ความคิดเห็นที่ 1 บทที่    6 ต้องเป็นผู้รู้จักฟัง 1. พระผู้เป็นเจ้าประทานหูมาให้เราสองข้าง  และปากหนึ่งปาก  แต่เชื่อไหมว่า เรากลับชอบพูด มากกว่าชอบฟัง ผมเคยเห็นป้ายประกาศติดไว้ที่สำนักงานของผมว่า “ฉันรู้ว่าคุณเชื่อ  คุณเข้าใจตามที่คุณคิดว่าฉันพูดอะไร  แต่ฉันไม่แน่ใจว่าคุณจะรู้อะไร ตามที่ คุณฟัง  ดังที่ฉันพูด” ผมอยากจะบอกวิธีการฟังที่มีประสิทธิภาพที่สุดให้กับคุณ  เพราะสิ่งนี้แหละเป็นกุญแจสำคัญที่ จะทำให้คุณขายตัวคุณเองได้สำเร็จอย่างง่ายดาย ผมเคยสอน  เคยบอกนักขายรุ่นใหม่เสมอว่า  ในอาชีพนักขายนั้น  ศิลปะการฟังเป็นประโยชน์ และมีคุณค่ามากที่สุด  และไม่ว่าจะเป็นอาชีพอะไร  การฟังมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด แต่คนไม่ค่อยสนใจศิลปะการฟัง  วิธีการฟังที่ดี กลับสนใจ ตั้งใจศึกษาศิลปะการพูด  วิธีการพูดเสียมากกว่า ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร  พนักงานขาย  ที่ปรึกษา  จิตแพทย์  ผู้ปกครอง เด็ก ครูสอนหนังสือ หมอ พยาบาล ทันตแพทย์ ทนายความ นักบิน นักบวช และนักการเมือง คุณต้องเป็นผู้รู้จักฟังทั้งนั้น ถ้าคุณจะขายสินค้าหรือบริการให้กับใครก็ตาม  คุณจะต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่คุณจะขายอย่างแท้จริง คือ ตัวคุณซึ่งเป็นสินค้าหมายเลข 1  ของโลกเสียก่อน   ผมเองก็เป็นนักขายสินค้าหมายเลข 1   คือตัวผมเองเหมือนกัน สิ่งที่ผมต้องศึกษา  และเรียนรู้อย่างลึกซึ้งก็คือ ผมเป็นใคร  และผมเป็นอะไร ด้วยเหตุนี้  ทุกครั้งที่ผมเสนอขาย  ผมจึงต้อง ฟัง  คนอื่นมากกว่าที่ผมจะพูดให้คนอื่นฟัง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ถ้าลูกค้าพูดให้ผมฟังถึงปัญหาและความต้องการของเขามากเท่าใด  โอกาสที่ผมจะขายได้ก็ยิ่ง มีมากขึ้นเท่านั้น ผมเองก็เคยพลาด  เพราะพูดมากกว่าฟังลูกค้าพูดมาแล้ว จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 09:29:14

ความคิดเห็นที่ 2 . จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 09:30:17

