ความคิดเห็นที่ 1 และก็จริงครับ มีนักศึกษาที่จบมาด้วยเกรดสูงมาก เก่ง ครับ แต่ไม่เหมาะกับองค์กร ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องอย่าเพิ่งเสียใจ น้องบางคนแม้เกรด ไม่ดี แต่สัมภาษณ์แล้วรู้ว่ามีความสามารถ จริง อยากได้มาร่วมงานด้วย เสียอย่างเดียวครับ.... น้ำเต็มแก้ว ยืนหยัดในความเห็นของตัวเองว่าไม่ผิด คือก่อนสอบมีการให้ทำกิจกรรม ทดสอบ ความตั้งใจของการทดสอบไม่ได้ดูว่าถูกผิด แต่ดูการทำงานร่วมกับผู้อื่น ความเป็นผู้นำ ความสามารถในการสื่อสาร และเรื่องอื่นๆ มากกว่า แต่ปรากฏว่าน้องคนนี้ที่เก่งจริงแหละ มุ่ง focus ไปกับการบอกว่า โจทย์ไม่ถูก คนอธิบายผิด .......... มันบอกทัศนคติ ได้หลายอย่าง จนน่าจะร่วมงานได้ยากอย่างน่าเสียดาย สุดท้ายอยากบอกน้องน้องที่กำลังหางาน ว่าถ้าบริษัทอยากได้คนเก่ง แบบทัศนคติแบบน้ำเต็มแก้ว บริษัทไปรับคนที่มีประสบการณ์สูงสูง ประเภทน้ำล้นแก้วและพร้อมที่จะมาให้มากกว่า เพราะส่วนใหญ่ ถ้ารับน้องน้องที่จบใหม่แบบไม่มีประสบการณ์ สิ่งที่อยากได้คือ แก้วใสใส ที่พร้อมหรือกระหายจะเรียนรู้ อะไรต่างๆลงไปอีกมากกว่าครับ จากคุณ : Semi เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 07:06:20

ความคิดเห็นที่ 2 " ไม่ได้เลือกสถาบัน ... ปรากฏว่าไม่มี ม.ที่อยากได้" ถ้าไม่เลือกจริงๆ ก็คงไม่มีม.ที่อยากได้ กับไม่อยากได้หรอกคะ จากคุณ : เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 07:15:00 A:115.87.1.181 X: TicketID:159640

ความคิดเห็นที่ 3 คห.2 จขกท.คงหมายถึง นศ.ที่มาสัมภาษณ์มีหลาย ม. แต่ผลจากการสัมภาษณ์ในเรื่องความรู้ความสามารถแล้ว ไม่มีนศ.จาก ม.ใหน ที่อยากจะรับเข้าทำงานครับ ประเด็นอยู่ตรง จขกท.เลือกความสามารถครับ ไม่ใช่เลือก ม. หรือ สามัญสำนึกของ คห.2 บอกว่า การจะรับคนเข้าทำงานไม่ต้องเลือกความรู้ความสามารถหรือครับ จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 07:38:05

ความคิดเห็นที่ 4 บางที คนที่ทำงานเก่ง ๆ ก็ไม่มีความสามารถในการ Present ตัวเอง ในช่วงสัมภาษณ์ เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเช่นกัน ส่วนคนที่ เก่ง ที่ดูดี ตอบคำถามได้อย่างฉลาด Present ตัวเอง อย่างโดดเด่น เวลาทำงานก็ไม่ได้แปลว่า เก่ง ทุกคน หลาย ๆ บริษัท ต้องการคนเก่งทุกด้าน ทุกอย่าง แต่เวลาจ่าย หรือ ข้อเสนอนั้น ไม่สามารถที่จะดึงรั้งเด็ก ๆ เอาไว้ ให้ทำงานด้วยนาน ๆ ได้ เข้ามา อย่างเก่ง พอผ่านโปร เค้าก็โบยบินไปหาที่ ๆ ให้ความสำคัญ ที่ ๆ ให้ค่าตัวเค้าสูงกว่า สมัยนี้....ไม่ว่าเด็กจบใหม่ หรือว่า คนทำงานที่มีประสบการณ์มาแล้ว มีสิทธิ์เลือกทั้งนั้น ถ้าเจอที่ไหน เสนอดีกว่า เค้าก็ไปค่ะ หลาย ๆ คน สอนงานแทบตาย พอน้อง ๆ เจอข้อเสนอที่ดีกว่า ก็จากไป เสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าใช้จ่าย ถ้าเป็นผู้บริหาร อยากจะฝากให้มองในมุมนี้ด้วย จากคุณ : ดอกฟ้าสีลาเต้ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 07:56:06

ความคิดเห็นที่ 5 สัมภาษณืแค่แป๊บเดียวบอกได้แค่นิดเดียวจริงๆครับ นอกจากเรื่องความรู้ความสามารถในงานแล้ว เรื่องอื่นแทบจะบอกไม่ได้เลย ช่วงเวลาที่สัมภาษณ์เด็กก็จะพยายามคาดเดาว่าเราต้องการคนแบบไหนแล้วก็พยายามแสดงออกมาอย่างนั้น บางทีเขายืนยันในคำตอบว่าถูกเพราะเขาคิดว่าเราดูความมั่นใจในตัวเอง เรากลับมองเขาว่าเป็นพวกชาล้นถ้วย เด็กบางคนพ้นโปรแล้วถึงลายออก บางคนอยู่เป็นปีถึงออกลาย ผมว่าดวงซะเยอะกว่า ที่ทำงานเลยพยายามจะรับแต่ผู้ชายเพราะมีเรื่องจุกจิกกวนใจน้อยกว่า ผ จากคุณ : bendigo เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 07:58:02

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยเรื่องภาษานะ ผมเองก็จบวิศวะมา ภาษาผมก็ต้องไขว่คว้าเอาเอง ทางสถาบันก็มีสอน แต่เราไม่ได้เรียนเน้นตรงแบบสายภาษาที่จะเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ พอพูดได้ ฟังออก เขียนอ่านถูกต้อง เรื่องภาษามันหัดกันได้ครับ ส่วนเรื่องโปรเจคจบ คุณ จขกท ได้สอบถามน้องไหมครับ -ว่าใช้เทคโนโลยีไหนในการพัฒนาเพื่อในการอำนวยความสะดวก เพราะเทคโนโลยีไม่เหมือนอาม่าครับ มันเดินไม่ได้ เว้นแต่เป็นหุ่นยนต์ -ทำไมถึงทำโปรเจคนี้ มีความคิดอย่างไร ต่างจากแบบนั้นแบบนี้อย่างไร -โปรแกรมที่ใช้เขียนว่าเป็นโปรแกรมอะไร ให้อธิบายเป็นโฟลชาร์ต หรือจะลองตั้งโจทย์ทดสอบไหวพริบก็ได้ครับ ผมว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยทดสอบได้ว่าน้องมีกระบวนการคิดที่เป็นระบบไหม งานที่น้องทำออกมาทำเองหรือเปล่า และผมไม่อยากให้คุณ จขกท. พิมพ์กล่าวหา มหาวิทยาลัยแบบนี้ เราเป็นผู้ใหญ่แล้วครับ ผมไม่อยากให้มีอคติต่อคณะ หรือมหาวิทยาลัย ทุกวันนี้บริษัททุกแห่งไม่ได้ต้องการคนเก่งมาก แต่ต้องการคนที่พร้อมจะเรียนรู้ พร้อมที่จะก้าวเดินและพัฒนาต่อ และไม่หมดไฟครับ จากคุณ : ปลาหมึกจุ๊บๆ เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 08:01:25

