Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
+++บ่นไป เซ็งไป กับการหางานในญี่ปุ่น+++ ติดต่อทีมงาน

สวัสดีค่ะ
นี่เป็นกระทู้แรกที่ตั้งห้องนี้เลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าเราเข้าวัยทำงานซะแล้ว
ตั้งเพื่อมาระบายเรื่องการหางานค่ะ ใครอยากติชมภาษาไทยของเราก็เชิญตามสบาย (คือพอดีว่าเป็นประเภทที่คิดว่าตัวเองเขียนถูกแต่ความจริงผิดบ่อยๆ) หรืออยากให้กำลังใจก็ไม่ว่ากัน

เราเรียนที่ญี่ปุ่นทั้งตรีและโทเพราะได้ทุน และก็กำลังจะจบโทปีหน้า เดือนสามค่ะ แต่เป็นอินเตอร์โปรแกรม เพราะฉะนั้นญี่ปุ่นเราจะไม่ดีมาก แค่ถูไถระดับหนึ่ง (คือ คนอื่นที่เค้าเรียนแบบธรรมดา เค้าว่ามันง่ายค่ะไอ้ระดับหนึ่งเนี่ย)

ที่นี่เด็กๆจบใหม่ต้องหางานให้ได้ก่อนเรียนจบ เพราะถ้าจบแล้วไม่ได้งาน แสดงว่าเธอไม่เจ๋งพอที่จะถูกบริษัทต่างๆฉกชิงตัวไปตั้งแต่ช่วงปีสามปีสี่ แล้วมันจะเรียนได้เต็มที่ได้ไงยะ ชั้นเรียนโทนะ ยากเรือๆ (ชิบๆ) เครียดที่สุด โปรเจคจบชั้นก็มี

แล้วที่นี่เค้าไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องวุฒิโทค่ะ ไม่มีประสบการณ์ อย่าได้หวังตังเพิ่ม แต่ก็อาจจะได้มากกว่าเด็กๆตรีประมาณหมื่นเยน T T  ชั้นเรียนไปเค้าก็ไม่เห็นคุณค่า ยิ่งเราไม่มีวุฒิ MBA Engineer อะไรเทือกนี้ก็อย่าหวังเลยค่ะว่าเงินเดือนจะเยอะ อันนี้สำหรับบริษัทญี่ปุ้น ญี่ปุ่นนะคะ

แล้วกว่าจะได้สมัคร ต้องไปไกด์แดนซ์   เสร็จก็มานั่งcontemplateเขียนใบ (ซึ่งเขียนใบญี่ยากกว่าอังกฤษมากจริงๆ แบบว่าเรื่องมากฝุดๆ ใครมีเพื่อนที่เคยผ่านสนามรบมาแล้ว ลองถามดูเอาละกันเรื่องเขียนเนี่ย อธิบายลำบาก เดี้ยนยังเซ็ง) ถ้าใบผ่าน ก็สัมภาษณ์สามรอบเป็นอย่างต่ำ แล้วกว่าจะได้งานบางคนสมัครเป็นสี่สิบห้าสิบบ. ร้อยยังมี เริ่มหางานตั้งแต่ปีสามยันปีสี่ (สรุปคนยุ่นมาเดินเล่นในมหาลัยสองปีครึ่งใช่ไหม) ทุกใบเขียนมือ เขียนผิดเริ่มใหม่ ตายมั้ยคะ คงไม่ แต่เราไม่มีเวลา ออปชั่นนี้เราไม่เลือกค่ะ

ส่วนพวกบ.ญี่โกอินเตอร์ก็อาจจะให้เงินมากพอสมควร คือประมาณว่าอยากได้คนพูดอังกฤษได้ ซึ่งคนต่างชาติก็สมัครค่ะ แต่มันก็มักจะลีลา อยากได้เนทีฟ เราเคยสมัครผ่านเอเจนซี่นะคะ รีครูทเตอร์ที่ไม่ใช่ญี่เค้าคงสงสารที่เราสมัครไปบ่อยๆ เลยบอกว่า เค้าอยากได้คนญี่ที่พูดอังกฤษได้นะค่ะ racistฝุดๆ

ไม่รู้ว่ามันจะอะไรนักหนานะ เค้าไม่ให้แม้แต่โอกาสได้เจอหน้าสัมภาษณ์เลย เราเข้าใจว่าคนเนทีฟภาษาดีกว่าแน่ๆ แต่เค้าจะไม่คิดและพิจารณาถึงเรื่องความสามารถในการทำงานรึไง ถ้าไม่ได้เอาเราไปแต่งกลอนภาษาอังกฤษล่ะก็ เรามั่นใจว่าเราก็ทำงานในสถานที่ที่ต้องการใช้ภาษาได้อย่างไม่มีปัญหาค่ะ (อย่าเพิ่งหมั่นไส้นะคะ เราแค่เคืองประเด็นดิสคริมิเนท)

ก็นะ ถ้าเค้าไม่มีนโยบายขยายไปประเทศนั้นๆล่ะก็ ให้เค้าจ้างก็หวังยากค่ะ อ้อ ยกเว้นว่าเป็นบ.ที่เค้าอยากให้มันมี diversity เช่น Rakuten เราก็สมัคร แต่คิดว่าตกค่ะ ฮ่ะฮ่ะ

