ความคิดเห็นที่ 1 คงไม่ทุกคน หลายคนที่ผมรู้จัก ไม่ใด้เป็นอย่างที่ จขกท. เล่ามา จากคุณ : ดอกไม้ทะเล เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 21:42:58

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าไม่ใช้เงินซื้อ คุณก็ต้องปลูกข้าวผลิตปัจจัยเพื่อการมีชีวิตเองทุกอย่างเลยครับ จากคุณ : ศิษย์พี่ เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 21:47:00

ความคิดเห็นที่ 3 เงินจำเป็นเมื่อยามไม่มี แค่นั้น แต่ผมมองว่าที่เงินไม่พอส่วนมากมาจากการใช้จ่ายเกินตัว  จากคุณ : มารหุ้นแสวงพ่าย เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 21:51:07

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องปกติของโลก เพียงแต่อยู่กับมัน ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เป็นไป มันก็อยู่ได้ มีทางเดียว ไม่อยากดิ้นรนอะไรมากมายก็ บวช ประเทศนี้มีทางเลิอกเยอะ จากคุณ : mak2010 เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 22:01:16

ความคิดเห็นที่ 5 เพราะเราอยู่กันเป็นแบบสังคม  ถ้าเราอยากกินข้าวผัดปู ก็ต้องมีคนนึงปลูกข้าว อีกคนนึงจับปูมาให้เราแลกกับเงินที่เราจ่ายไป  ส่วนคนเหล่านั้นถ้าต้องการของๆเราก็จะจ่ายกลับให้เรา **เราจึงสะสมเงินได้เยอะถ้า 1.เราอยากได้น้อยๆๆ(ประหยัด)  แต่มีคนอยากได้ของๆเราเยอะๆ 2.เราอยากได้มากๆ และมีคนอยากได้ของๆเรามากๆกว่า -แต่ก็น่าคิดว่า ตอนที่น้ำท่วมใหญ่ของหายหมดเซเว่น ถึงแม้เราอยากได้ของมากและมีเงินมากแต่ก็ไม่ได้รับของตอบสนองความต้องการเพราะของหมด! แต่กลับได้ของมาช่วยชีวิตจากน้ำใจและการแบ่งปันจากคนอื่นๆ -นั่นก็แสดงให้เห็นว่านอกจากจะหาเงินแล้วควรหาสินทรัพย์ที่มองไม่เห็นเหล่านี้ด้วยนั่นก็คือ คุณธรรมและความดีทั้งหลายครับ... จากคุณ : sukhumvit93 เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 22:44:36

ความคิดเห็นที่ 6 แนะนำ ให้ไปดูหนังเรื่อง In Time ครับ แล้วจะรู้ว่า ถ้าเอาอย่างอื่นมาแทนเงิน เช่น เวลา คุณก็ต้องการมันมากขึ้น และ จะเข้าใจมากขึ้น ถ้าคิดเป็น จากคุณ : love_vinai เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 23:00:01

ความคิดเห็นที่ 7 เกษตรกรไม่เอา เกษตรทฤษฏีใหม่ ของพระเจ้าอยู่หัว ไปทำครับ ชีวิตจึงต้องเป็นทาสเงินอย่างนั้น จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 08:14:56

ความคิดเห็นที่ 8 อยู่บ้านค่าน้ำ ค่าไฟ ออกไป ค่าน้ำมัน...ใครๆก็ต้องจ่าย จากคุณ : เบนบ้านคลอง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 09:05:00

ความคิดเห็นที่ 9 เราควรพยายาม ลคความเป็น "วัตถุนิยม" ไปเรื่อยๆ เวลาจะซื้ออะไรมาใช้ คิดก่อนว่ามันจำเป็นกับชีวิตไหม จำเป็นต้องเป็นหนี้เขาไหม วางแผนชีวิต เก็บเงินไว้ก้อนนึง ไว้ใช้ยามฉุกเฉินและยามแก่เฒ่า ชีวิตในปัจจุบัน อาจหนีเงินไม่พ้น แต่เราต้องรู้จักจัดการกับมัน อย่าให้มันมามีอำนาจเหนือเรา จากคุณ : ยัยก้อย เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 10:37:17

ความคิดเห็นที่ 10 เวลาเจ็บป่วยหนัก หนัก มันก็ต้องใช้เงิน  (◕‿◕✿) ดังนั้น จึงต้องทำงานต่อไป จริงไหมค่ะ??? จากคุณ : ปาดศรี เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 10:37:24

ความคิดเห็นที่ 11 ชีวิตผูกกับการใช้เงิน ก็ต้องรู้จักหา รู้จักใช้และบริหารเงินให้เป็น ทำงานสร้างตน สร้างอาชีพได้แล้ว ต้องรู้จักสร้างทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซักวันหนึ่งทรัพย์สินที่หามาได้ก็จะทำงานแทนเราเสมือนคน 10 คนมาช่วยทำงานแทนเรา การบริหารเงินที่หามาได้ ก็ควรจัดสรร แบ่งเป็นเงินเก็บ50% ใช้สอย 25% ใช้เพื่องานสังคม เอ็นเตอร์เทนและโอกาสของการเรียนรู้ 25% คนที่บริหารเงินเก่งๆ จะไม่ค่อยมีภาระหนี้สิน เพราะก่อนจะซื้ออะไรเข้ามาใช้ เขามอง ว่ามันคือ ภาระหนี้สิน หากซื้อมาแล้วมันไม่ก่อให้เกิดเประโยชน์หรือสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ส่วนเรื่องการทำงานก็ต้องรู้จักทำงานด้วยความขยันและอดทน มีวิธีการทำงาน ด้วยความชาญฉลาด รู้จักพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น ความเป็นอยู่ของเราก็็จะดียิ่งขึ้น ไม่มีใครติดกับดักหรือบ่วงชีวิตของใคร นอกจากเราทำตัวของเราเองครับ จากคุณ : MPB เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 11:13:10 A:223.205.33.158 X: TicketID:315677

ความคิดเห็นที่ 12 วัตถุนิยม  ความ ฟุงเฟ้อ คือ กับดักนายทุนที่ ทำให้เราต้องก้หน้าก้มตาทำงาน ส่งหนี้กันไป จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 14:16:40

ความคิดเห็นที่ 13 สังคมเขากำหนดให้ใช้ระบบเงินตราเพื่อเป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยน ดังนั้นหากต้องการอะไรจึงต้องใช้เงินซื้อก็ถูกต้องแล้วหละ แต่วิธีการหาให้ได้มาซึ่งเงินทองนี่สิ จะทำอย่างไรให้หามาแล้วพอใช้จ่าย มันก็ขึ้นกับการบริหารเงินของแต่ละคน หากคิดได้ว่ามีน้อยใช้น้อย ก็ไม่มีหนี้สิน แต่หากคิดไม่ได้อยากมีอยากได้ ก็จะพบกันหนี้สิน เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ทั้ง ๆ ที่บางครั้งก็รู้น่ะว่าไม่จำเป็น แต่ "อยาก" เลยเป็นหนี้ หากเราได้ศึกษาประวัติชีวิตของคนเคยจนมาแล้วมารวยภายหลัง จะเห็นว่าหลาย ๆ คนเลือกที่จะใช้ชีวิตไม่หรูหราฟุ่มเฟือย เพื่อให้มีเงินออม ซึ่งก็ทำได้ไม่ยากนัก หากเราฝึกให้ตัวเองมีวินัย ลองหาอ่านดูค่ะ แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 55 15:32:08 จากคุณ : Dr.modx เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 14:28:29

ความคิดเห็นที่ 14 ... แวะมาดู จากคุณ : ดาราวิปลาส เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 15:04:50