ความคิดเห็นที่ 8 ชอบ คห.6 "ทุกวันนี้บริษัททุกแห่งไม่ได้ต้องการคนเก่งมาก แต่ต้องการคนที่พร้อมจะเรียนรู้ พร้อมที่จะก้าวเดินและพัฒนาต่อ และไม่หมดไฟครับ"  จริงๆเลยครับ  เด็กเก่งๆมาอยู่ด้วยอย่างมาก 1-2 ปีแล้วก็ไป  ตอนนี้เลยเลือกเด็กกลางๆ ใจสู้ เสียมากกว่า จากคุณ : Vimsy เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 08:47:47

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่่ควรจะพาดพิงถึงมหาวิทยาลัยขนาดนั้นนะครับ จขกท -"- จากคุณ : nomsod เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 09:52:12

ความคิดเห็นที่ 10 Demand-Supply ครับ คนเก่งหลายๆด้าน ทั้งวิชาการ ภาษา ทักษะการเข้้าสังคม มีน้อย ก้ต้องไปแย่งกับบริษัทใหญ่ๆ ถ้าตั้ง expectation เอาไว้สูง ก้จะหายาก และจ่ายแพง เป้นไปตามกลไกตลาด บางทีก้ต้องดูว่า ด้านไหนที่บริษัทต้องการ แล้วด้านไหนที่พอจะเอามาฝึกได้ แต่ถ้าจะเอาค่อนข้างดีตั้งแต่จบใหม่เลย ก้ค่อนข้างยากครับ จากคุณ : พี_พีจัง เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 10:14:53

ความคิดเห็นที่ 11 พาดพิงบ้างพอเหมาะสมจะได้รู้ตัว อิอิ จากคุณ : AKEz 99.99 Ghz เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 10:28:36

ความคิดเห็นที่ 12 มหาลัย TOP5 ต้องยอมรับเค้าทำออกมาดีจริง อยากได้ ภาษาดี ควรกำหนด คะแนน TOEIC ไว้ หรือเลือกมหาลัยที่เด่นด้านภาษา เช่น A จากคุณ : nut_dev เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 10:40:35

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท. นั่นแหละ ที่ลืมระบุ ว่าขอทักษะภาษาอังกฤษด้วย ก็เลยคิดว่าพวกนี้ไม่ได้ภาษาเอาเสียเลย  แต่ก็นะ ถ้าระบุเอาทั้งภาษา ทั้งความรู้เฉพาะทาง ค่าตัวก็แพง โปรเจ็คจบ บางทีมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับการทำงานเอาเสียเลย ไม่ทำก็ไม่จบ ก็เลยต้องทำอ่ะ จากคุณ : natapolsri เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 10:46:26

ความคิดเห็นที่ 14 เอ้ย มีแต่บอกเด็กเก่งบอกอยู่แปปๆก็ไป มองที่ทำงานด้วยว่าทำไมถึงไป เจอแต่ละบริษัท มีแต่อยากได้ของดีราคาถูก แน่นอนก็รู้ๆว่าถูกและดี มันไม่มี อยากได้ก็ต้องลงทุน บริษัทไม่ลงทุนเด็กที่ไหนก็ไป จากคุณ : นะโมจัง เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 10:58:33

ความคิดเห็นที่ 15 ต้องเป็น คนสัมภาษณ์ จากคุณ : amited เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:52:00

ความคิดเห็นที่ 16 อารมณ์คนสัมภาษณ์ล้วนๆเลยครับ ถ้าสัมภาษณ์เยอะๆก็หงุดหงิดนะสำหรับผม แต่ถ้าใครทำให้รู้สึกดี ตอบคำถามเข้าทางก็จะ ยิ้มและให้คะแนน จิตพิสัยคนนั้นค่อนข้างสูง แต่ที่ไม่ชอบ ตอนสัมภาษณฺ์ที่สุดคือผู้สมัครที่ หยิ่งยโส  ไอ่ที่อวดรู้ก็ยังไม่เท่าไหร่ สนุกดีอิอิ จากคุณ : สองร้อย เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 11:52:04

ความคิดเห็นที่ 17 ตรรกะที่ไม่แน่นอนครับ  ผมว่าอยู่ที่ความพึงพอใจของผู้สัมภาษณ์มากกว่าที่จะยกเหตุผลมาอ้างอิง จากคุณ : ใจหล่อ (ใจหล่อ) เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 12:53:36

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องสัมภาษณ์ บอกตรงๆว่าลำบากมากๆ อยากได้คนดีๆ แต่ Budget น้อย คนสัมภาษณ์สิเหนื่อยจะไปหาที่ไหนละครับ   พอตำแหน่งไหนว่าง เพื่อนร่วมงานผู้หญิงก็จะมาแซวถ้าเอาผู้ชายขอหล่อๆนะ ผู้ชายก็จะว่าถ้าเลือกผู้หญิงขอสวยๆ นะ แต่มีพี่คนนึงในที่ทำงานผมให้ทัศนคติเอาไว้ " เรื่องงานมันสอนกันได้ แต่หน้าตามันสอนกันไม่ได้ " ขำขำ นะครับ จากคุณ : kob76 เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 12:58:43

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่า ต่างฝ่ายก็ต่างเลือกล่ะครับ บริษัท ก็อยากได้คนเก่ง ๆ ค่าจ้างถูก ๆ เด็กจบใหม่บางทีได้ที่ไหนก็ต้องเอาไว้ก่อน พออยู่นานไป ที่ใหม่มีข้อเสนอดี ๆ ให้ ก็คงต้องเลือกล่ะ ครับ มันเป็นเหตุผลรู้ ๆ กันอยู่ แม้แต่ผู้สัมภาษณ์หลาย ๆ ท่านเองก็ยากที่จะปฏิเสธ จากคุณ : vividy เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 13:02:38

ความคิดเห็นที่ 20 ขอพาดพิงบ้าง  siit ที่หลายๆคนคิดว่าอังกฤษแน่ๆ  ผมเคยไปนั่งฟัง  present ในงาน international conference งานหนึ่ง  เจอ ญี่ปุ่นถาม  again please  ๆๆๆ  อยู่นั่นแหละ จนเค้าเลิกถาม 5555 จากคุณ : crazydog19097 เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 13:10:42

ความคิดเห็นที่ 21 อยากได้ภาษาดีๆ สาวๆแถวพัทยาคงเป็นตัวเลือกที่ดีได้ครับ จากคุณ : Moonui เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 14:00:55

ความคิดเห็นที่ 22 สรุปก็คือ เลือกมหาลัยอยู่ดีแหละครับ มันอยู่ในข้อความที่ จขกท เขียน จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 16:15:50

