ความคิดเห็นที่ 1 หรือว่าเป็นกล่องแบบนี้ก็ได้ จะได้ตั้งก็ได้ แขวนก็ได้ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 14:22:12

ความคิดเห็นที่ 2 2. ช่องทางการขาย ควรเป็นอย่างไรดีคะ ตอนนี้กำลังคิดว่า - ทำขายเข้าห้างไปเลย อันนี้ไม่รู้ว่าจะต้องเสียค่าเปอร์เซนต์ให้เค้าเท่าไหร่ ถ้าเราทำไม่เยอะ อาจจะไม่คุ้ม - ทำส่งให้ยี่ปั๊ว ให้เค้าไปกระจายให้ (อันนี้มีแต่ไอเดีย ไม่ทราบจริงๆว่าเค้าทำกันยังไง) - ทำส่งแม่ค้าตลาดนัดไปเลย แต่อันนี้ก็ต้องดูแลลูกค้าเยอะหน่อย อาจจะไม่มีเวลา เพราะเราไม่ได้ทำเป็นงานประจำ รบกวนขอคำแนะนำว่า แต่ละวิธีที่ว่าข้างบน ต้องทำอย่างไรบ้าง ข้อดีข้อเสียอย่างไร และมีคชจ.ประมาณเท่าไหร่ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 14:26:30

ความคิดเห็นที่ 3 ขอแค่สองคำถามก่อนแล้วกันค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 14:27:08

ความคิดเห็นที่ 4 1.เรื่องหีบห่อ อยากทำเป็นแบบที่เป็นหน้ากากพลาสติกใสด้านหน้า แล้วก็ซีลกับแผ่นรองกระดาษแข็งด้านหลัง หรือทำเป็นกล่องพลาสติกที่ด้านหลังยื่นอเกินออกมา เพื่อจะได้แขวนตามชั้นวางของได้ ไม่ทราบว่า หีบห่อแบบนี้ เค้าเรียกว่าอะไรคะ แล้วทั่วๆไป ราคาประมาณเท่าไหร่ และต้องสั่งขั้นต่ำเท่าไหร่ (ตามรูปเลยค่ะ) ราคาไม่ถูกเลยนะ ถ้าหาแบบสำเร็จแบบที่ใส่สินค้าของเราไม่ได้ต้องสั่งทำ ขั่นต่ำ 10,000 ชิ้น บางที่ก็รับทำตั้งแต่ 3-4 พันชิ้นขึ้นไป ลองไปแถวๆ แถวจักรวรรดิ แยกวัดตึก ดูจะมีร้านขายบรรจุภัณฑ์ขายลองไปเลือกๆ ดูครับ จะมีแบบสำเร็จขายลองไปเลือกดูอาจจะได้ที่ถูกใจกว่า แนะนำว่าเป็นกล่องกระดาษแบบมีหน้าต่างจะดีกว่า 2. ช่องทางการขาย ควรเป็นอย่างไรดีคะ ตอนนี้กำลังคิดว่า - ทำขายเข้าห้างไปเลย อันนี้ไม่รู้ว่าจะต้องเสียค่าเปอร์เซนต์ให้เค้าเท่าไหร่ ถ้าเราทำไม่เยอะ อาจจะไม่คุ้ม *** เสียแน่นอนขึ้นอยู่กับว่าเราจะตกลงกันที่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรับเสมอไป เพราะห้างส่วนใหญ่จะรับแต่ลูกค้ารายใหญ่ๆ เท่านั้น ต้องทำแพ็คเก็จที่ไม่เหมือนใคร เห็นแล้วสดุดตา เห็นแล้วเกิดความสงสัย เกิดความอยาก อยากได้ อยากรู้ อยากเห็น - ทำส่งให้ยี่ปั๊ว ให้เค้าไปกระจายให้ (อันนี้มีแต่ไอเดีย ไม่ทราบจริงๆว่าเค้าทำกันยังไง) *** ถ้าทำแบบนั้นอย่างน้อยๆ เสียให้ 20% ของราคาซื้อขาย แล้วยี่ปัวจะไม่รับสินค้าจม หมายถึงคุณต้องรับคือสินค้าในกรณีที่เขาไม่สามารถขายได้ด้วย - ทำส่งแม่ค้าตลาดนัดไปเลย แต่อันนี้ก็ต้องดูแลลูกค้าเยอะหน่อย อาจจะไม่มีเวลา เพราะเราไม่ได้ทำเป็นงานประจำ *** ถ้าไม่มีเวลาแล้วไม่ได้ทำเป็นงานประจำเรื่องที่จะส่งห้างคุณลืมไปได้เลย ถ้าจะส่งให่แม่ค้าตลาดนัดเงื่อนไขก็ไม่ต่างกับยี่ปัวเท่าไหร่เพราะแม่ค้าพวกนี้ ถ้าหาซื้อสินค้ามาขายเองแล้วจะมีสต๊อคประมาณนึงเพื่อไม่ให้ทุนจม คุณต้องให้เขาเอาสินค้าไปขายโดยที่คุณต้องให้เครดิตเขา เก็บเงินเมื่อขายได้หรือเช็คสินค้าทุกสินเดือนประมาณนี้ รบกวนขอคำแนะนำว่า แต่ละวิธีที่ว่าข้างบน ต้องทำอย่างไรบ้าง ข้อดีข้อเสียอย่างไร และมีคชจ.ประมาณเท่าไหร่ *** ค่าใช้จ่ายบอกไม่ได้หรอกครับ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะลงทุนแบบไหน เท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ ควรมีทุนอยู่ในมือ 2-3 หมื่น แนะนำลองทำแล้วส่งไปเสนอ cp-all ดูครับขอลงในแคตตาล็อต 7 หรือลงขายในร้านดู หรือไม่ก็ทำขายในเว็ป แล้วหาตัวแทนจำหน่ายแบบสต๊อคขายคือให้ 30-40 % หรือหาตัวแทนขายแบบไม่สต๊อคขายให้ 20-25 % สงสัยอะไรลองมาปรึกษาอีกทีนะครับ จากคุณ : Bacardi Boy เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 08:52:52

