ความคิดเห็นที่ 1 อ่านอย่างนี้สะเทือนใจอย่างแรง ขอย้ำว่าสะเทือนใจอย่างแรง !!!! แก้ปัญหาหมอทำงานลำบากโดยการเอาความเจ็บป่วยของคนไทยครึ่งประเทศมาเดิมพัน!!!!! ถ้าคิดจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการแบบนี้ เรียกตัวเองว่าหมอได้ด้วยอีกหรอ มาถึงเวลานี้ผมก็ยังเชื่อว่า หมอดีๆไม่คิดหนทางแก้ปัญหาโง่ๆแบบนี้หรอก พูดง่ายเนอะว่าเพิ่มค่ารักษาจะได้ลดปริมาณคนไปหาหมอ ถามจริงเหอว่า คนไม่ป่วยที่ไหนจะบ้าไปหาหมอครับ ???? เสียเวลาอย่างนาน โรงพยาบาลก็ไม่ใช่ห้างนะครับ จะได้อยากไปกันนัก มีแต่คนป่วยๆไปหาหมอทั้งนั้นแหละ ผมหวังว่ากระทู้เรื่องความรำบากของหมอมันจะจบเสียที อ่านมาเยอะแล้วรู้สึกว่าเสื่อมศรัทธาไปเยอะ บอกว่างานหนัก ไหนมีเวลามาพิมพ์ระบายความรู้สึกใน pantip ละ ส่วนตัวผมก็ยอมรับว่าความสามารถตัวเองไม่พอจะเป็นหมอ แต่แน่ๆผมเชื่อว่าถ้าผมเลือกทางเป็นหมอและตั้งใจอุทิศตัวเพื่อสังคมก็จะทำเต็มที่ไม่มาบ่นให้เสียเวลาหรอก มาถึงตอนนี้ผมได้แต่บอกว่า ถ้าท่านรู้สึกการเป็นหมอมันเป็นงานที่รำบากมากสำหรับท่าน ขอแนะนำให้ลาออกไปเลยครับ อย่าเสียเวลามาบ่นในนี้เลย ไร้สาระ เวทีตรงนี้ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรให้ท่านได้เลย เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า จากคุณ : song เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:23:08 A:125.27.105.201 X: TicketID:343084

ความคิดเห็นที่ 2 สะเทือนใจอะไรล่ะ  ดูที่เมกาโน่น เขาไม่ได้มีรักษาฟรีแบบนี้  ต้องจ่ายประกันสุขภาพเอา แพงแสนแพง ทำไมเขาถึงเป็นประเทศเจริญแล้วล่ะ เพราะหมอไม่ต้องลนกับคนไข้จำนวนเยอะแยะ บางคนถ้าไม่มีประกันสุขภาพก็ไม่รับการรักษา เลยตัดคนไข้พวกนี้ออกไปได้   มีอุดมการณ์มากก็ลองไปเป็นหมอใน รพ รัฐ ดูครับ คห 1 จากคุณ : Richelieu เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:40:37

ความคิดเห็นที่ 3 ผมเห็นใจคนป่วยที่ยากจนและไม่มีเงินมากกว่านะครับ  เพราะหมออย่างมากก็ทำงานเหนื่อยและลำบาก  แต่คนยากจนที่ไม่มีเงินรักษา  ถึงตายได้นะครับ  และยิ่งคนไข้นั้นเป็นกำลังหลักของครอบครัว   เมื่อตายแล้ว  ก็ทำให้ครอบครัวมีปัญหาอีก  กลายเป็นปัญหาของสังคมอีก ไม่มีใครอยากปลอมเป็นคนป่วยเพื่อไปโรงพยาบาลหรอกครับ  ไม่จำเป็นจริงๆ ใครอยากจะไปให้หมอฉีดยา ผ่าตัด ให้น้ำเกลือ  แต่เพราะมันจำเป็น ถ้าจะป้องกันปัญหาคนไข้ไปหาหมอพร่ำเพรื่อ  ก็ต้องใช้วิธีเดิม คือต้องคิดค่ารักษาทุกครั้ง ครั้งละ 30 - 50 บาท  ซึ่งคนไข้ที่ยากจน  เวลาจะไปหาหมอแต่ละที  ก็จะต้องคิดแล้วว่า จะคุ้มกับที่ต้องเสียเงิน 30 - 50 บ. ไหม  แล้วเค้าก็จะเลือกไปเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ  ฉะนั้น วิีธีนี้ก็จะสกรีนคนได้ในระดับหนึ่ง และลดภาระของหมอลง แต่เพราะใครล่ะ ดันไปแก้จากบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค กลายเป็นรักษาฟรีหมด  มันก็ทำให้คนไข้ไปหาหมอกันพร่ำเพรื่อ เพราะเค้าคิดว่าฟรี ไม่ต้องเสียอะไรเลย จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:43:26

ความคิดเห็นที่ 4 คห. 2 งง  เอาไปเทียบกับอเมริกาได้ไงครับ   อเมริกาเค้ามีบุคลากรทางการแพทย์ในสัดส่วนที่เพียงพอต่อประชากร  รองรับได้   อย่างถ้าเค้าจะทำระบบบัตรทองแบบบ้านเรา  หมอเค้าก็ไม่ทำงานหนักเพราะเค้ามีแพทย์ที่เพียงพอ แต่ปัญหาของเรา  มันคือมีแพทย์ไม่เพียงพอต่อประชากร  ก็ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด คือพยายามสร้างแพทย์ สร้างบุคลากรทางการแพทย์ ให้มากขึ้นจนเพียงพอต่อประชากร แต่ไม่ใช่ไปแก้ปัญหาด้วยการตัดระบบบัตรทองออกไป แล้วเปลี่ยนเป็นระบบประกันตัวเอง  เพราะถ้าออกกฎหมายบังคับให้ทุกคนทำประกันตัวเองกันหมดเหมือนอย่างในอเมริกา  หมอก็ยังทำงานหนักอยู่ดีนั่นแหละครับ  ภาระก็ยังหนักเหมือนเดิมอยู่ดี  คนไข้ก็ยังล้นโรงพยาบาลอยู่ดี   เพราะคนไข้ก็ยังเท่าเดิม หมอก็ยังมีน้อยเหมือนเดิม ปัญหายังไม่ได้ถูกแก้ไขให้ตรงจุด แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 54 10:53:42 จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:52:51

ความคิดเห็นที่ 5 RIP ..... Richelieu เกิดมาเป็นมนุษย์ จนกระทั่งธนูปักที่เข่า.... จากคุณ : ปีศาจตาเดียว เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:54:42

ความคิดเห็นที่ 6 "ผมว่าควรยกเลิกระบบนี้ แล้วจ่ายเงินตามจริงดีกว่า  หมอน่าจะสบายขึ้นนะครับ  เพราะคนไข้ลดลง " >>>  อ้อ  เข้าใจละ  วัตถุประสงค์ของเจ้าของกระทู้  คืออยากให้หมอสบายขึ้นนั้นเอง  จบข่าวครับ/// จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 10:55:41

ความคิดเห็นที่ 7 ถึง จขกท ถ้าเอาอเมริกามาเปรียบ ทำไมไม่เปรียบเทียบมันให้หมดทุกอาชีพไปเลยละ ทุกอาชีพเทียบกับอเมริกาไทยก็รำบากกว่าทั้งนั้นแหละเมื่อเทียบกับค่าตอบแทนและเวลา ขอย้ำว่าอย่าไปเปรียบเทียบกับประเทศที่เจริญแล้วสิ วันๆคิดแต่ว่าทำไมสวัสดิการไม่ได้เท่าเค้า ทำไมเวลาทำงานเราทำมากกว่าเค้า ทำไมเงินเดือนเราน้อยกว่าเค้า ถ้าคิดได้แบบนี้ก็ออกไปอยู่อเมริกาเลยครับ ขอเชิญ เพราะประเทศนี้เมืองนี้มาตรฐานมันเป็นแบบนี้ ผมทำงานในบริษัทข้ามชาติ แต่ด้วยเงินเดือนและอะไรต่างๆก็ไม่เท่ากับอเมริกาแต่อย่างน้อยๆผมก็พอใจในมาตรฐานที่เป็นอยู่ในเมืองไทย ผมไม่เสียเวลามาบ่นว่าทำไมไม่ได้เท่าบริษัทที่อเมริกาหรอก ขอย้ำว่า ปัญญาอ่อน!!!! ส่วนที่บอกว่าให้ลองไปเป็นหมอโรงพยาบาลรัฐดู แล้วถามหน่อยเถอะว่าถ้างานมันรำบากมาก จะทนทำไม ในเมื่อตัวเองบอกว่าโรงพยาบาลเอกชนดีนักดีหนา ผมมาเวลานี้มองได้สองแบบคือ พวกที่มาฝอยในกระทู้เป็นหมอจริงหรือว่าหมอปลอมเนี่ย ??? แล้วท้ายที่สุดตอนเลือกคณะใครเอาปืนมาจ่อหัวบอกให้สมัครมิทราบ ????? เลือกเองแท้ๆมาทำเป็นบ่น ทุกอาชีพรำบากหมดแหละ อยู่แค่ว่าไปมองมุมไหน ถ้ามองด้านสูงสุดของแต่ละอาชีพก็พาตัวเองน้อยเนื้อต่ำใจไปป่าวๆ ตัวเองเลือกเองพอไม่ได้ดังที่ตัวเองจินตนาการไว้ก็ทำโวยวาย เสื่อม!!! อีกอย่างไม่ต้องมาท้าว่าทำไมไม่ใช้สมาชิกถาวร เพราะไม่ได้สมัคร แต่พอดีเห็นกระทู้นี้แล้วคันมือ เลยสมัครบัตรผ่านมาพิมพ์เท่านั้น จากคุณ : song เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:00:12 A:125.27.105.201 X: TicketID:343084