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยค่ะ เรื่องเงินนี่มันเรื่องใหญ่จริงๆ นะ ตอนนี้ลาออกมาทำงานกับที่บ้าน ได้เงินเดือนน้อยลงตั้งเกินครึ่ง รู้สึกเสียดายเงินเดือนเก่าขึ้นมาตะหงิดๆ เพราะรายจ่ายมันยังเท่าเดิม แต่ ดีตรงที่มันได้เวลามากขึ้น แลกกับเงินที่น้อยลง เราว่ามันก็ออกจะคุ้มอยู่ (แม้ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้เลยจริงๆ ก็เหอะ T-T) จากคุณ : Jemie_A เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 15:21:50

ความคิดเห็นที่ 16 ถูกต้อง  ทุกวันนี้จะมีใครปฏิเสธไหมว่าทำงานไม่แลก "เงิน" จากคุณ : ส้นสูงสีชมพู เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 15:31:51

ความคิดเห็นที่ 17 คุณค่าของแต่ละสิ่ง ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของความสำคัญ ที่เรามอบให้มันค่ะ ให้มาก ก้อ สำคัญมาก ให้น้อยก้อสำคัญน้อยค่ะ ทุกข์สุขขึ้นกับมุมมอง ของผู้นั้นค่ะ.. ตัวดเราก้อให้ความสำคัญนะ  อิอิ จากคุณ : Beth-B เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 15:45:30

ความคิดเห็นที่ 18 ทำไมชีวิต มันผูกอยู่กับการเก็บแต่เงิน ไม่ใช่ไม่อยากใช้เงิน แต่รู้สึกว่า ชีวิต มันต้องผูกกับการเก็บเงินทุกเรื่อง อยากมี กิน ใช้ อะไร ก็ต้องเก็บเงินทั้งนั้น ทุกวันมีกิน-ใช้ ก็เพราะได้ทำงาน เมื่อได้ทำงานจึงมีเงินเก็บเพื่อใช้ ซื้อ-กิน-อยู่ แต่ถ้าตัวเองตกงานเมื่อไหร่ เงินที่เก็บไว้ จะพอเพียงกับการมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี พื้นฐานของคนเรา คือปัจจัย 4 แต่สังคมปัจจุบันมันถูกบังคับว่าต้องหาเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อความสุข ความต้องการของตัวเอง แม้แต่ชาวไร่ ทำไร่เสร็จ ขายผลเก็บเกี่ยวได้แล้ว ก็ต้องเก็บเงินส่วนนึง เพื่อไว้ประกันตัวเองยามเจ็บไข้ได้ป่วย หรือส่งลูกหลานเรียนสูงๆ นั่นสำหรับ ชาวนาบางคนมีนาทำ แต่บางครั้ง ชาวนาส่วนใหญ่ถ้าเก็บเงินได้เยอะๆ ไม่ไปเล่นการพนัน สุรา เมายา ก็ออกเอาเงินปลูกบ้าน ซื้อที่ดินเพื่อความสุขเล็กน้อยของตนเอง ได้ ผมเห็นผู้คนมากหลากหลายคน ต้องทำงาน แต่ถามว่าจะทำให้รวยไหม ไม่เลย เหมือนลูกจ้างเหล่านั้น เขาไม่ได้คำนวณ นอกกรอบ ว่าให้คุณโดนจำกัดอยู่เท่านี้แหล่ะ เพื่อให้ชีวิตเป็นแค่ลูกจ้างตลอดไป รับจ้างกันจนแก่ อยากได้อะไร ก็ ผ่อนกัน ถ้าคิดกันอย่างนั้น ทำงานปีนึง โดยเฉลี่ย ก็ไม่มีปัญญาได้รถคันใหม่หรอก เห็นเด็กจบใหม่ ดิ้นรนสมัครงานกัน ดูเหมือนว่า เขากำลังวิ่งเข้าระบบที่เขาวางไว้ หรือ เหมือนกำลังวิ่งเข้าหาสังคมใหม่ แต่เพื่ออนาคต เขาก็ต้องมีประสบการณ์ในการทำงาน ดีกว่าจะนั่งอยู่บ้านแล้วไม่ดิ้นรนอะไรเลย ยิ่งได้ทำงานใหม่ เขาจะตื่นเต้นกันมาก ถ้าใครได้ตำแหน่งงานดีๆกัน พอนัดเลี้ยงรุ่น หรือวันนัดไปซ้อมรับปริญญา ก็จะเท่ห์มาก แต่หารู้ไม่ว่า ทุกวันนี้ข้าวแกงจานล่ะเท่าไหร่แล้ว ต่อมาอยากได้มือถือใหม่ อ๊ะ ระบบบัตรเงินสดเข้ามา เพื่อความเท่ห์อินเทรน ก็ไปรูดมาใช้ สุดท้ายก็ติดกับดักเข้าวังวนของการทำงานเลี้ยงพวกสถาบันการเงิน เห้อ.. ชีวิตมันช่างน่าเบื่อนะครับ ถ้าชีวิตผูกติดอยู่กับการใช้เงิน . . . . . แต่ไม่มีเงินเก็บ จากคุณ : A.R.T. เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:34:54

ความคิดเห็นที่ 19 เพราะเราอยู่ในระบบเศรษฐกิจทุนนิยมไงครับถึงนิยมเคารพยกย่องบูชาแต่เรื่องทุนหรือเงิน ถ้าเราอยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบอื่นเช่นระบบเศรษฐกิจคอมมิวนิสต์ เงินก็ไม่มีความหมาย จากคุณ : <SportivO> เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 16:59:42

ความคิดเห็นที่ 20 จากคำถามที่หัวกระทู้ มันเป็นระบบของโลกนี้ครับอยากได้อะไรก็ต้องมีอะไรไปแลก ไม่มีอะไรที่ฟรี แล้วระบบเงินตราก็เป็นระบบที่มนุษย์พัฒนากันมาเื่พื่อให้เป็นมาตรฐาน คิดดูว่าถ้าคุณไม่ใช้เงินแล้วจะทำอย่างไร อยากซื้อมือถือทีต้องเอาหมูไปแลก ขนไก่ ขนข้าวไปแลกอย่างนั้นหรือ ถ้านายจ้างจะจ่ายลูกจ้างเป็นอะไร จ่ายเป็นข้าว เป็นที่อยู่เป็นอาหาร แล้วนายจ้างจะเอาอะไรไปแลกเพื่อให้ได้ที่อยู่และอาหาร ระบบเงินตราเนี่ยแหละที่ทำให้โลกพัฒนามาจนถึงตอนนี้ ทำให้มีคอมใช้งาน ทำให้มีการสือสารกัน เพราะแข่งขันกันเพื่อให้ได้เงินตราเนี่ยแหละ ใช่ครับชีวิตมันน่าเบื่อ ทำงานหาเงิน ใช้เงินดำรงชีวิต หาเงินอีก เขาถึงมีกิจกรรมเพิ่มสีสันชีวิต ถ่ายรูป ตกปลา ดูหนัง เขาถึงมีหนังสือ กิจกรรม ที่ทำให้คุณเปลี่ยนวิธีคิดให้ชีวิตไม่น่าเบื่อ ซึ่งก็เป็นวิธีหาเงินของเขาเหมือนกัน โลกนี้ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แข่งกันที่ความสามารถ ประสบการณ์ กิ๋น และดวง ใครมีมากก็มีโอกาสได้มาก ใีครมีโอกาสมากก็มีโอกาสแบ่งปันมาก ถ้าอยากหลุดพ้นจากเงินก็ำทำตามข้อใดข้อหนึ่ง 1) ก็ไม่ต้องไปมีปฏิสัมพันธ์กับใคร ปลุกข้าวหาอาหาร หาน้ำ เอาไปแลกเสื้อผ้า ดำรงชีวิตไปเอา (ซึ่งมันก็น่าเบื่ออยู่ดี) 2) เกาะคนมีเงินไป ใครเกาะแก่งก็ยิ่งสบาย ไม่เหนื่อย ใช้เงินอย่างเดียวชีวิต 3) ออกบวช เข้าวัด 4) สร้างตัวเองให้เก่งจนหลุดพ้นจากบ่วงเงิน ได้ผลตอบแทนเพียงพอและยั่งยืนกับการดำรงชีวิต หรือข้ออื่น ๆ เท่าที่จะคิดได้ จากคุณ : hellmoon เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 17:22:53