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณค่ะ คุณ Bacardi Boy, 1.อยากสอบถามคร่าวๆว่า ถ้าจะส่ง cp-all นี่มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และต่างจากส่งห้างหรือวัตสันอย่างไรคะ ในความเข้าใจของเราคือมันเหมือนกัน 2.ออฟชั่นการขายในเว็บก็น่าสนใจค่ะ เล็งไว้เหมือนกัน แต่ตอนแรกนึกว่าถ้าขายเองก็ต้องนั่งแพ็กนั่งส่ง อยากทำส่งตัวแทนมากกว่า (พอดีกำลังอ่านหนังสือของ Tim Ferris ซึ่งเค้าแนะนำให้ขายอะไรที่เราไม่ต้องใช้เวลากับมันมาก เช่นถ้าจะขายของทางเน็ต ควรเป็นของที่สั่งแล้ว อาจจะรวบรวมออเดอร์ภายในหนึ่งสัปดาห์ ส่งให้ผู้ผลิตแล้วให้ผู้ผลิตทำและจัดส่งเองโดยไม่ต้องผ่านเรา ประมาณนี้อ่ะค่ะ) แต่ที่คุณ Bacardi Boy แนะนำมาก็น่าสนใจ คือขายผ่านเว็บ แต่ก็คือขายผ่านตัวแทนนั่นเอง ไม่ทราบว่า ตัวแทนจำหน่ายแบบสต๊อคนี่ก็คือขายขาด ใช่ไหมคะ แล้วการหาตัวแทนจำหน่ายนี่ เราควรต้องมีข้อตกลงอะไรกับเค้าไหมคะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 11:09:28

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าจะทำส่ง cp-all คุณต้องแข็งแร็งพอสำควรถ้ายังไม่พร้อมอย่าเพิ่งไปเสนอ แนะนำให้ขายในเว็ปก่อนดีกว่าดูดีมานลูกค้าว่าสินค้าไหนขายดีสินค้าไหนขายไม่ได้หรือขยับน้อย อย่างที่ผมเคยทำ (อย่าถามว่าทำอะไรนะ 555+) ทำการขายทำทั้ง 2 แบบคือขายเอง กับผ่านตัวแทน 1. ขายเอง เปิดเว็บแล้วขายกับลูกค้าโดยตรง (พร้อมทั้งประกาสรับตัวแทนด้วย) ลูกค้าสนใจโอนเงินเข้า บ/ช จะจ่ายด้วยบัตร cr หรือว่าจ่ายผ่าน 7-11 ก็ตามแต่ เราก็ส่งสินค้าให้ลูกค้าแจ้งเลขที่ส่งกับลูกค้า  ข้อดีคือได้ลูกค้าโดยตรวง สามารถคอนแทคกับลูกค้าเองได้เลย ถ้าเกิดปัญหา เช่น สินค้าขาด เกิดความผิดพลาดในกระบวนการผลิตหรือขนส่งจะได้แจ้งให้ทราบเลย 2. ผ่านตัวแทน ขายแบบนี้กระจายสินค้าได้มากที่สุดแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือขาดแบบสต๊อคสินค้า และไม่สต๊อคสินค้า 2.1 แบบสต๊อคสินค้า (ขายสด ขายเชื่อ) 2.1.1 ขายสด (ให้ส่วนลด 30-40%) คือการที่มีตัวแทนรับสินค้าของเราไปขายโดยที่มีเงื่อนไขแล้วแต่จะตกลงกับตัวแทน เช่นผลตอบแทน ให้ส่วนลดจากราคาสินค้า 30-40 % ขึ้นอยู่กับจำนวนที่ตัวแทนจะขอรับออเดอร์ โดยเงื่อนไขของผมคือ ให้ส่วนลด 40% สำหรับออร์เดอร์ 5 หมื่น ไม่รับคืนสินค้า ให้ส่วนลด 30% สำหรับออร์เดอร์ 5 หมื่น แต่รับคืนสินค้า สภาพ 80% + รับคืนในราคา 80% ที่รับไป การรับคืนสินค้านั้นต้องลองพิจารณาจากองค์ประกอบของสินค้าหลายๆ อย่าง ว่ารับคืนแล้วสภาพสินค้าจะครบ 100% ถ้าแพ็คเก็คเสียหายก็รับคืนโดยจ่ายไม่เต็มจำนวน แต่ถ้าตัวสินค้าเสียหายบางส่วนอาจจะรับคือ 50% จากราคาที่รับไปจากเรา ซึ่งตัวแทนในลักษณะแบบนี้ค่อนข้างหายากสินค้าต้องติดตลาดพอสมควร  ส่วนเขาจะขายเท่าไหร่ก็ได้ตามแต่เขาจะตั้ง 2.1.2 ขายเชื่อ (ซึ่งก็คือฝากขาย ให้ส่วนลด 20-25%) ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือพวกที่มีหน้าร้านแล้วเราเอาของไปฝากขาย ส่วนมากเราต้องเอาสินค้าไปแนะนำให้เขาดู แล้วรอให้เขาตัดสินใจ ถ้าเขาสนใจเราก็จัดสต๊อคสินค้าให้ว่ามีอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ ที่ควรขาย เช่นราคาของ 100 บาท เราให้ส่วนแบ่ง 20 บาท เขาต้องขายไม่ต่ำว่า 80 บาท ถ้าเขาขาย 100 บาทก็ได้ค่าตอบแทน 20 บาท แต่ถ้าเขาจะขายไม่ถึง 100 บาทก็ได้เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เขาต้องจ่ายค่าสินค้าตัวนั้นกับเราในกรณีที่ขายไปได้ในราคา 80 บาท แล้วขายได้เท่าไหร่ค่อยให้เงินเรา โดยที่เราต้องไปเช็คสินค้า เช็คสต๊อคเองแบบ 1 เดือนครั้ง หรือแบบ 3 เดือนครั้ง แล้วแต่ตกลง 2.2 แบบไม่สต๊อคสินค้า (ผ่านตัวแทนที่ช่วยกระจายสินค้า) เป็นวิธีที่ดีมากๆ แต่มีความเสี่ยงมากเช่นกันอยู่ที่ว่าเราจะตั้งเงื่อนไขกับตัวแทนยังไง โดยรูปแบบการขายในลักษณะนี้คือ การที่เราแนะนำข้อเสนอให้กับผู้ที่ทำการค้าขายแบบมีเว็บ ไม่ว่าผู้นั้นจะขายสินค้าใดก็ตามแต่ต้องดูด้วยว่า ถ้าเขาขายเครื่องสำอางค์แล้วสบู่ในลักษณะเดียวกับเราไม่ควรจะไปแนะนำ แต่ถ้าเขาขายเครื่องสำอางค์แบบรับทุกแบรนมาขายก็แนะนำได้ โดยที่ให้เขาเอาสินค้าเราลงเว็บของเขา ถ้าหากมีคนสนใจก็สั่งซื้อกับตัวแทน แล้วตัวแทนก็ส่งข้อมูลออร์เดอร์มาให้เรา เราก็ทำการส่งสินค้าให้กับลูกค้าโดยตรง แล้วตัวแทนก็โอนเงินให้เราในราคาที่ตกลงไว้ เช่น เราให้ตัวแทน 30% ของ 100 บาท เขาต้องโอนเงินมาให้เรา 70 บาท (ค่าธรรมเนียมการโอนต้อตกลงว่าใครจะเสียขึ้นอยู่กับส่วนลดที่เราให้เขา) จะตกลงว่าส่งของให้ลูกค้าก่อนเลยหรือให้ผู้แทนโอนเงินค่าสินค้ามาให้เราก่อนแล้วค่อยส่งของให้ลูกค้า ก็แล้วแต่จะตกลง การขายแบบนี้จะช่วยกระจายสินค้าได้มาก ยิ่งถ้าไปฝากขายกับเว็ปที่ไม่ใช่สินค้าลักษณะเดียวกับที่เราขายอยู่ เราจะได้กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น เช่นตัวแทนที่คุณติดต่อด้วยขายเสื้อ-ผ้าเครื่องแต่งกาย ลูกค้าที่เข้าเว็บของตัวแทนเราก็จะได้เห็นสินค้าของเราด้วย เพราะบางทีลูกค้าพวกนี้ อาจจะไม่รู้จักเว็บขายเวชสำอางค์ก็จะได้เห็นสินค้าของเรา ในเว็บขายของ ของตัวแทนของเรา และถ้าหากมีการซื้อครั้งต่อไป เขาก็อาจจะซื้อกับเราโดยตรงเลย เงื่อนไขการทำตลาดแบบนี้ค่อนข้างเสี่ยงแล้วแต่ว่าเราจะตกลงหรือกำหนดให้เป็นในรูปแบบใด กรณีนี้ผมกับลูกทีมได้คิดแล้วว่าน่าจะช่วยให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุดคือ ต้องกำหนดคุณสมบัติตัวแทนดังนี้ 1. ตัวแทนต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป (ในการทำธุรกรรม) 2. มีเว็ปที่จดโดเมนเนมอย่างถูกต้อง ไม่ใช่เว็ปขายของฟรีที่พ่วงชื่อร้านตัวเองต่อท้าย 3. ต้องมีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิค 4. ขอตัวจริงเอกสารคัดสำเนาบัตรประชาชนจากเขตหรือที่ว่าการอำเภอ พร้อมลงนามรับรอง 5. ขอตัวจริงเอกสารคัดสำเนาทะเบียนบ้านจากเขตหรือที่ว่าการอำเภอ พร้อมลงนามรับรอง 6. สำเนาการจดทะเบียนพาณิชย์ฯ ออกโดยเขตหรือที่ว่าการอำเภอ พร้อมลงนามรับรอง 7. เอกสารแบบฟอร์มบันทึกข้อตกลงการค้าร่วม ที่เรากำหมดเงื่อนไข ให้ตัวแทนเซ็นยอมรับเงื่อนไข โดยเงื่อนไขข้างบนอาจจะยุ่งยากแต่ถ้าทำแล้วก็คุ้มค่ากับความเสี่ยง ไม่ต้องกลัวว่าตัวแทนจะไม่ส่งเงินให้ เพราะเรามีหลักฐานในการตามเก็บได้ แต่ถ้าเริ่มทำธุรกิจนี้ก็ต้องลองดูว่าจะคุ้มกับการขายแบบนี้ไหม ถ้าต้องการกระจายสินค้าแบบนี้มันคุ้ม (ซึ่งก็คุ้มจริงๆ) เราจะยอมเสี่ยงลดเงื่อนไขให้กับตัวแทนได้ไหม ถ้าลดได้ตัวแทนก็คงจะโอเคเพราะไม่ต้องไปขอเอกสารอะไรที่ยุ่งยาก แต่เราจะเสี่ยงว่าถ้าตัวแทนไม่โอนเงินมาล่ะ หรืออีกทางคือให้เครดิตว่าขายได้ไม่เกิน 3 พันบาท ถ้ามีออร์เอดร์เกิน 3 พัน ต้องโอนเงินมาให้เราก่อนบางส่วน วิน วิน ขอให้โชคดี ลองพิจารณาดูนะครับ จากคุณ : Bacardi Boy เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 16:36:02

