ความคิดเห็นที่ 1 ผมคิดว่าถ้าแนวโน้ม เฉพาะช่วง 2555-2560 แนวโน้มแต่ละส่วนยังดำเนินต่อไปในเชิงแรงเหวี่ยงต่อเนื่อง ยังไม่เข้าสู่การปรับจุดสมดุล -ภาครัฐราชการยังคงเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นรายได้ต่อครัวเรือนในประเทศ สวัสดิการต่างๆยังคงเป็นส่วนนำร่องให้ประชาชนในภาคส่วนอื่นๆ -ภาคเอกชน ยังเข้าสู่ภาวะการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง การปรับค่าตอบแทนต่างๆค่อยๆขยับตัวขึ้น การทำงานขอบเขตกว้างขึ้นระบบปริมาณจะค่อยๆถูกทดแทนด้วยระบบคุณภาพ ระบบความปลอดภัยจากคนจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นเทคโนโลยี บริษัทขนาดกลางความมั่นคงจะอยู่ในระดับลดลง freelance outsource จะขยายตัวมากขึ้น กิจการขนาดเล็กจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว -รัฐวิสากิจ เริ่มมีแนวโน้มค่าตอบแทนสวัสดิการคงตัว ในการรักษาช่องว่างระหว่างกลุ่มบุคคล รวมถึงรักษาศักยภาพในการแข่งขัน การขยายตัวภายในประเทศใกล้ถึงจุดคงตัว จะมีความเป็นสากลมากขึ้น มาแชร์ความคิดครับ อยากรับฟังด้วยเช่นกัน จากคุณ : eni2qy (eni2qy) เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 55 07:36:33

ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดิการรัฐวิสาหกิจก็จะเท่าปัจจุบัน คือ มีพวกค่าช่วยเหลือบุตร ค่ารักษาพยาบาล 7 ชั่วโคตร แต่ไม่มีบำนาญ ที่ยังเท่าปัจจุบันก็เพราะเป็นสภาพการจ้าง พรบ รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์กำหนดไว้ ส่วนเงินเดือนรัฐวิสาหกิจก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้นเพื่อรอบรับการแข่งขันในตลาดแรงงาน เพราะหลายๆ รัฐวิสากิจต้องปรับตัวแข่งขันกับภาคเอกชนมากขึ้น และหลายรัฐวิสาหกิจยังมีการแข่งขันกับคู่แข่งในระดับนานาชาติอีกด้วย ..แต่อย่างไรก็ตาม คาดกว่าเงินเดือนรัฐวิสาหกิจจะน้อยกว่าภาคเอกชนอยู่ราว 20 - 30 เปอร์เซ็น และต่ำกว่าภาคเอกชนมากในระดับผู้บริหารระดับสูง (เบอร์ 1 - 2 - 3) เพราะมีกฏหมายกำกับค่อนข้างแน่นหนา ราชการยังคงสวัสดิการไว้แบบเดิมเพราะเป็นแรงจูงใจให้เข้ามาทำงาน แต่มีแนวโน้มที่จะปรับลดลงตามสภาพคล่องของภาครัฐที่ลดลง ในส่วนของเงินเดือน หลังจากการปรับเข้าสู่ระบบแท่งแล้ว เงินเดือนภาครัฐมีแนวโน้มจะปรับขึ้น เนื่องจากระบบแท่งในปัจจุบันยังไม่สะท้อนค่างาน ...เพราะการปรับโครงสร้างเงินเดือนครั้งนั้นต้องบริหารผลกระทบจากการปรับปรุงโครงสร้าง ไม่ให้มันถล่มทลายจนเกินไป คาดว่าเงินเดือนราชการจะปรับมาเทียบเคียงกับเอกชนภายใน 20 - 30 ปี... แต่ทั้งนี้เชื่อว่าภาครัฐจะคำนวณลดทอนที่มีสวัสดิการที่มีเยอะกว่าเอกชนและรัฐวิสาหกิจ น่าจะทำให้เงินเดือนน้อยกว่ารัฐวิสาหกิจ 10 - 20 เปอร์เซ็น (ปัจจุบันเงินเดือนราชการต่ำกว่ารัฐวิสาหกิจอยู่ราว 25 เปอร์เซ็น จากในอดีตที่เคยมีการกำหนดอัตราแรกเข้ารัฐวิสาหกิจให้สูงกว่าราชการ 20 เปอร์เซ็น) ภาคเอกชน เข้าสู่ยุคที่องค์กรแบนราบมากขึ้นมานานแล้ว ซึ่งโครงสร้างเงินเดือนแบบที่มีช่วงกว้างสูง มีความยืดหยุ่นในการจ่ายให้คนที่มีความเหมาะสม เพื่อให้สามารถจ่ายสูงกว่าและช่วงชิงคนที่ใช่มาไว้กับตน แต่เนื่องจากการกำหนด Pay Policy ให้สูงกว่าภาคตลาด อันตรายเกินไปในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน เนื่องจากองค์กรที่เงินเดือนสูงจะแบกภาระค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อยอดขายตกต่ำ ดังนั้นการกำหนด pay policy จะทำการเลือกตำแหน่งที่เป็นที่สำคัญของธุรกิจให้สูง แต่ทว่าในตำแหน่งที่เป็น back office หรือไม่ strategic โดยเฉพาะในระดับปฏิบัติการ มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไม่มาก ... หากพูดถึงแนวโน้มอาชีพแล้ว คนสมัยใหม่น่าจะมีมุมมองเรื่อง get rich quick มากกว่าสมัยก่อน ส่งผลให้การเสี่ยงดวงทำธุรกิจมีสูงขึ้น แต่ทั้งนี้ ปัจจัยครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในชนบทที่ยังมีค่านิยมการรับราชการ ได้เป็นเจ้าคนนายคนอยู่ (แต่มีแนวโน้มลดน้อยลง เนื่องจากกระแส urbanization ที่คนแห่เข้ากรุงมาเยอะ) บวกกับแนวโน้มธุรกิจที่ใช้การ outsource สิ่งที่ไม่ใช่กระบวนการสำคัญของธุรกิจ ซึ่งทำให้คนทำ freelance ที่มีทักษะ สามารถรับงานได้มากขึ้น ดังนั้น.. 2555 - 2590 ผมคิดว่าคนที่ไม่ใช่ลูกจ้าง (freelance + business owner) น่าจะมีจำนวนสูงขึ้น ส่วนคนที่เป็นลูกจ้างถ้าจะอยู่ให้รุ่งและรอดจะต้องมี competency ที่ธุรกิจต้องการครับ ปล. โปรดใช้วิจารณญาณ จากคุณ : freeek!!! เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 55 14:42:35