แต่ก็เข้าใจค่ะว่าเราไม่ได้เข้าตามตรอกออกตามประตู (แต่มันเป็นประตูที่ไม่อยากเข้าเลย) มาสมัครงานที่ไม่ใช่พาร์ทของเด็กจบใหม่ เค้าก็ไม่อยากรับ ใครๆก็อยากได้คนมีประสบการณ์ เศรษฐกิจแย่ก็อย่างนี้

อีกเหตุผลนึงที่สำคัญมากๆคือถ้าสมัครบ.ญี่ๆ เค้าจะโยนเราเข้าไปทำอะไรในบ.มันก็ขึ้นอยู่กับเขา ไม่มีJob descriptionค่ะ เหมือนสมัครเข้าบริษัท ไม่ใช่เพื่อตำแหน่งนั้นนี้ ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่กล้าเสี่ยง เพื่อนเราที่จบตรีแล้วทำงานที่นี่ รวมทั้งรุ่นพี่ทั้งหลาย ชิ่งไปกันหมดแล้วประมาณ ๙๙ เปอร์เซ็นต์ เพราะบางทีให้งานอะไรที่แม้พยายามเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ ไม่ก็ไม่ชอบ

แต่ถ้าถามว่าทำไมเราต้องทนอยู่ทั้งที่เราก็ทั้งรักทั้งชังญี่ซะขนาดนี้ มันก็เพราะว่าเราอยากเมนเทนภาษาค่ะ แล้วเราก็ไม่ชอบกทม. แต่เราชอบอยู่ในเมืองค่ะ เราชอบเมืองที่รถไม่ติด ไม่ร้อน  ยอบรับว่าเรื่องมาก แต่เราขี้ร้อนจริงๆๆๆๆๆ  อีกอย่างเรากลับไปครั้งที่แล้ว ไม่สนุกกับการอยู่กทมเลย (ทุกครั้งสนุกนะคะ) เบื่อมากๆ รู้สึกเซ็งไปซะทุกอย่าง ไม่ได้เป็นเพราะเป็นเมนต์ทั้งเดือนนะคะ

แต่ทว่าเพื่อนเราอยู่กทม. ได้ลั่นล้าเจอกันบ้างคงมีความสุข แล้วอีกอย่างมันเป็นเมืองที่มีมาส ทรานสิท(แม้ว่าจะไม่ดีมากเท่าไหร่ แต่ศรีก็คงพอทน) อาหารหลากหลาย ได้เจอแม่บ่อยขึ้น ถ้ากลับมาทำก็คิดว่าเป็นเมืองที่น่าจะตอบโจทย์ความต้องการเราได้มากกว่า อีกอย่างกลับไทยมาทำงานบ.ญี่ มันก็๙๐เปอร์เซ็นต์ ไม่พ้นกทม.

นี่เราเรื่องมากไปใช่ไหมคะ ก็คิดเช่นกัน แต่เราคิดว่ามนุษย์ทุกคนต่างอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองทั้งนั้น และเราคิดว่าการเรื่องมากไม่ใช่สิ่งที่แย่เสมอไป แม้ว่างานแรกใครๆก็บอกว่าทำไรก็ทำไปเถอะ แต่เราก็คิดว่ามันน่าจะดีกว่าถ้าเราได้เริ่มงานในสิ่งที่อย่างน้อยเราคิดว่าทำได้ และสนใจมันบ้าง เราต้องเชื่อมั่นว่าเราความสามารถมากพอ หรืออย่างน้อยก็มีความกระตือรือล้นในการแสวงหาความรู้เกี่ยวกับงาน อะไรยังไงก็ได้เรื่อยไป เราก็คงจะได้งานที่เราอาจจะไม่ชอบอยู่ร่ำไป

แต่ให้เราทำแบบคนญี่ที่นี่ส่วนใหญ่ ตั้งใจหางานแบบทิ้งการเรียนไปเลย เราไม่อยากทำค่ะและทำไม่ได้ด้วย เราเรียนหนัก แล้วเราก็อยากได้ความรู้ด้วย มหาลัยไม่ใช่แค่ทางผ่านเพื่อให้ได้งานเท่านั้น แม้เราจะเริ่มไม่ชอบสิ่งที่เรียนอยู่ขึ้นมาบ้าง แต่เราคิดว่ามันมีประโยชน์ในการช่วยทำให้การคิดวิเคราะห์ของเรามันลึกมากขึ้น

ที่เขียนมาไม่ได้มีเจตนาให้เกลียดญี่นะคะ (แต่เพื่อนเราก็เซ็งไปหลายคนแล้ว เพราะเรื่องอื่นๆด้วย) เราแค่นำเสนอด้นมืดส่วนหนึ่ง ไม่ว่าที่ไหนก็มีข้อไม่ดี เราคิดว่ามันเป็นประเทศที่Full of opportunities but lack flexibility ค่ะ แต่มันก็แล้วแต่คน ถ้าคุณมาเรียนมาอยู่ อาจจะชอบก็ได้ ส่วนเราเหอะๆ ก็พอทนได้ค่ะ เราชอบภาษามากกว่าน่ะค่ะ

แต่เราก็ยังคงพยายามต่อไปค่ะ จนกว่าจะตายจากกันไปข้าง หรือไม่เราก็อาจจะสมัครงานที่ประเทศอื่นไปเลย แล้วเราจะทำให้เค้าเสียดายที่ไม่รับคนอย่างเราเข้าทำงาน (คิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ เค้าคงจำเราได้หรอก คนสมัครเป็นแสน)

ปูลู เราเครียดจริงๆนะคะ

จากคุณ : L.L.Kyoshitsu
เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 01:29:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com