Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
วิชาสอนลูกให้เป็นมังกร ... ของครอบครัวชาวจีน (แบ่งปันประสบการณ์การขาย) ติดต่อทีมงาน

เวลาตกอยู่ในสภาวะเบื่อปัญหาหรือเบื่อการตัดสินใจกับเรื่องยากๆทีไร ...ผมมักจะนึกถึงลูกค้าคนหนึ่งที่เคยให้บทเรียนเรื่องนี้กับผม...

...

บ่ายวันหนึ่ง มีลูกค้ารายหนึ่งโทรศัทพ์มาขอนัดให้เข้าไปพบเขาหน่อย เนื่องจากเขาต้องการจะทำหนังโฆษณาขายสินค้าของเขาสักเรื่องหนึ่ง

ผมได้ยินเสียงของเขาไม่ค่อยชัดเท่าที่ควรด้วยเพราะเสียงเขาเบามาก ผมจึงพยาพยามเงี่ยหูฟังเสียงของเขาและพยายามที่จะนึกให้ออกว่า เขาคือใคร(วะ?) ... ด้วยไม่แน่ใจว่าเป็นลูกค้าเก่าที่เคยติดต่อกันมาก่อนหรือไม่...

ด้วยความที่ไม่อยากให้เสียลูกค้า ผมจึงรับนัดเขาไปอย่างมึนงง เขาวางสายไปก่อนทั้งๆที่ผมยังไม่ทันได้ถามรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม หลังจากวางสาย ผมรีบกดดูเบอร์โทรศัพท์พร้อมพลิกเปิดดูสมุดบันทึกเทียบกับเบอร์ลูกค้าคนอื่นๆที่จดไว้ ปรากฎว่า...

"หือ ? เบอร์นี้เคยจดไว้ว่าเป็นชื่อคุณบุ๋น เคยโทรเข้าไปเสนอขายเขาครั้งหนึ่ง เป็นคนไต้หวัน ... หรือฮ่องกงอะไรเนี่ยแหละ"
รายละเอียดที่ผมจดไว้มีแค่ชื่อลูกค้าสั้นๆ กับชื่อสินค้าที่จดไว้เล็กๆในสมุด ...ว่าน่าเป็นอุปกรณ์บีบยาสีฟันผลิตจากจีนชิ้นละไม่กี่ร้อยบาทนี่แหละ...

"หืมม? เครื่องบีบยาสีฟันก๊องแก๊งราคาหลักร้อยแบบนี้นี่เหรอจะหาญกล้าผลิตหนังโฆษณาราคาหลักหมื่นแบบนี้"

คิดอยู่ว่าจะไปดีมั้ย กลังจะไม่คุ้มค่าเสียเวลา ...แต่เอาเถอะ ไหนๆรับนัดแล้วก็ไปดูหน่อย อยากรู้เหมือนว่าจะเป็นยังไงเหมือนกัน?


หลังจากตั้งสติได้ ... ผมก็ไปยืนอยู่หน้าคฤหาสถ์หลังหนึ่งที่มีกำแพงอิฐสีส้มทรงสูงสูงปิดล้อมแน่นหนา ในย่านสาธุประดิษฐ์...

หลังจากกดกริ่งไปนาน ... คนงานในบ้านหลีงนั้นก็ออกมาเปิดประตูต้อนรับที่ตระตูเล็กข้างๆ

เธอเดินนำผมเขาไปตามทางเข้าบ้านหลีก แว๊บแรกที่ก้าวผ่านหน้าประตู ผมแอบประหลาดใจเล็กๆ ... อื๊อหือ ลูกค้าคนนี้มีบ้านใหญ่โตใช่เล่น ... มีทั้งสนามหญ้า บ่อตกปลา สระว่ายน้ำ สวนหิน...

ในใจแอบคิด "รวยแบบนี้ โดนฟันหัวแบะแน่ เมริง!หึหึ"
จิตมารของการเป็นเซลล์มันบังเกิดทุกครั้งที่สัมผัสกับกลิ่นกองเงินของลูกค้า...


คนงานเดินนำผมไปถึงห้องโถงด้านหน้าของคณหาสถ์หลังโต ...โอ้โห ... เหมือนกับฉากในละครช่องเจ็ดสีเลยแฮะ...