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่าน่าจะมีการเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลขั้นต่ำ เช่น 100 500 1000 บาทอะไรทำนองนี้ อย่างน้อยก็จะจำกัดพวกคนไข้ที่ไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาลได้บ้าง อย่างที่ จขกท ว่าไว้ แต่จริง ๆ การแก้ปัญหา คือการลงทุนเพิ่มในเรื่องบุคลากร และเครื่องมือ สถานที่ มากกว่า จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:00:19

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าผลิตบุคลากรสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ(หมอ พยาบาล เทคนิค เภสัช)ให้เพียงพอดีกว่าครับ และลดๆไปบ้าง คณะสายสังคม เปลืองงบประมาณ เช่น นิติ รัฐศาสตร์ นิเทศ เปิดกันเยอะมาก ทั้งที่เรามีงานสายนี้มากแค่ไหนกัน ใครที่ Ent ไม่ติด ก็ไปเรียนมหาลัยเปิดก็ได้ความรู้เหมือนกัน แต่คณะวิทย์ สุขภาพ มันทำแบบนี้ไม่ได้ เอาเงินที่เปิดคณะสายสังคมมาผลิตคนสายวิทย์ดีกว่าครับ จากคุณ : GRAYG เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:01:54

ความคิดเห็นที่ 10 สงสารหมอ แต่ไม่สงสารคนจน ๆ ที่เขาไม่มีเงินรักษา. จากคุณ : yaPis เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:23:24

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าไม่ป่วยกันจริง ผมว่าคงไม่มีใครอยากไปเหยีบโรงพยาบาลกันหรอกครับ อย่างน้อยผมแหละคนหนึ่ง ต่อให้เป้นโรงพยาบาลเอกชนก็เหอะ ในเมื่อบุคลากรไม่พอ ผมก้สงสัยตั้งแต่เด็กว่าทำไมรัฐไม่ทุ่มเงินไปด้านนี้ให้มากขึ้น ผมสงสัยมานานล่ะ มันไม่คุ้มค่าหรืออย่างไร หรือเงินไม่พอ หรือเด็กไม่มีความรู้พื้นฐานมากพอที่จะเรียน จากคุณ : นายครรชิต เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:57:57

ความคิดเห็นที่ 12 ที่นี่ประเทศไทยค่ะ ไม่ใช่อเมริกา จากคุณ : เจ้าหญิงสายรุ้ง เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:59:22

ความคิดเห็นที่ 13 ผมใช้ประกันสังคม ยังไม่กล้าบ่นมาก เฮ้อ จากคุณ : กุ้งเต้นชามะนาว เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 12:23:24

ความคิดเห็นที่ 14 เราเห็นด้วยนะกับคำพูดที่ว่า ไม่ป่วยจริงก็ไม่อยากไปหรอกค่ะ รพ. เนี่ย ไม่ใช่ห้างนะค่ะ เชื้อโรคก็เยอะ ระบบบัตรทองเค้าทำขึ้นเพื่อคนยากจน มักจะเข้าถึงหมอ ถึงยาได้ยากค่ะ โดยส่วนมากคนที่ใช้บัตรทองจะไม่ค่อยมีเงินค่ะ แค่เฉพาะค่ายาก็เฉลี่ย 3000 - 5000 บาทต่อคน/ต่อเดือน เพราะผู้ป่วยแต่ละคนก็กินยาเป็นสิบๆ ตัว ยาเยอะ ไหนจะค่าหมอ ค่ายา ค่าบริการอื่นๆ อีก เชื่อเถอะถ้าเก็บเงินเค้าก็ไม่คิดจะมารับยาแบบต่อเนื่องหรอกค่ะเพราะค่าใช้จ่ายเยอะขนาดนั้น รอนานอีก เผลอๆบ้านไกลยิ่งไปกันใหญ่ ผู้ป่วยบางคนก็ดีค่ะ รู้จักค่าของยา ช่วยประหยัด บอกว่าป้ามีเยอะ ไม่เอาก็ได้ครั้งนี้ ครั้งหน้าค่อยมาเอา บางคนกินยาทิ้งๆ ขว้างๆ ก็มีเยอะ แต่ส่วนใหญ่จากที่ทำมาถ้าเค้ามียาเหลือเยอะ เค้าก็จะบอกค่ะ ช่วยๆ กันประหยัดค่ายาค่ะ เพราะเงินก็เป็นภาษีของประชาชนนี่แหละค่ะ เราไม่รู้ว่า จขกท. เป็นหมอรึเปล่า ส่วนตัวเราเป็นเภสัชกร ทำงาน รพ. เอกชนกึ่งๆรัฐบาล บอกไม่ถูกเหมือนกัน คือรับทั้งระบบบัตรทอง ประกันสังคม แล้วก็ผู้ป่วยทั่วไปที่ต้องจ่ายเงินสดค่ะ จ่ายยาผู้ป่วยแต่ละวันเยอะมากๆ รับทุกระบบ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคุณหมอก็มีลอกยาผิดๆ ถูกๆ ค่ะ อย่างที่เจอบ่วยๆ คือผู้ป่วยมีประวัติการจ่ายยาสูตร Norgesic (ยาคลายกล้ามเนื้อ) แทบจะทุกครั้ง พอเห็นครั้งนี้ก็มีการสั่งจ่ายยาสูตรคลายกล้ามเนื้ออีก เราก็ถามว่า "ป้าคะยังปวดกล้ามเนื้ออีกเหรอค่ะ หนูเห็นได้ไปทุกครั้งเลย" ป้าก็บอกว่า "อ่อ นี่นะเหรอ ป้ามีเยอะเลยไม่ค่อยได้ใช้" เราก็บอก "งั้นไม่ต้องเอาไปเนอะ เก็บไว้ให้คนอื่น" ป้าก็บอกว่า "ได้จ๊ะๆ" คือเคสง่ายๆ แบบนี้ บางทีคุณหมอคงไม่ได้ถามว่าป้าแกยังปวดอยู่ไหม ยังมียาไหม ลอก order เดิมทุกครั้ง แล้วก็ยาทุกตัว (หลายเคสค่ะ ไม่ใช่แค่เคสสองเคส) บางทีก็เกิดการจ่ายยาเกินความจำเป็นค่ะ แบบนี้ก็เสียงบไปเปล่าๆ เพราะถึงจะให้ยาแก้ปวดป้าไป แต่ป้าไม่ปวดก็ไม่กิน บางคนอาจคิดว่าเอาไปเผื่อๆ แต่การเอาไปเผื่อๆ นี่แหละ ถ้าไม่ได้ใช้ แล้วเก็บไม่ดี ถูกแสง ถูกความชื้นยาก็เสื่อมอยู่ดีค่ะ บางทีหมอบางท่าน (เน้นว่าบางท่าน) ก็ลอกๆ ให้จบๆ ไปค่ะ ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน   เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์   เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ    จะตกแก่ตัวท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพ   ไว้ให้บริสุทธิ์ คำกล่าวนี้อาจจะสื่อถึงแพทย์เป็นหลัก สำหรับเราเป็นบุคลากรด้านสาธารณสุข ก็ยึดถือเอาพระราชปณิธานนี้เป็นหลักเช่นกัน จากคุณ : jairm เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 13:13:12

ความคิดเห็นที่ 15 อยู่ เมกา ค่าหมอแสนแพงจริง แต่แรงงานขั้นต่ำ เขาตกวันละ4-5พันมั้งครับ แล้วแรงงานไทยอยู่ที่ ประมาณ 200กว่าบาท อ่ะนะ... จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 13:20:15

ความคิดเห็นที่ 16 ไปๆมาๆกระทู้นี้ไม่ได้เป็นกระทู้เรียกร้องสิทธิที่หมอควรจะได้รับ แต่กลายเป็นกระทู้ฆ่าตัวเองออกสื่อสาธารณะแทน ที่บอกว่าคุณภาพชีวิตหมอสุดแสนจะรำบาก มันแย่กว่าชีวิตคนจนๆหาเช้ากินค่ำแค่ไหนครับ ผมพูดในฐานะที่ผมก็ผ่านอะไรต่างๆมาไม่น้อยนะ ผมจะบอกว่าชีวิตคนจนมันไม่มีทางเลือกหรอกครับ อย่าว่าแต่คำว่าสิทธิเสรีภาพเลยครับ เค้าไม่มีเวลามาบ่นหาสิทธิที่ควรจะพึงได้หรอกครับ แค่ปากท้องยังทำให้อิ่มยังแทบจะทำไม่ได้เลย คุณพยายามเรียกร้องสิทธิว่าหมอคุณภาพชีวิตต่ำต้องทำงานเยอะ ผมว่ามันก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนักนะครับ การที่คุณเรียกร้องสิทธิมากเท่าไหร่มันยิ่งตอกย้ำว่าคุณกำลังมองว่าตัวเองเป็น เทวดา มากกว่าคนทั่วไป เพราะอาชีพแต่ละอาชีพจุดแย่ๆมันก็มีเยอะเพียงแต่ว่าคุณหยิบยกแต่เรื่องที่ดีๆในสาขาอาชีพอื่นๆเข้ามาพูด แบบนี้ก็จะเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่แฟร์ซะทีเดียว ผมเองทำงานในฐานะวิศวะกร ผมเจอคนจบวิศวะกรทำงาน วันละ 12 ชั่วโมงไม่ได้พักผ่อน โอทีได้หลังจากทำงานไปแล้วจากชั่วโมงละ 12 เท่านั้น แถมเงินเดือนได้เดือนละ 12000 จะลาออกก็ไม่ได้เพราะไม่มีเงินไปสมัครงาน หรือพูดง่ายๆคือไม่มีเงินนั่งรถไปสมัครงานที่อื่น จะลาออกก็ไม่ได้เพราะภาระติดสอยห้อยตามเยอะ ไปๆมาๆต้องทนอยู่ในสภาพกล้ำกลืนฝืนทน แถมสภาวะการทำงานเลวร้ายมากเพราะทำงานในโรงงานพิมพ์ภาพ ซึ่งจะเหม็นสี ทินเนอร์ แล้วก็ร้อนมาก ตลอดเวลา ถามว่าตรงจุดนี้เองเค้าไม่หนักกว่าคุณหรอ ??????? ในมุมกลับกันผมก็เจอวิศวกรเหมือนกันแต่เงินเดือน 2-3 แสน ทำงานชิวๆสบายๆซึ่งจุดนี้ผมก็มองว่าถ้าเรามัวแต่มองจุดบนๆของแต่ละอาชีพแล้วมามองตัวเองในมุมที่นำมาเปรียบเทียบกัน ไปๆมาๆมันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดเลย นอกจากจะทำให้คนอื่นเค้าสมเพชตัวเองมากกว่า เห็นใจครับ ผมเองตอนนี้แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในสายวิชาชีพหมอ แต่ผมก็ทนทำงานหนักเพื่อเพียงผมหวังว่าในอนาคตถ้าผมพร้อมผมจะได้มีโอกาสช่วยเหลือสังคมแค่นั้นแหละครับ สังคมตอนนี้คนเห็นแก่ตัวเยอะแล้วครับอย่าไปเพิ่มอีกเลย เรามาช่วยเพิ่มคนเห็นแก่ประโยชน์ต่อสังคมดีกว่า ผมหวังว่าประเด็นนี้จะช่วยสะกิดสามัญสำนึกในใจว่า วินาทีแรกที่คุณสมัครเข้ามาเรียนวิชาแพทย์ เพื่อสังคมหรือว่าเพื่อสนองกิเลสในใจเพียงเพราะรายได้ดี หรือว่าเรียนเพราะรู้ว่ามันเข้ายากใครเข้าได้ดูเท่ดูเด่นเป็นที่ยอมรับ เพราะถ้าคุณเข้ามาด้วยจิตสาธารณะต้องการช่วยเหลือสังคมแล้ว ผมเชื่อว่าคุณก็ควรจะภูมิใจในเกียรติของคุณ และแน่นอนว่าสังคมเห็นคุณค่าของคุณอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณไม่ได้เข้ามาด้วยเหตุผลนี้ก็ขอให้คุณรีบใช้ทุนแล้วก็ลาออกไปจากโรงพยาบาลรัฐแล้วไปเปิดคลีนิคหรือว่าไปทำงานโรงงานเอกชนของคุณได้เต็มที่เลย ไม่มีใครเค้าขัดคุณได้หรอก การที่คุณเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลรัฐแล้วเพาะเชื้อโรคแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจแบบนี้มันกลายเป็นเชื้อโรคแพร่ไปสู่คนอื่นๆ ผลลัพธ์ที่ได้มันแย่ยิ่งกว่าคุณลาออกไปเสียอีก จากคุณ : song เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 13:39:02 A:206.197.59.8 X: TicketID:343084

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ต้องแก้อะไร ปล่อยให้เป็นไปตามนี้ ระบบจะแก้ปัญหาของมันเอง โดยหมอจะย้ายไปอยู่ ร.พ.เอกชนมากขึ้นเรื่อยๆ ย้ายไมยาก ยิ่งหมอจบใหม่ใช้ทุนก้จ่ายเงินไปทำ แปปเดียวเดี๋ยวก็ได้คืน เหลือหมอที่กินอุดมการณ์แทนข้าวให้ลำบากบ่นไป เดี๋ยวทนไม่ไหวก็ออกไปเอง เหลือหมอใน รพ.รัฐ ที่คนไข้เยอะๆ น้อยลงๆ ไป จบใหม่เพิ่มมา ก็ย้ายออกไป ระบบจะแก้ปัญหาของมันเอง ไม่ต้องห่วง จากคุณ : durasail เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 13:39:46 A:58.181.157.122 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 18 ... ครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 13:54:27

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ต่อให้ผลิตบุคคลากรออกมามากแค่ไหน แต่ถ้ามีกิเลส และคิดแต่ได้ฝังในสมองว่าฉันต้องได้เท่านั้นเท่านี้ ก็เชื่อว่าสุดท้าย ผลิตมายังไงก็ไม่เพียงพอ เชื่อเถอะว่าถ้าเงินเดือนหมอรัฐบาลกับเอกชนเท่ากันจะไม่เกิดปัญหานี้หรอก เพราะหมอก็ไม่ออกไปทำเอกชนกัน พอไม่ออกไปทำเอกชน ก็เท่ากับว่าการโหลดงานของหมอก็จะน้อยลงไปเอง เพราะมีหมอเพียงพอในระบบรัฐบาล แต่ถามว่ามันไม่มากไปหน่อยหรอ สำหรับการแก้ปัญหาแบบนี้ ???? หมอก็คน แล้วถามว่าอาชีพอื่นๆไม่สมควรได้รับการแก้ปัญหาแบบนี้หรอ ????? จะต้องการแก้ปัญหาอะไรก็ให้มันเหมาะสมทั้งเหตุและผลหน่อยครับ อย่าใช้ตรรกะเพียงแต่ว่า ความยุติธรรมคือตัวเองได้เปรียบสูงสุด !!! ลองมองมุมกลับกันเกิดอาชีพอื่นโวยวายบ้างละ พวกทหารงี้ที่อยู่ภาคใต้ เสี่ยงก็เสี่ยง จะตายวันไหนก็ไม่รู้ เงินเดือนก็ไม่ได้ดีเด่อะไร ถ้าใช้ตรรกะแบบคุณ ชาติล่มจมไปนานแล้ว คุณเองเรียกร้องความสะดวกสบายเข้าตัวเอง ไม่ได้มองเลยว่าคนอื่นรำบากกว่าคุณมีมากมายขนาดไหน เรื่องนี้ยิ่งโวยไปๆมาๆยิ่งสร้างความเสื่อมศรัทธาให้แก่วงการหมอซะเปล่าๆ จากคุณ : song เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 13:58:41 A:206.197.59.8 X: TicketID:343084

ความคิดเห็นที่ 20 แอบมาสงสัย ถ้าปี 2558 เกิดประชาคมอาเซียนจริง ถ้าหมอไปทำงานเมืองนอกมากขึ้น เราคงลำบากกว่านี้แน่ๆครับ จากคุณ : GRAYG เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 14:20:27

ความคิดเห็นที่ 21 รพ. เคยมีโครงการ ยาแลกไข่ไก่ เพราะผู้ป่วยเอายาไปเก็บไว้ที่บ้าน เช่น ยาเบาหวาน ความดัน เคยเจอ มาเยี่ยมญาติ ที่นอนรักษาหนึ่งคน แต่มาหนึ่งคันรถ แต่ไหนๆ ก็มาเลยขอยารพ.ซะเลย ยานวด ยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ไม่ให้ก็เหวี่ยง หาว่า หมอไม่ใจดี ระบบนี้ มีประโยชน์ต่อประชาชนในภาพรวม แต่น่าจะเป็นภาระงบประมาณในอนาคต แน่นอน ประชาชนบางส่วนน่าจะมีส่วนรับผิดชอบบ้าง เช่น ผู้ป่วยกินเหล้า ผู้ป่วยที่ ไม่ยอมทำตามแพทย์แนะนำ หรือ ผู้ป่วยที่มีฐานะ กลุ่มเหล่านี้ไม่น่าฟรี แต่ในทางปฏิบัติ ฟรีทุกคน ที่หมอเรียกร้อง เพราะต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ใช่ตรวจจนเยิน อยากมีเวลาพักผ่อน มีเวลาตรวจมากกว่านี้ ทุกวันนี้ หารเฉลี่ย หมอเขาตรวจกี่คน ไม่นับภาระงานอื่นอีก เช่น งานเอกสาร งานคุณภาพ งานบริหาร ซึ่งทำให้หมอบางส่วนในระบบไม่ได้รักษาผู้ป่วยแล้ว กลายว่า โหลดงานให้หมอจบใหม่ เรื่องค่าตอบแทน ว่ากัน ตรงๆ ตอนนี้ผมได้เกินแสน แต่เหนื่อยน่ะ ผมตัดสินใจ ลาออกจากราชการสิ้นเดือนนี้ พร้อมอีกหลายคน ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ เหตุผลหลักๆ ไม่ได้มาจากเรื่องเงินหรอกครับ จากคุณ : บางนรา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 14:26:42

ความคิดเห็นที่ 22 เพลีย จขกท. และ คห. 2 ไม่ขอเมนท์ล่ะกัน อ่านเองคิดเองได้ โต ๆ กันแล้ว จากคุณ : ปีเตอร์นอร์ธ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 14:50:01