ความคิดเห็นที่ 23 ผมอยากเลือก รุ่นน้องที่จบจากที่เดียวกัน แต่ไม่มีตัวเลือกที่ใช่ครับ คนที่ผ่าน ไม่มีรุ่นน้องผมเลย และสุดท้ายต้องเลือกมหาลัย เพราะคุณภาพคนที่อยากได้ มีอยู่แค่บางที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ไม่อยากได้ ไม่ดีครับ แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 55 17:51:49 จากคุณ : semi (Semi) เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 17:35:52

ความคิดเห็นที่ 24 เหมือนบริษัทเก่าผม อยากได้คนเก่ง แต่ไม่อยากเพิ่มเงิน สุดท้ายก็ไป อยู่กันได้นี่เฉพาะทางจริงๆ จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 55 23:39:51

ความคิดเห็นที่ 25 ฮาย่อหน้าสุดท้ายตกเก้าอี้เลยครับ จากคุณ : somngo เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 00:06:38

ความคิดเห็นที่ 26 #20 บางทีคนญี่ปุ่นพูด ฝรั่งมาเองก็ฟังไม่รู้เรื่องนะครับ จากคุณ : ayres เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 00:19:38

ความคิดเห็นที่ 27 คนที่เรียนวิศวะได้...ไม่ต้องให้อาม่าปิดไฟ ทุกวันก็เรียนได้ ครับ  :) ผมเชื่อว่าในตัวโปรเจคยังมีอะไรอีกเยอะ...ไม่อยากให้คิดว่าเลวร้ายครับ..ถ้ายังไม่ได้ถามลงลึก จากคุณ : Right_สังกัด เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 00:30:45

ความคิดเห็นที่ 28 เก่งไม่เท่ากันทุกคนหรอกนะค่ะ จากคุณ : kachiwangi เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 06:15:36

ความคิดเห็นที่ 29 ในฐานะที่เกี่ยวข้องกับการสัมภาษณ์งานบ้าง (แต่ไม่ใช่เสียงใหญ่) บวกกับความค่อนข้างเป็นน้องใหม่ในการทำงาน และได้คุยกับเจ้านายคนตัดสิน ทำให้รู้สึกว่าก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของทั้งสามฝ่ายนะคะ เจ้านาย อยากได้คนดีๆ ถูกๆ อยากบอกว่า (แต่บอกไม่ได้) ว่าคำนึงถึงตลาดแรงงานหน่อย ถ้าคนดี ได้ถูกๆ เดี๋ยวมันมีที่ดีกว่า มันก็ไป คนสัมภาษณ์ มีเวลาแค่นิดเดียว ต้องพยายามล้วงลึก แต่คนเราคบกันเป็นปีๆ บางทียังไม่รู้จักกันดีก็มี ก็อยากให้ถาม คุยกันตรงๆ ตามเนื้อหางาน และ specification ที่อยากได้ (เราว่า บริษัทเราค่อนข้างแฟร์ตรงนี้นะ) คนสมัครงาน ก็พยายามพรีเซนต์ตัวเอง พยายามเดาว่าอีกฝ่ายอยากได้อะไร จะได้แสดงถูก แต่อยากบอกว่า ให้พยายามแสดงความเป็นตัวเองให้มากที่สุดจะดีกว่า จะทำให้ได้งาน แต่สุดท้ายเข้าไปทำงานแล้วไม่ใช่ตัวเรา พอทุกข์ใจ ก็ลาออกอีกต่างหาก เสียเวลาทั้งบริษัทและตัวเองเลยนะ ทัศนคติเรื่องมหาลัย เราเองถึงจบจาก ม. ดีๆ เราก็ไม่ได้อยากให้คนเลือกเราเพราะ ม. หรอกนะ เราอยากให้เลิกๆ ไปด้วยซ้ำ แต่เราก็ยอมรับว่าคุณภาพแ่ต่ละ ม. ไม่เท่ากัน บาง ม. ที่ดีๆ ก็เพราะมีชื่อเสียง คนเก่งๆก็แห่กันเข้าไป แค่ต้นทุนก็สูงกว่าตั้งแต่เริ่มแล้ว และถึงจะยอมรับว่าผู้หญิงมีปัญหาจุกจิกเยอะ แต่เห็น คห. 5 แล้วอึดอัดใจ... เวลาประกาศหางาน บอกเลยนะคะว่าไม่รับผู้หญิง ต้องการแต่ผู้ชาย แต่แค่จะบอกว่า ชาติที่พัฒนาแล้วเขาถือว่า "discrimination" ค่ะ! จากคุณ : wassery_harp เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 08:51:43

ความคิดเห็นที่ 30 การสัมภาษณ์ไม่ได้บอกอะไรเลยจริงๆ คุณสามารถ โกหก ตอหลด แตหลอ ได้ คุณสามารถบอกว่าคุณดีอย่างนู้น ทำดีอย่างนั้นได้ และสามารถทำอะไรก็ได้ ที่คุณต้องการ ทำงานได้ทุกประเภท คุณสามารถเสแสร้งได้ ... เพราะอย่างนี้ จึงต้องมีการทดลองงาน หรือเรียกว่าช่วงผ่านโปรไง... จริงอย่างว่า น่าเสียดายที่บางคนไม่สามารถทำการสอบสัมภาษณ์ได้ดี ทั้งๆ ที่ บางทีเค้าอาจจะเหมาะกับองค์กร อย่างที่สุด จากคุณ : Dr.studios (Dr.Studios) เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 09:04:17

ความคิดเห็นที่ 31 จริงๆ แล้วเราสามารถเลือกเด็กจากมหาลัยที่เราต้องการได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือตอนเลือกมาเราได้ทดสอบเด็กจากทุกมหาลัยด้วยมาตรฐานเดียวกันหรือเปล่า ผมเห็นบางที่เห็นมหาลัยก็เลือกก่อนแล้ว บางทีดูมหาลัยแล้วคัดออกเลยด้วยซ้ำทั้งที่ยังไม่ได้ทดสอบเลย แล้วในรัฐธรรมนูญมันจะเขียนไปทำไมว่ามนุษย์ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน จากคุณ : นายสายฟ้า เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 10:52:26

ความคิดเห็นที่ 32 จริงครับ เด็กเก่งๆ บางคนก็พรีเซนท์ตัวเองได้ไม่มี ทำให้ไม่ได้งาน อย่างเพื่อนรุ่นเดียวกัน เรียนดี จบเกียรตินิยม ความสามารถดี ขยันตั้งใจ แต่กว่าจะหางานได้ ยากมาก ที่แรกๆ ที่ได้เงินก็น้อย ต้องค่อยๆ ไต่เต้าเอา เนื่องจากเขาพูดไม่ค่อยเก่ง เป็นคนตรงๆ คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น และมั่นใจในความสามารถตนเอง จนตอนนี้ได้มาอยู่บริษัทใหญ่ๆ เพราะมีคนแนะนำมา ผู้อำนวยการเห็นยังงง ว่าเก่งขนาดนี้ ทำไมไม่เคยทำงานบริษัทใหญ่ๆ เลย จากคุณ : Michka เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 12:29:06