ความคิดเห็นที่ 3 2. ลูกชายของฉัน ลูกค้าคนหนึ่งเป็นคนที่ประสบความสำเร็จด้วยตนเอง  แม้จะมีการศึกษาไม่สูงมากนักก็ตาม  เขา ทำงานหนักเพราะต้องการเป็นคนร่ำรวย  และก็ได้เป็นดังที่เขาต้องการ ผมเสนอสินค้าให้เขาดู  อธิบายรายละเอียดต่าง ๆ จนแจ่มชัด  และมอบปากกาพร้อมทั้งใบสั่ง ซื้อให้เขาเซ็นชื่อ แต่ผมผิดหวัง........ ตลอดวันนั้นทั้งวัน  ผมทำอะไรไม่ถูก  มันเป็นวันแห่งความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง  ผมพยายามนึก ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทบทวนหาสาเหตุว่า  ผมทำอะไรผิดพลาดก็คิดไม่ออก พอตอนค่ำ ผมอดใจรอไม่ไหว จึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาลูกค้ารายนั้นทันที “สวัสดีครับ  ผมขอรบกวนเรียนถามอะไรหน่อยนะครับ  เมื่อเช้านี้ผมได้เสนอขายรถให้คุณ  และ อธิบายจนคุณเข้าใจชัดเจนแล้ว  แต่คุณก็เดินหนีไป  จำได้ไหมครับ” “จำได้ซี  ทำไมจะจำไม่ได้”  ลูกค้าตอบผม “ทำไมล่ะครับ”  ผมถามต่อ “คุณจะบ้ารึไง  นี่มันห้าทุ่มแล้วนะคุณ?” “ผมทราบครับ  ผมต้องขออภัย  แต่ผมอยากเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จมากกว่าที่เป็น อย่างเมื่อเช้านี้จะกรุณาบอกผมหน่อยได้ไหมครับว่า ผมต้องแก้ไขปรับปรุงอะไรบ้าง” “คุณสนใจอยากรู้จริง ๆ หรือ ?” “ครับใช่”  ผมตอบ “เอาละ  คุณกำลังฟังอยู่หรือเปล่า”  ลูกค้าถาม “ครับ  ผมกำลังตั้งใจฟังอยู่ครับ” “ดีล่ะ  คุณจะต้องทำไม่เหมือนเมื่อเช้านี้อีกนะ” แล้วเขาก็เริ่มต้นอธิบายให้ผมฟังว่า  เหตุใดเขาจึงตัดสินใจไม่ซื้อรถยนต์จากผม  ซึ่งเขาตัดสินใจ ในวินาทีสุดท้ายนั่นเอง  เขาบอกว่า  เขาเล่าให้ผมฟังถึงเรื่องจิมมี่ลูกชายของเขา  ซึ่งกำลังจะ เข้าเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยโดยหวังที่จะเป็นนายแพทย์ชื่อดัง  ลูกชายของเขา เก่งมาก  เรียนได้คะแนนดีเยี่ยม เก่งกีฬาและมีความทะเยอทะยาน เรื่องเหล่านี้ที่เขาเล่าให้ผม ฟัง ผมจำไม่ได้เลย  เพราะเมื่อตอนเช้านั้น  ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเขาพูดแม้แต่น้อย ในคืนนั้นเขาอธิบายให้ผมฟัง  และแนะนำว่า  ผมขายไม่ได้เพราะผมไม่สนใจเรื่องที่เขาพูด  เขา จึงไม่สนใจผม และตัดสินใจไม่ซื้อรถจากผม ทั้งนี้ถ้าหากผมตั้งใจ สนใจฟังเรื่องที่เขาพูด  คือ เรื่องความสำเร็จของลูกชายของเขา ซึ่งเขาภูมิใจและดีใจมาก แทนที่จะเป็นเรื่องความต้องการ ของเขาในเรื่องการซื้อรถจากผม   เพื่อใช้ในการเดินทางอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้  เขาจึงไม่ซื้อตัวผม คุณคงจะนึกออกแล้วนะ  เขาสนใจรถยนต์ของผม  รถยนต์ของผมก็เป็นรถที่มีคุณภาพดี  ซึ่งก็ ตรงตามที่เขาต้องการ แต่เขาก็ไม่ซื้อ เพราะเหตุใด? คุณเห็นความจำเป็นของการฟังหรือยังล่ะครับ เมื่อเขาเล่าจบ ผมบอกเขาไปว่า “ขอบพระคุณมากครับ  ที่กรุณาผมครั้งนี้ คุณช่วยสอนผมให้รู้อะไรหลายอย่าง ผมต้องขอโทษที่ ไม่ได้ตั้งใจฟังเรื่องที่คุณเล่าเมื่อเช้านี้” ผมบอกเขาว่า  ผมดีใจและภาคภูมิใจด้วยกับความสำเร็จของลูกชาย  และเขาเป็นพ่อที่โชคดีที่ มีลูกชายเก่งอย่างนี้  และตบท้ายด้วยว่า “ผมเชื่อว่า ผมคงจะมีโอกาสได้รับใช้คุณใหม่อีกครั้ง” ผมได้เรียนรู้อะไรบ้าง อย่างน้อยก็ 2 อย่างละ อย่างที่หนึ่ง  ผมรู้ว่าการฟังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ผมขายได้หรือขายไม่ได้ อย่างที่สอง ผมหวังว่าอย่างน้อยในคราวต่อไป   ถ้าเขาจะซื้อรถยนต์ ผมคงขายเขาได้แน่ ๆ โอกาสที่จะขายเขายังมี แต่บทเรียนที่ผมได้ ผมยังไม่ลืมจนบัดนี้ จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 09:40:49

ความคิดเห็นที่ 4 . จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 09:42:28

