อย่าไปคิดรายละเอียดอะไรเยอะเลยค่ะ ทำไปเลย สิ่งที่เป็นกังวลทั้งหมด ที่พูดมา หากว่าเราทำไปแล้ว ทุกๆ อย่าง มีทางแก้ไข แต่หากทำแบรนด์ตัวเอง ควรไปจดลิขสิทธิ์ชื่อแบรนด์ไว้ก่อน
ขอแชร์ประสบการณ์นะคะ
ตอนนั้นเราทำงานอยู่ในบริษัทแห่งนึงซึ่งมีอีกหลายๆ บริษัทอยู่ในเครือ แล้วเกี่ยวข้องกับฝ่ายต่างประเทศ จริงๆ เราเป็นเลขา หรือผู้ช่วยส่วนตัว แต่นายเราดูแลเรื่องงานต่างประเทศ เน้นไปทางนำสินค้าจากต่างประเทศมาทำตลาดในเมืองไทยมากกว่า จึงมีบทบาทเหมือนใช้เงินอย่างเดียว แข่งกับบริษัทฯ อื่นๆ ในเครือไม่ได้ ทำให้เรากลัวว่าโบนัสของเราจะน้อย
เราเลยขออนุญาตเจ้านาย ลองทำโปรเจค ส่งออก หาเงินเข้าบริษัทบ้าง เราไปขอรายชื่อผู้นำเข้า สินค้าที่ตลาดต้องการจากกรมส่งเสริมฯ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและชี้แจงขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ยากค่ะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด (ข้อมูลเมื่อสักประมาณ 6-7 ปีมาแล้วนะคะ) แล้วเราก็เอาข้อมูลมาปรึกษากับเจ้านายและทีมงาน สรุปคือเราจะขายปลากระป๋องกัน ทำตัวเป็นเทรด เราก็ไปหาโรงงานปลากระป๋อง แล้วขอข้อมูล ส่งไปให้ลูกค้า ตามที่เราได้รายชื่อมาจากกรมส่งเสริมฯ ทางเมลล์ จนมีลูกค้าสนใจติดต่อมา ก็คุยไปคุยมา จนจบงาน คือพอเราทำงานเจอปัญหา ติดขัดตรงไหน เราก็ไป อย. หอการค้า สถานทูต ฯลฯ
สรุปครั้งแรกที่เราเคยส่งออก คือ ปลากระป๋อง ทำยี่ห้อของห้างในฮ่องกง ซึ่งส่งออกของกินเข้าใจว่า ยากกว่าเสื้อผ้านะคะ ต้องมีเอกสารเยอะ และติดต่อหลายหน่วยงาน แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปค่ะ
ในความคิดเห็นของเรานะคะ หาคนซื้อของ ของเราให้ได้ก่อน แล้วเราจะรู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง และต้องแก้ไขยังไง ทุกๆ ปัญหามีทางออก
ค้าขายระหว่างประเทศสำหรับเรากฎเหล็กเลยนะคะ ครั้งแรกที่ได้ค้าขายกันนะคะ โอนเงินก่อน 100% เต็ม หรือมากน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่ทำธุรกิจร่วมกันมา ค่าจัดส่งลูกค้ารับผิดชอบ ดังนั้นลูกค้าต้องวางแผนเอง แต่เราช่วยหาราคาค่าขนส่งให้ลูกค้าพิจารณาทั้งทางเรือ และเครื่องบิน เป็นตัวเลือกให้ลูกค้าค่ะ
เป็นกำลังใจให้ จขกท ค่ะ
จากคุณ |
:
BeingImagination
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ธ.ค. 54 21:54:26
|
|
|
|