ความคิดเห็นที่ 33 ความคิดเห็นที่ 4# เรื่องธรรมดาของโลกอะ ของดีและถูก มันหายากมากๆๆๆๆๆ คุณอยากได้คนที่เก่ง มีความสามารถรอบด้านก็อย่าลืมว่า ยังมีอีกหลายๆที่ ที่เขาก็อยากได้คนแบบนี้เช่นกันครับ หลายที่ที่เขาอยากได้ เขาก็ต้องยอมจ่ายแพงกว่าเพื่อดึงคนเหล่านี้ไปทำงานให้เขาเพราะแน่นอนว่าคนประเภทที่ว่ามานั้นหายาก อย่างสมมุติว่า มี 2 บ. ทำงานอย่างเดียวกันทุกอย่าง สภาพแวดล้อมที่ทำงานดีเหมือนกัน เดินทางสะดวกเหมือนกัน เพียงแต่บ.A จ่ายให้น้อยกว่า บ.B มากๆ  ถามว่าคนที่เขาทำงานเขาจะอยากไปอยู่ที่ไหนละครับ? อย่าไปคิดว่าการที่นายจ้างจ้างงานลูกจ้างนั้นถือว่าเป็นบุญคุณอะไรกับเขา ของแบบนี้มันเป็ฯเรื่องธุรกิจอะ บ. อยากซื้อความสามารถของลูกจ้าง บ.ก็ต้องจ่ายเงิน ลูกจ้างอยากได้ค่าตอบแทนก็เลยต้องขายความสามารถไปให้กับคนที่ยินดีซื้อตรงนี้ แค่นี้เองครับ ในเมื่อวันหนึ่งมันตกลงเรื่องผลประโยชน์อะไรไม่ได้มันก็ต้องแยกทางกัน เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคนทุกคนมันมีภาระค่าใช้จ่ายอยู่แล้วใครยื่นข้อเสนอดีกว่าก็ต้องเอาอันนั้น(อันนี้ไม่ได้พูดถึงแค่ตัวเงิน แต่รวมพวกสภาพแวดล้อม ความก้าวหน้าด้วย) อย่าลืมว่านี่เป็ฯงานเอกชน ไม่ใช่ราชการ บ.เขาไม่มีทางเลี้ยงคุณไปตลอดชีวิตหรอก เกิน60คุณเกษียณก็จบแล้ว นี่ยังไม่นับว่าพอเริ่มมีอายุมากหน่อย เงินเดือนเยอะหน่อยก็บีบให้ออกกันเพราะไม่อยากจ่ายเงินแพงๆ เป็นกันแบบนี้แล้วก็อย่ามาอ้างเรื่องบุญคุณดีกว่าว่าอุตส่าช่วยสอนงานอะไรให้   พนักงานเอกชน มันก็เหมือนเป็นหมาล่าเนื้อแหละครับ วันนี้ตอนนี้ ยังหนุ่มยังแน่นมีแรงทำงานได้มันก็ต้องรีบกอบโกย เพราะเมื่อคุณแก่แล้วกำลังวังชามันก็น้อยลงไม่เหมือนตอนหนุ่มๆ เจ้านายก็ต้องไปหาสุนัขล่าเนื้อตัวใหม่มาแทนที่คุณอยู่ดี   เรื่องสัมภาษงาน ผมว่าสุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องของความเข้ากันได้ของผู้สัมภาษกับผู้ถูกสัมภาษนะผมว่า นอกจากเรื่องความสามารถที่อยู่ในเกณ ที่บ.อยากได้แล้ว ส่วนที่เหลือบางทีมันก็เป็นเรื่องของความถูกใจนะ พวกชื่อสถาบัน เกรด อะไรพวกนี้มันก็เป็นแค่ส่วนประกอบ เพราะอย่างบางทีคุณไปเจอคนนึง เก่งมาก พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง แต่คุณไม่ชอบลักษณะท่าทาง ทัศนคติของเขา ตัวอย่างง่ายๆก็อย่างเช่นกรณีของ จขกท ที่บอกว่า มีคนนึงเก่ง แต่มีลักษณะคล๊ายๆน้ำเต็มแก้ว แบบนั้นอะครับ คือ เก่ง เกรดดี ภาษาได้ แต่คนสัมภาษไม่ชอบ เขาก็ไม่ได้งานแค่นั้นเองครับ  ในขณะที่ถ้าคนๆเดิม ไปสัมภาษอีกที่ เขาอาจจะได้งานก็ได้เพราะไม่แน่ว่าอีกที่เขาอาจจะชอบคนที่กล้าโต้แย่งเรื่องงานเมื่อเห็นว่ามันไม่ถูกต้องก็ได้ ใครจะไปรู้ จริงไหมครับ ของแบบนี้มันเหมือนไม่ค่อยมีเกณอะไรตายตัวหรอก ผมว่านะ จากคุณ : สัจธรรม (GusZ) เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 13:19:29

ความคิดเห็นที่ 34 ..... จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 14:21:38

ความคิดเห็นที่ 35 พวกคุณยังโชคดีรับสมัครคนมีวุฒิการศึกษา ยังสามารถเลือกได้ เปิดรับก็มีมาให้เลือก ผมรับสมัครคนงานเลือกไม่ได้มายังงัยก็เอายังนั้น ไม่มีให้เลือก ขืนเลือกหาคนไม่ได้  ปัจจุบันคนส่วนมากระดับการศึกษาไปกองกันอยู่ที่ ป.ตรี -โท  แต่ระดับคนใช้แรงงานหาคนทำงานยากจริงๆหนีไปเรียนกันหมด เดี๋ยวนี้ต่างด้าวยังเลือกงานเลยหนักชักจะไม่เอาแล้ว จากคุณ : นายช่างเฒ่า (นายช่างเฒ่า) เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 15:00:38

ความคิดเห็นที่ 36 อยากได้คนเก่ง เงินเดือนน้อย จบ ม.ดีๆ มันจะหาได้หรือ ? เหมือนอยากซื้อ มือถือ โซนี่ แต่เอาราคาเท่าของจีนแดง ใครจะทำขายให้เนี่ย จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 15:57:47

ความคิดเห็นที่ 37 ขอโทษค่ะ อ่านแล้วแอบงงว่าตกลงจขกท. จะคอมเม้นอะไรกันแน่ 55555 จะบอกว่าสาขาวิชาด้านวิทย์ฯ ไม่ให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษ หรือบอกว่าเด็กจบใหม่เดี๋ยวนี้ไม่สนใจภาษาอังกฤษ หรือบอกว่าเด็กบางที่จบมาได้ไงโปรเจ็กต์บ้านๆ หรือยังไงดี อย่างเรื่องภาษา เราว่ามันอยู่ที่ความชอบไม่ชอบด้วยนะ ส่วนใหญ่คนที่เรียนวิทย์ ก็ไม่ได้ชอบหรือถนัดด้านภาษาอยู่แล้ว ภาษาอังกฤษจำเป็นในการทำงานก็จริง มีทักษะดีก็ได้เปรียบกว่าแน่ แต่น่าจะเป็นเรื่องรองๆ โดยเฉพาะถ้าเราหาเด็กที่จบสายวิทย์ เราว่าเราเข้าใจประเด็นที่จขกท. บอกนะคะ แต่มันดูไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ ถ้าจะรับคนจบวิทย์ แต่ท้ายที่สุดคอมเม้นว่าภาษาเขาไม่ดี คือตัวเราจบด้านภาษามานะ ถ้าเราไปสัมภาษณ์งานด้านภาษา แล้วสมมุติเราไม่ได้งานเพราะว่า เราไม่เก่งเลข เงี้ย เราคงจะงงๆ หรืออย่างพวกคณะที่เน้นด้านวิทย์ เราก็มองว่า ถ้าไม่ใช่อินเตอร์ เขาก็ต้องเน้นสาขาวิชาวิทย์ๆ เป็นหลักอยู่แล้ว ภาษาอังกฤษก็เรียนกันแค่สองสามตัว ไม่ก็เป็นวิชาเลือก แล้วถ้าเด็กไม่ชอบ ไม่ถนัด ไม่อยากเรียน เราก็ไม่รู้สึกว่าเขาผิดที่ไม่เรียนนะ แต่ก็เห็นด้วยว่าถ้าทุกคนพัฒนาด้านภาษาได้มันก็จะดี จากคุณ : ZzIqka เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 16:57:52