ความคิดเห็นที่ 21 ตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจนครับ อย่าให้ระบบห่วยๆกลืนกินเรา อาจจะต้องใช้เวลา แต่เราหลุดจากระบบนี้ได้ครับ ผมจบสถาปัตย์มาเมื่อ 4ปีที่แล้ว ได้งานทำใน บ.ต่างชาติ บ.หนึ่ง รุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ด้วยกันบ่นเบื่อ กทม.ๆๆอยากออกๆๆ แต่ไปไหนไม่ได้ เพราะติดเรื่องเงินเหมือนที่ จขกท ยกตย.มา สุดท้ายก็อยู่ในวังวน ผ่อนคอนโด ผอนรถ ผ่อนแม้กระทั่งมือถือ ผมทำงานในกทม มา4ปีแล้วครับ ผมไม่มีไอโฟน ไม่มีหนี้บัตรเงินสด ไม่มีหนี้บัตรเครดิต เก็บเงินจากเงินเดือน+โบนัส+งานนอก  ตั้งเป้าหมายจะมาเป็น อ.ที่มหาวิทยาลัยต่างจังหวัดใกล้ๆบ้าน อีก ไม่กี่เดือนผมจะไปเรียนต่อเเล้วครับ ด้วยเงินเก็บนี่แหละ จะกลับมาเป็น อ.มหาวิทยาลัยตจว ขับมอไซค์ไปสอน รับงานนอกก๊อกแก๊ก แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ออกจากวงจรซะที จากคุณ : la..la..means เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 18:21:24

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่ใช่คุณหรือที่เลือกจะเข้าไปอยู่ในวังวนนั้น จริงๆ แล้วคุณเลือกได้ แต่คุณเลือกที่จะเข้าไปอยู่เองค่ะ จากคุณ : jairm เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 18:46:36

ความคิดเห็นที่ 23 บางคนชีวิตไม่ได้ผูกด้วยเงิน 100% ก็มีนะครับ ญาติผม เป็นชาวนาครับ ทำเกษตรตามแนวพ่อหลวงของเรามานานแล้ว อยู่อย่างพอเพียง อยู่ไปอยู่มา รวยกว่าผมอีกครับ ผมไปบ้านเขา เขาปลูกข้าวกินเอง เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เลี้ยงหมูกินเอง เหลือก็ขาย มีสวนผลไม้ให้กินแบบเต็มที่ (แต่หลังน้ำท่วม ผลไม้ตายไปเยอะเลยครับแหะๆ) ผมเห็นเขาใช้เงินแค่ไปซื้อ พวกน้ำยาล้างจานกับ สบู่อะไรพวกนี้แค่นั้นน่ะครับ นอกนั้นก็หากินในบ้าน เอาผลไม้ไปให้เพื่อนบ้าน ดูแล้วสุขสงบดีครับ ผมยังอิจฉาเขาเลย ^^ ปล.เขาส่งลูกๆ เขาเรียนจบกันหมดแล้วครับ ลูกเขาจบเกี่ยวกับ การเกษตร ตอนนี้จบโท บริหาร น่ะครับ ปล2. ผมก็ยังอยู่ใน วังวนแห่งเงินอยุ่เหมือนกันน่ะครับ แหะๆ จากคุณ : ม้าดีกำลังเยี่ยม เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 18:55:13

ความคิดเห็นที่ 24 คืองี้ครับพี่ มันเป็นเรื่องของระบบแลกเปลี่ยนน่ะครับ ก็วิวัฒ กันมาตั้งแต่ เก็บของป่าล่าสัตว์ ยุคปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เอาของแลกของ ระบบเงินตราเบื้องต้น ระบบทองคำ จนมาถึงยุคปฏิบัติอุตสาหกรรม แล้วก็ยุค ปัจจุบัน เทคโนโลยี อ่ะครับ ถ้าเราไม่ใช้เงินแลกเปลี่ยนก็ได้ครับ แต่เราต้องสามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานของเราได้ อันนี้แล้วก็วิธีการของแต่ละคนอ่ะครับ เช่น อาจจะฉีกไปเศรษฐกิจพอเพียง ทำไร่แบบผสม อ่ะครับ ที่คุณพูดว่าน่าเบื่อ มันก้จริงครับ มันน่าเบื่อมาก มันเหมือนเล่นบิลเลียดซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่มีวันจบสิ้นครับ แต่ช้าก่อนครับ สงบใจก่อน คุณอาจจะเหนื่อย เบื่อท้อ ใจเย็น ๆ ครับ ถ้าคุณมองหาหนทางสร้างเงินเยอะ ค่อยๆ ศึกษาเรื่องธุรกิจ และการลงทุนดีไหมครับ หลายคนเค้าก็เบื่อหน่ายแบบคุณแหละ แต่เค้าบ่น แล้วเค้าก็ลงมือทำ แก้ไขความเบื่อไปทีละนิดไงครับ เช่น วางเป้าหมายชีวิต ว่าต้องมีธุรกิจของตนเอง คุณถามว่า ก็ไม่มีเงินอ่ะ จะให้ทำไง ใจเย็น ๆ ครับ ลองมองหา 1.คุณมีหลักทรัพย์ที่สามารถนำไปใช้เป็น หลักประกันวงเงินกับสถาบันการเงินได้ไหม 2.มีใครใจดีให้คุณยืมบ้าง พ่อแม่พี่น้อง อะไรก็ว่าไป 3.สินทรัพย์ที่คุณไม่ได้ใช้ ก็ปล่อยขายไปครับ นำเงินสดเข้ามาเตรียมสร้างธุรกิจ 4.เริ่มธุรกิจจาก มองหาหุ้นส่วน หรือ Partner ก็ได้นะ จริงๆ แล้วมีเงินอย่างเดียวไม่พอหรอกครับ ต้องมี Know how, Key Success ด้วยครับ จะให้ดี มี ประสบการณ์ด้วยก็ได้ คือ ที่ผมกล่าวมานี่ ก็คือว่า เราไปเปลี่ยนโลกทั้งใบไม่ได้ไงครับ แต่แค่พยายามมองหาหนทางว่าทำอย่างไร จึงจะอยู่รอดน่ะครับ สัตว์โลกจะอยู่รอด ต้องรู้จักปรับตัว ชีวิตต้องสู้ จึงจะชนะ จงบ่นเพื่อระบายความเครียด แต่อย่าใช้การบ่นในการแก้ปัญหา เพราะการแก้ปัญหา ต้องลงมือทำครับ "ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลง คุณต้องเริ่มเปลี่ยนแปลง" ครับ จากคุณ : mix_more เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 19:10:13

