ความคิดเห็นที่ 1 กว่าจะได้เริ่มสอบจริงๆก็บ่ายโมงครึ่งนิดๆ เวลารวมทั้งหมดน่าจะประมาณสองชั่วโมง เลิกบ่ายสามครึ่งนิดๆ ข้อสอบทั้งหมดสองร้อยข้อ ข้อสอบมีสองพาร์ท ในห้องจะมีนาฬิกาให้อยู่ตรงด้านหน้าสุดตรงกลางห้อง ทุกคนจะสามารถมองเห็นนาฬิกาจากจุดที่ตัวเองนั่ง (นอกจากคนคุมสอบจะยืนบัง) นอกจากนี้ คนคุมจะแจ้งเตือนเมื่อเหลือเวลา 30 นาที 15 นาที 5 นาที และ 1 นาทีค่ะ ข้อสอบมีสองพาร์ท พาร์ทแรกเป็น listening ในพาร์ทนี้แบ่งเป็นสี่พาร์ทย่อย พาร์ทแรกเป็นดูรูปภาพแล้วเลือกคำตอบที่ตรงกับรูปภาพที่สุด เทปจะบอกตัวเลือกให้เราค่ะ ในกระดาษคำถามเราจะมีแต่รูปภาพอย่างเดียว ตอนเราทำก็จะเขียน A B C D ไว้ที่ด้านข้างแต่ละภาพ แล้วก็ฟังถ้าข้อไหนฟังแล้วไม่ตรงกับภาพก็จะ X ทับไปว่าไม่เอาข้อนี้ ข้อไหนไม่มั่นใจว่า ใช่หรือเปล่าก็จะเขียนต้ว M เอาไว้ (maybe) พอหมดแต่ละข้อก็รีบฝนคำตอบแล้วก็ดูรูปถัดไปค่ะ ดูรูปต้องดูให้ละเอียด พาร์ทนี้ถือเป็นพาร์ทที่ง่ายที่สุดสำหรับเรานะ พาร์ทสองจะเป็นฟังคำถามแล้วเลือกคำตอบ เทปจะพูดคำถามให้เราฟัง จากนั้นจะพูดคำตอบให้ ให้เราเลือกคำตอบที่ตรงกับคำถาม ตรงนี้จะมีตัวเลือกแค่สามตัวเลือกเท่านั้นค่ะ วิธีที่เราทำคือพอโจทย์มาก็จดตัว question word เอาไว้ เช่น what where when who how do would will อะไรพวกนี้ แล้วฟังจากคำตอบจะง่ายที่สุด เขียน A B C เอาไว้เหมือนเดิมข้อไหนไม่ใช่ก็กาทิ้ง ส่วนใหญ่คำตอบจะตอบตรงๆกับที่ถาม ถ้าฟังได้ว่าถามอะไรก็น่าจะตอบได้ แต่จะมีอยู่หลายข้อเหมือนกันที่ตอบไม่ตรงกับคำถามหรือตอบพลิกแพลงไปบ้าง ตรงนี้ต้องระวัง ต้องจำคถามคร่าวๆได้ว่าถามอะไร แล้วคำตอบไหนเป็นไปได้บ้างในกรณีที่ไม่มีข้อไหนตอบมาตรงๆเลย พาร์ทสามจะเป็นฟังบทสนทนาค่ะ จะมีผู้ชายกับผู้หญิงคุยกัน หนึ่งบทสนทนาจะใช้ตอบคำถามสามข้อ ใช้เวลาตอนที่เทปกำลังอธิบายคำสั่งของพาร์ทนี้อ่านสามข้อแรกคร่าวๆแล้วมาร์คเอาไว้ว่าเค้าถามเรื่องอะไร คอยฟังแล้วเลือกคำตอบเมื่อได้ยินคำตอบจากเทปก็ได้ถ้าทำได้ไวพอ หรือถ้าไม่มั่นใจก็จดโน้ตก็ได้ค่ะ การอ่านคำถามล่วงหน้า จะช่วยให้เราจับประเด็นได้ว่าต้องเน้นฟังที่ตรงไหนเป็นพิเศษค่ะ พาร์ทสุดท้ายของการฟังจะเป็นประกาศ จะมีคนพูดคนเดียว หนึ่งประกาศจะใช้ตอบคำถามสามข้อ ตรงนี้จะค่อนข้างยาวหน่อย ประกาศมีหลายแบบทั้งประกาศตามสนามบิน สถานีรถไฟ ประกาศในที่ทำงาน ฯลฯ เทคนิคก็ทำเหมือนเดิมอ่านคำถามก่อนฟัง แต่ในพาร์ทนี้ส่วนใหญ่เราจะจดโน้ตไปด้วย เพราะเป็นคนที่ฟังแล้วถ้าไม่จดจะลืม ส่วนใหญ่ก็จะจดไปด้วยค่ะ แต่ต้องไวนิดนึงจดแล้วตอนทำรีบหาคำตอบจากโน้ตที่จด แล้วรีบอ่านข้อถัดไปล่วงหน้าค่ะ ข้อสอบจะเรียงจากพาร์ทง่ายสุดไปหนักสุดค่ะ แต่โดยรวมแล้วไม่ยาก ต้องตั้งสติให้ดีแล้วก็ต้องไวค่ะ พาร์ท reading พอถึงพาร์ทนี้เค้าจะประกาศว่ามีเวลาทั้งหมด 75 นาที ถ้าเราจำไม่ผิดนะ ข้อสอบหนึ่งร้อยข้อเฉลี่ยแล้วใช้เวลาไม่ถึงข้อละหนึ่งนาที แล้วแถมยังต้องอ่านเนื้อเรื่องอีก ตรงนี้มีสามพาร์ทค่ะ พาร์ทแรกเป็นเติมคำในประโยคหรือที่หลายคนเรียกว่าพาร์ทแกรมม่า ก็จะมีให้เติม part of speech เติม verb ให้ถูก tense เติมคำศัพท์ที่เหมาะสม ประมาณนี้ถ้าแม่นจะไม่ยากมาก ข้อสอบไม่ค่อยหลอก คำตอบจะตรงตัวเลย เพราะฉะนั้นให้รีบทำอย่าคิดนาน เพราะถ้าตรงนี้ช้าพาร์ทหลังๆจะไม่ทันแน่นอนค่ะ พาร์ทที่สองเป็นเติมคำในเนื้อเรื่องจะมีอีเมล์ จดหมาย หรือประกาศมาให้แล้วมีช่องว่างเรื่องละ 3 ข้อ ให้เราอ่านแล้วเติมคำที่เหมาะสมลงไปค่ะ ให้รีบอ่านรีบทำค่ะ เพราะพาร์ทสุดท้ายจะยาวที่สุด พาร์ทสุดท้ายค่ะเป็นอ่านเนื้อเรื่องแล้วตอบคำถาม ของเรานับได้ทั้งหมด 13 เรื่อง (บางเรื่องเป็นอีเมล์สองฉบับโต้ตอบกัน) แต่ละเรื่องมีคำถาม 2-6 ข้อแล้วแต่ความยาวค่ะ บางเรื่องจะสั้นๆก็มี เนื้อหาในส่วนนี้มีทั้งอีเมล์ บทความ โฆษณา ประกาศ ใบปลิว ใบสั่งของ บิล จดหมาย ตรงนี้จะใช้เวลาเยอะที่สุดค่ะ อ่านคำถามก่อนแล้วพออ่านในเนื้อเรื่องจะเจอคำตอบ (ส่วนใหญ่คำตอบในเนื้อเรื่องจะเรียงลำดับตามคำถาม เช่น คำตอบข้อแรกก็จะอยู่ส่วนบนของเนื้อเรื่อง แล้วไล่ลงมา) ต้องอ่านไวพอสมควรค่ะ ไม่งั้นก็ไม่ทันอีกเช่นกัน จำได้ว่าตอนที่เค้าประกาศว่าเหลือห้านาทีเราอยู่ที่เรื่องสุดท้ายค่ะ คำแนะนำอื่นๆ คำแนะนำนี้เพื่อนเราบอกเราก่อนเราไปสอบแล้วเราก็ได้ใช้จริงๆ เค้าบอกว่าพาร์ทอ่านให้รีบๆทำ เพราะหลังๆจะไม่ทัน ข้อไหนไม่ได้ให้เดาคำตอบแล้วฝนไปเลย ไม่ต้องเว้นไว้เพราะจะไม่มีเวลากลับมาทำ เราก็ทำตามนั้น สุดท้ายก็ทำไม่ทันไปข้อนึงเพราะอ่านพลาดเอง(เรื่องสุดท้าย)เลยไม่เจอคำตอบ เพื่อนอีกคนบอกว่าพาร์ทอ่านต้องรีบทำแต่แรก อย่าไปเร่งทำตอนหลังๆแล้วเพราะมันจะไม่ทัน เราก็ทำตามอีกเช่นกัน บางคนอาจจะไปทำข้างหลังก่อน แต่เราทำเรียงไปเลย เพราะกลัวทำกลับไปกลับมา แล้วฝนคำตอบสลับข้อ แล้วเราคิดว่าถ้าเราทำไวทำตรงไหนก่อนก็เหมือนกัน เวลาทำควรตั้งสมาธิให้มั่นเพราะในห้องสอบอาจจะได้ยินเสียงจากสภาพแวดล้อมข้างนอกตึกแทรกเข้ามา อย่างตอนที่เราสอบก็ได้ยินเสียงก่อสร้างนิดหน่อย เสียงคนในห้องสอบไอก็มี แล้วโต๊ะที่นั่งมันไม่ค่อยมั่นคงค่ะ เวลาที่เราฝนหรือลบคำตอบโต๊ะจะสั่นๆ เพราะฉะนั้นต้องชินกับมันอย่าวอกแวกค่ะ ห้านาทีสุดท้ายถ้ายังเหลืออีกเยอะแนะนำให้เดาไปเลยค่ะเพราะอาจจะไม่ทัน ถ้าเหลือไม่มากอย่างเราเป็นเรื่องสุดท้ายก็พยายามเร่งทำค่ะ ถ้าเหลือนาทีสุดท้ายตอนนี้ให้มั่วไปเลยค่ะไม่งั้นจะไม่ทัน หนึ่งนาทีไวมากแทบทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ เราเหลือหนึ่งข้อในนาทีสุดท้ายมาเจอคำตอบตอนเค้าบอกหมดเวลาพอดี ไม่มีโอกาสได้ฝน พอคนคุมสอบบอกว่าให้วางดินสอต้องรีบวางค่ะเพราะเค้าเอาจริง รอบที่เราสอบมีคนโดนตัดสิทธิ์ไม่ออกคะแนนให้ด้วยค่ะ เพราะไม่วางดินสอตอนหมดเวลาค่ะ โดยรวมแล้วต้องปฏิบัติตามกฏอย่างเคร่งครัดค่ะ ถ้าเราทุจริตอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมาสอบอีกเลย ข้อสอบไม่ยากค่ะ ค่อนข้างง่ายเลยด้วย แต่ที่ยากคือการบริหารเวลา ต้องทำแข่งกับเวลาค่ะ ต้องรักษาความเร็วในการทำให้คงที่ ถ้าช้าเมื่อไหร่ไม่ทันแน่นอน เราว่าเราไวแล้วยังพลาดไปข้อนึงเลยค่ะ วันนี้ไปรับผลคะแนนมาแล้วค่ะ การรับผลคะแนนใช้เอกสารสอบที่มีรูปของเรากับบัตรประชาชนค่ะ คะแนนเต็ม 990 พาร์ทละ 495 ตกข้อละห้าคะแนน แต่เราไม่แน่ใจว่าเค้าคิดคะแนนยังไง ข้อละห้าคะแนนเป๊ะเลยมั้ย หรือมีวิธีคิดอะไรเข้ามาใช้อีก รบกวนท่านอื่นๆช่วยเพิ่มเติมทีค่ะ เราได้ listening 495 reading 470 คะแนนรวม 965 ค่ะ ขอให้ทุกท่านโชคดีค่ะ มีอะไรสงสัยถามเพิ่มเติมได้นะคะ เราหาข้อมูลจากที่นี่ไปเยอะ พอไปสอบมาแล้วก็อยากจะแบ่งปันบ้างค่ะ หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนที่คิดว่ากำลังจะไปสอบค่ะ :) จากคุณ : kypsan เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 17:00:13

