันจะกลายเป็นความโลภ เวลาคนเราโลภ ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อเงิน แบบนี้ถึงรวยไปก็นับว่ายังใช้ไม่ได้ครับ.. แต่ถ้าเราควบคุมความอยากไว้เพียงแค่ให้มันเป็นแรงกระตุ้นให้เราก้าวไปข้างหน้า โดยไม่เปลี่ยนไปเป็นความโลภ แบบนี้ถ้ารวยก็จะรวยอย่างสุจริตเองโดยอัตโนมัติครับ.. ไม่อยากให้คิดกันเพียงแค่ความเจริญทางวัตถุเพียงอย่างเดียวครับ เพราะทรัพยากรธรรมชาติมีเท่าไหร่ก็ไม่พอสำหรับมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความอยากได้อยากมีไม่สิ้นสุด จากคุณ : เนนก เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 12:45:15 A:182.53.42.251 X: TicketID:324733

ความคิดเห็นที่ 108 อยากได้ความเท่าเทียม งั้นไม่หักภาษีจากเงินเดือน แล้วไปเพิ่มVatเป็น15% ดีไหมครับ จากคุณ : Perfect Duck เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 16:52:56

ความคิดเห็นที่ 109 คุณ Aria_zone คุณนี่ เถียงคอเป็นเอ็นเลยนะครับ คุณเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือป่าว รายได้ต่อปีประมาณเท่าไร และเสียภาษีเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ผมว่าคุณนี่ต้องศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ เยอะเลยครับ ผมเองก็มนุษย์เงินเดือน รายได้ต่อปี เกือบล้าน เสียภาษี ตามนั้น แต่ขอลดย่อน ทุกวิถีทางจ่ายภาษีเท่ากับเพื่อนคนนึงที่เงินเดือนน้อยกว่า 3 เท่า เพื่อนผมมันก็บ่นเหมือนกะคุณนี่แหละ ผมพยายามสอนมันก็ไม่ฟัง ได้แต่บ่นแล้วก้มหน้าก้มตารับภาษีไปแบบนั้น แต่ก็เห็นด้วยกะหลายๆความเห็นที่เอาไปเปรียบเทียบกับ พ่อค้า แม่ค้า ตามข้างถนน หรืออาชีพที่ไม่ได้อยู่ในระบบการเก็บภาษี พวกนี้รายได้เยอะกว่าเรานะ แต่ไม่เสียเลย และในยุคประชานิยมแบบนี้ คงไม่มีรัฐบาลไหนกล้าเเตะหรอกครับ จากคุณ : ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 17:16:29

ความคิดเห็นที่ 110 2.3 ล้านคนจ่ายภาษีเลี้ยงคนทั้งประเทศ แต่ยังมีเกษตรกรอีกหลายสิบล้านคนที่ปลูกข้าวสร้างอาหาร เลี้ยงคนทั้งประเทศเช่นเดียวกันถึงแม้คนเหล่านี้ไม่ต้องเสียภาษี แต่ก็ต้องฝากอนาคตไว้กับฟ้าฝนและพ่อค้าคนกลาง จากคุณ : ไม้โมก เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 17:53:56 A:101.109.245.9 X: TicketID:225494

ความคิดเห็นที่ 111 คุณ ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) อย่ามาอวดเงินเลย ผมรู้ระดับปีละล้าน ถ้าจะลดด้วยการซื้อ LTF RMF เต็มแม็ค 360000 ผมเคยซื้อไม่ถึงครึ่งสำหรับการลดแสนห้าก็ได้คืนสามหมื่น หรือ ถ้าประกันหนึ่งแสน  ถ้ากฎหมายใหม่ให้ห้าแสน ก็ล่อเต็มแม็คเอาขนาดนั้นหรอครับ เอาเงินไปจมชัดๆ เป็นกี่ปี หุ้นตก ดองไปเลยเป็นชาติ เอ๊ามีิ วิธีดีกว่านี้ไหมละ ไอ้วิธีแบบนี้ใครๆ เขาก็ทำได้บอกแล้วไง แต่เงินมันจม เศรษฐกิจล่ม หุ้นตกกระหน่ำ (ใกล้แล้วละ) บริษัทประกันล้ม จะรู้สึก แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 19:18:17 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 19:15:39 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 54 18:49:51 จากคุณ : Aria_zone เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 18:46:43