ความคิดเห็นที่ 25 เคยเจอคนที่ไม่รู้จะเอาเงินไปซื้ออะไรไหมคะ เราเข้าข่ายนั้น ไม่เห็นจะอยากได้อะไรเลย ของกิน มีอะไรก็กินได้ แต่จะดีมาก ถ้าเป็นมังสะวิรัติ ส่วนของใช้ ก็เท่าที่จำเป็น หมดหรือเสีย เมื่อไรค่อยหาซื้อ ของที่อยากได้ที่สุด คือ บ้าน ก็เก็บเงิน 10 ปีได้เงินสดสองล้าน สร้างบ้านไปเมื่อห้าปีก่อน เราสามีภรรยา เป็นข้าราชการทั้งคู่ แต่เงินเก็บเยอะมาก มาเพิ่ม ไม่รู้ว่าใครเป็นแบบเราบ้างไหม เรามีความสุขกับการใช้ให้หมด  ไม่ใช่ได้มา เช่น ใช้ปากกาแท่งหนึ่งหมดได้ ปลื้มใจมาก       ใช้ลิปสติค แป้ง กระเป๋า เสื้อผ้า จนหมด หรือเก่าที่สุด ก็จะพอใจมาก ของจะซื้อใหม่ ก็เพื่อทดแทนอันเก่า ซื้อเสื้อผ้ามาใหม่ 1 ชุด ก็ต้องไปค้นชุดเก่า เอาไปบริจาค 1 ชุด ไม่เห็นประโยชน์ของการสะสม แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 55 11:43:25 จากคุณ : แม่น้องหยง เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 19:14:40

ความคิดเห็นที่ 26 จากใจจริงของผมเลยนะ ผมอยากมีชีวิตแบบสมัยก่อน ก่อนประวัติศาสตร์อะไรแบบนี้น่ะ สร้างอาวุธ  สะกดรอย ต่อสู้ กิน มีความภาคภูมิใจ โลกยังมีความสดใหม่ อยากมีชีวิตแบบนั้นจังเลย จากคุณ : เฮียเลือด เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:06:48

ความคิดเห็นที่ 27 เฮียเลือดครับ จริงๆ เราทุกคนอาจจะเคยใช้ชีวิตผ่านยุคนั้นกันมาแล้วอ่ะครับ แต่ตายแล้วเกิดใหม่มาเป็นปัจจุบันอ่ะครับ จากคุณ : mix_more เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:15:00

ความคิดเห็นที่ 28 ชีวิตคนเรา มันก็มีเท่านี้เหละครับ ทำงาน หาเงิน ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน แต่งงาน มีลูก แล้วก็ตาย แต่มันขึ้นอยู่กับว่าคุณหาความสุขจากรูปแบบเหล่านี้ได้หรือเปล่า สิ่งเหล่านี้เราคงหนีไม่พ้นหรอกครับ ทุกคนก็ต้องเจอ แต่เราก็ต้องยอมรับและปรับตัวให้ได้เท่านั้นเองครับ จากคุณ : โดน-บัง-จิง-ดิ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:19:29

ความคิดเห็นที่ 29 คุณต้องออกบวชแล้วหละฮะ จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:42:11

ความคิดเห็นที่ 30 เรื่องที่คุณเล่ามามันเหมือนจะค้านกับชีวประวัติของเจ้าสัวหลายๆท่านนะครับ จากคุณ : lARtZnolASt เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:42:54

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าไม่เสมอไปนะครับ คนที่เจ้าของกระทู้บอกมาคือ - คนที่ต้นทุนทางสังคมน้อย โอกาสในชีวิตมีไม่มากเงินเดือนพอกินพอใช้ หรือ - คนที่ไม่รู้จักพอ ดังนั้นหากเราวางแผนชีวิตดี รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร กำลังมีเท่าไหร่ จะพัฒนาตัวเองยังไง เราจะหลุดจากวงจรอุบาทว์ได้ แม้จะเป็นลูกจ้างก็เหอะ คนเราถ้าเอาชนะตัวเองได้ ไม่ตกไม่สู่ความโลภ อยากมี อยากได้ ไปหมด ความเจริญก็เข้ามาเองแหละครับ จากคุณ : TurnTheLightOn เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 20:53:40

ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อก่อนก็เป็นแบบนั้นค่ะ  ต้องใช้เงินซื้อความสุขมา  แล้วก็ก้มหน้าก้มตาหาเงินมาซื้อของแบรน เนมต่อไป  บางทีซื้อมาแล้วก็เก็บจนลืม  มาเจออีกทีอ้าว ซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทุกวันนี้ สามารถอยู่แบบมีความสุขโดยไม่ต้องใช้เงินมากมาย  ผักผลไม้ก็ปลูกเอง  ทานก็ น้อยลง  เลิกshop เลิกแต่งตัวฟู่ฟ่า    เงินได้ลดลง เงินใช้ลดลง เงินเหลือมากขึ้นมั้ง  แต่ที่แน่ๆชีวิตมีความสุขขึ้นมากแบบที่คิดไม่ถึงเลยค่ะ จากคุณ : ฮีวอน เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 21:43:25

ความคิดเห็นที่ 33 เราต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์ครับ ต้องปรับเปลี่ยนแพลตฟรอ์มการใช้ชีวิต  เพราะสิ่งที่เราติดกับดังทุกวันนี้ก็เพราะเราทำตามๆกันมานั้นหละ จากคุณ : ปุ้มปุ้ยปูเป้ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 21:43:41

ความคิดเห็นที่ 34 สิ่งที่น่ากลัวคือเรื่องสุขภาพครับ เคยไม่สบายปวดท้องเข้าร.พ. โดนไปวันละหมื่นห้า โชคดีมีประกันฯ อดออมเก็บมาแทบตาย หายไปในไม่กี่วัน จากคุณ : -zzz- เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 22:27:21

ความคิดเห็นที่ 35 ใครๆก็ต้องเงินทั้งนั้น จากคุณ : lovehappiness เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 22:42:31

ความคิดเห็นที่ 36 กิเลศครับ วัตถุนิยมครับ ฟุ้งเฟ้อครับ ลองไม่มีพวกนี้อยู่ในหัวสิครับ เดือนละ 3000 ก็อยู่ได้ (ค่ากินนะครับ) จากคุณ : oHmmzLoVE เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 23:34:21

ความคิดเห็นที่ 37 ขออนุญาต แชร์ ครับ ^ ^ จากคุณ : มาไม่บ่อย อยู่ไม่เบื่อ เขียนเมื่อ : 2 เม.ย. 55 23:58:35

ความคิดเห็นที่ 38 เราอาจจะอยู่โดยไม่ใช้งเิงินได้ แต่ลูกจะให้เรียนหนังสือไหม พ่อแม่ถ้าเราป่วยหล่ะ คนในครอบครัวเกิดอุบัติเหตุ เราใช้เงินบางครั้งมันก้ไม่ใช่เพื่อตัวเรา จากคุณ : ดอกหญ้าสีฝุ่น เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 00:06:40

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านมาหลังๆ รู้สึกจะดูถูกเด็กสมัยนี้เลย แต่มันก็จริงอยู่นะ เรื่องบัตรเครดิตนี่ อยู่ที่ใจของแต่ละคนจริงๆ จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 01:03:32

ความคิดเห็นที่ 40 Marx จากคุณ : ฉันเป็นหนู ฉันเป็นหนูฉลาด เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 02:25:12

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าถึงขนาดไม่อยากจะใช้เงินเลย แนะนำว่า  ไปอยู่ป่าเถอะพี่ อ่อ..เลือกป่าให้ดีนะพี่ เดี๋ยวเจอข้อหาบุกรุกป่าสงวน เด๋วซวยนะ หรือไม่ก็ย้ายไปเป็นพลเมืองในประเทศที่เป็น คอมมิวนิส  ไปเป็นชนชั้นแรงงานทาส เงินแทบจะไม่มีความหมาย  เช่น เกาหลีเหนือเป็นไง  เพราะใกล้หน่อย (เดินนิดหน่อย ว่ายน้ำอีกนิดหน่อย ก็ถึงแล้ว ... อย่าขึ้นเครื่องบินนะ เพราะต้องใช้เงิน) จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 02:30:40