ความคิดเห็นที่ 38 ผม งง จขกท อะครับ  ไม่รู้ว่า main อยู่ตรงไหน ผมงงอยู่คนเดียวรึปล่าวครับเนี่ย  - -" จากคุณ : หมูน้อยเกี่ยวก้อยกับลิงอ้วน เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 17:11:33

ความคิดเห็นที่ 39 ... จะบอกว่า CU และ SIIT ดีที่สุดเหรอครับ ผมว่ามันเป็นที่ตัวบุคคลมากกว่า ไม่เห็นเกี่ยวสถาบันเลย จากคุณ : เค้าเปล่านะ เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 17:36:10

ความคิดเห็นที่ 40 อยากจะบอกครับว่า................. คนจบ ม.6 กับสายพานิชย์ที่มีประสบการณ์ทำงานแล้ว มีประสิทธิภาพและคุณภาพกว่าพวกจบใหม่ปริญญาตรีอีกครับ แถมยังอยู่ทนไม่ค่อยเกี่ยงงานด้วย แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 55 19:56:36 จากคุณ : Matalechiga เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 19:55:59

ความคิดเห็นที่ 41 พูดตามตรงเราเห็นหลายๆบริษัทเวลารับสมัครงานชอบหาคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ ตอนเราจบวิศวะ ใหม่ๆ ภาษาเราก้อไม่ได้ดีมากมาย พูดได้แบบงงๆ แต่พอทำงานในบริษัทคนไทยนี่ ภาษาอังกฤษไม่ได้ใช้ งงเหมือนกันว่าตอนแรก ทำไมถึงอยากได้อังกฤษนักหนา เวลาส่ง mail ก้อเป็นภาษาไทย ปัจจุบันเราทำงานต่างประเทศ มีเพื่อนร่วมงานจบจากมหาลัยที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ toeic 750+ แบบว่าเวลาเพื่อนคุยนี่ ไม่มีใครเข้าใจอะ เราต้องแปลให้ สรุป ต่อให้เรียนมหาลัยที่สอนเป็นภาษาอังกฤษก้อไม่ได้ช่วยอะไรมากมายถ้าต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก จากคุณ : ร่วมด้วย เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 20:02:10 A:220.255.4.28 X: TicketID:289407

ความคิดเห็นที่ 42 การคัดกรอง มหาวิทยาลัย รวมถึงเกรดเฉลี่ย เป็นทางเลือกนึงของ HR ที่จะดูว่า เด็กคนนี้มีความพยายาม มีความขยัน มีวินัย ในการศึกษาเล่าเรียน จนได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ หรือ สามารถทำเกรดดีๆได้รึเปล่า ส่วนเด็กที่ HR คัดมา ก็คงจะมีเก่ง ไม่เก่ง ปนกันไป สุดท้ายอยู่ที่ว่า ทางผู้เลือกจะถูกใจรึเปล่าก็แค่นั้น ปล เป็นผมจะดูหน้าตา โหงวเฮ้ง ลายมือ ประกอบด้วยนะ ^^ จากคุณ : KINKIMONO เขียนเมื่อ : 28 มี.ค. 55 21:54:30

ความคิดเห็นที่ 43 ผมก็จบเกรดไม่ดี และอังกฤษอ่อนมากๆ วิดวะ สจพ ที่ทำงานแรกผม เป็น บ.เล็กๆ เป็นมหาชน ผมถาม ผจก ว่า ทำไมถึงรับผม ทั้งๆที่ประวัติโปรไฟล์ไม่เด่นเท่าไร ผจก บอกว่า เขาดูการเตรียมพร้อม พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นคนอื่น พร้อมที่จะรับความรู้ใหม่ๆ ตอนเรียน ก็ถามเกี่ยวกับโปรเจคอย่างเดียว ส่วนอังกฤษกับเกรด เป็นเรื่องรองๆ เขาบอก ภาษาฝึกได้ เกรดเป็นแค่ตัวเลขไม่ใช่เครื่องมือช่วยในการทำงาน สิ่งสำคัญคือ ทัศนะคติที่ดี และการเตรียมพร้อมที่จะเข้ามาเป็นมืออาชีพมากกว่า จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 00:32:32

ความคิดเห็นที่ 44 มันก็เป็นความเชื่อนะ อย่างสมัยตอนเรียน ม ปลาย รร วัดชานเมือง อ่อนภาษามากๆ ก็ไม่ชอบวิชาภาษา แล้วก็คิดว่า วิศวะเนี่ยแหละมีแต่คำนวณ ไม่ต้องท่อง ภาษาไม่สน ก็เลยสมัครเรียน พอเข้าเรียนก็ตาตั้ง หนังสือที่จะเรียน ก็เป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด ตอนนี้ก็รับกรรม ต่อไป นั่งอ่าน paper วันละหลายหน้า T T ทุกวันนี้ การใช้ภาษาอังกฤษ ถ้าไม่เฉพาะทางเนี่ย ก็ยังมีปัญหา ก็ต้องฝึกกันต่อไป ปัจจุบัน เวลารับน้องมาฝึกงาน ก็จะโยนงานที่เป็นภาษาอังกฤษ ให้อ่าน จะได้คุ้นเคยและฝึกไปในตัว อยากเตือนน้องๆว่า อย่าไปกลัวมัน ยังไงก็หนีมันไม่พ้นก็ รีบเจอสะแล้วผ่านไปให้ได้ จากคุณ : mtcu83 (mtcu83) เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 00:50:27

ความคิดเห็นที่ 45 เราเป็นเด็กที่ย้ายมาหลาย มหาวิทยาลัย อ่ะค่ะ เข้าไปแอบนั่งเรียนกับเพื่อนก็หลายที่ ก็ได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง มันต่างจริงๆ ทั้งรูปแบบ วิธีการ และ แนวคิด เราเข้าใจว่า สุดท้าย บริษัท จะเลือกใครสักคนเพื่อเข้ารับตำแหน่ง เวลาสัมภาษณ์ มันคงอยู่ที่ ความถูกชะตา ก็มีส่วนป่ะคะ แต่ บรรทัดฐาน เรื่อง สถานศึกษา หรือ ความนิยมชมชอบ ประสบการณ์ทางด้านดี ต่อสถาบันใดสถาบันหนึ่ง มันก็ส่งผลให้เกิด ความรุ้สึกดีไปและส่วนหนึ่ง จนบางครั้ง ทำให้ การเปิดใจต่อ คนอื่น ที่ไม่ใช่ น้อยลงก็ส่วนหนึ่งแล้วถูกต้องมั้ยค่ะ จากคุณ : idyzlesla เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 03:14:28