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่ต้องยกเลิกหรอกครับ แต่ควรจะปรับปรุงอย่างอื่น นั่นคือระบบการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ด้านสุขภาพ ทำความเข้าใจกับโรคภัยไข้เจ็บง่ายๆ ได้ รวมถึงวิธีการดูแลรักษาตัวเองในเบื้องต้น ทราบว่าโรคไหนหายเองได้ด้วยการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง หรือว่าทราบว่าระดับไหนควรดูแลตัวเอง รุนแรงแค่ไหนจึงควรไปพบแพทย์ แต่ในปัจจุบันมันไม่เป็นอย่างนั้น ชาวบ้านที่เจ็บป่วยเล็กน้อย หาความรู้เองไม่เป็น เท่านั้นไม่พอ ไม่ยอมใช้ระบบสาธารณสุขมูลฐาน (อสม. สถานีอนามัย) แต่จะไป รพ. ท่าเดียวเป็นหลัก ทำให้มีคนไข้ค่อนโรงพยาบาลที่ไปล้น รพ. ด้วยอาการเล็กน้อยที่มันหายเองได้ ดูแลตัวเองได้ถึง 80-90% แทนที่จะให้ รพ. เป็นแหล่งที่รักษาโรคระดับสูง ที่ให้เวลาและทรัพยากรอย่างเต็มที่กับการรักษาคนไข้ที่ดูแลตัวเองไม่ได้แล้ว ถ้าประชาชนมีความเข้าใจในสุขภาพพื้นฐาน ก็ไม่อยากถ่อไปถึงโรงพยาบาลเพื่อใช้บริการบัตรทองให้เสียเวลาหรอกครับ ถึงแม้ว่ามันจะฟรีก็ตาม ต้องโทษที่ระบบการศึกษาของประเทศไทยที่ไม่ได้ส่งเสริมให้คนหาความรู้ด้วยตัวเอง และโทษนักการเมืองหรือผู้กำหนดนโยบายที่ผ่านๆ มาที่แก้ปัญหาไม่ตรงจุดและเน้นการหาคะแนนเสียงด้วยการวิธีประชานิยม จากคุณ : vandyman เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 14:56:00

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าชาวบ้านที่ยากจน ไปหาหมอแต่ละที  ไป รพ.แต่ละที  จะต้องเสียเงินครั้งละ 30 บ. หรือ 50 บ.  ผมเชื่อว่าจะมีคนไข้ไปใช้สิทธิบัตรทองที่ รพ. น้อยลงแน่นอน   แต่ทุกวันนี้ ชาวบ้านคิดว่าไปหาหมอฟรี ไปเอายาฟรี ไม่ต้องเสียอะไร  ทีนี้เลยกลายเป็น พอปวดหัวนิดหน่อย ก็ไปหาหมอ  เป็นอะไรนิดหน่อยก็ไปหาหมอ  ซึ่งบางครั้งมันไม่จำเป็น เพราะอาจจะใช้แค่ยาสามัญประจำบ้านก็พอแล้ว ปัญหาที่มันเกิดขึ้นทุกวันนี้  คนไข้ล้นโรงพยาบาล ทำให้หมอต้องทำงานหนัก  มันเกิดมาเพราะใครที่ไปพยายามจะลบล้างภาพเดิมของบัตร 30 บ. รักษาทุกโรค เพื่อไม่ให้เครดิตแก่รัฐบาลทักษิณ  โดยเปลี่ยนภาพใหม่มาเป็นบัตรฟรี บัตรทอง แทน  ทีนี้  คนป่วยนิดหน่อย ก็ไป รพ.  หรือไม่จำเป็นก็ไป รพ. เพราะมองว่าฟรีหมด    หมอก็เลยต้องทำงานหนักล่ะ เพราะคนไข้มารอตรวจกันวันละเป็น 100 - 200 คน   เลยตรวจกันได้แค่คนละไม่ถึงนาที อีกอย่าง  ในช่วงปีหลังๆ มานี้  รพ.เอกชนที่แต่ก่อนเคยเข้าร่วมโครงการบัตรทอง  ก็แห่กันทยอยลาออกจากระบบบัตรทองกันมากขึ้นๆๆ   เหตุก็เพราะรัฐบาลชุดหลังๆ ไม่ได้ดูแลสนับสนุน  ไม่แก้ปัญหาให้เค้า  จ่ายเงินไม่ตรงมั่ง ฯลฯ   ทีนี้ ก็เลยเหลือแต่ รพ. รัฐ ที่ต้องรับภาระหนัก ถ้าค่อยๆ แก้ปัญหากันไป  หามาตรการมาดึงดูดใจให้ รพ.เอกชน เข้ามาร่วมบัตรทองกันมากขึ้น  และเอาวิธีเดิมที่คนป่วยต้องจ่ายเงินค่ารักษาครั้งละ 30 บ. กลับมา  หรืออาจจะเพิ่มเป็น 50 บ. - 80 บ.  และเพิ่มงบประมาณให้มากขึ้น  ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ให้มากขึ้น  ผมว่ามันก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ไปเองไปทีละน้อย จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 15:00:31

ความคิดเห็นที่ 25 ใช่ๆ ผมว่าโรงพยาบาลเอกชนเดียวนี้ก็ไม่น้อย มีการแข่งขันกัน แต่ดันเน้นรักษาแบบเสียเงิน คือ จ่ายเอง กับประกันสุขภาพ อยากให้โรงพยาบาลเอกชนลงมาทำตลาดประกันสังคม กับ บัตรทองให้มากขึ้นครับ จากคุณ : GRAYG เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 15:07:18

ความคิดเห็นที่ 26 การจ่ายเงินตามจริงจะแก้ปัญหาการได้รับการรักษาต่ำกว่ามาตรฐานได้ เพราะจะทำให้เงิน รพ. ไม่ติดลบ แต่แก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรไม่ได้ บัตรทองครั้งหนึ่งได้แก้ปัญหาการเข้าถึงบริการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ทำให้คนทั่วไปได้รับการรักษาตามแพทย์แผนปัจจุบันได้มากขึ้น ปัญหาที่เราเผชิญขณะนี้เป็นผลพวงจากการที่คนเข้าถึงบริการมากขึ้น แต่จำนวนแพทย์ พยาบาล เภสัช ทันตแพทย์ เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งที่น้อยกว่าอย่างมาก และส่วนหนึ่งออกจากระบบของรัฐไปเอกชน ทางแก้คือ รัฐต้องเพิ่มตำแหน่งบุคลากรให้เพียงพอ หลายที่ขาดแพทย์ ขาดทันตแพทย์ แต่ตำแหน่งเต็ม คนไข้ก็บ่นได้ตรวจช้า รอคิวนาน บุคลากรก็บ่นว่างานหนักเกินไป ไม่มีเวลาพักผ่อน คนไข้บางคนเคยพูดกับผมว่า ผอ. โรงพยาบาลนี้แย่นะ น่าจะจัดหมอมาให้มากกว่านี้ พอดีผมว่างตอนนั้นก็บอกไป ลุงครับ กระทรวงเค้าบอกตำแหน่งเต็ม ผอ. ก็เขียนขอไปแล้วเค้าไม่ให้ ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นจาก Zero growth ของ กพ. อีกส่วนก็งบประมาณของประเทศที่มีจำกัดจึงเพิ่มตำแหน่งไม่ได้ จะแก้ต้องแก้หลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน โดยกำหนดชั่วโมงทำงานของแพทย์ พยาบาล ไม่ให้เกินกฏหมายแรงงาน ปัจจุุบันราชการไม่ถือเป็นแรงงาน กฏหมายแรงงานไม่คุ้มครอง แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลรัฐส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ทำงานชั่วโมงทำงานมหาศาลอย่างที่ได้เคยกล่าวไปว่าบางโรงพยาบาลแพทย์ทำงานเฉลี่ย 112 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แย่กว่านี้ก็มี ต้องมีกฏหมายคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกำลังความสามารถแล้วผู้ป่วยได้รับผลไม่พึงประสงค์ไม่มีความผิด ปัจจุบันเนื่องจากภาระงานที่มาก ทำให้ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เกิดกรณีร้องเรียน ฟ้องร้อง แพทย์ พยาบาล รพ. รัฐ มากมาย ทำให้แพทย์ที่ทุ่มเททำงานตามอุดมการณ์เสียขวัญ ท้อแท้ หมดกำลัง ลาออกไป รพ. เอกชนซึ่งงานเบากว่า รายได้ดีกว่า ความเสี่ยงถูกฟ้องร้องต่ำกว่า เนื่องจากรับความเสี่ยงที่เกิดจากการทำงานเกินกำลังแล้วเกิดความผิดพลาดไม่ได้ ถ้ารัฐคุ้มครองตรงจุดนี้ให้ ก็จะแก้ไปปัญหาการเสียกำลังคนเพราะกลัวการฟ้องร้องได้ การรับแพทย์เข้าทำงานควรรับตามความสมัครใจ ระบบในปัจจุบันใช้การจับฉลากเป็นหลัก ทำให้ได้คนที่ไม่อยากไปทำงานไปทำ ทางแก้อาจให้รับสมัครคนในพื้นที่ไปเรียนแพทย์อย่างเช่น โครงการแพทย์ชนบท อาจขยายโครงการส่วนนี้ให้มากขึ้นเป็นระบบหลัก >80% ของนักเรียนแพทย์ เพิ่มตำแหน่งแพทย์ให้เพียงพอโดยดูตามภาระงาน รพ. หลายแห่งอยู่ในภาวะวิกฤตเพราะภาวะ domino effect คือ แพทย์ทำงานไม่ไหว งานหนักไปลาออก แพทย์ที่ยังอยู่ก็ต้องทำงานหนักขึ้น เกิน threshold ที่คิดว่ารับได้ ลาอกกตาม เป็นต้น จากคุณ : megacure (SET50.com) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 15:51:39