ความคิดเห็นที่ 42 ก็อยากไปอยู่ป่า ปลูกพืชทำสวนกินเอง   ไม่ต้องหาเงินอยู่หรอก เเต่ เวลาอยากช่วยน้องๆหลานๆ จะเอาเงินที่ไหน     เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยจะเอาเงินที่ไหน     เวลาอยากช่วยคนอื่น จะเอาเงินที่ไหน     เวลาอยากไปเที่ยวไกลๆ จะเอาเงินที่ไหน ชีวิตนี้ก็เลยต้องหาเงินอีกเยอะๆ เเต่เราเองคงใช้ไม่เยอะหรอก เเต่สุขใจที่จะได้ให้คนอื่นเยอะๆ จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 05:01:04

ความคิดเห็นที่ 43 สัตว์มีเเรงจูงใจอยู่ 2 อย่าง 1) อาหาร 2)สืบพันธ์ คนมีแรงจูงใจ คือ เงิน เพราะสามารถแปลงเป็น 2 อย่างได้ มันเป็นธรรมชาติครับ จากคุณ : jabby (jabbywa) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 06:58:50

ความคิดเห็นที่ 44 แล้วการได้มาซึ่งปัจจัย 4 ไม่ต้องใช้เงินเหรอคะ? จากคุณ : pat_ok เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 08:17:11

ความคิดเห็นที่ 45 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 09:02:28

ความคิดเห็นที่ 46 คนทุกคนอยู่ในระบบทั้งนั้นละคะ ตั้งแต่สมัยไหนสมัยไรแล้ว ถ้าความหมายของเงินคือการแลกเปลี่ยน เพื่อทรัพยากรณ์ธรรมชาติแล้วละก็ อดีต คนปลูกข้าว เพื่อแลกสินค้า ต่อมา นำทองมาแลกข้าว นำทองไปแลกสินค้า ปัจจุบัน เอาเงินมาแลกสินค้า เอาข้าวมาแลกเงิน ต่างกันตรงไหนคะ??? ทุกอย่างมันอยู่ในระบบที่มนุษย์เราสร้างไว้ ตราบใดเมื่อคนเรายังต้องกิน ต้องใช้ เพราะฉะนั้นอย่าไปยึดติดเลยค่ะ อยากทำอะไรก็ทำ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ใช้ชีวิตให้มีคุณค่า... แบ่งปันให้คนรอบข้างบ้างไรบ้าง แค่นี้ชีวิตก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ละคะ ^___^ จากคุณ : amakin เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 09:02:43

ความคิดเห็นที่ 47 อยู่ที่เราครับ เราเลือกได้ พวกบัตรเงินสดไม่เห็นจำเป็นเลย ถ้าไม่ใช้เงินเกินตัว แต่ถ้าคุณใช้เกินตัว คุณต้องโทษตัวเอง...เพราะคุณเลือกเอง เงินจะไม่มีปัญหา ถ้าคุณมีเงินเหลือใช้ เงินเหลือใช้ทำไง? มี 2 วิธี 1.ต้องประหยัด เงินจะเหลือใช้ แต่คุณซื้อรถสวยๆไอโฟนเท่ห์ๆไม่ได้นะ ยิ่งอยู่ในสังคมเมืองจะยิ่งกดดันให้คุณต้องซื้อของพวกนี้ตามเพื่อนฝูง 2.หารายได้เพิ่ม เงินจะเหลือใช้ และคุณก็สามารถซื้อรถสวยๆไอโฟนเท่ห์ๆได้ด้วย แต่วิธีที่ผิดที่คนส่วนใหญ่เป็นคือ เงินไม่เหลือใช้แต่ดันใช้จ่ายเกินตัวอีกด้วย แบบนี้ก็หาเงินเลี้ยงหนี้ทั้งชีวิต...แย่ครับ จากคุณ : sukineko เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 09:31:55

ความคิดเห็นที่ 48 บ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ปัญหาแบบนี้ ทุกคนก็รู้กันทั้งนั้น แต่คนที่รู้เกือบทั้งนั้นก็ยังวิ่งเข้าไปติดกับตลอด ทำนองว่า พูดได้แต่ทำไม่ได้ เช่น "ลูกจ้างก็ต้องทำงานกันตลอดไป ผ่อนโน่นนี่ โดนไล่ออกได้ตลอด" แล้วยังไงครับ ก็เลือกชีวิตกันเอง ถ้าไม่พอใจ ก็ต้องพัฒนาตัวเองเอา จะนั่งอมปัญหาอยู่ให้เสียเวลาทำไมกัน หาทางแก้สิครับ จากคุณ : อาร์ตี้ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 09:59:33

ความคิดเห็นที่ 49 ไอ้ที่ทุกข์อยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะความ "อยากได้"  "อยากมี" กันทั้งนั้น จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 10:02:15

ความคิดเห็นที่ 50 ้เงินมันเป็นเพียงตัวงกลาง ขับเคลื่อนกิเลสเท่านั้นครับ จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 10:43:42

ความคิดเห็นที่ 51 เงิน  จำเป็น มาก  สำหรับทุกสิ่ง   ที่ต้องใช้เงิน แต่เงิน  ก็ไม่จำเป็นเลย  สำหรับบางเรื่อง  ที่ไม่ต้องใช้เงิน จากคุณ : โมจิ กะ ซูชิ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 11:45:29

ความคิดเห็นที่ 52 เดี๋ยวก็เจอ amway หรือขายประกันติดต่อมานะ คุณจะมีอิสระทางด้านการเงิน จากคุณ : Salib เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 12:00:15

ความคิดเห็นที่ 53 ถ้ารู้ตัวว่ากำลังจะสร้างหนี้ ก็ต้องลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ค่ะ ถ้าคิดจะสร้างหนี้เพิ่ม โดยรายได้ยังเท่าเดิม ไปไม่รอด จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 12:02:25

ความคิดเห็นที่ 54 เพราะถ้าไม่เช่นนั้น มันจะทำให้ชีวิตช้าลง... ผมยอมรับว่าการทำเกษตรพอเพียงมันทำให้ชีวิตมีความสุข เพราะผมก็เป็นลูกเกษตรกร ผมยอมรับว่าการเป็นข้าราชการครูของผม มันทำให้เวลาของผมหมุนช้ากว่าคนอื่น ผมมีความสุข แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมตื่นจากสิ่งเหล่านั้น ซึ่งตอนนี้ผมตื่นขึ้นมาแล้วมั๊ง... เราทำอะไรอยู่เนี่ย! คนอื่นเขาไปไกลกันหมดแล้ว เขามีรถ มีบ้าน มีเงินเก็บกันหมดแล้ว เพื่อนผมสอนพิเศษมีเงินเป็นแสนกันหมดแล้ว... ผมมัวทำอะไรอยู่? แนวคิดพอเพียงก็เช่นกัน มันอยู่ไม่นาน มันเป็นกระแส อนิจจัง ตราบใดที่เมื่อไหร่ที่เราอยากมี อยากได้ ที่มันเกินตัว เราก็ต้องทำงานให้หนักกว่าที่เป็น อาจต้องหยิบยืม กู้หนี้ยืมสิน มิเช่นนั้นเราก็อาจจะพลาดบางสิ่งบางอย่างในชีวิต ก่อนที่จะตั้งใจทำงานและกลับสู่วิถีพอเพียงอีกรอบ เป็นวงจร ไม่มีที่สิ้นสุด สรุปคือ เราสามารถเลือกวิถีชีวิตได้ แต่มันก็เป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น...ผมคิดเช่นนั้นนะ จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 12:21:08