ความคิดเห็นที่ 46 คห 26 ผมฟังรู้เรื่องครับ ขนาดผมฟังค่อนข้างห่วย จากคุณ : crazydog19097 เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 06:19:51

ความคิดเห็นที่ 47 ญี่ปุ่น เท่าที่เจอฟังง่ายนะ แต่ ถ้าพวกออสซี่ อินเดียมานี้ปวดกบาลทุกที จากคุณ : mtcu83 เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 08:18:16

ความคิดเห็นที่ 48 ผมว่าเรื่องภาษานี่ อยู่ที่การให้ความสำคัญส่วนบุคคลครับ สถาบัน คงไม่ได้เน้นที่เรื่องแกรมม่าครับ ตอนเรียนก็เรียนในเท็กซ์บุคนะครับ แต่เค้าก็คงไม่ได้เน้นเรื่องการพูดน่ะครับ เรื่องทรรศนคตินี่พูดยากครับ เพราะขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัย สิ่งแวดล้อม การปรับตัว ของตัวบุคคลครับ เรื่องการทำงานเก่งไม่เก่งนี่วัดยากครับ ถ้ายังไม่ได้ลองให้ลงมือทำ จากคุณ : Kazai เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 09:41:38

ความคิดเห็นที่ 49 เอ้า!! ไปทำงานกันได้แล้ว จากคุณ : ท่านประธานบริบท (FangenZa) เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 10:12:42

ความคิดเห็นที่ 50 เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้อะ...   ถ้าเป็นผม ผมจะปรับปรุงตัวหรือพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่หาข้อแก้ตัวเหมือนหลายๆ คห.ในนี้อะ จากคุณ : Ploeauer เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 10:14:42

ความคิดเห็นที่ 51 ห่ะๆๆๆ อ่านแล้วนึกขำเหตุการณ์ที่เจอมาล่าสุด ไปนั่งเล่นเนตอยู่บริเวณล็อบบี้โรงแรมที่เซี่ยงไฮ้ ก็มีหนุ่มไทยเดินมาถามว่า "ยู้ๆ ท้อยเล้ดส์" แหงนหน้าขึ้นมอง (มันถามกรูนี่หว่า) เลยตอบไปว่า "ตรงโน้นมั้งคะ ไม่ทราบเหมือนกัน" เค้าก็ตกใจว่าพูดภาษาไทยได้ เลยบอกไปว่าเป็นคนไทยค่ะ เห็นเค้าพราวลี่พรีเซนต์ว่าเค้ามากับคณะนักศึกษาปริญญาโท โน้นนี่นั้น บลาๆๆๆๆ เออ กรูหมดศรัทธากับนักศึกษาปริญญาโท กับคำว่า "ยู้ๆ ท้อยเล้ดส์" เนี่ยอะแหละ เรียนแทบตายมาดูงานตั้งเมืองนอกเมืองนา ภาษาเจือกได้แค่เนี้ย??? ส่วนการเลือกคนเข้าทำงาน เราไม่ต้องการคนเก่งค่ะ เราต้องการคนที่เค้าทำงานได้ ไม่เรื่องมาก ไม่อีโก้สูง ขอแบบคุยรู้เรื่องเป็นพอ จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 10:59:31

ความคิดเห็นที่ 52 วิศวะ ...(ตามปกติ) ภาษาจะไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว เรียนไม่กี่ตัว ขึ้นอยู่กับพื้นฐานความรู้เดิมส่วนใหญ่ + ความพยายาม แต่สมัยนี้ยิ่งแย่เข้าไปอีก เพราะตำราเอามาแปลไทยหมด (ผมก็อ่านเพราะอ่าน text ไม่ทัน) แต่วิชาไหนไม่มีแปลก็ต้องทนอ่านอังกฤษ ซึ่งมันช่วยได้เยอะนะ โปรเจคจบ ... มันบอกอะไรได้หลายอย่าง และเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะต่อยอดเอาไปทำ Thesis ก็ได้ และผมก็เคยเป็นเด็กวิศวะจบใหม่ ที่ได้งานเพราะใช้ภาษาอังกฤษได้ดีกว่าคนอื่น และ ทำโปรเจคที่น่าสนใจ ผมไม่อยากให้เป็นประเด็นสถาบัน แต่ยอมรับว่า เด็กสมัยนี้ที่ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้เป็นส่วนน้อยจริงๆ จากคุณ : realp** เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 11:33:34

ความคิดเห็นที่ 53 เข้ามาอ่าน แล้วก็ออกไปแบบงงๆ จากคุณ : มองโลกในแง่ร้าย เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 13:08:14

ความคิดเห็นที่ 54 สัมภาษณ์ 18 คนในวันเดียวถือว่าเก่งมาก ของผมนัดมาวันนึง 14 คนนี่ก็จะอ๊วกแล้ว มาจริงไม่ถึง 50% (ไม่มาก็ไม่ตามครับ เพราะว่าถือว่าสอบตกเรื่องความรับผิดชอบ) จากคุณ : QuickSun เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 15:10:39

ความคิดเห็นที่ 55 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 55 22:18:32 จากคุณ : bharot เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 22:18:01

ความคิดเห็นที่ 56 ใครๆมักคิดไปว่า การตอบคำถามได้ดีจะช่วยให้เราได้งาน แต่ผู้เชี่ยวชาญ แอนดรู ซอเบิล กลับบอกว่า ผู้ที่ถามคำถามได้น่าประทับใจมีโอกาสได้งานมากกว่า เมื่อถูกถามว่า มีคำถามอะไรไหม? คนส่วนใหญ่จะตอบว่า ไม่มีคำถามหรือไม่ก็ถามคำถามเห่ยๆ เช่น ที่นี่เขาทำอะไรกันบ้าง อย่างนี้เป็นต้น มีน้อยคนมากๆที่ถามคำถามได้น่าประทับใจ Sobel สังเกตเห็นว่า การตั้งคำถาม ที่กระตุ้นให้เกิดความคิดที่น่าสนใจ จะทำให้ผู้ถามดูโดดเด่นกว่าคนทั่วๆไป คำถามที่ดีน่าเป็นอย่างนี้ 6 คำถามเพื่อสัมภาษณ์-ผู้สัมภาษณ์ อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้จะไปสัมภาษณ์งานบ้าง  จากคุณ : bharot เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 22:23:51

ความคิดเห็นที่ 57 จาก เด็กสายวิทย์ แบบฮาร์ด มาต่อโท สายพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทำให้รู้ว่า.... recruit ห่วยๆ มีเยอะมาก ทั้งที่ไปสัมภาษณ์เอง สมัยป.ตรี ... และในปัจจุบัน บางคน เขียน Job spec. ลงในเว็บ ยังเขียนไม่ถูกเลย ไม่ชัดเจน คนมาสมัครก็มากันพรึ่บ...สุดท้าย ก็ไม่เอาเขา  ก็งงไป บางคนสัมภาษณ์อะไรก็ไม่รู้ หน้าตาก็แสดงออกชัดเจน พูดจาหมาไม่แ.. บางคนเต๊ะท่า...วางมาด สุดฤทธิ์ (ไม่ได้หมั่นไส้ มันตลกมากกว่า) การดูทัศนคติ ถ้ายังไม่เชี่ยวชาญพอ แนะนำให้หาแบบทดสอบดีกว่า เพราะ มนุษย์เรา ทุกคนมีอคติ ทั้งนั้น แม้แต่คนที่สัมภาษณ์เองก็เถอะ สรุป เราว่า จขกท.  ตัดสินอะไรง่ายไปหน่อยค่ะ  และเราไม่ชอบแนวคิดแบบนี้ค่ะ ขออภัยที่ตรงค่ะ จากคุณ : MaybeYesMaybeNo เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 02:48:40