ความคิดเห็นที่ 112 เอ่อ การที่เค้าให้ซื้อ RMF และ LTf ก็เพื่อ เป็นผลดีต่อตลาดทุน เราจะได้มีกองทุนเป็นกองเงินที่ยังเป็นของเราเอง เป็นกลุ่มก้อน ต่อสู้กับชาติอื่นได้ และเป็นการส่งเสริมการวางแผนการเงินของภาคประชาชน ไม่ใช่ก้มหน้าทำงาน หาเงินใช้เงิน และฝากกินดอกเบี้ยต่ำแต่เพียงอย่างเดียว ถ้าไม่ให้ดองเงินใน LTF 5 ปี เค้าจะเรียกว่าเป็นการลงทุนได้อย่างไร ถ้าซื้อเก็บได้เดือนเดียวแล้วลดหย่อนภาษีได้ กองทุนรวมที่เรามีอยู่ก็ไม่มีประสิทธิภาพอีก ในขณะที่ RMF มีจุดประสงค์เพื่อ ออมเงินวัยเกษียน ต้องรอครับ รอ 60(อย่างคร่าวๆ)ถึงจะเอามาใช้ได้ โดยไม่หักย้อนหลัง ถ้าคุณจะเอาสั้นกว่านี้ มันก็ผิดจุดประสงค์ครับ เค้าให้ซื้อเต็มที่เท่าไร ผมก็ซื้อได้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นประกัน LTF RMF และคุณอย่าลืม PF(Provident fund) ด้วย นอกจากนี้ ยังมีเงินบรืจาค ลดหย่อนพอ่ แม่ กรณี เกิน 60แล้วรายได้ไม่ถึงที่กำหนด  ฯลฯ เค้าก็มีให้ลดหย่อนเต็มที่อยู่แล้ว กอง LTF RMF ที่ไม่เสี่ยงวิ่งตามหุ้นปรู๊ดปร๊าด มันก็มี ถ้ากลัวเจ๊ง ก็อย่าไปซื้อกับสถาบันการเงินที่มันง่อนแง่นสิ ปี 40ที่ผ่านมามีแบงค์ไหนยังตั้งอยู่ได้ ดูแล้วมันมั่นคงก็เลือกอันนั้นสิ หรือถ้ารู้จักตามข่าวสารลงทุน ก็ ยอมกัดฟันเอาออกมาก่อนก็ได้ ดีกว่าเสียไปทั้งก้อน เรื่องประกัน ผมซื้อเต็มที่ครับ เค้าบังคับดองเงินไว้สิบปี ถึงจะคุ้มค่า แต่เค้าไม่ได้บังคับว่าห้ามเอาออก ไปดูรายละเอียดประกันดีๆ แล้วกลับมาคุยกันใหม่ แล้วจะเข้าใจครับ ผมว่าคุณเอาแต่ร้องแรกแหกกระเชิง เสียภาษีเยอะๆ  ทั้งๆที่เค้ามีเรื่องมือหลายอย่างที่ช่วยคุณ คุณก็เอาแต่กลัวเจ๊งๆ เงินที่เค้าเอาไว้ลงทุนน่ะเงินเย็น ไอ้ที่เจ๊งๆ กันส่วนใหญ่น่ะ กู้มาเล่นหุ้น ถูกForce sell ศึกษาการลงทุนดีๆ สมัยนี้ ถ้าไม่ศึกษาแล้วกลัวเจ๊ง ก็คงอยู่รอดในสังคมยาก ถ้าจะเอาอย่างที่คุณต้องการจริงๆ มันไม่ใช่ลดหย่อนภาษีแล้ว มันน่าจะเป็นการบอกให้เลิกเก็บภาษีไปเลยดีกว่า ผมจะบอกอะไรบางอย่างนะ ไอ้ที่คุณไล่ถามๆให้บอกมาดิๆ ว่าจะลดหย่อนภาษีได้ยังไง รวยไๆด้ไง ในเรื่องที่บางคนเค้าอาศัยช่องโหว่ทางกม.น่ะ ใครจะพูดครับ บอกไปเรื่อย ก็แห่เอาตามกัน พอทำกันเยอะ สรรพากรรู้ไต๋ ออกกฏมาแก้ ก็อดอีก ที่เค้าไม่บอก ก็เพราะว่าเค้าได้อยู่ดีๆ เรื่องอะไรต้องมาประชาสัมพันธ์ให้ฆ่าวิธีที่ตัวเองใช้อยู่ด้วยครับ เรื่องแบบนี้ต้องศึกษาหนักๆ แล้วจะเจอทางเองครับ จากคุณ : ยืมล็อกอินเค้ามา (จอมยุทธ์น้อยเฉาเฉ่า) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 19:54:09