ความคิดเห็นที่ 55 ความสุขมีสองแบบ 1. ความสุขอย่างหยาบ ต้องใช้วัตถุ และรูปธรรมต่างๆ มาตอบสนอง เช่น มีรถคันใหม่ก็ดีใจ พอดีใจได้แป๊ปเดียว ก็อยากได้คันใหม่อีกละ มีความทุกข์ปนมาด้วยเสมอ มีคนนับน่าถือตาก็รู้สึกภูมิใจ แต่ถ้ายังใช้ชีวิตแบบโลกๆ ก็จะมี โลกธรรม 8 ตามมาเสมอ 2. ความสุขอย่างละเอียด เกิดขึ้นภายใน ไม่ต้องอาศัยวัตถุ หรือรูปธรรมใดๆ มาตอบสนอง ความรู้สึก "พอเพียง" ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบของความสุขอย่างละเอียด หากทำได้ก็จะไม่ยึดติด ชีวิตจะเจริญขึ้นเรื่อยๆ โดยปราศจากความอยาก ความโลภ หากทำผิดก็จะกลายเป็นคนเฉี่อยชา ไม่ทำอะไรเลย เลือกทำได้ทั้งสองแบบ ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป ชีวิตก็จะสมดุลครับ จากคุณ : คนไทยไม่ท้อ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 12:22:01 A:202.44.8.100 X: TicketID:324733

ความคิดเห็นที่ 56 อืมปัจจัยที่สำคัญอยู่ที่เราเลือก คุณเลือกเป็นลูกจ้างไปจนตาย คุณก็ต้องแบบนั้น บริษัทถ้ามันให้ผลตอบแทนไม่ดีก็หาใหม่ ถ้าเรามีความสามารถที่แท้จริงในตัวเองงานหาไม่ยาก ถึงจะไม่รวยมากมาย ประสบความสำเร็จเป็นบุคคลแถวหน้า แต่มันพอที่จะดำรงค์ชีวิตได้อย่างมีความสุข ดิฉันเองก็เป็นคนที่อยู่ในวังวนนี้มา 9 ปีตั้งแต่เรียนจบ หนี้มากมาย ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ บัตรเครดิต ไอแพด แทปเล็ต มีไม่เคยพอ ผ่อนทั้งนั้น รถเก่าหมด ดาวรถใหม่ มันเป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืน ตอนจบใหม่เงินเดือนน้อยใช้น้อย ตอนนี้เงินเดือนมากก็ใช้มากตามดิฉันจึงคิดได้ว่า เงินไม่ใช้ตัวชี้วัดความสุข มีเงินมากไม่ใช่จะมีความสุขไปมากกว่าคนอื่นๆเลย แต่ตอนนี้ความสุขที่ดิฉันเลือกคือความสุขที่ยั่งยืน ดิฉันรีเซ็ทชีวิตมนุษณ์เงินเดือนทั้งหมด (กว่าจะตัดใจได้เสียดายว่าถ้าเรากลับไปทำกิจการเล็กๆเราจะได้เงินเท่ากับที่เป็นอยู่ตอนนี้มั้ย เสียดายบ้านหลังแรกในชีวิต บลาๆๆๆ) กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดมีที่นอน มีข้าวกิน 3 มื้อ ปลูกเห็ด เด็ดผักริมรั้ว ขายบ้านที่กทม ปิดหนี้ เริ่มต้นทำธุรกิจเล็กๆที่ตัวเองฝันไว้ ใช้ชีวิตอย่างช้าๆ อยู่กับแม่ กับสามี (ซึ้งเขาเองก็ยังยึดติดกับความสดวกสบายแบบเดิม แต่เขาเข้าใจเราและเขาพร้อมที่จะเดินไปพร้อมกับเรา) นี้แหละชีวิตที่ดิฉันเลือกแล้ว ตอนนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ ลาออกจากงานแล้ว กำลังดำเนินแผนธุรกิจเล็กๆที่ฝันไว้ และรอขายบ้านให้เสร็จสิ้น ต่อจากนี้ไปต้นกล้าของความสุขที่แท้จริงของดิฉันกำลังงอกงาม จากคุณ : ความสุขที่เลือกเองได้ (WHOPUT) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:08:59

ความคิดเห็นที่ 57 ใครอยากทำงานแต่ไม่เอาเงินติดต่อผมได้ครับ จากคุณ : นักฆ่าดาบเดียว เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:14:40

ความคิดเห็นที่ 58 คนรุ่นใหม่ๆ มักไม่ค่อยเก็บเงิน ใช้ชีวิตบนความทันสมัย ซื้อไอโฟน แล้วอดข้าวกลางวันเพื่อจะได้มีเงินผ่อน ก็ยังทำ จากคุณ : ชาย เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:35:22 A:110.168.233.189 X: TicketID:150126

ความคิดเห็นที่ 59 "เงิน" ไม่ใช่ปัจจัย 4 คะ แต่หลายๆคน มักคิดว่า "เงิน" เป็น 1 ในปัจจัย ใช้แต่พอดี ใช้กับสิ่งที่ "จำเป็น" ไม่ใช่นำไปใช้กับสิ่งที่ "สิ้นเปลือง" อยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียง กันดีกว่าคะ จากคุณ : ทาโกะยากิ (ทาโกะยากิ) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:41:11

ความคิดเห็นที่ 60 เศรษฐกิจพอเพียง ทำให้เรารู้จักประมาณตน เวลาประกอบกิจการหากทำใหญ่เกินตัว หวังรวยเร็ว มันเหนื่อย มันเครียด ถ้าทำไม่สำเร็จก็ผิดหวัง และทุกข์ คิดใหญ่ แต่ทำให้เล็ก ทำให้พอประมาณ ค่อยๆ เติบโตเหมือนต้นไม้ ที่ไม่ได้โตในวันเดียว วันพรุ่ง ถ้าเร่งมากเกินไป ใส่ปุ๋ยเกิน รดน้ำเกิน ต้นไม้ก็ตาย ไม่สำเร็จผล แต่คนส่วนใหญ่หวังรวยเร็ว รวยทางลัด พอไม่ประสบผล ก็เป็นหนี้ เป็นสิน ไม่เหมือนคนโบราณ ค่อยๆ ทำทีละนิด เก็บหอมรอมริบ จนประสบผลสำเร็จได้ ถ้าเชื่อว่าสำเร็จได้จริง โดยปราศจากความโลภ ความอยากในทางที่ไม่ดี และความลังเลสงสัย ความอยากในทางที่ดีคือ "ฉันทะ" ในอิทธิบาท 4 หากองค์ประกอบครบสี่อย่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า... สำเร็จแน่ ไม่ต้องรอให้ใครที่ไหนมาช่วยเหลือ เราต้องช่วยตนเอง.. ... จากคุณ : คนไทยไม่ท้อ เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 13:57:58 A:125.24.80.159 X: TicketID:324733

ความคิดเห็นที่ 61 สรุปว่า เงินผิด ^ ^ จากคุณ : peboybad เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 14:06:08

