ใครๆก็อยากมีธุรกิจ พูดให้ตรง ใครๆก็อยากรวยรึปล่าว
|
|
เมื่อปี2546 ใครๆก็อยากมีธุรกิจ ผมนั่งฟังเพื่อนคนนึงที่เรียนวิศวะมาด้วยกันนั่งรำพึงรำพันเกี่ยวกับงานสัมนาที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้น เกี่ยวกับหัวข้อผู้ประกอบการยุคใหม่(SME) มันบอกผมว่าคนอายุน้อยๆอย่างพวกเรานี่แหละคืออนาคตของชาติโดยแท้จริง555+ เพราะสมัยนั้นคนโดนจ้างออกเป็นเข่ง แล้วหันมาเปิดตลาดขายของท้ายรถสร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาล สำหรับตลาดแฟชั่นในยุคนั้น ไม่ต้องนั่งถามถึง Know How หรือแม้กระทั่ง Innovasion มีแต่เสียงเจี้ยวจ้าว ต่อราคา เรียกคนมาดูของถูกใจก็ซื้อหากันไป แต่คำพูดเพื่อนในวันนั้นก็ยังก้องอยู่ในหูผมอยู่ ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจได้นะเราจะมีแต่ รวยๆๆ เงินๆๆ 5555+จริงๆแล้วมันอาจจะพูดอีกหลายอย่าง แต่ผมคงจะไปจำได้แค่เท่านี้ละ^^ เมื่อจบในปีนั้น ผมก็ได้งานในโรงงานแห่งนึงซึ่งทำเกี่ยวกับงาน กลึง กัด ชิ้นงานเพื่อไปประกอบชิ้นงาน แต่เมื่อทำไปสักปีกว่า ก็รู้สึกว่า เฮ้ย!!เมื่อไหร่จะรวยวะนิ เงินเดือนเท่านี้ รายจ่ายเยอะไอ้คำพูดที่เพื่อนเคยว่าไว้มันเลยมาก้องดังที่หูอีกครั้ง รวยๆๆๆ เงินๆๆๆ ผมก็เลยลาออกมันซะหยั่งงั้น แม้ทางโรงงานมันจะพยามรั้งหรือโกหกว่าเราเป็นพนักงานที่มีอนาคตดีแค่ไหน ผมก็ไม่สน555+ คิดแต่อยากรวยอย่างเดียว เป็นเจ้าของธุกิจดีฟ่าาาา เจ้านายไม่มี เวลาตรึม เงินทองมากมาย จากนั้นใช้เวลาไปหนึ่งเดือนกับการจัดการ จดทะเบียน หาทำเล หาคนงาน2คน เช่าซื้อเครื่องจักรจากคนรู้จักมาอีก2เครื่อง ตกแต่งเดินไฟ แม๊มมมม ง่ายเจงๆไอ้การทำธุรกิจเนี้ยย เปิดดูบัญชีที่มีเหลือตังค์ที่ขอพ่อกับแม่มาทำโครงการนี้ห้าแสนเลืออีกแสนห้า รู้อย่างงี้มาทำตั้งนานแล้ว ไปป่าวประกาศว่าเราอะเป็นเจ้าของธุรกิจเพื่อนคนไหนมาก็ต้องโชว์เสี่ย มาๆกุจ่ายเองเมิงอะเป็นแค่พนักงานอย่าเจ้อ555+ เขียนมาถึงตอนนี้แล้วขำจริง อยากจะย้อนเวลาไปตบกระโหลกตัวเองให้กลิ้งจริงๆ
เวลาผ่านไปจาก อาทิตย์ อาทิตย์เป็นเดือน เรามีครบทุกอย่าง ขาดอย่างเดียว ขาดงาน แต่ยังต้องจ่ายทุกค่า ค่าแรงที่ไอ้ลูกน้องสองตัวมานั่งเล่นหมากฮอส เพราะไม่มีงานให้มัน ค่าเครื่องจักร ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าๆๆๆๆๆๆ ห้าเดือนต่อมา ผมเป็นหนี้จากการกู้ยืมคนอื่น เพื่อน โดนดอกร้อยละห้าร้อยละสิบ ดอกทบมาทุกเดือนหา นี้ไปโป๊ะนั่น เอาทางนั้นมาโป๊ะตรงนี้ หมุนไปหมุนมาตาลายอยากจะสู้นะแต่จะเอาอะไรไปสู้555+ สรุป "เจ๊งครับ" ไปบอกพ่อแม่เงินที่ยืมมาไม่มีคืนนะแกร้องไห้เลย จำนำที่มาหวังว่าจะช่วยเติมฝันให้ลูกชาย แต่ดันมาตายสนิท แทนที่จะได้กตัญญู กลายเป็น ทรพีซะนี้
