 |
คห.9 เจ้าตัวdropshippingบางเจ้า (เน้นนะครับ บางเจ้า..ในไทยนี่แหล่ะ) ก็ไม่ต่างอะไรกับพวก ทำพรีออเดอร์หรอกครับ
จะให้เห็นภาพชัดๆนะครับ เมื่อมีผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้าที่หน้าเวปพ่อค้า พ่อค้าหน้าเวป(เป็นสมาชิก dropshipนั้นๆด้วย) ก็จะพรีออเดอร์ไปที่ dropship ในราคาขายส่ง/ชิ้น (แต่แพงกว่าขายส่งยกโหล) ส่วนdropship ก็จะพรีออเดอร์ไปที่ ....ตัวแทนจำหน่ายหรือผู้ผลิต ก็ว่ากันไป ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ฉะนั้น ดังที่ผมเคยตอบกระทู้ใน กระทู้เก่าที่แตกออกมาว่า ให้เราใช้หลักการ "ต่างคน ต่างฝากขาย" มันจะตัดวงจร dropship ออกไป ทำให้พ่อค้าแม่ค้าหน้าเวป จะได้กำไรเพิ่มขึ้นเพราะไม่ต้องผ่าน dropship .....ก็ให้ตัวพ่อค้าแม่ค้าเองนั่นแหล่ะที่ทำเป็นdropshipซะเอง
ตอบ จขกท. - ผมไม่เห็นด้วย ถ้าจะต้องมีการวางเงิน หรือระดมเงิน หรือลงหุ้น หรือเปิดบัญชีร่วม โดยไม่ใช้ระบบบริหารแบบ"บริษัท" เพราะมันเสี่ยงเกินไปที่จะเอาเงินจากคนแปลกหน้ามาลงขันโดยไม่มีอะไรยืนยันระบบการจัดการ **ที่ว่า"เสี่ยง"ในที่นี้ คือ เสี่ยงที่จะถูกตราหน้าว่า"โกง" หรือถูกฟ้องร้อง หากมีความผิดพลาดใดๆ ..เงินนะครับ ไ่ม่เข้าใครออกใคร บางทีเพื่อนกัน ลงหุ้นทำร้านกัน เพื่อนคนนึงทำบัญชี แต่อนิจจา เขาทำบัญชีผิดพลาด ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจแต่อาจจะถูกกล่าวหาว่าโกงได้ ...มันเป็นไปได้นะ เคยเห็นมาแล้ว ฉะนั้น ถ้าจะเอาเงินใครมาลงหุ้น หรือเปิดบัญชีร่วมใดๆ ควรจะมีระบบจัดการที่เชื่อถือได้ บังคับได้ มีกฏหมายรอบรับ
- การฝากขาย การฝากขายแบบพรีออเดอร์ มันไม่ใช่การฝากขายทั่วไปในตลาดสด ที่จะต้องเอาสินค้าตัวจริงไปวางที่หน้าร้านจริงๆนิ จะยกตัวอย่าง เพื่อให้เห็นภาพ การฝากขายแบบพรีออเดอร์(ที่ผมเสนอ) 1-ลูกค้าสั่งซื้อสินค้า และโอนเงินชำระค่าสินค้า(ราคาปลีก) ให้กับพ่อค้าเวป1 2-เมื่อได้ออเดอร์แล้ว พ่อค้าเวป1 สั่งซื้อสินค้าและโอนเงินชำระค่าสินค้า(ราคาส่งสมาชิก)ให้กับ พ่อค้าเวป2 3-พ่อค้าเวป2 รับออเดอร์พร้อมรับเงินโอน แล้วก็ทำการจัดส่งไปให้ลูกค้า โดยต้องจ่าหน้าพัสดุผู้ส่งว่าเป็นที่อยู่ของพ่อค้าเวป1 **เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องกังวลว่า พ่อค้าเวป1จะต้องเอาสินค้ามาดอง(สต๊อก)ไว้กับตนเอง **ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เพราะถ้าพ่อค้าเวป1 ไม่โอนเงินให้พ่อค้าเวป2ๆก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องส่งของให้ลูกค้า ** ไม่จำเป็นต้องเปิดบัญชีร่วมกันเพื่อค้ำประกันให้มันยุ่งยาก เพราะ ถ้าไม่สั่งของ ไม่โอนเงิน(ก็เหมือนกับการซื้อขายปกตินั่นแหล่ะ) ก็ไม่มีการส่งพัสดุสินค้า **ไม่ต้องห่วงเรื่องสินค้าเสียหาย เพราะ สินค้าไม่ได้อยู่กับพ่อค้าเวป1 ส่วนสินค้าเสียหายเพราะการขนส่ง อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติที่พ่อค้าเวป2ต้องรับผิดชอบ(เพียงแต่ ลูกค้าอาจจะมาโวยที่พ่อค้าเวป1 จากนั้นพ่อค้าเวป1ก็ค่อยไปประสานงานกับพ่อค้าเวป2ต่อไป ยุ่งนิดหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ความยุ่งยากจนเกินไป) **ไม่ต้องห่วงเรื่องสินค้าตกเทรนด์ หรือสินค้าไม่วิ่ง พ่อค้าเวป1ไม่ได้เสียอะไรเลย เสียแค่พื้นที่หน้าเวปนิดหน่อยในการโพสสินค้าให้กับพ่อค้าเวป2 แค่นั้น ขายได้ พ่อค้าเวป1,2ก็แบ่งกำไรกันไปตามสัดส่วน ขายไม่ได้ พ่อค้าเวป1ก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อน (พ่อค้าเวป2จะเอาอะไรมาขาย มาแชร์ ก็คิดๆหน่อยล่ะกัน) //โดยมารยาททั่วๆไป พ่อค้าเวป2 ต้อง ไม่ระบุตัวตนกับผู้บริโภค(ต้องให้เครดิต พ่อค้าเวป1เพียวๆ) ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับลูกค้าต่อไปในอนาคต เช่น ส่งโฆษณาสินค้าตนเอง เป็นต้น อันนี้ต้องมากำหนดกติการายละเอียดร่วมกันในกลุ่ม//
โอเค ...อาจจะต้องมีการเสียค่าสมาชิก เท่าไหร่ก็ว่าไป เพราะผู้ที่ทำโปรเจ็คนี้ ก็อาจจะต้องมีค่าใช้จ่าย ในการประสานงาน,ติดต่อพ่อค้าหลายคน, จัดมิตติ้ง ,ทำเวปสมาชิก,ฯลฯ อันนี้เข้าใจกันได้ แต่ก็ให้อยู่ในกรอบจำนวนเงินที่เหมาะสมก็แล้วกัน อาจจะจดเป็นชมรม ,กลุ่ม อะไรก็ว่าไป (จำไว้เลยว่า อะไรที่เกี่ยวกับเงิน ต้องมีหลักฐานการจ่ายเงิน เช่นใบเสร็จ ถ้าคิดจะตั้งกลุ่มขึ้นมาลอยๆ มันไม่มีความน่าเชื่อถือ ... ถ้าคุณตั้งกลุ่มขึ้นมาลอยๆ ไม่มีระบบอะไรรองรับที่น่าเชื่อถือได้ ผมก็ไม่เข้ากลุ่มนะ เพราะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จู่ๆคุณจะยกเลิกกลุ่มเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วไงล่ะทีนี้ เคว้งเลย..) (โมเมเอาว่า นี่เป็นชมรมอีคอม-ดรอปชิป ก็แล้วกันนะ อิอิ) ชมรมเราไม่ต้องไปรับผิดชอบ หากมีการโกงกันระหว่างพ่อค้าเวป1และ2 ถ้ามีปัญหา ก็ให้เขาดำเนินการทางกฏหมายปกติ เพียงแต่ชมรมนี้มีหน้าที่ ประสานงาน วางหลักการ,กฏระเบียบชมรม ตั้งราคาส่งเฉพาะสมาชิก จับคู่ฝากขายระหว่างสมาชิก เก็บข้อมูล,หลักฐาน เป็นตัวแทนไกล่เกลี่ยในกรณีที่พอจะพูดคุยกันได้ จัดนัดประชุมถ้ามีการเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบ,หรือมีอะไรที่น่าสนใจ เป็นต้น
วุ้ย ....หงุดหงิด ความคิดมันเต็มหัว พิมพ์ยาวขนาดนี้ยังไม่หมดพุงเลย เอาไว้ถ้าคุณpatham นัดจัดมิตติ้งเมื่อไหร่เจอกัน พ่จะร่ายให้ยาวเลย............
ถ้ามีคนสนใจเยอะ คุณpatham จะจัดตั้งกลุ่มไหม เอาไหม ผมเอาด้วย ถ้าเอาจริง เดี๋ยวผมช่วยดูให้ว่า พอจะจัดตั้งกลุ่มแบบไหนที่ไม่น่าจะยุ่งยาก และไม่เป็นภาระหนักเกินไป เช่น ชมรม,หรือห้างหุ้นส่วน,มูลนิธิ,กิจการไ่ม่แสวงหากำไร หรืออะไร ก็ค่อยดูกัน
ผมไม่เก่งการตลาดหรอก แต่เก่งการจัดการ (แต่ต้องมีแนวโน้มสมาชิกเยอะๆนะ) เอาป่ะ
แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 54 20:58:26
จากคุณ |
:
aumpaump12
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ธ.ค. 54 20:53:50
|
|
|
|
 |