ความคิดเห็นที่ 5 3. นักขายทั้งหลายฟังทางนี้ คุณอาจจะล้มเหลวในการขาย  ถ้าคุณปิดหูของคุณ แต่เปิดปากพูดมาจนเกินความจำเป็น  ลูกค้า ส่วนใหญ่จะรู้และเข้าใจในเรื่องของสินค้าดีอยู่แล้ว  จากสื่อโฆษณาต่าง ๆ ถ้าคุณเพียงอธิบาย เพิ่มเติมเล็กน้อย เขาก็จะตัดสินใจได้ทันที อย่าลืมว่า  ลูกค้าไม่ได้ซื้อของหรือสินค้าโดยตรง  แต่เขาซื้อคุณค่าหรือประโยชน์ที่พึงได้รับจาก สินค้ามากกว่า จงอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจถึงความมีหน้ามีตา  มีศักดิ์ศรี ความเหมาะสม  ความประหยัด ความ ปลอดภัย ความยอมรับในสังคม แต่คุณจะรู้ได้อย่างไร ว่าลูกค้าต้องการสิ่งไหน ถ้าคุณไม่ฟัง ลูกค้าพูด นักขายส่วนมาก มักจะคิดว่า ตนควรพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดให้ลูกค้าฟังจนลืมฟังในสิ่งที่ลูกค้าคิด สิ่งที่ทำได้ยากลำบากที่สุดในโลก คือ การปิดปากและการหยุดพูด จิตแพทย์ก็เหมือนกัน  ผมเคยขายรถยนต์ให้กับจิตแพทย์ผู้หนึ่ง  เขาบอกผมว่าเห็นด้วยกับข้อ เสนอแนะ และคำอธิบายของผมทุกประการ เพราะผมขายสินค้าที่มองเห็นได้ จับต้องได้ พิสูจน์ ได้ ส่วนอาชีพของเขานั้นเสียเปรียบนักขายอย่างผม เพราะไม่มีสินค้าที่จะเสนอให้ลูกค้าดูได้ ผมแย้งไปว่า ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดหรอก เพราะที่จริงแล้ว เขามีสินค้าที่แสนวิเศษอยู่แล้ว คือ หู 2 ข้าง ที่ใช้ในการฟัง  และความสามารถในกากรฟัง รายละเอียด ปัญหาต่าง ๆ ของคนไข้ โดยที่ ไม่ต้องพูดอะไรมากเลย ปล่อยให้คนไข้พูดเองข้างเดียวมากกว่า เหมือนกันกับว่า เขาเป็น กำแพงกั้นเสียงที่เก็บอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง ส่วนอาชีพของพระหรือบาทหลวงนั้นก็เหมือนกัน  ผมยังจำคุณพ่อบิลได้ เพราะท่านเป็นพระที่มี ชื่อเสียงมาก ในแขวงตะวันออกของเมืองดีทรอย์ ใคร ๆ ก็รักใคร่นับถือ และอยากสารภาพบาป กับคุณพ่อทั้งนั้น  คุณพ่อบิล ฟังข้างเดียวเงียบ ๆ โดยไม่ซักถามหรือขัดคอแต่อย่างใด  และมัก จะให้แต่ละคนว่าเขาคิดจะทำอย่างไรต่อไป   ซึ่งย่อมหมายความว่าผู้สารภาพบาปนั้น คิดหาคำ ตอบได้เอง หลวงพ่อบิลเป็นแต่เพียงกำแพงเก็บเสียงที่ดีเท่านั้น ทางด้านพ่อแม่  ผู้ปกครองล่ะ มีความจำเป็นอย่างไร แน่นอนที่สุดว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะไม่ ค่อยได้ฟังปัญหา ความคิดเห็นของลูก ๆ เหมือนเช่นพ่อของผม ซึ่งผมยังจำได้ติดหู ติดตามาจน บัดนี้  ส่วนแม่ของผมนั้นฟังผมเสมอ  มีลูก ๆสักกี่คนที่พ่อแม่ยินยอมรับฟังเขา ถ้าใครมีพ่อแม่ แบบนี้  ต้องถือว่าเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก ครูสอนหนังสือก็จำเป็นต้องฟังลูกศิษย์  ที่ปรึกษาก็ต้องฟังผู้เกี่ยวข้อง  หมอก็ต้องฟังคนไข้  จึง จะทราบสาเหตุและหาวิธีการบำบัดโรคได้ถูกต้อง ทนายความ นักการเมือง ต่างก็จำเป็นต้อง   ฟัง  ลูกความหรือความทุกข์ร้อนของประชาชนเหมือนกัน มีอาชีพไหนบ้าง ที่ไม่ต้องฟังคนอื่น ๆ จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 09:48:09