ความคิดเห็นที่ 2 เก่งจัง  ได้เกือบเต็มเลย จากคุณ : ขงเบ้ง (ขงจื๊อ ขงเบ้ง) เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 17:16:56

ความคิดเห็นที่ 3 จริงนะ ยอมรับ ข้อสอบไม่ถึงกับยากมาก ถ้ามีเวลาก็สบาย แต่ยากตรงที่บริหารเวลา จริงครับ จากคุณ : สถานีเพชรบุรี (รถด่วนลอยได้) เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 18:01:05

ความคิดเห็นที่ 4 จขกท ได้listeningเต็มนี้ครับ จากคุณ : สถานีเพชรบุรี (รถด่วนลอยได้) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 00:12:29

ความคิดเห็นที่ 5 คะแนน ไม่ใช่ข้อละ 5 คะแนนซะทีเดียว  มันจะมีระดับตารางคะแนนเทียบอยู่ แต่ลืมแล้ว จากคุณ : dog (crazydog19097) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 00:59:53

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าแต่ละ part ผิดไม่เกิน ซัก 3-4 ข้อ ก็น่าจะได้เต็มนะ จากคุณ : dog (crazydog19097) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 01:09:02

ความคิดเห็นที่ 7 ขอถามเพิ่มได้ไหมครับ คุณเรียนจบอะไรมา ทำงานอะไร  และมีวิธีฝึก skill ภาษาอังกฤษยังไงก่อนสอบ รวมถึงการใช้ภาษาในชีวิตประจำวันด้วยครับ ผมว่า เรื่องรายละเอียดของการไปสอบก็ดี แต่ที่ดีกว่าคือคะแนนที่คุณได้ ซึ่งหลายๆคนอยากได้บ้าง ผมเชื่อว่า 95% ในห้องนี้ ทำคะแนนในระดับเท่าเทียมกับคุณไม่ได้ รบกวนแชร์ข้อมูลเพิ่มด้วยครับ ขอบคุณครับ (จากคนที่อยากได้ 700 แต่ทำไม่ได้สักที) จากคุณ : Sitdown เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 02:35:36

ความคิดเห็นที่ 8 มีทั้งหมด 200 ข้อ ข้อละ 5 คะแนน ทำผิดไม่เกิน 2 ข้อ ก็ได้เต็มแล้วครับ 990 คะแนน จากคุณ : As you know เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 08:56:55

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับ  คห 7 ครับ ได้ listening เต็ม แถมยังมากกว่า reading อีก แสดงว่าน่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษสนทนาบ่อยมาก จากคุณ : สถานีเพชรบุรี (รถด่วนลอยได้) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 12:05:39

ความคิดเห็นที่ 10 ใช่เห็นด้วยครับ ข้อสอบไม่ยากเท่าไร แต่ต้องมีเวลา เพราะตัวผมเองก็ทำไม่ทัน บางครั้งใจลอยนิดเดียว ฟังไม่ทันเลย ต้องเดาเอา  อีกอย่างผมเป็นคนตื่นเต้นง่าย เพราะเวลาเค้าบอกเหลือเวลาอีก 30 นาที ตัวเองรน มาก มือสั่น ระบายคำตอบไม่ได้เลย ต้องใช้อีกมือมาช่วยจับ  ถ้ายังไงขอเตือนคนที่ตื่นเต้นง่าย อย่าดื่มกาแฟ หรือสารกระตุ้น ก่อนเข้าสอบ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือนคับ จากคุณ : คนแอบอ่าน (Budget_backpacker) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 15:20:28