ภาพเบื้องหน้าของผมปรากฎเป็นภาพกลุ่มคนจีนกลุ่มใหญ่กำลังนั่งรอผมอยู่บนเก้าอี้ชุดรับแขกไม้สัก เลี่ยมทองชุดใหญ่
ผมกวาดสายตามองอย่างเร็วๆ สังเกตดูคร่าวๆได้ว่ามีคนนั่งรอผมอยู่ประมาน 7-10 ชีวิต

และจากการเดาคร่าวๆนั้น ผมคิดว่าพวกน่าจะมีตำแหน่งเป็นคุณพ่อ คุณแม่ อากง อาอี้อ อาซิ่ม อาเจ็ก ลูกชายคนดต ลูกชายคนเล็กสองคน...และคนงานที่มาเดินป้วนเปี้ยนรอรับใช้


"สวัสดีครับคุณบุ๋น" ผมประนมมือไหว้สวยๆด้วยการโฟกัสไปที่ชายหนุ่มสูงอายุที่นั่งอยู่ตรงกลางของกลุ่มวงศาคณาญาติ

"อ่า ...คับ" คุณบุ๋นขานรับคำสวัสดีของผมเบาๆ ... แต่เดี๋ยวนะ...เอ๊ะ เหมือนคนที่ขานรับคำผมไม่ใช่ผู้ชายที่อยู่ตรงกลางโต๊ะ...
แต่กลับเป็นเด็กหนุ่มตัวเล็กๆคนหนึ่งแทน...

"เอ่อ...อ่าาา..." มือของผมประนมนิ่งค้างไว้ แล้วเบี่ยงสายตาไปที่ชายหนุ่มสูงอายุที่นั่งตรงกลางอีกครั้ง

"อาบุ๋น คือ คนนี้แหละ อี คืออาบุ๋น คนที่อยากเรียกมาพบในวันนี้" ชายสูงอายุคนนั้นพูดพร้อมผายมือไปยังเด็กน้อยคนนั้นที่กำลังนั่งตาใสอยู่ข้างๆ

หืมมมมม...ลูกค้าที่เราดั้นด้นมาพบวันนี้ คือ เด็กชายที่ดูยังยังไม่บรรุนิติภาวะคนนี้นี่หรือ?



หลังจากอ้ำอึ้งปึ้งแดกอยู่สิบวิ ...พอตั้งสติได้ ผมก็เลยขอโอกาสรับบรีฟและอธิบายรายละเอียดงาน
...ครั้งนี้ถือเป็นการขายงานเป็นกดดันที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิตเลยนะ เนื่องจาก บรรดาอาม่า อาอี้ อาเจ็ก และโคตรตระกูลทั้งหลายแหล่ ... มาล้อมวงนั่งฟังกันอยู่ด้วย
(ซึ่งไม่คิดว่าคนอย่างอี้ที่ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสองสี ขาว-ดำ จะเกี่ยวข้องกับรายละเอียดงานในครั้งนี้หรอกนะ)

ขณะที่พูดไป ทุกสายตาก็จับจ้องมาที่ลมปากปากของผม...อ้าว เชี่ยละสิ ขายงานให้กลุ่มคนที่ช่วงอายุต่างกันขนาดนี้ กรูจะต้องใช้ระดับภาษาขนาดไหนดี?

แล้วกรูจะต้องจับจ้องสายตาขายงานให้ใครก่อนดีที่สำคัญที่สุด เพราะทุกคนล้วนส่งจิต และส่งอาย์คอนแทคมาที่ใบหน้าของเรา...นี่ถ้าแบ่งปันไม่ทั่วถึงงอนกันมั้ยฮะ?

ก็เลยขายไป สบสายตาตี่ๆของอาม่าและอากงไป...ไม่แคร์อาอี้ที่กำลังซดขนมอี๋เข้าปากไปเคี้ยวแจ๊บๆ ไปด้วย ...
เอ้ย! ถ้าอาม่าแก่ง่วงขนาดนั้นก็ขึ้นเหล่าเต๊งไปนอนก่อนมั้ย? หลับคาโต๊ะจนฟันปลอมเผยอแล้ว ...

ปวดตับ ...ขมับเครียด


ทนเล่าต่อไป...ในที่สุด ผมก็เล่ารายละเอียดจบไปแบบ มึนๆ ตัวเอง ...เฮ้อ เป็นการขายที่ไม่คาดหวังเลยว่าว่าตัวเองจะปิดการขายได้...

หลังสิ้นเสียงผมไม่ทันไหร ... ก็มีมวลเสียงขนาดใหญ่ไหลทะลักเข้ามาแทนทีทันที...

"นี่อาตี๋ อั๊วว่าแพงไปนะ ทำโฆษณาอะไรตั้งเป็นหมื่น แล้วนี่ต้องขายกี่ชิ้นถึงจะได้ทุนได้กำไรคืนละ...อาตี๋เม้งง ลดหน่อยสิ"
อาเจ็กเริ่มเสนอแนะความคิดเห็นคนแรกด้วยสไตล์โผงผางดุดันแบบคนจีน...

...ซึ่งหารู้ไม่ว่า...นั้นเป็นการจุดประกายความคิดให้อาอี้ อาซิ่ม ตั่วแจ้ อาม๊า ต่างช่วยกันระดมพลังลมปราณความคิดใส่อาบุ๋นแบบไม่ยั้ง!!