ความคิดเห็นที่ 27 คุณคิดพฤติกรรมการดูแล สุขภาพคนไทยดีนักหรือ โดยเฉพาะคนรากหญ้า ขนาดมีกฎหมายบังคับให้ใส่หมวกกันน๊อคมันยังไม่อยากใส่เลย จากคุณ : ระวีรุ่งสว่าง เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 16:22:20

ความคิดเห็นที่ 28 ผมมีประกัน มีคลินิคเอกชนอยู่ในตึกที่ทำงาน ยังไม่ค่อยอยากจะไปหาหมอเลย ถ้าไม่ได้ป่วยจนทนไม่ได้จริงๆ จากคุณ : leito608 เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 16:35:16

ความคิดเห็นที่ 29 คนที่จะมาเป็นหมอนั้นก้รู้อยู่แล้วว่าตนต้องเจอกับความลำบาก ถ้าทนความลำบากความเหนื่อยไม่ได้ ก้ไม่ต้องเป็น แล้วถ้าจ่ายตามความเป็นจริง ชาวบ้านจะเอาตังคที่ไหนไปจ่าย พูดอย่างกะว่าประเทศเราเป็นนอร์เว สวีเดน ซะอย่างนั้น จากคุณ : สั้นๆ เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 17:16:05 A:119.46.176.222 X: TicketID:335252

ความคิดเห็นที่ 30 ผมจะแนะนำให้ถ้าอยากให้หมอสบาย คือเกณฑ์คนไปเป็นหมอเหมือนเป็นทหาร รับรองหมอสบาย...แน่ ปล.ทำงานเพราะเงิน...หรือทำงานเพราะใจรัก จากคุณ : Savecyber เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 17:57:32

ความคิดเห็นที่ 31 ปล.ทำงานเพราะเงิน...หรือทำงานเพราะใจรัก จะทำงานเพราะอะไรก็ต้องใช้เงิน !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! จากคุณ : AKB-SKE เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 19:14:11

ความคิดเห็นที่ 32 คนไม่ป่วยจริงๆ คงไม่ใครไปนั่งรอเป็นวันๆ หรอกค่ะ จขกท. คงยังไม่เคยไป รพ. รัฐ หรือใช้บัตรทองสินะ เรามีบัตรทองค่ะ เคยไปใช้บริการอยู่ครั้งนึง รอไป 4 ชม. ไม่เข้าอีกเลย ไม่ใช่เรามีเงินอะไรเยอะนะคะ แต่ถ้าเจ็บป่วยเล็กๆ น้อย ไข้หวัดท้องเสีย ปวดท้อง เรายอมจ่ายที่ รพ. เอกชน ไม่เสียเวลาและไม่ต้องมานั่งรอ คนป่วยอยากพักผ่อนค่ะ ถ้าอาการหนัก ๆ ค่าใช้จ่ายสูงเราต้องพึ่งบัตรทองค่ะ ค่าใช้จ่าย รพ. เอกชนแพง ไม่สามารถค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 54 19:21:39 จากคุณ : พาไล เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 19:15:23

ความคิดเห็นที่ 33 คนจนๆ แม้แต่ค่ารถเดินทางไปหาหมอ ยังไม่มีเลยนะคะ ต้องหยิบยืมคนอื่นพาคนไข้ไปรักษา งานก็ต้องหยุด เงินก็ยิ่งไม่มีกินไปอีก คนพอมี เขาก็ไม่ได้อยากไปนะคะ เขากลัวคนดูถูกว่ากระจอกอ่ะค่ะ ไปรักษาฟรี แต่ที่ไปบางทียาดีกว่าคลีนิค หายไวกว่า ถูกโฉลกมากๆ อะไรที่ไม่จำเป้นก้ไม่ได้เอา มีเหลือก็บอกว่ามีแล้ว ไม่ได้ไปเอาทิ้งขว้าง ไปก็ไม่อยากไป มีแต่คนป่วย กลัวติดโรคค่ะ ก็คงต้องหาทางเพิ่มหมอละคะ คนไข้เยอะค่ะ จากคุณ : buchecktien เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 20:02:23

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่ได้เป็นหมอ แต่อยู่ใน ร.บ.รัฐมานาน มีด้วยเหรอ คนจน ป่วยปลอม แกล้งป่วย มีแต่คนรวยๆ ป่วยการเมือง วิธีที่ถูกต้อง ผมว่าเราเปลี่ยนวิถีชีวิตคนไทย ให้มีสุขภาพดีกว่านี้ดีกว่าครับ เช่นแก้กฏหมาย ให้ใช้หลักฐานที่เป็นอิเล็กโทรนิคได้ ก้อทำให้มอเตอร์ไซค์ตอนกลางวันลดลงไปเป็นล้านคันแล้วครับ จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 22:29:42

ความคิดเห็นที่ 35 ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็น คุณูปการต่อสาธารณสุขไทยของ ท่านอ.หมอ สงวนที่ล่วงลับ อ.หมอสงวน คนต้นคิด ท่านไม่สนการเมือง โดนการเมืองภาคในกระทรวง สธ. แกล้งจนตั้งกรรมการสอบท่านก็ยังเคย ท่านเร่ขายแนวคิด ให้ทุกพรรคการเมือง แต่ก็แต่ก่อนง่อนซะไง นโยบายพรรคการเมืองก็เหมือยการขายฝัน ไม่มีที่ไหนตอบรับท่าน ซึ่งพรรค ทรท.ขณะนั้น ตอบรับ และนำมาเป็นนโยบาย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ต้องเกิดจากการผลักดันของฝ่ายการเมือง จึงจะทำได้จริงเป็นรูปธรรม บางคนค้าน ตะพึดตะพือ เพราะเกลียดทักษิณ ไม่มองถึงระบบรัฐสวัสดิการ มีที่ต่อคุณภาพชีวิตโดยรวมของคนไทย ผลงานจึงเป็นของหลายฝ่ายช่วยกัน ซึงท่าน อ.หมอสงวน ท่านไม่สนหรอกว่าใครจะเอามาอ้างเป็นผลงาน ถ้าต่อยอดพัฒนาและสามารถทำให้เกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มากที่ยากต่อการเข้าถึงระบบสาธารณะสุขได้ ผมอ่าน คอมเม้นต์ อย่าได้แปลกใจเลยว่า เทพRichelieu จะรีบมาลงในกระทู้นี้ได้ จากคุณ : หางแหลม เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 00:32:36

ความคิดเห็นที่ 36 จขกท นี่ คิดง่ายๆเนอะ  ลืมนึก หรือว่าไม่คิดจะนึก? ถึงความลำบากของคนที่ไม่ค่อยมีอันจะกินบ้างนะ ปัญหาความยากจนยังแก้ไม่ได้ แล้วยกเลิกระบบนั้นไป คนจนที่แม้แต่เงินซื้อข้าวสารกรอกหม้อยังไม่มี เมื่อยามเจ็บป่วย จะให้เขานอนรอความตายเลยหรือไง อย่าลืมคิดถึงหัวอกคนที่เค้ามีฐานะยากจนกว่าบ้างนะ... ปัญหาแบบนี้ ควรจะแก้ตามความเห็นบนๆบอก การจะยกเลิกเลยนั้น โหดร้ายกับคนหลายๆคนเกินไป แก้ไขเมื่อ 24 ธ.ค. 54 10:22:38 จากคุณ : Zylva เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 10:20:42

ความคิดเห็นที่ 37 จรรยาบรรณ? มีคนรู้จักเป็นหมอเหมือนกัน สมัยก่อน Q:ทำไมอยากเป็นหมอ A:อ๋ออยากช่วยเหลือและรักษาคนป่วยครับ (ในใจ ก็มันรวยอ่ะ) ปัจจุบัน Q:ทำไมไม่อยากเป็นหมอ A:ทำงานหนัก เงินเดือนน้อย... อ้าวแล้วสมัยก่อนพูดอะไรไว้วะ จากคุณ : Ploeauer เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 11:19:06

ความคิดเห็นที่ 38 Richelieu เสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ ขอแนะนำให้โหวตกระทู้นี้ไว้ เพื่อที่ใครต่อใครจะได้มีโอกาสเห็นความฉลาดของRichelieu จากคุณ : ติดเกาะ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 11:34:46 A:101.51.1.14 X: TicketID:338386

ความคิดเห็นที่ 39 จะบอกว่าป่วยปลอมจะไปทำอะไรคะ เข้าคิว 6 โมงเช้าได้ตรวจเกือบเที่ยง 6 ชม. ขำไม่ออกนะคะ คนที่ไปรอเนี่ยเพราะไม่สบายจริง ๆ ซะส่วนมาก แล้วที่เพิ่มขึ้น เพราะคนไม่มีเงินมีโอกาสรักษาอย่างถูกต้อง ไม่ต้องนอนตายอยู่ที่บ้านโดยทำอะไรไม่ได้เลย กระทู้นี้ล่อเป้าชัด ๆ จากคุณ : ~HaShu_ShiNaMon~ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 11:48:24

ความคิดเห็นที่ 40 แล้วจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ จากคุณ : เบนบ้านคลอง เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 11:49:52

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่ต้องทำอะไรครับ บอกแล้วว่าระบบมันจะแก้ของมันเอง แต่ในทางดี ไม่ดี นั้นอีกเรื่อง หมอก็คือ คน ไม่ใช่หุ่นยนต์ ทนไม่ได้เขาก็ย้ายไปเอกชน ไปเปิดคลีนิค กันเองแหล่ะ บ่นไปก็เท่านั้น บ่นไปก็โดนด่า บอกให้ทนๆ อย่างนั้นไป แทนที่จะให้กำลังใจ หาทางแก้ ใครเขาอยากจะทน จากคุณ : durasail เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 12:28:01 A:58.9.31.52 X: TicketID:308748