ความคิดเห็นที่ 7 ^ อยากให้กิ๊ฟแทบขาดใจ ขอบคุณค่ะ ถ้าหากยังไม่เบื่อกัน อยากถามต่อในฐานะที่คุณ Bacardi Boy เคยทำมาก่อนว่า ถ้าจะทำขายผ่านเว็บ ควรต้องทำอย่างไรบ้างคะ ความคิดเราก็คงง่ายๆ แบบว่าไปเปิดร้านในเว็บฟรี (อาจจะจ้างคนเขียนเว็บให้ทำหน้าตาสวยงาม) แต่ดูท่าแล้ว คุณ Bacardi Boy น่าจะแนะนำให้ทำแบบมีโดเมน กับจดทะเบียนพาณิชย์ ฯลฯ มากกว่าแน่ๆ ไม่ทราบว่าจะลองเปรียบเทียบ เรื่องขั้นตอนการทำ กับค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ฟังได้ไหมคะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 22:43:52

ความคิดเห็นที่ 8 อยากจะขอถามเรื่องการใช้บัตรเครดิตด้วยค่ะ ว่าถ้าเราวอลลุ่มยังไม่เยอะ ทำแล้วคุ้มไหม ที่เคยทำมา มีข้อดีข้อเสีย มีปัญหาอย่างไร และถ้าใช้ แนะนำแบงค์ไหนดีคะ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 22:45:05

ความคิดเห็นที่ 9 r จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 13:13:03