ความคิดเห็นที่ 58 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 06:41:43

ความคิดเห็นที่ 59 แต่เราว่าบางทีสถาบันก็ไม่ค่อยเกี่ยวนะ เช่นตอนเรียนเคยเข้าแคมป์เวิคช็อปกับเด็กหลายๆ มหาลัย เค้าน่าจะคัดเด็กหัวกะทิมาอ่ะ เพราะเป็นกิจกรรมที่ใหญ่ของสาขานี้พอตัว เราก็คาดหวังว่าพวก ม. Top 1-3 ต้องเก่งมากๆ เหมือนกัน เราเรียน ม. รัฐ ต่างจังหวัดนะ พอเข้าค่ายแล้วรู้เลยว่า เด็กพวกนี้ไม่เก่งเสมอไป คนที่เก่งกลับเป็นเด็ก ม. เปิด เราว่าเราเองยังรู้เรื่องมากกว่าเค้าด้วยซ้ำ มั่นใจจากการทำกิจกรรมในค่าย เหมือนทดลองงานอ่ะ ส่วนสำคัญเราว่าไม่อยู่ที่มหาลัย แต่อยู่ที่คนสอนมากกว่า เราว่าอาจารย์เราเก่งมากๆ และถ่ายทอดได้ดีมากๆ ด้วย แต่ม. ติดอันดับพวกนี้ พื้นฐานวิขาเบสิคทำได้ดีกว่า ไม่งั้นจะยื่นคะแนนผ่านได้ไง แต่วิชาเฉพาะไม่เสมอไป ยืนยัน จากคุณ : CuteBaby เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 06:49:52

ความคิดเห็นที่ 60 บริษัทญี่ปุ่นที่เราทำอยู่ก็ชอบรับเด็กจบใหม่ จมม.top 5 เกรด3.0+ พูดภาษาอังกฤษได้ แต่เงินเดือนน้อย เกิดปัญหามีการบ่นเรื่องเงินเดือนบ่อย เลยตอนหลังรับเด็กจบใหม่ ม.ไม่ดัง ภาษาอังกฤษไม่ต้อง เกรด2.0+ ก็พอ ให้เงินเดือนน้อยกว่าพวกม.top5ที่พูดอังกฤษได้ แต่เค้าทำงานเก่งมากเลย แม้ว่าไม่เก่งภาษา แถมไม่ค่อยลา ไม่ค่อยสาย แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 55 08:19:52 จากคุณ : Lalawolf เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 08:18:18

ความคิดเห็นที่ 61 เข้ามาเก็บข้อมูล ไว้ Adept เมื่อเจอกับตัว จากคุณ : คุณหนูผลไม้รูปไข่ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 10:54:03

ความคิดเห็นที่ 62 CU มีการกำหนดมาตราฐานภาษา ไว้ ส่วน SIIT เป็น นานาชาติ สองที่นี้เขามีเงินงบประมาณที่เอาไว้เลี้ยงตัวเองมหาศาล น่ะครับ เอา ม. อย่าง ราชภัฏ หรือ ม. ต่างจังหวัดไปเทียบไม่ได้หรอกครับ บางบริษัท มีงบประมาณในการจ้างงาน เด็กจบใหม่ด้วยเงินเดือน สองหมื่นกว่า อีก บริษัท มีงบจ้างหมื่นต้นต้น ในสาขาเดียวกัน ถ้าเด็กคนไหนไม่เลือกงานไม่เกี่ยงเงินเดือนเขาอาจจะหางานง่ายกว่า คนที่จบเกรดสูงจบจากที่ดีดี นะครับ ม. บางที่ไม่ดังอยู่ต่างจังหวัด  บางสาขาวิชา ไม่มีเด็กที่เรียนจบไปแล้วตกงานเลยก็มีเยอะครับ จากคุณ : นายสบายสบาย เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 14:28:32

ความคิดเห็นที่ 63 ผมเคยเชื่อว่า ไม่ต้องมหาลัยดังก็มีความสามารถทัดเทียม แต่สุดท้าย ขอบคุณ CU และ SIIT ที่ยังทำให้ผมมีตัวเลือกที่ดี คุณอยู่องค์กรไหนคะ จะได้บอกเด็กที่มหาวิทยาลัยที่ทำงานอยู่ไม่ต้องไปสมัคร เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกทั้ง2ฝ่ายกันเปล่าๆ จากคุณ : ตำบลสวนกล้วย เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 14:34:03

ความคิดเห็นที่ 64 มาไม่ทันชื่อมหาวิทยาลัยที่อ้างถึง จากคุณ : shimoho เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 15:31:34

ความคิดเห็นที่ 65 จากที่คุณ จขกท. กล่าวอ้างมา ก็จริงคะ อย่างมหาลัยบางมหาลัย เค้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษเท่าไร คือ อาจจะแค่มีเรียนภาษา สองสามตัว แล้วจบไป แต่อย่าลืมว่า พวก CU อันนี้ไม่รู้ แต่ SIIT เค้าเรียนแบบ อินเตอร์ คือเรียนทุกอย่าง เป็นภาษาอังกฤษ แม้แต่วิชาประวัติศาสตร์ไทย เค้ายังให้เรียนเป็นภาษาอังกฤษเลย เพราะเราเคยสอนวิชานี้ กับเพื่อนตอนสอบ ซึ่งเค้าเอาสไลด์มาให้ ว่าเนี่ยเค้าเรียนแบบนี้ เราอ่านแล้วแบบ เฮ้ยยยย ภาษาอิ๊งหมดเลยเนี่ยนะ ประวัติศาสตร์ไทย ><" ดังนั้นไม่แปลก ที่เค้าจะภาษาดีกว่าที่อื่นๆ ที่คุณกล่าวอ้างมาคะ จากคุณ : kanie22 เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 23:19:55

ความคิดเห็นที่ 66 ภาษาก็สำคัญนะครับ แต่แนวคิดนั้นสำคัญกว่า ภาษาฝึกกันได้ แต่แนวคิดไอเดียฝึกกันยาก ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่วัฒนธรรมในองค์กรนั้นๆด้วย จากคุณ : BEETONG เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 00:59:40

ความคิดเห็นที่ 67 วิศว ที่ CU เรียน Eng 2 ตัวตอนปี 1 ครับ ปีอื่นไม่มีเรียน แต่ได้หนังสือที่อาจารย์ใช้สอนจะเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจำเป็นต้องอ่าน เลยช่วยได้บ้าง จากคุณ : mtcu83 เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 08:13:59