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้าไม่เพิ่มเงิน หมอที่ไหนจะมาทำงาน รพ รัฐ ทำเอกชนไม่ดีกว่าหรอ รพ รัฐงานมันหนักเกินไปที่คนหนึ่งคนจะไม่ทำ ไม่ต้องอ้างว่าใจรักหรืออะไร ต่อให้ใจรัก ทำงานวันละ 16 ชม. มันก็ไม่ไหวนะ แล้วถ้าไม่เพิ่มค่ารักษา จะเอาเงินจากไหน จาก 30 ก็ค่อยๆ ขยับตามค่าครองชีพ เงินเฟ้อ อะไรก็ว่ากันไป จากคุณ : MortalR2 เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 13:12:18

ความคิดเห็นที่ 43 ทางแก้ไม่ใช่เพิ่มเงินหรอกครับ เพราะปัจจุบัน ค่าตอบแทนของแพทย์ก็อยู่ที่เดือนละ 50K++++++++++ อยู่แล้ว ทางแก้คือหาทางลดงานต่างหาก คลินิค ร้านขายยาคุณภาพ ก็มีอยู่มากมาย ดึงเข้ามาช่วยสกรีนคนป่วยสิครับ ใครเป็นหนักค่อยส่งต่อไปโรงพยาบาล สภาเภสัชเคยชงเรื่องขึ้นไปตั้งหลายทีแล้ว รู้ไหมเกิดอะไรขึ้น? ผมพูดไปตรงนี้ก็หาว่าโจมตีหมออีก หมอท่านใดทราบเรื่องนี้ช่วยมาอธิบายต่อละกันครับ ไหนจะเรื่องจำกัดโรงเรียนผลิตแพทย์อีก เสร็จแล้วหมอตัวจิ๊บๆจ๊อยๆ ก็ต้องมารับกรรม ทำงานหนัก เงินไม่คุ้ม ลาออก สมองไหล เหมือนที่เป็นอยู่ เมื่อไรเมืองไทยจะไม่มีฝ่ายการเมือง(ชั่วๆ)แบบนี้ซักที... จากคุณ : basicball เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 14:11:34

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบในฐานะผู้ใช้บัตรทอง ( คนจนคนหนึ่ง ) นะคะ โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าไม่ป่วยหนักจริง ๆ เราไม่ชอบไปโรงพยาบาลหรอกค่ะ ไหนจะห่วงลูกที่ยังเล็ก ไม่มีคนดูแล  กว่าจะถึงคิวตรวจก็นาน ต้องแหกขี้ตาไปเอาบัตรคิวแต่เช้า  ไม่อยากจะเอาลูกไป เพราะใคร ๆ ก็ทราบว่าที่โรงพยาบาลเชื้อโรคเยอะ ที่สำคัญเราห่วงเรื่องปากท้องของคนในครอบครัวมากกว่าเรื่องสุขภาพของตัวเองค่ะ แต่เมื่อป่วยหนักและจำเป็นต้องไปรักษาตัว ทุกครั้งที่ได้พบหมอดี ๆ รักษาผู้ป่วยด้วยหัวใจของคนเป็นหมอ แม้ผลตอบแทนที่ได้จะน้อยนิด เราจะรู้สึกขอบคุณทุกครั้ง ที่หมอเหล่านั้นเป็นผู้มีอุดมการณ์และเสียสละ ไม่เห็นแก่เงินทอง และเราเชื่อว่าไม่ว่าสังคมจะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็จะยังมีหมอดี ๆ คอยช่วยเหลือคนจนอยู่เสมอ ความที่เราเป็นคนไม่ชอบไปหาหมอ เมื่อมีโอกาสเรามักจะหาความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นบ้านค่ะ และนำมาปลูกไว้ด้วย เจ็บป่วยเล็กน้อยก็กินสมุนไพรไปก่อน ช่วยได้มากทีเดียว... สุดท้ายนี้ เราคิดว่า บัตรทอง ก็ยังมีความสำคัญ ตราบใดที่ประเทศไทยยังมี คนจน ค่ะ ขอขอบพระคุณ คุณหมอผู้มีอุดมการณ์ทุกท่านที่ให้การรักษาผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมกัน อย่างไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ ขอคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยปกปักรักษาให้คุณหมอดี ๆ มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เป็นที่พึ่งของคนจนต่อไปค่ะ จากคุณ : แม่โอ๋เรนเจอร์ เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 14:55:45

ความคิดเห็นที่ 45 ลำบากเขียนผิดครับ "ลำบาก ไม่ใช่ รำบาก" แปลกใจไม่มีใครมองเห็นหรือไง จากคุณ : backba เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 18:49:02

ความคิดเห็นที่ 46 ผมมีน้องที่กำลังจะจบหมอปีหน้าอยู่คนนึง ใจผมไม่อยากให้น้องทำงานร.พ.รัฐเลยครับ สาเหตุเพราะเดี๋ยวนี้หมอโดนฟ้องง่ายมาก ถ้าต้องตรวจคนไข้วันละเป็นร้อยคน ทำงานต่อเนื่อง โอกาสพลาดมันมีอยู่แล้ว หมอโดนฟ้องถึงขนาดติดคุกก็มีมาแล้ว ถ้าต้องทำงานหนัก ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนต่ำ(เมื่อเทียบกับทำเอกชน) ผมเชียร์ให้น้องไปทำเอกชนแล้วลดปัญหาทั้งหมดที่ว่ามาได้นี่ไม่ดีกว่าเหรอครับ? ถ้าแก้ปัญหาเวิร์คโหลดให้หมอไม่ได้ ผมก็คิดแบบคุณ durasail แหละครับว่าไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวระบบมันปรับตัวของมันเอง จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 01:20:24

ความคิดเห็นที่ 47 หลายๆท่านคิดว่าไม่มีคนป่วยปลอม   ถ้าไม่จำเป็นจริงๆไม่มีใครอยากเข้ารพ.รัฐ แต่คุณๆรู้หรือไม่ ว่าจริงๆแล้ว มี   มีเยอะด้วย  เพียงเพราะไม่ต้องไปซื้อยาเอง  เข้ารพ.รัฐก็ได้ยามาฟรีแล้ว เอามาเก็บไว้ใช้ในบ้านเผื่อลูกหลานพ่อแม่พี่น้องได้อีก กลุ่มนี้มีเยอะมากจริงๆครับ โดยเฉพาะรพ.รัฐตามตัวอำเภอ      จขกท.เขาต้องการให้บุคลกลุ่มนี้ลดน้อยลง หมอจะได้ไม่โหลดมากนัก จะได้ไม่ลาออกไปอยู่รพ.เอกชน หมอที่เหลืออยู่ก็จะไม่โหลดตามไปด้วย จะได้มีเวลาตรวจคนไข้ที่เป็นคนป่วยจริงๆได้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น คนป่วย จะได้รับการรักษาดูแลที่ดีมากขึ้นด้วย      จขกท.เขาบ่นเพื่อภาพรวม เขาไม่ได้บ่นเพราะลำบากในอาชีพหมอหรอก  เพราะตัวหมอเองส่วนใหญ่ เขามีทางที่เลือกได้อยู่แล้ว จากคุณ : ศรีวรลักษณ์ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 09:36:13

ความคิดเห็นที่ 48 ผมว่า จขกท มีความคิดที่เจตนาที่ดี ในการที่จะพยายามลดงานให้หมอ เพื่อที่จะให้หมอทำงานมีประสิทธิผล และประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะทำให้หมอรัฐบาลลาออกน้อยลง ถ้าหากหมอรัฐบาลมากขึ้น ก็จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของหมอทั้งประเทศดีขึ้น โดยประเด็นที่ว่าการมีบัตรทอง ทำให้มีคนป่วยมากขึ้น เนื่องจากทางผมไม่มีข้อมูล เป็นสถิติเลยไม่สามารถบอกได้ ว่า จริง หรือไม่จริง ดังนั้น สิ่งที่น่าจะทำคือ มีการวิเคราะห์ว่า ประเด็น "คนป่วยปลอม" ว่า มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยนำข้อมูลการเข้ารับการรักษามาวิเคราะห์ จากนั้น พอได้ผลลัพธ์มา นำมาตัดสินใจว่า ถ้าหากมี "คนป่วยปลอม" เกิดขึ้นจริงและมาก อาจจะหาระบบมาใช้ในการที่จะป้องกันปัญหานี้ เช่น ถ้าหากมีการตรวจพบว่าป่วยที่ไม่ควรเข้ารับการรักษา อาจจะคิดเงินในการรักษาครั้งนั้น จากคุณ : <=-Fa=ke-=> เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 11:02:31

ความคิดเห็นที่ 49 สองความเห็นบน  เข้าใจผมจริงๆ  นอกนั้นด่าผมเพราะมีอคติ จากคุณ : Richelieu เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 11:46:42

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 49 สองความเห็นบน เข้าใจผมจริงๆ นอกนั้นด่าผมเพราะมีอคติ จากคุณ : Richelieu 5555555555555555555555555555555555555555555 สงสารนายจัง บางทีก็สงสัยว่าทำไมใครๆก็เกลียดนายกันจัง ขนาดบางคนที่เชียร์ประชาธิปัตย์เหมือนนายยังเกลียดเลย แต่ไม่เป็นไรนะ ตราบเท่าที่นายยังมั่นใจว่านายถูกเสมอ ก็จงยืนหยัดในแนวคิดนายต่อไปเถิดหนา เพื่อที่เราชาวพันทิปจะได้เพลิดเพลินสำราญใจกับ "Richelieu เชิญยิ้ม และชาวคณะ" จากคุณ : ติดเกาะ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 13:42:01 A:101.51.8.167 X: TicketID:338386

