|
ผมขี้เกียจร่ายยาวขอสรุปทางแก้ให้ไปเลยแล้วกันนะครับ
0. เลิกนิสัย"เสี่ยงดวง" โดยไม่ทราบข้อมูลอะไรเลย จริงอยู่นักธุรกิจบางคนอาจจะโชคดีเสี่ยงแล้วรุ่ง แต่พวกที่เสี่ยงแล้วร่วงนั้นมีมากกว่าครับ คนที่ทำธุรกิจเป็นไม่มีใครเสี่ยงโดยไม่คิดคำนวนความคุ้มค่า โอกาสพลาด และวิธีการรับมือเมื่อเสี่ยงแล้วพลาดหรอกครับ ถ้าสนใจเชิงทฤษฎี ลองศึกษาทฤษฎีเกมก็ได้ครับ แต่เข้าใจว่าตอนนี้คงไม่มีเวลาหรอก
1. เขียน mind map สรุปสถานการณ์ปัจจุบันทั้งหมดก่อนเพื่อให้ทราบสภาพการณ์และเป้าหมายที่จะต้องทำให้ได้เพื่อล้างหนี้สินทั้งหมด เขียนรายละเอียดทั้งเชิงตัวเลข รายรับรายจ่าย ปัญหาทั้งหมด
2. เริ่มจากวิเคราะห์ช่องทางแก้ไขปัญหาต่างๆเพื่อหาแนวทาง บางทีทางออกของคุณอาจจะไม่ใช่การไปลงทุนอะไรเพิ่มอีก แต่เป็นการขอประนอมหนี้กับธนาคารหรือขอยืมเงินจากคนสนิทเพื่อลดดอกเบี้ยหนี้ก็เป็นได้
3. เมื่อมองช่องทางออกแล้ว ซึ่งขึ้นกับสถานการณ์ ในกรณีของคุณผมไม่ทราบตื้นลึกหนาบางจึงไม่อยากลงรายละเอียดมากมาย แต่บางทีคุณควรจะใช้ช่องทางทาง internet ให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ บางทีอาจจะไม่จำเป็นต้องขายรายปลีกเสมอไป การฝากวางขาย(โดยที่คุณเสนอค่าคอมมากๆแลกกับการไม่ต้องเสียค่าวาง) , การใช้ข้อมูลวิจัยให้เป็นประโยชน์ว่าสินค้าของคุณดีกว่าเจ้าอื่นจริงฯ การใช้รูปโฆษณาซึ่งไม่จำเป็นหรอกต้องเป็นตัวคุณเสมอไป การใช้ภาพเชิงสัญลักษณ์ก็เป็นวิธีหนึ่งโฆษณาที่ดีได้เหมือนกันเช่น ใช้ภาพใบไม้ สมุนไพร ธรรมชาติ บลาๆๆ + การอธิบายข้อมูลทางวิชาการที่ฟังอ่านยากให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่ายและมีแหล่งอ้างอิงชัดเจน ฯลฯ สิ่งสำคัญที่คุณต้องทำคือ การเลือกที่จะลงทุนด้วย Idea แทนการลงทุนด้วยเงิน นอกจากนี้คุณควรจะหาทางสร้างตัวเลือกให้ตัวเองเสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนส่งของที่ญี่ปุ่น, คนส่งของ, ลูกจ้าง คุณสังเกตมั้ยว่าสาเหตุหลักๆที่ทำให้คุณเสียหาย มันมาจากการที่คุณไม่ได้สร้างอำนาจต่อรอง(ตัวเลือก)ไว้ ทำให้คนเหล่านั้นคิดว่าคุณไม่มีทางเลือก จะโขกเอาเท่าไหร่ก็ได้ ตัวแทนจากญี่ปุ่น ทาเคชิ ถ้าหาจริงๆคุณอาจจะเจอคนไทยที่อยู่ในญี่ปุ่นมาช่วยก็ได้, คนส่งของ จริงๆคุณอาจจะใช้วิธี Co ค่าส่งกับแม่ค้าเจ้าอื่นส่งของทางเรือก็ได้, ลูกจ้าง คุณอาจจะกำหนดข้อตกลงในการทำงานไว้แต่แรกว่า ให้ผลตอบแทนตามผลงาน ผลงานดีก็จะเพิ่มเงินให้ ผลงานไม่ดีก็ลดเงิน ไม่ทำก็อาจตัดเงินไล่ออกได้ แสดงให้เห็นว่าคุณมีตัวเลือกเยอะ มีอำนาจต่อรองเข้าไว้ ปัญหาจะไม่เกิดครับ (สังเกตมั้ยตอนลูกจ้างคุณมา Blackmail คุณ แล้วคุณชนะเค้าครั้งนั้นเพราะอะไร เพราะคุณแสดงให้เห็นว่าคุณมีอำนาจต่อรองเหนือกว่าคือคุณไม่สนที่เค้าฟ้องและยังจะไม่ให้เงินเค้าด้วย ทำให้เค้าต้องยอมไงครับ) อย่าคิดว่า ตอนนี้เราดำเนินธุรกิจได้แล้ว แค่นั้นก็พอใจแล้ว ไม่ต้องหาตัวเลือกสำรองก็ได้ครับ
4. เมื่อได้แนวทางแล้ว ต่อไปก็เป็นวิธีการ ให้คุณหยุดทำทุกอย่าง!! นอนให้พอ นั่งสมาธิ ทำใจให้นิ่งแล้วใช้ความคิดวิเคราะห์อย่างละเอียดทีล่ะขั้นๆว่าคุณจะเดินเกมอย่างไรดี อะไรที่เป็นปัญหาไม่แน่ใจ ตัวเองคิดคนเดียวไม่ได้ก็ขอความช่วยเหลือจากคนรู้จัก นอกจากนั้นอย่าลืมคิดคำนวนเผื่อด้วยว่า ถ้าสถานการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิด ไปในทางแย่ คุณจะแก้ไขอย่างไร(worse case analysis) และในทางที่เลวร้ายที่สุด อะไรคือผลลัพธ์ที่คุณจะเสีย แล้วมันคุ้มที่จะทำหรือไม่ ขั้นตอนนี้มันอาจจะไม่สร้างเงินอะไรให้คุณ แต่เชื่อเถอะว่ามันสำคัญที่สุด
5. พอเริ่มทำแล้ว พยายามอย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางและอย่าโอนอ่อนเชื่อตามคนอื่นอย่างเดียว ให้รู้จักฟังคนอื่นแต่รู้จักคิดพิจารณาด้วยตัวเอง ไม่รีบร้อนตัดสินใจไม่ว่าจะถูกชักชวนอย่างไร แต่คิดให้รอบคอบเสียก่อน ทำแบบนี้แล้วคุณจะไม่ล้มง่ายๆครับ
สุดท้าย ปรับทัศนคติเสียใหม่ ให้คิดว่านี่เป็นบทเรียนราคาแพงที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตของคุณครับ และให้เชื่อว่าถ้าคุณสู้คุณจะผ่านมันไปได้อย่างแ่น่นอน คุณไม่ได้ตัวคนเดียว ไม่ได้ไม่สู้ชีวิต โลกนี้มันไม่ได้โหดร้ายขนาดจะฆ่าคนที่พยายามเต็มที่ให้ตายให้ได้หรอกครับ ปัญหาใหญ่แค่ไหนมันก็มีทางออกเสมอแหละ ผมเองก็เคยเจอกำแพงแบบนี้เหมือนกัน ถึงจะต้องลงแรงไปเยอะ(กดดันมาก)แต่สุดท้ายผมก็ชนะปัญหามาได้ครับ ซ้ำผลลัพท์ยังออกมาดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก มาคิดกลับไปตอนนี้ผมก็โตขึ้นมากจากปัญหาครั้งนั้น คุณเองก็พยายามเข้าครับ ขอแค่ไม่ท้อ ยังไงเราก็ชนะมันได้แน่นอนครับ
แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 21:11:26
แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 21:03:20
จากคุณ |
:
Greaty O-U!!
|
เขียนเมื่อ |
:
4 มี.ค. 55 21:00:33
|
|
|
|
|