ความคิดเห็นที่ 6 . จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 09:50:32

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับ ลุงแอ๊ด ... มาคนแรกเลย ^_^ จากคุณ : ดีอาร์ (๛จูล่ง๛) เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 09:54:53

ความคิดเห็นที่ 8 4. การฟังเป็นศิลปอย่างหนึ่ง เพื่อนของผมเคยไปยืนคอยภรรยาของเขาที่ฟิฟท์เอเวอนิว  และถนนโฟร์ตี้ไนน์ท   ถึง  2 ชั่วโมง  แต่ก็ไม่ได้พบกัน เพราะภรรยาเขานัดทีถนนเมดิสัน และโฟร์ตี้ไนน์ท   ส่วนผมนั้นเคยตกเครื่องบินเมื่อคราวจะไปที่ เดส มอยเนส เพราะมัวแต่ทำอย่างอื่นจนไม่ได้ฟังประกาศเรียก ตัว  การฟังจึงเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งยวด  จึงไม่สนใจฟัง  หรือฟังโดยไม่สนใจไม่ได้ เพราะอย่างน้อยที่สุด  การฟังก็คือการเรียนรู้อย่างหนึ่ง จากผลของการวิจัยพบว่า  คนส่วนใหญ่ฟังคนอื่น ๆ พูดได้โดยจับใจความได้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น  ถ้าคุณจะขายตัวคุณเองให้กับคนอื่น ๆ คุณจะต้องพยายามฟังให้ได้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ คุณจะต้องแปลกใจที่ใคร ๆ ก็เป็นอย่างนี้ด้วยกันทั้งนั้น  แม้ในคัมภีร์ไบเบิ้ลก็ยังกล่าวไว้ว่า “จงฟังให้มาก  จงพูดแต่น้อย” ลองดูอย่างนี้ซิครับ  เมื่อเวลาที่คุณจะคุยกับใคร หรือมีใครจะคุยกับคุณ ก็คงจะยากพิลึกถ้าคุณ จะฟังคนอื่นพูดในขณะที่ตัวคุณเองกำลังพูดอยู่  แต่ถ้าคุณนั่งนิ่ง ๆ ปิดปากสนิท และตั้งใจฟัง อย่างจริงจัง คุณก็จะรู้ได้ว่า เขากำลังพูดอะไรกับคุณ ในไม่ช้า เมื่อถึงคราวที่คุณพูดบ้าง เขาก็จะต้องฟังคุณเหมือนกับที่คุณฟังเขา คุณคงจะเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล”  การพูดที่ดีจึงจำเป็นต้องมีท่า ทางประกอบด้วย การที่คุณนั่งฟังอย่างตั้งใจนั้น ไม่ได้หมายความว่า คุณนั่งเฉย ๆ อย่างเดียว   คุณจะต้องยิ้มเมื่อถึงคราวที่ควรยิ้ม ควรพยักหน้ารับรู้ แสดงสีหน้าให้ผู้พูดรู้และเข้าใจว่า คุณ กำลังฟังเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ ถ้าคุณทำได้อย่างนี้ ใคร ๆ ก็อยากจะคุยกับคุณ “จอห์น  โล วาสโก”  ตัวแทนขายประกันชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในการขาย ได้ บอกวิธีการฟังที่ได้ผลของเขาว่า เขาถือสุภาษิตหรือ คำพังเพยที่ว่า  “พูดน้อย ต่อยหนัก”  ซึ่ง ตลอดเวลาที่เขาฟังคนอื่น ๆ พูด เขาจะไม่ขัดคอเลยถ้าไม่จำเป็น เพราะการขัดคอคนที่กำลังพูด เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง ยิ่งถ้าเขาสามารถฟังคนอื่น ๆ ที่กำลังโกรธพูด เป็นอันตรายอย่าง ใหญ่หลวง ยิ่งถ้าเขาสามารถฟังคนอื่น ๆ ที่กำลังโกรธพูด ต่อว่า ด่ากราด ได้ด้วยความใจเย็น และไม่ตอบโต้ได้ ผลที่สุดเขาจะได้รับความเห็นใจและชัยชนะในที่สุด “วินสตัน เซอร์ซิล”  รัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของโลก กล่าวว่า  “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง”   เพราะการนิ่งเงียบและฟังคนอื่นพูดเป็นการสื่อข้อความที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นพูดและต้องการให้เราเข้าใจ ผมรู้ดีว่า คำแนะนำเหล่านี้ คุณ ๆ อาจจะไม่เห็นด้วย แต่ถ้าได้ลองปฏิบัติตามที่ผมแนะนำ ศิลปะ การฟังนี่แหละจะเป็นหนทางทำให้คุณขายตัวคุณเองได้อย่างดีเยี่ยม ผมเป็นยอดนักขายบันลือโลกก็เพราะ ศิลปะการฟังของผม ถ้าผมทำได้ ทำไมคุณจะทำไม่ได้ จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 10:04:29