ความคิดเห็นที่ 62 มาเพิ่ม ตัวดิฉันเองเป็นคนโบราณ อยากได้อะไร ก็เก็บเงินสด ซื้อเอา เช่น บ้าน รถ  ถ้าเก็บไม่ได้ ก็ลด ละ ความอยากเสีย และมีเงินเก็บ เพื่อความมั่นคงในชีวิต เช่นเดียวที่พ่อแม่ปู่ย่า ทำมา อ้อ ผู้ใหญ่ห้ามไว้แต่ไหนแต่ไร  อย่าเป็นลูกหนี้ อย่าเป็นนายประกัน ส่วนน้องชาย จบตรี โท เศรษฐศาสตร์ อธิบายว่า เงินมีไว้ซื้อความสุข จะเก็บไว้ทำไม ต้องใช้ซิ (มันทะเลาะกับแม่ตลอดดดดด) คนที่มีหนี้ คือคนที่กำไร เพระเอาเงินมาซื้อความสุขในปัจจุบัน (ที่เหลือผ่อนเอา) ฟังแล้ว ก็งง งง แต่ก็ช่างมัน อย่ามายืมเงินฉันก็แล้วกัน ไ้อ้น้อง !!! จากคุณ : แม่น้องหยง เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 15:16:48

ความคิดเห็นที่ 63 ทำงานแล้วผมได้เงิน แต่ชีวิตผมไม่ได้ผูกติดกับการใช้เงิน เกษตรกรบางคนที่ผมรู้จักไม่ได้จน  รถยนต์ไม่มีขับ ปิ๊กอัพไม่มีขี่  แต่เงินในบัญชี 7 หลัก คนเราถ้ารู้จักตัวเอง ชีวิตนี้ไม่อดตายแน่นอน ไม่ตกงานแน่นอน   รู้จักตัวเองหมายถึง รู้ว่าตัวเองเก่งอะไร ถนัดอะไร ชอบอะไร ทำอะไรแล้วมีความสุข  ให้อยูกับสิ่งนั้น แล้วจะยิ้มได้ทั้งวัน เงิน เป็นเพียงแค่สมบัติผลัดกันชม อย่าไปโหยหาหรือยึดติดมาก   เงินทองของนอกกาย มีเยอะๆมันก็ดี ไม่มีเลยก็ลำบาก เงินทองแค่มายา ข้าวปลาสิของจริง จงรู้เท่าทัน เงิน    จงใช้เงิน อย่าให้เงินมันใช้เรา  เพราะชีวิตจะหาความสุขไม่เจอ... จากคุณ : เงินอยู่ในอากาศ (Millionaire_Son) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 15:31:29

ความคิดเห็นที่ 64 ในชีวิตจริงของเรา อย่าคิดเลยว่าเงินไม่สำคัญ เพราะถ้าคิดอย่างนั้นก็ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง อย่ากลัวเงิน ตราบเท่าที่เงินยังเป็นผู้รับใช้เรา จากคุณ : bharot เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 16:52:24

ความคิดเห็นที่ 65 โดนใจจริงๆกระทู้นี้ เงินซื้อความสะดวกสบายได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้หรอก ความสะดวกสบายก็ช่วยให้เรามีความสุขได้ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งความสุขเกิดจากความภูมิใจในค่าของตัวเอง การทำงานเพื่อมีเงินทองเพื่อความสะดวกสบายจะได้มีความสุข แต่มันก็สุขไม่หมดถ้าทำในสิ่งที่เราไม่ภูมิใจและไม่ได้รัก เราเลือกที่จะมีเงินน้อยหน่อยรับราชการช่วยเหลือสังคมกับคนที่ไม่มีโอกาสนั่นคือความสุขจากความภูมิใจ สะดวกสบายจากการใช้เงิยตามอัตถภาพและรู้จักคำว่าพอ สมัยนี้มันมีสิ่งยั่วยุกิเลสเยอะ สิ่งเหล่านั้นซื้อมาเล่นก็มีความสุขแป๊บๆแล้วมันก็ตกรุ่นล่ะ  และก็หาความสุขจากการsearchดูอันใหม่ที่ออกมา มันไม่ยั่งยืนจริงๆ จากคุณ : d_ura (D_ura) เขียนเมื่อ : 3 เม.ย. 55 19:18:52

ความคิดเห็นที่ 66 จริงๆมนุษย์เราก็ดิ้นรนกันมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้วนะ สมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยีมากมาย คนเราก็ทำการเกษตรพึ่งพาธรรมชาติล้วนๆ ผลผลิตก็ไม่แน่นอนหรือว่าวันไหนจับปลาไม่ได้ก็ไม่มีอะไรกิน มันก็เหมือนมนุษย์เงินเดือนอย่างหลายๆคนที่ไม่แน่นอนว่าจะตกงานเมื่อไหร่ มาปัจจุบันคนเราก็ยังคงดิ้นรนกันอยู่เพียงแต่ว่าแทนที่จะทำงานแลกข้าว กลายเป็นทำงานแลกเงิน เพื่อเอาเงินไปซื้อข้าว ดังนั้นก็ไม่เห็นแปลกที่ชีวิตเราจะผูกกับเงิน เรากลับมองว่ามันเรื่องที่ดี เพราะทำให้คนทุกชนชั้นมีโอกาสในชีวิตบ้าง บางคนที่ฉลาดเท่าทันโลกเขาก็จะรูจักอดออม อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อเพราะเขารู้ว่าพรุ่งนี้มะรืนนี้ฟ้าฝนอาจไม่เป็นใจเขาอาจจะปลูกข้าวไม่ได้ก็ได้ ส่วนอีกพวกที่เป็นเหยื่อของระบบที่มีเท่าไหร่ก็ใช้หมดก็ต้องลำบากไปตามระเบียบ ไม่ว่ารูปแบบของสังคมมันจะเปลี่ยนไปยังไง แต่ทฤษฎีบางอย่างมันก็ยังเหมือนเดิมแฮะ จากคุณ : เริ่มต้น เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 07:29:42 A:208.103.69.131 X: TicketID:354410

ความคิดเห็นที่ 67 ครั้งหนึ่งเมื่อมีคนถามองค์ดาไลลามะว่า อะไรเป็นเรื่องที่ท่านรู้สึกแปลกใจมากที่สุด เกี่ยวกับมนุษยชาติ ท่านตอบว่า “มนุษย์เรานี้ ยอมสูญเสียสุขภาพเพื่อทำให้ได้เงินมา แล้วต้องยอมสูญเสียเงินตรา เพื่อฟื้นฟูรักษาสุขภาพ แล้วก็เฝ้าเป็นกังวลกับอนาคต จนไม่มีความรื่นรมย์กับปัจจุบัน ผลที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็คือ เขาไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งอยู่กับอนาคต เขาดำเนินชีวิตเสมือนหนึ่งว่าเขาจะไม่มีวันตาย และแล้วเขาก็ตายอย่างไม่เคยมีชีวิตอยู่จริง“ (from Thai Book Swap & Book Review) จากคุณ : Maverick_Tom เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 09:51:27