ความคิดเห็นที่ 68 ผมเป็นผู้สัมภาษญ์งานมาก็เยอะ  ถูกสัมภาษณ์เองก็หลายครั้งตอนช่วงหางาน จากประสบการณ์ สรุปว่า สถาบัน และ เกรด เป็นตัวเลือกสำหรับเด็กจบใหม่ หรือ มีประสบการณ์ในการทำงานน้อย สำหรับผมมองว่า ทัศนคติและประสบการณ์ในสายงานนั้นๆ จะเป็นตัวบอกว่าคนคนนั้นจะได้งานที่สมัครหรือไม่ เรื่องภาษาถ้าสื่อสารได้ดี ก็จะมีโอกาสมากกว่า เพราะตำแหน่งบางตำแหน่งที่ต้องติดต่อกับลูกค้าต่างประเทศ ต้องใช้ภาษาอังกฤษ  แต่ถ้าคุณไม่ได้ภาษา โอกาสในการทำงานก็จะได้แค่ทำงานในสายงานทั่วๆไป จากคุณ : kob76 เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 08:41:14

ความคิดเห็นที่ 69 มหาวิทยาััลัยข้างต้น ต่อให้ไม่เรียน inter ก็เรียนแทบทุกอย่างด้วยภาษาอังกฤษ อย่างตัวเราเองเรียนมหาวิทยาลัยข้างต้นสายบริหาร ก็เรียนด้วยภาษาอังกฤษตลอด พอไปสัมภาษณ์งานหรืออ่าน text ก็เลยแทบไม่มีปัญหาด้านภาษาเลยค่ะ แม้แต่เพื่อนที่ตอนเรียนบ่นว่าภาษาตัวเองไม่ดี แต่พอไปเจอในอีกหลายๆมหาวิทยาลัย ก็ดููเหมือนว่า ใช้ภาษาได้ดีไปเลย แค่แชร์นะคะ เผื่อหลายๆที่จะนับไปปรับใ้ช้ เรียนมา 4 ปีเอกสารแทบไม่มีภาษาไทยเลย ยังไม่นับ text book หรือเคสต่างๆที่ต้องดิ้นรนไปหามาอ่านเอง ไม่งั้นสอบไม่ได้ด้วย จากคุณ : Queen 'Kz'* เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 12:37:31

ความคิดเห็นที่ 70 เรื่องสถาบันทำให้หลายๆคนคัน แต่ยอมรับกันดีกว่าครับว่ามาตรฐานต่างกันและเป็นตัวช่วยได้ครับสถาบันดีๆมีผลผลิตที่ได้คุณภาพมามากกว่าและมีแนวโน้มระดับยอดเยี่ยมมากกว่า สถาบันรองๆมีแนวโน้มผลิตได้มาตรฐานเดียวกันน้อยกว่ามีน้อยกว่าไม่ได้แปลว่าไม่มีแต่น้อยกว่าครับโอกาสได้บุคลากรที่ไม่ถึงเกณฑ์มีมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องความสามารถเชิงกว้างเช่นภาษาหรือการวิเคราะห์เชื่อมโยง เนื่องจากสถาบันแนวหน้าเน้นเรื่องเหล่านี้มากกว่าแค่จบไปทำงานในสายได้ แต่สถาบันรองๆเน้นจุดขายให้บ้ณฑิตทำงานได้หางานได้จึงเน้นตอบโจทย์ตลาดแรงงานส่วนมาก ทว่าการสัมภาษณ์คือโอกาสที่จะแสดงศักยภาพของผู้ยื่นสมัครครับโอกาสนี้จะทำลายกำแพงเหล่านั้นได้ เพียงแต่ผู้สัมภาษณ์ต้องศึกษาทักษะทางด้านนี้ด้วยคนใฝ่รู้ขวนขวายเพชรานันท์หรือ เปลอกเป็ทองหนองเต็มใบ แยกกันตรงนี้ ที่ท่านๆว่ามาว่าวัดไม่ได้เข้าไปแล้ววัดงานกันอยู่ดีเพราะ...... ระบบสัมภาษณ์คัดกรองไม่มีประสิทธิภาพครับ แยกแยะประเด็นนะครับว่าอะไรอย่าเอาอัตตามาใส่ จากคุณ : ตัวดำหลังอาน (ตัวดำหลังอาน) เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 10:01:34

ความคิดเห็นที่ 71 เราเห็นด้วยที่อยากให้ทุก ม. เน้นเรื่องภาษาอังกฤษ แต่บางคนที่เค้าเก่งมากๆ แต่อ่อนภาษามันก็เป็นไปได้นะคะ แต่เราอ่านข้อความคุณแล้ว รู้สึกว่าคุณเป็นคนที่มีความคิดคับแคบมาก ถ้ามี ม. ในดวงใจ ที่อยากได้อยู่แล้ว ก็ระบุไปเลยซิ พอเค้าหาคนที่จะมาสัมภาษณ์ไม่ตรง ม. ที่คุณอยากได้ คุณก็อคติ ติว่า ภาษาไม่ดี แล้วก็บอกว่า cu กับ siit ทำให้คุณมีตัวเลือกที่ดี พูดแบบนี้ เหมือนดูถูกสถาบันอื่นๆ มากเลยนะ คนที่เรียนสถาบันอื่น แล้วเก่งภาษา มีเยอะแยะ แต่คุณอาจไม่มีโอกาสได้สัมภาษณ์เค้าเท่านั้นเอง อย่าเอาความคิด และประสบการณ์กระจิดริดของคุณมาตัดสินหน่อยเลย จากคุณ : ขนมปังแยมส้ม เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 14:06:22

ความคิดเห็นที่ 72 ืทั้งหมด ผมแค่ยกตัวอย่าง ไม่มี ประเด็นอะไรทั้งนั้น เห็นน้องน้องช่วงนี้หางานกันเยอะ เผื่อเป็นประโยชน์ เท่านั้นเองครับ ผมไม่ได้จบจากสถาบันที่ผมได้กล่าวอ้างมา เพราะถ้าเป็นผมตอนจบใหม่มาสัมภาษณ์ โดยตัวเอง ก็คงตกรอบเหมือนกัน อยากให้กำลังใจน้องๆที่กำลังหางาน เพราะ ก็ยอมรับว่า ปฏิเสธคนเก่ง และดีไปหลายคน คนที่ใช่ของบริษัทหนึ่ง อาจเป็นคนที่ไม่ใช่ของอีกคนบริษัทหนึ่งก็ได้ แม้แต่ในบริษัทเดียวกัน คนที่ใช่ของผู้สัมภาษณ์รอบแรก อาจเป็นคนที่ไม่ใช่สำหรับผู้สัมภาษณ์รอบสอง เพราะหลายที คนที่ไม่ใช่ของผู้สัมภาษณ์รอบแรก เป็นอาจเป็นคนที่ผู้สัมภาษณ์รอบสองกำลังตามหาอยู่ก็ได้ someone for someone การที่สัมภาษณ์แล้วยังไม่ได้งาน ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีความสามารถ แต่ถ้าต้องการโอกาสที่มากกว่า คนอื่น ก็ควรพัฒนาตัวเองขึ้นๆไปอีก ภาษา ไม่ได้บอกว่าเก่งหรือไม่เก่ง แต่เพิ่มโอกาสให้ได้อย่างเห็นได้ชัด แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 23:17:12 จากคุณ : semi (Semi) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 23:12:55