ที่ผมยกตัวอย่างนี้มา ผู้ที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจหรือผู้ที่อ่านอยู่มองเห็นอะไรมั่งครับ "อยากมีธุรกิจ หรือเราคิดแค่อยากรวย" ผมจะแตกประเด็นอย่างนี้นะครับ การที่เราจะทำธุรกิจนั้นประกอบไปด้วยปัจจัยในการ สร้างหลายอย่างแต่สิ่งที่สำคัญมีเพียง4อย่างเท่านั้นที่เราควรจะมีในอันดับแรก
1.ความเข้าใจในตัวธุรกิจที่เราจะทำ ตื้นลึกหนาบาง หาข้อมูลมันให้ทับตัวเราเลยครับ มันจะเปรียบเหมือนแผนที่ที่จะทำให้เราไปสู่จุดหมายได้อย่างดี ไม่ว่าจะปิดตา ดำน้ำไป แต่ถ้าเรารู้ว่าเส้นทางมันมีอะไร ตรงไหนเป็นเขา ตรงไหนเป็นน้ำเป็นโคลน ต่อให้มีคนมามัดขาเราควักลูกตาไป เราก็สามารถไปต่อได้ครับเพราะเรารู้ทุกอย่างในนี้แล้ว
2.การวางแผนที่ดี ไม่ว่าจะทำอะไรหากไร้ซึ่งแผนการ ยากไซร้เดินทางไปบนความสำเร็จนะครับ เราต้องสร้างโมดุลและแผนงานที่รองรับความผิดพลาดให้เยอะที่สุด
3.สายป่านทางการเงิน ไม่ต้องไปคิดมากนะครับมีเท่าไหร่ทำเท่านั้นอย่าไปฝืนในการเริ่มต้น เริ่มจากเล็กไปหาใหญ่เก็บรายละเอียดที่ผิดพลาดแก้ไขแล้วเมื่อเริ่มมีผลกำไรจึงเริ่มเพิ่มการลงทุนครับ
4.หัวใจของคุณครับ เล็กๆเหี่ยวๆ ไม่ชอบอะไรที่ต้องทำงานหนักต้องลุ้น กลับไปทำงานนั่งโต๊ะให้แอร์เป่าเป็นดีที่สุดครับ^^5555+
ที่ผมมานั่งเล่าเป็นฉากๆอย่างนี้ก็เพราะอยากให้คนที่จะเดินทางสายเถ้าแก่นั้นคิดให้มากๆไว้ครับ ฝันกลางวันให้น้อยๆไว้ แต่อย่าทิ้งเป้าหมายที่เราคิดไว้นะครับ "ฝัน"กับ"เป้าหมาย"ความหมายนั้นใกล้เคียงกันครับแต่แยกกันให้ออกครับ เพราะความสำเร็จของชีวิตเรานั้นไม่มีคำว่าบังเอิญครับ
วันนี้บริษัทที่ผมมีอยู่ก็เอาประสบการณ์ที่เลวร้ายจากการที่เราผิดพลาดทุกอย่าง มาเป็นบรรทัดฐาน ในการก้าวข้ามความล้มเหลว ถึงบริษัทจะไม่ยิ่งใหญ่ระดับพันล้าน หมื่นล้าน แต่ผมคิดว่าข้อความเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับอีกหลายคน วันนี้ผมผ่านวันนั้นวันที่แย่ๆมาแล้วก็ขอแชร์เป็นประสบการณ์ไว้แล้วกันครับ มีเวลาแล้วจะมาเขียนต่อครับ ว่าล้มแล้วลุกยังไง....ครับ แล้วลุกแล้วจะวิ่งไปไหน เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนครับ
จากคุณ |
:
Marwinn26
|
เขียนเมื่อ |
:
16 มี.ค. 55 15:22:54
|
|
|
|