|  | 
ขออธิบาย จขกท. เกี่ยวกับเรื่องภาษีนะครับ
 หลักการของภาษีคือ จะคำนวณเป็นรายปี โดยเป็นสมการตามนี้
 
 รายได้ที่ต้องคำนวณภาษี = รายได้ทั้งปี - ค่าลดหย่อนทั้งปี
 
 นำรายได้ที่ต้องคำณวณภาษีมาเข้าสมการตาม คห. 6 ก็จะได้ตัวเลขที่ต้องเสียภาษี เช่น
 ในกรณีของ จขกท. สมมติว่ามีรายได้ทั้งปีอยู่ที่ 500,000 และค่าลดหย่อนอยู่ 100,000 นั่นคือเหลือรายได้ที่ต้องคำนวณภาษี = (500,000 - 100,000) = 400,000
 
 ซึ่งรายได้ 400,000 เข้าสมการ ตาม คห. 6 จะได้
 150,000 เสียภาษีในอัตรา 0% = 0
 (400,000 - 150,000) = 250,000 เสียภาษีในอัตรา 10% = 25,000
 
 ดังนั้นสรุปว่ากรณีนี้ต้องเสียภาษี 25,000 บาท
 
 ========================================
 
 ดังนั้นวิธีการเสียภาษีน้อย ๆ ก็คือพยายามทำให้ค่าลดหย่อนสูง ๆ บางกรณีคนที่มีรายได้มากกว่าอาจเสียภาษีน้อยกว่าก็ได้ เช่น
 
 - นาย ก. มีรายได้ 500,000 ค่าลดหย่อน 100,000 เหลือรายได้ที่ต้องคำนวณภาษี 400,000
 
 - นาย ข. มีรายได้ 1,000,000 ค่าลดหย่อน 700,000 เหลือรายได้ที่ต้องคำนวณภาษี 300,000
 
 กรณีนี้สรุปว่านาย ก. มีรายได้น้อยกว่านาย ข. แต่เสียภาษีมากกว่า เพราะมีค่าลดหย่อนน้อย
 
 =====================================================
 
 เรื่องค่าลดหย่อนมีหลายประเภท ได้แก่
 
 1.) การหักค่าใช้จ่าย ตามเงื่อนไขประเภทรายได้ ได้แก่
 - เงินเดือน หัก 40% ไม่เกิน 60,000 เพราะเงินเดือนมีเพดานค่าใช้จ่าย จึงทำให้เงินเดือนเป็นรายได้ที่เสียภาษีสูงที่สุดในขณะที่รายได้ประเภทอื่นไม่มีเพดานการหัก เช่น เงินเดือนทั้งปี 500,000 หักได้แค่ 60,000 แทนที่จะหัก 40% คือ 200,000 วิธีการลดภาษีบุคคลธรรมดาที่ดีที่สุดก็คือ พยายามอย่ารับรายได้เป็นเงินเดือน ให้รับเป็นรายได้ประเภทอื่นซึ่งไม่มีเพดานค่าใช้จ่าย
 - อาชีพอิสระ ได้แก่  แพทย์ ดารานักแสดง หักได้ 60% ส่วนวิศวกร สถาปนิก นักกฏหมาย นักบัญชี หักได้ 30%  สังเกตุว่าคนอาชีพเหล่านี้หลายคนเลือกที่จะรับงานอิสระ ไม่ผูกติดกับองค์กร เพราะต้องการรายได้เป็นค่าวิชาชีพ ไม่ใช่เงินเดือนนั่นเอง เพราะไม่อยากคำนวณภาษีแบบเงินเดือน
 - ค่าเช่า เช่น มีบ้าน รถ ที่ดิน ฯลฯ ให้คนอื่นเช่า หักค่าใช้จ่ายได้ 30%
 - งานรับเหมา หักค่าใช้จ่ายได้ 70%
 จริง ๆ มีกรณีอื่นอีก ขอยกตัวอย่างแค่นี้ วิธีการประหยัดภาษีที่ดีที่สุดก็คือ เมื่อได้รับเงินหรือรายได้ ให้พยายามดันให้เข้าเป็นประเภทรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายได้สูง ๆ แต่วิธีนี้หมดสิทธิ์สำหรับคนทำงานกินเงินเดือน
 
 2.) ค่าใช้จ่ายที่หามาเอง ได้แก่
 - ประกันชีวิต หักได้ไม่เกิน 100,000 บาท
 - ซื้อกองทุน LTF หักได้ไม่เกิน 15% ของรายได้
 - ซื้อ RMF หักได้ไม่เกิน 15% ของรายได้
 - ดอกเบี้ยผ่อนบ้าน
 - ประกันสังคม (ตัวนี้ถูกบังคับให้จ่ายทั้งที่ไม่อยากจ่าย)
 - เงินบริจาค ไม่เกิน 10% ของรายได้
 - อื่น ๆ
 
 สังเกตุว่าค่าใช้จ่ายที่หามาเองนี้ จะต้องจ่ายเงินออกไปก่อนถึงลดหย่อนได้ จึงพยายามหาค่าลดหย่อนประเภทที่จ่ายแล้วได้คืน เช่น
 - จ่ายประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ พยายามหาประกันระยะสั้นที่ได้เงินคืนเร็ว ๆ เสมือนการเอาเงินไปฝากไว้ในกรมธรรม์ พอถึงเวลาก็เอาคืน พยายามใช้ประกันที่คืนเงินเร็ว ๆ ประมาณ 2-3 ปี เพื่อไม่ให้เงินจากไปนาน
 - ซื้อกองทุน ซึ่งจะเอาเงินคืนได้ภายใน 5 ปี
 - เงินบริจาคมูลนิธิ สังเกตุคนรวย ๆ หลายคนจะเปิดมูลนิธิเพื่อใช้เป็นแหล่งหาค่าลดหย่อน
 
 ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ต้องดูรายละเอียดข้อกฏหมายอีกหลายประเด็น ว่าตัวไหนมีเงื่อนไขอย่างไร หักได้เท่าไหร่ เป็นต้น
 
				 
				
					| จากคุณ | : 
TLL01       |  
					| เขียนเมื่อ | : 
4 ก.พ. 55 13:17:46 |  
					|  |  |  |  |