ความคิดเห็นที่ 9 โจ  จีราร์ด  ยอดนักขายบันลือโลก ตอนที่ 1  :  โจ จีราร์ด ยอดนักขายบันลือโลก....แนะนำ....โดย ลุงแอ็ด http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B11390094/B11390094.html ตอนที่ 2  :  โจ จีราร์ด ยอดนักขายบันลือโลก....บทที่ 1 ขายตัวเองให้คนอื่น..... http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B11394771/B11394771.html ตอนที่ 3  :   โจ จีราร์ด ยอดนักขายบันลือโลก....บทที่ 1 ขายตัวเองให้คนอื่น (ต่อ).... http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B11399130/B11399130.html ตอนที่ 4  :   โจ จีราร์ด ยอดนักขายบันลือโลก....บทที่ 2 ขายตัวคุณให้คนอื่น .... http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B11404141/B11404141.html ตอนที่ 5  :   โจ จีราร์ด ยอดนักขายบันลือโลก....บทที่ 3 จงสร้างความเชื่อมั่นและความกล้าหาญ .... http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B11408381/B11408381.html ตอนที่ 6  :  โจ จีราร์ด ยอดนักขายบันลือโลก....บทที่ 3 จงสร้างความเชื่อมั่นและความกล้าหาญ (ต่อ) .... http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B11419456/B11419456.html ตอนที่ 7 : โจ จีราร์ด ยอดนักขายบันลือโลก....บทที่ 4 พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ทัศนคติด้านบวก... http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B11422798/B11422798.html ตอนที่ 8 : โจ จีราร์ด ยอดนักขายบันลือโลก บทที่ 4 พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ทัศนคติด้านบวก (ต่อ)... http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B11427284/B11427284.html ตอนที่ 9 : โจ จีราร์ด ยอดนักขายบันลือโลก บทที่ 5 ฝึกความกระตือรือร้น... http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B11431923/B11431923.html จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 10:08:42

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ คุณ ดีอาร์ สบายดีนะครับ.............................................................................................................. จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 10:11:22

ความคิดเห็นที่ 11 ติดตาม ตอนที่ 11    บทที่  6  ต้องเป็นผู้รู้จักฟัง.......(ต่อ) ได้ในวันพรุ่งนี้ อมร  ถาวรมาศ amorntvm@hotmail.com จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 10:13:55

ความคิดเห็นที่ 12 สุดยอดอีกเช่นเคยกับกระทู้ที่มีสาระและประโยชน์มากที่สุดในห้องสีลม ^^ ตามอ่านทุกวันครับผมมมมมมม จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 11:15:33

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นปลื้ม......ขอบคุณครับ คุณ kennyG จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 11:32:58

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณคุณลุงแอ็ดมากครับ ผมติดตามเสมอครับ จากกระทู้คุณลุงแอ็ด เป็นเเรงบันดาลใจให้ผมเขียนกระทู้ในวันนี้ จากคุณ : tonmelb เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 12:39:40 A:180.183.105.253 X: TicketID:054700

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีครับ คุณ tonmelb สบายดีนะครับ......อยากให้คุณกลับมาเขียนเรื่องภาษาอังกฤษให้น้องๆ เขาฟังอีกนะครับ ปี 2558 จะเป็นปีแห่งเศรษฐกิจเสรีของอาเชียน   เราต้องปรับปรุงตัวกันโดยเร็ว  มิฉนั้น เราจะสู้ใครไม่ได้อีกเลย......แม้แต่เขมร  และพม่า จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 17:36:07

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับลุงแอ็ด จากคุณ : N!-MO-N!C-z เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 19:45:33