ความคิดเห็นที่ 11 @คุณSitdown เราเรียนเอกภาษาอังกฤษมาค่ะ อาจจะดูเหมือนว่าได้เปรียบ แต่จริงๆก็ไม่ใช่เสียทีเดียวค่ะ เพราะคนที่เรารู้จักหลายคนไม่ได้เรียนเอกภาษาอังกฤษมาแต่ได้คะแนนเยอะก็มี แต่บางคนที่เรียนมาด้วยกันกลับได้คะแนนน้อยกว่าคนที่ไม่ได้เรียน น่าจะเป็นเพราะว่าโทอิคเป็นภาษาอังกฤษที่เน้นการสื่อสารเป็นหลัก และเป็นเรื่องพื้นฐาน ไม่ได้ยากมาก ไม่ว่าจะเรียนเอกภาษาอังกฤษมาหรือไม่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักของการได้คะแนนสูง ในทางตรงกันข้าม คนที่เรียนเอกภาษาอังกฤษมาก็ไม่จำเป็น ว่าจะต้องได้คะแนนสูงเสมอไปค่ะ ฝึกก่อนสอบ เราไม่ได้ฝึกอะไรมากค่ะ ดูตามหนังสือให้พอรู้ว่ามีกี่พาร์ท ลองทำดูแล้วประเมินว่าได้คะแนนดีมั้ย ลองทำให้คุ้นกับข้อสอบดู จะได้คาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าจะเจอคำถามแบบไหนบ้างค่ะ เนื่องจากเราเรียนภาษาอังกฤษเราก็ได้คลุกคลีอยู่กับภาษามากในชีวิตประจำวันค่ะ แต่ว่าเราชอบในสิ่งที่เราเรียนด้วย ชีวิตนอกห้องเรียนก็สนใจภาษาอังกฤษอยู่ตลอด ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือค่ะ เลยคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษตลอดเวลาค่ะ โทอิคไม่ได้ยากมากค่ะ ไม่จำเป็นต้องเรียนภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอก เพียงแค่มีพื้นฐานที่แน่นพอในเรื่องของแกรมม่าพื้นฐาน เรื่องคำศัพท์ (ในพาร์ทการอ่าน) และมีพื้นฐานในการฟังก็น่าจะได้คะแนนสูงพอควรแล้วค่ะ เราคิดว่าถ้าได้คะแนนน้อยควรแก้ด้วยการปรับพื้นฐานทางด้านภาษาอังกฤษโดยเฉพาะสกิล passive (ฟังและอ่าน) ค่ะ จะดีกว่าเน้นติวเพื่อสอบเพียงอย่างเดียวค่ะ หวังว่าจะพอช่วยได้บ้าง ถ้ามีอะไรสงสัยถามเพิ่มเติมได้ค่ะ ยินดีตอบค่ะ แก้ตำผิด แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 15:33:34 จากคุณ : kypsan เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 15:31:23

ความคิดเห็นที่ 12 เข้าไปสอบแบบไมได้เตรียมตัว ไม่ได้เตรียมสมองเพราะเพิ่งสอบเสร็จ ทำไม่ทัน เยอะมากกกกกกกกกกกกก ได้มา 430 จาร้อง จากคุณ : ข้าวเหนียวถั่วดำ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 17:02:25

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท. เก่งมากๆๆๆเลยครับ ช่วยแนะนำ การเตรียมตัวในการสอบพวกหนังสืออ่านหรือจะเป็นคอร์สที่ช่วยในการติวทีครับ ขอบคุณมากๆๆๆครับ จากคุณ : HyohaZ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 11:08:39

ความคิดเห็นที่ 14 @ คุณ HyohaZ เราได้ตอบไปทางหลังไมค์ตามที่ได้หลังไมค์มาแล้วนะคะ แต่ไหนๆก็โพสถามในนี้มาด้วย เราตอบในนี้ด้วยเลยแล้วกันค่ะ เผื่อคนอื่นจะได้อ่านด้วย ตอนนั้นเราอ่านเตรียมนิดๆหน่อยๆพอเป็นแนวทางค่ะ เพราะอยากรู้ว่าข้อสอบจะออกอะไรบ้าง แต่เราคิดว่าหนังสือที่เราใช้ก็ค่อนข้างจะใช้ได้เลยทีเดียว ตอนนั้นเราอ่าน Tactics for TOEIC ค่ะ ของ Grant Trew สำนักพิมพ์ Oxford ค่อนข้างกระชับมีแต่เนื้อๆ มีซีดีด้วย สำเนียงในซีดีก็ค่อนข้างเหมือนกับของจริงเลยค่ะ ตรงส่วนของ mini test จะค่อนข้างเหมือนตัวข้อสอบจริง ส่วนคำศัพท์ก็มีบ้าง โดยรวมเราว่าใช้ได้เลยค่ะ ถ้าพื้นฐานภาษาอังกฤษพอใช้ได้อยู่แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาค่ะ เล่มนี้อ่านเข้าใจง่ายใช้ง่ายได้ประโยชน์ เพราะข้อสอบก็จะคล้ายๆในหนังสือ โชคดีค่ะ จากคุณ : kypsan เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:55:09

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากๆๆครับ จากคุณ : HyohaZ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 21:07:03