ความคิดเห็นที่ 51 ผมอยู่รพชมาหกเดือน เท่าที่ดูหมอเจอมานี่มันเยอะจริงๆ คนไข้ก็สร้างงานให้หมอกันสุดๆ มดเข้าหู เอายาฆ่าแมลงฉีด เด็กเป็นหวัด แม่โวยจะนอนรพให้ได้ ยาเบาหวาน ความดัน จ่ายไปไม่กิน บอกหมอทิ้งไปแล้ว เห็นว่าสบายดีเลยหยุดเอง คนไข้โรคหัวใจ รู้มาก จะมาถอนฟัน หยุด aspirin เอง บลาๆๆๆ จากคุณ : arsarn เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 14:04:44

ความคิดเห็นที่ 52 อ้างบ้างว่าเคยทำงานรพ.รัฐ (จริงๆ มันเป็นเพียงภาพที่เราเห็นแค่นั้นเอง อาจไม่จริงทั้งหมดก็ได้) คนป่วยมารพ.มากขึ้นเพราะ 1 รักษาฟรี เพราะโรคง่ายๆที่ซื้อยากินเองได้ เช่นโรคหวัด ไปร้านขายยาบางร้านก็เกือบร้อยแล้ว ไปคลินิคก็ 100-200 (เดาเอานะ) เป็นผม ผมก็เลือกไปรพ.ดีกว่าถ้ามีตังค์น้อยนะครับ แถมไปสั่งหมอได้อีกว่าต้องการยาอะไรบ้าง(สั่งแบบ บอกอาการทุกอย่างที่อยากเป็น หรือ ขอตรงๆเลยก็มี) 2 ในคนสูงอายุ รพ. กับ วัด บางทีมันเหมือนแหล่งพบปะนะครับ เพราะเห็นแกมานั่งคุยกันหน้าห้องจ่ายยา ได้ถามสารทุกข์สุขดิบกัน ยิ่งรพ.ไหนเจ้าหน้าที่ยิ้มแย้ม นิสัยดี ยิ่งเยอะครับ ปล.ในอดีต หมอก็น่าโดนฟ้องจริงๆนะ แบบมัวแต่ไปกินเหล้า พยาบาลเวรเรียกไม่ยอมมา จนคนไข้เดี้ยง อย่างนี้ญาติเขาก็อยากฟ้องนะ แต่ถ้าพยายามสุดๆแต่ไม่รอดนี่ผมไม่เคยได้ยินคนไข้ด่าหมอซะที จากคุณ : oudi เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 14:24:00

ความคิดเห็นที่ 53 ส่วนตัวอยากให้ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า(30บาท) ยังมีอยู่นะคะ เพราะคนไข้ที่เขาไม่มีเงินเขาไม่มีจริงๆค่ะ สงสารเค้า ถ้าไม่ใช้เป็นประกันสุขภาพถ้วนหน้าก็ควรมีระบบอื่นทีรองรับคนพวกนี้อ่ะค่ะ หรือถ้าใช้แบบเดิมอาจต้องปรับระบบภายในอีกเยอะเลยนะคะ และอยากให้แก้ปัญหาโดยการเพิ่มการผลิตแพทย์และผลักดันให้แพทย์อยู่ภาครัฐกันมากขึ้น (โดยใช้นโยบายจูงใจนะคะ อย่าใช้วิธีกดดัน เพราะมีหมอเยอะมากเลยนะคะที่ชอบรักษาชาวบ้านมากกว่ารักษาคนรวยๆ ถ้าอยู่ที่ไหนสบายใจก็อยู่ แต่ถ้าบีบคั้นเราก็ไม่ไหวอ่ะค่ะ) พอหมอเยอะขึ้นเราก็งานเบาลงอ่ะค่ะ (ก็คงไม่งานเบาถึงขั้นสบาย ว่างนั่งเล่น แต่ถ้ามันโอเคไม่เยินก็น่าจะทำให้เราอยู่กันระยะยาวได้นะคะ) และอยากให้มีการเข้าไปให้ความรู้คนไข้มากขึ้น และรู้จักการดูแลตัวเองมากขึ้นจะได้ป่วยน้อยลง และอาจต้องของความร่วมมือผู้ป่วยบางประเภทช่วยกันนิดนึงค่ะ ว่าอย่าทำสิ่งต่อไปนี้อาทิ 1.เป็นหวัด3วัน มาพบแพทย์ช่วงตี2-ตี5 2.กินเหล้ามาเช้าไม่ตื่น มาบอกหมอว่าเป็นหวัดท้องเสีย มาขอใบแพทย์ 3.มีการการเวียนหัวบ้านหมุน ขอใบรับรองแพทย์2วัน แต่งหน้าตาใส่บิ๊กอายปัดขนตา เสื้อผ้าหน้าผมครบเซต 4.มาขอตรวจร่างกายเชคอัพเบาหวาน ไขมัน+รับยาเดิมตอน 5 ทุ่ม 5.อ่อนเพลียขอนอนโรงพยาบาล ขนขอมาแล้วจากบ้าน ทั้งๆที่เตียงเต็มแบ่บที่จะวางเตียงผ้าใบยังไม่มี ถ้าหมอไม่ให้นอนจะร้องเรียน 6.อ้างว่าอยู่ในกระทรวงนั้นนี้จะเอานั่นเอานี่ 7.มารักษาตามนัดในวันและเวลาที่ไม่ได้นัด และกรณีอื่นๆที่คุณคิดว่าไม่ใช่เวลา ปล.หมอไม่ดีก็มีนะคะ แต่หมอดีๆยัมีอยู่เยอะกว่าค่ะ แต่พวกคุณอาจไม่รู้ บางทีการที่เขาไม่ได้ให้คุณตามที่คุณต้องการทุกอย่างอาจไม่ได้แปลว่าเขาไม่ดีนะคะ ^^ จากคุณ : หมอผู้หญิงตัวเล็กๆ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 17:14:23 A:118.175.68.104 X: TicketID:342749

ความคิดเห็นที่ 54 อ๋อ เรื่องคนป่วยปลอมเนี่ย มีเยอะจริงๆนะคะ ทั้งๆที่หมอองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมมีความพยายามขนาดนั้น นั่งรอเป็นชั่วโมงพื่อให้ได้ใบรับรองแพทย และเมื่อหมอถามอาการของโรค ยิ่งถามละเอียกยิ่งรำคาญหมอตรวจดียังไงก็ไม่พอใจ ต้องการยิ่งเดียวคือใบแพทย์ มีเยอะจริงๆค่ะ มีเยอะจนบางทีไม่อยากจะเชื่อ ถ้ามีระบบอะไรก็ตามที่กันคนพวกนี้ออกไปก็ดีนะคะ จะได้เอาเวลาไปตรวจคนที่ป่วยจริงได้เยอะขึ้น+ละเอียดขึ้น จขกท.คะ ถ้าหงุดหงิดพวกป่วยไม่จริงแต่มาตั้งกระทู้แบบนี้คนจะเข้าใจผิดคุณนะคะ คนส่วนใหญ่ก็เข้าใจยากอยู๋แล้วค่ะ ^^ จากคุณ : หมอผู้หญิงตัวเล็กๆ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 17:29:56 A:118.175.68.104 X: TicketID:342749

ความคิดเห็นที่ 55 เรื่องหมอไม่พอ อยากให้จูงใจหมอให้อยู่ภาครัฐกันมากกว่าเพิ่มการผลิตแบบเน้นปริมาณนะคะ ช่วง6-7ปีหลังเนี่ย มีการรับนักศึกษาแพทย์เพิ่มทุกคณะเลย แล้วการเรียนการสอนก็ไม่ทั่วถึงค่ะ อยากให้ผลิตแพทย์ออกมาพอประมาณ แต่พยายามจูงใจให้อยู๋ภาครัฐดีกว่าค่ะ เช่นเพิ่มตำแหน่ง เพิ่มทุนเรียนต่อเฉพาะทางในต่างจังหวัด จะได้กลับไปใช้ทุนต่างจังหวัดอีก ดูแลคนต่างจังหวัด เลิกหักเงินเบี้ยเลี้ยงนู่นนี่(ไม่ต้องเพิ่มเงินก็ได้ค่ะ แต่อย่าหักของเดิม) จากคุณ : หมอผู้หญิงตัวเล็กๆ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 18:32:45 A:118.175.68.104 X: TicketID:342749