"โกว่า ทำไปไม่คุ้มนะอาบุ๋น ไปตระโดนขายตลาดนัดเอาก็ได้ ไม่ต้องทำหรอก"
"แบ่งเงิน แบ่งกำไรให้กับเค้าท่าไหร่? อย่าให้มันขาดทุนนะ"
"อาบุ๋นคิดไว้ยังว่าจะส่งของมาเดือนละกี่โกดัง ถ้าขายไม่หมดลื้อต้องเสียค่าโกดัง เปลืองตายห่า"
"อาบุ๋น ทำขายเด็กๆ ม๊าว่าทำเรื่องราวให้มันสนุกๆก็ดี เด็กจะได้ดูกัน"
"อาตี๋เม้ง คอลเซนเตอร์ คืออะไร?"

"เอ่อ...อ่าครับ...คือว่า...ห๊ะ...อะไรนะครับ? หลังจากโดนพลังลมปราณของตระกูลนี้ซัดเข้าใส่ ผมถึงกับจุกเข้าท้องน้อยจนคิดอะไรไม่ออก ...



"เอาละ ทุกคนหยุด...ฟังจบแล้ว เดี่ยวให้อาบุ๋นอีตัดสินใจเอง ว่าอีจะเอายังไง" อาป๊า พ่อของอาบุ๋นพูดเสียงดังกลบบทสนทนาของทุกคนในห้องให้เงียบลงได้

"เฮีย อั๊วว่าเงินสามหมื่นมันเยอะไปนะ สำหรับทีจะให้อาบุ๋นมาลงทุนขายของ นี่อีก็เพิ่งจะอายุ 15 ทำดีไม่ดีอั๊วว่าจะเอาเงินไปละลายเล่นๆนา..." อาอี้พยามเตือนอาป๊าอย่างเกร็งๆกลัวๆ

สมาชิกคนอื่นๆนั่งเงียบนิ่ง...เหมือนค่อยๆจับตาดูความเคลื่อนไหว

อาป๊าพูดต่อ

"อาบุ๋น ... จะเอายังไงป๊าให้ลื้อตัดสินใจ ...เล่าให้อีฟังไปสิว่าอยากได้แบบไหน ทำยังไง ... คนอื่นๆเค้าช่วยกันคิดหมดแล้ว แต่สุดท้ายลื้อต้องเป็นคนตัดสินใจเองนะ" ป๊าพูดแล้วหันไปพยักหน้าให้อาบุ๋นที่กำลังทำหน้ามึนงงกับข้อเสนอแนะอยู่

"แต่ป๊า..." อาม๊า จะเปิดปากพูดแย้ง...อาบุ๋นนั่งนิ่ง มองหน้าอาป๊าอย่างตั้งใจ

"เอาเถอะ แค่สามหมื่น ถือว่าอั๊วให้อีเป็นค่าเรียนรู้ ให้อีลองคิดเอง แล้วพวกเราช่วยกันดู แต่อย่าตัดสินใจให้อีเด็ดขาดนะ ให้อีตัดสินใจเอง...อีจะได้เก่งไวๆ " อาป๊าพูกย้ำ

สมาชิกในตระกูลเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้...อาอี้วางชามขนมอี๋ลง... ทุกสายตาจับจ้องมาที่อาบุ๋น...

ภาพเบื้องหน้าของผม คือ ภาพอาบุ๋น เด็กชายอายุประมาน 15 ปี ขณะกำลังพยายมอธิบายความคิดและความต้องการของตัวเองให้คนขายสินค้าอย่างผมในวัย 25 ปีฟัง ...

...ท่ามกลางความเกร็ง จากการถูกกดดันจากสายตาของคนในครอบครัว ซึ่งส่งผลออกมาได้ชัดต่อแววตาของอาบุ๋นที่ขาดความมั่นใจและมีความสงสัยปนอยู่ลึกๆตลอดเวลาที่ฟังและถามผม

ระหว่างนั้น ผมแอบหันไปสบสายตาอาป๊าที่มองเผินๆแล้วเหมือนจะเป็นผู้ร้ายของเรื่องนี้...แต่ถ้าพินิจพิเคราะห์สีหน้าของอาป๊าดูดีๆแล้วละก็ มันคือสีหน้าช่วยลุ้นและเฝ้ารอให้อาบุ๋นได้เติบใหญ่ขึ้น จากบททดสอบที่อาป๊าได้แกล้งมอบให้ในครั้งนี้...

...
อาป๊าใจร้ายชะมัดเลยนะนี่ ...หรือว่าเป็นวิธีฝึกมังกร?

...

แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 55 17:52:01

 
 

จากคุณ : หนึ่งกระบี่ แปรสามแจ้ง
เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 14:03:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com