ความคิดเห็นที่ 56 อยากให้ลดปริมาณคนไข้ที่ไม่จำเป็น จากระบบรักษาฟรีก่อนค่ะ โรคคิดไปเอง.... โรคขี้งก....ไปฟรีได้ยากลับบ้าน โรคกินยาง่าย..หวัด ปวดหัว ปวดท้อง มีเมนส์ เป็นไข้ โรคเรื่องมาก รู้มาก หัวหมอ.... โรคซ้ำซาก..ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง โรคขาดความรู้เบื้องต้นทางสาธารณสุข โรคทั้งรู้ก็ทำ โรคประมาท โรคขาดสติ พาตนไปเจ็บป่วย จริงๆ อยากให้ ประชาชน จ่าย 1000บาทแรกก่อน...แล้วค่อยให้รัฐจ่ายส่วนที่เกินพัน...จะคัดกรองไปได้เยอะ (จริงๆปัญหาเริ่มตั้งแต่ ประชาชนไม่มีความเข้าใจด้านสาธารณสุข แต่ใส่ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ขณะที่แพทย์ไม่เพียงพอ) จากคุณ : บ้านดอกชวนชมสารพัดสี เอาไปอ่านซะ พวกคุณ ที่มาเถียง จขกท หลงประเด็นไปป่าว ความจริงคือ เค้าไม่ได้หมายถึงหมออยากได้เงินมากๆหรือ ขี้เกียจรักษาผู้ป่วย แต่แค่อยากให้คนที่ป่วยจริงๆมารักษาเท่านั้น บางคนเห็นค่ารักษาพยาบาลถูกหน่อย อะไรนิดอะไรหน่อยก็มาหาหมอ คุณรู้หรือป่าวว่า เข้าโรงพยาบาลแต่ละที ต้องเจอกับเชื้อโรคแปลกๆกี่ชนิด ขอยามากินแต่ละที ที่คิดว่าถูกว่าฟรี ยามันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าขอไปกินทั้งๆที่ไม่เป็นโรค ก็ได้แต่ผลเสียทั้งนั้น สรุป คือ อยาก แค่หาวิธีคัดกรองคนที่เจ็บป่วยจริงๆ มาโรงพยาบาล ผลที่ได้คือหมอทำงานน้อยลง หมอก็จะได้มีเวลาดูแลสุขภาพตัวเองบ้าง จากคุณ : หมีดำ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 00:29:56 A:171.7.149.120 X: TicketID:343364

ความคิดเห็นที่ 57 ทางแก้ก็มี ไม่รู้คิดได้รึเปล่า ให้รัฐอุดหนุนประกันสุขภาพ(บางส่วน)ซะก็หมดเรื่อง รัฐออก30 ผู้ประกันออก70 (ยกตัวอย่าง) แล้วต่อรองให้ประกันสุขภาพราคาถูกลงอีกหน่อย กระจายงานไปโรงพยาบาลเอกชนซะ หมอในโรงพยาบาลรัฐก็งานเบาลงเอง ง่ายจะตาย จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 00:39:56

ความคิดเห็นที่ 58 แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 06:47:54 จากคุณ : no preservation เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 01:46:30

ความคิดเห็นที่ 59 คห.57 ^^ คิดว่าไม่น่าจะ "ง่ายจะตาย" นะคะ 1.ถ้าอยู่ดีๆเปลี่ยนมาเป็น70/30 มีปัญหาแน่ค่ะ เพราะอะไรที่ประชาชนเคยได้ เขาจะไม่ยอมถ้าอยู่ดีๆจะไม่ได้ และคนไข้ที่ป่วยจริงบางคนไม่มีเงินเลยจริงๆ แค่ค่ารถมายังไม่มี โดยเฉพาะต่างจังหวัด บางอำเภอเวลามาตรวจเบาหวานความดันแต่ละเดือน ต้องเหมารถกันมา 500-600 เขาก็หมดตัวแล้วค่ะ บางอำเภอต้องจัดให้นัดพร้อมๆกันทั้งหมู่บ้าน จะได้เหมารถกันมาทีเยอะๆ มาพร้อมกัน กลับพร้อมกัน 2.การกระจายงานไปเอกชน คิดว่าช่วยได้เยอะเลยค่ะ เช่นพวกคนไข้ประกันสังคม แต่ก็จะมีปัญหาสำหรับในจังหวัดเล็กๆ หรืออำเภอไกลๆที่ไม่ค่อยมีโรงพยาบาลเอกชนอ่ะค่ะ ถ้าสมมติว่าเป็นนโยบายโดยตรง ที่มีไว้เพื่อผู้ป่วยปลอม หรือผู้ป่วยที่มานอกเวลาแต่เป็นเคสไม่ฉุกเฉินหรือเคสนัดที่มานอกเวลาราชการ จะพอเป็นไปได้ไหมคะ ^^ จากคุณ : หมอผู้หญิงตัวเล็กๆ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 08:48:58 A:118.175.68.104 X: TicketID:342749

ความคิดเห็นที่ 60 จขกท ไปกระโดตึกตายแล้วเหรอ!!!!!!!!!!!!!!!!! จากคุณ : janiza เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 10:06:07

ความคิดเห็นที่ 61 คห.52 คะ ที่บอกว่า "ถ้าพยายามสุดๆแต่ไม่รอดนี่ผมไม่เคยได้ยินคนไข้ด่าหมอซะที" ไม่จริงนะคะ จากคุณ : หมอผู้หญิงตัวเล็กๆ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 10:18:53 A:118.175.68.104 X: TicketID:342749

ความคิดเห็นที่ 62 555 ให้เอกชนรับประกันสังคมเหรอ ตอนนี้มีแต่จะทยอยลาออกเพราะขาดทุน ในปี 55 นี้อย่างน้อยก็มีเอกชนลาออกจากประกันสังคมอีก 1 แห่ง เป็น โรงพยาบาลที่อยู่ในเขตหนองแขม  และก็มีเอกชนลาออกจาก 30 บาทรักษา ทุกโรคเรื่อยๆเพราะขาดทุน จากคุณ : Sono เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 11:13:35

ความคิดเห็นที่ 63 จริงของคุณ sono ^^ งั้นคงต้องคิดวิธีอื่น จากคุณ : หมอผู้หญิงตัวเล็กๆ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 11:24:26 A:118.175.68.104 X: TicketID:342749

ความคิดเห็นที่ 64 คห.59 ผมหมายถึงต้องการให้รัฐสนับสนุนประกันสุขภาพของเอกชนให้มากขึ้นเท่านั้น ตัวเลขเป็นเรื่องสมมติ ส่วนคนจนที่จนจริงๆก็ยังใช้สิทธิ30บาทได้นี่ครับ คนที่พอมีก็ทำประกันสุขภาพที่รัฐอุดหนุน ทำให้สามารถเข้ารพ.เอกชนได้ คนบางส่วนก็ตกไปหารพ.เอกชนแล้ว (ถ้าเลือกได้ คงไม่มีคนไปรพ.รัฐเท่าไหร่หรอก) ถ้าทำให้หมอๆคิดว่า งานรพ.เอกชนเยอะไม่ต่างจากรพ.รัฐ หมอรพ.รัฐก็น่าจะลาออกน้อยลงแล้วครับ คห.62 ผมไม่ได้หมายถึงประกันสังคมครับ แต่หมายถึงประกันสุขภาพพวกbupaเป็นต้น จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:03:36

ความคิดเห็นที่ 65 คห. 64 แต่เราจะแยกคนที่จนจริงกะจนไม่จริงยังไงล่ะคะ บางคนก็ไม่ได้จนมาก แต่ถ้าจ่ายค่ารักษาจริงๆก็แพงไปสำหรับเขา หรือถ้าไม่แพงแต่ถ้าต้องจ่ายทุกๆเดือนคงแย่ ความเห็นส่วนตัวนะคะ ดิฉันคิดว่า ถ้าป่วยจริง ไม่ว่าจนจริง/ไม่จริงก็น่าจะมีสวัสดิการให้เขา เป็นประกันสุขภาพถ้วนหน้า(30บาท)แบบเดิมก็น่าจะดีแล้ว แต่น่าจะมีนโยบายสำหรับผู้ป่วยไม่จริงหรือผู้ป่วยที่มาไม่ถูกเวลา(เช่นที่ยกตัวอย่างไปในคห.53)เช่นเก็บเงินกรณีไม่ด่วนแต่มานอกเวลา(ไม่ต้องเอาเงินที่เก็บมาให้หมอหรอกนะคะ เอาเข้ารพ.น่ะแหละค่ะ) หรืออาจต้องรอถึงเช้าในบางกรณีหากมาหลังเที่ยงคืนและไม่ด่วน (เช่นมาฉีดบาดทะยักตอนตี3 มาขอยาแก้ท้องผูกตอนตี5) จะดีไหมคะ ^^ จากคุณ : หมอผู้หญิงตัวเล็กๆ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:56:59 A:118.175.68.104 X: TicketID:342749

ความคิดเห็นที่ 66 โลกเราประชากรมันก็มากขึ้นทุกวันนะ น่าจะหาวิธีลดๆลงไปบ้าง จากคุณ : 7พันกว่าล้านแล้ว เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 23:47:53 A:124.122.175.156 X: TicketID:227506

ความคิดเห็นที่ 67 "ถ้าไม่ป่วยกันจริง ผมว่าคงไม่มีใครอยากไปเหยีบโรงพยาบาลกันหรอกครับ" - pantip คนเรามักชอบเอาความคิดของตนเอง มาเหมารวมว่าผู้อื่นก็คงคิดเป็นเหมือนเรา เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ อย่างคนที่แสดงความคิดเห็นคนนี้ ถ้าเขาไม่เคยทำงานใน รพ. เขาก็คงจะไม่เคยเห็นว่า คนป่วยจริงมันเยอะอยู่แล้ว แต่พวกคนป่วยปลอมที่ไม่ได้เป็นอะไร แต่มาขอยาฟรีเพราะ "ข้างบ้านมันได้ ถ้าเราไม่ได้บ้างเดี๋ยวเสียเปรียบ" มันก็เยอะไม่แพ้กัน แล้วเขาก็จะ fixed false belief ว่า "คนไม่ป่วยไม่อยากไป รพ.กันหรอกครับ" ไปอีกนานแสนนาน จากคุณ : fixed false belief เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 12:18:22 A:58.8.43.180 X: TicketID:306064