ความคิดเห็นที่ 68 หากเป็นการบ่น การระบาย เพื่อความสบายใจ ผมก็คิดว่า ควรระบายออกบ้างก็ดีครับ แต่หากอยากหนีจากระบบเงิน มันยากและซับซ้อนอยู่พอควร เหมือนเราวิ่งหนีฝนตก แรก ๆ ก็กลัวเปียก แต่พอวิ่งหนีไม่ทัน ก็เล่นน้ำฝนไปเลย ไปเล่นสงกรานต์ ยืนอยู่ข้างถังน้ำก็ยังกลัวเขาสาดเปียก กลัวสุดขีด หลบสุดขีด แต่พอหลบไม่พ้นก็สาดคืนบ้าง สนุกจนลืมเปียก หรือแม้กระทั่งตอนกระโดด หอ เมื่อเรียน รด. กลัวสุด สุด ตอนก่อนโดด แต่พอโดดแล้วก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ตื่นเต้นปนสนุก เคยอยากหลบหนีสังคมเงิน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน เหมือน วีรศักดิ์ ยอดระบำ, โจน จันได, ตุ๊หล่าง สุดท้ายก็เหมือนวิ่งหนีฝนตก เบื่อแม้กระทั่งลาพักผ่อน ห้าวัน คร่อมอีกสองเสาร์อาทิตย์อีกสี่วันเป็น 9 วัน ระหว่างนั้นว่าจะใช้ชีวิตแบบตามใจตัวเองสุด นั่ง นอน เช่าซีดีหนังโปรดมาดู เล่นเฟซบุ๊ก เข้าพันทิป ทุกวัน ระหว่างนั้นไปเยี่ยมเพื่อน พูดคุยกับแม้ค้า เค้าก็คุยเป็นบางเวลา นั่งคุยนาน ๆ ดูสีหน้าเขาก็มองประมาณว่า ไม่มีอะไรทำหรือไง ถึงได้มานั่งคุยอยู่ได้ ฉันจะทำงานนะ ประมาณนี้ครับ พอ ย่างเข้าวันที่สี่ ที่ห้า เบื่อครับ เบื่อแบบรู้สึกว่า ตัวเองไร้ค่า ไม่มีคุณค่า คนอื่น ๆ เขาก็ไปทำงาน เราตื่นมา ดูซีดี เล่นเฟซ ไม่มีอะไรทำ ลูกก็ไปโรงเรียน เมียก็ไปทำงาน เราอยู่เฉย ๆ วันลาพักผ่อนที่เหลือก็อยู่เป็นแบบซังกะตาย เหมือนไม่ได้พักผ่อน ไม่เอาดีกว่า ความรู้สึกไร้ค่าแบบเนี๊ยะ กลับมาทำงาน ผมก็กลับมาทำงานหาประสบการณ์ดีกว่า เงินก็ได้เท่าเดิมครับ แต่ความรู้สึกเปลี่ยนไปจากเดิมครับ ขอแชร์ประมาณนี้ครับ จากคุณ : ครูตู้ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 10:37:58

ความคิดเห็นที่ 69 เข้าใจที่ จขกท พูดนะ คือทุกอย่างจำต้องทำเพื่อเงิน เหมือนปัญหาส่วนใหญ่ต้องใช้เงินแก้ปัญหา ส่วนบัตรเครดิต ผ่านมาหลายปีแล้วที่เลิกใช้ พยายามใช้เงินสด ไม่มีก็ไม่ใช้ ไม่ตายก็หาเอาใหม่ แต่พอจะแก่ก็คิดไปอีกว่าต้องทำไรให้เงินมาทำงานแทนเราบ้างแล้ว ไม่งั้นเหนื่อยกับมันไปตลอดชีวิตแน่ล่ะ จากคุณ : เกิดOnBoard เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 16:30:34

ความคิดเห็นที่ 70 กระทู้แรกสำหรับการคลิกเข้าห้องสวนลุม...กี่กิ๊ฟก็ไม่รู้ ลืมนับ แบบว่ามันโดนน่ะ  จากคุณ : พาระวี เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 20:36:40

ความคิดเห็นที่ 71 ผมทำงานได้เงินเดือนพอสมควร แต่ก็ไม่มีความสุข ทำไปวันๆแลกเงิน สุดท้ายก็ต้องออก ส่วนนึงคือตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ อีกส่วนคือผมพอแล้ว ชีวิตผู้บริหารอะไรผมไม่สนแล้ว ไว้ผ่านไป 1 ปีกับการกลับมาสานต่อกิจการครอบครัวจะมาเล่าให้ฟัง แต่สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้คือ เงินไม่ใช่ความสุข เงินอาจซื้อความสบายได้ แต่ไม่ใช่ความสุข จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 20:43:43

ความคิดเห็นที่ 72 ความคิดของผมนะ ผมคิดว่า  ในปัจจัยสี่  ถ้ามนุษย์ไม่ต้องกินอาหารซะอย่างเดียว คือให้คนที่เกิดมาในโลกทั้งหมด  ไม่ต้องมีอาหารก็มีชีวิตอยู่ได้ตราบเท่าที่ต้องการ ผมว่า  คนเราไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลยก็ได้ และจะมีคนอีกครึ่งโลกที่ไม่ต้องขวนขวาย  พยายาม  เร่งรีบหาเงิน จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 21:11:52

ความคิดเห็นที่ 73 ถ้าไม่อยู่ในระบบนี้ แล้ว จขกท.ต้องการระบบแบบไหนอ่ะครับ ไหนๆๆๆ ลองออกแบระบให้อ่านหน่อยดิครับ  เอาแบบเกาหลีเหนือมั๊ยครับ ไม่มีขอทาน  ไม่มีโจร  เจ็บป่วยรักษาฟรี  แต่ไม่มีโอกาสรวย  คือทุกคนเท่ากันหมด ยกเว้นผู้นำคือเทพ เอาป่ะครับ  คือบ่นอะได้ครับ แต่อยากดู idea จขกท.ออกแบบระบบที่คิดว่าดีอ่ะครับ อยากอ่าน จากคุณ : Arjen Robben เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 21:23:48

ความคิดเห็นที่ 74 ยอมรับเหอะ  กฏของดาวิน การวิวัฒทนาการ  ในที่นี้พูดถึงการดำเนินชีวิต จากคุณ : phanyanukul เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 21:56:17

ความคิดเห็นที่ 75 มันอยู่ที่ความพอใจของคุณไง เศรษฐกิจพอเพียงนั่นแหละตรงที่สุด เงินมีไว้ซื้อความสบาย ซื้อความสุขที่มากกว่า ถ้าใจคุณต้องการแค่พอมีพอกินพอใช้ คุณก็ไม่ได้ต้องการเงินมากหรอก แต่ถ้าคุณฟุ้งเฟ้ออยากมีอยากได้ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่พอ สังคมคุณคงมีแต่พวกฟุ้งเฟ้อถึงได้เขียนมาแบบนี้ หลายๆคนที่ผมรู้จักเค้าก็อยู่ได้สบายไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก แต่ก็มีความสุขได้ทั้งที่ไม่มีเงินมาก ความสุขอยู่ที่ใจคุณ จากคุณ : สะเหร่อคุง เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 22:11:23

ความคิดเห็นที่ 76 ถ้าไม่ใช้เงินซื้อ ให้ปลูกบ้านเอง ปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงปลากินเอง ทั้งหมด ชีวิตผมคงลำบากกว่านี้ อะไรที่เราทำแล้วมันคุ้มค่า ก็ทำเองซะ อะไรที่จ้างคนอื่นทำ หรือซื้อจากคนอื่นแล้วมันง่ายกว่า สะดวกกว่า คุ้มค่ากว่า ก็ใช้เงินซื้อไป ต้องดูเป็นกรณีไป ไม่ใช่ทำเองทั้งหมด หรือใช้เงินซื้อทั้งหมด เท่านี้ชีวิตคุณก็ไม่ต้องผูกอยู่กับการใช้แต่เงินแล้ว อ้อที่คุณว่ามามันไม่เรียกว่าใช้เงินนะ มันเรียกว่าโดนเงินใช้ แยกให้ออก แล้วทำความเข้าใจซะใหม่ จากคุณ : emmy_iemu เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 23:56:06

ความคิดเห็นที่ 77 ตจว. ใช้เงินน้อยมาก และใช้ไม่บ่อย แต่เวลาจำเป็นต้องใช้ เงินก็สำคัญมาก ถ้าเราอยู่บ้านของเราเอง ที่เราเอง จะไม่สิ้นเปลือง เนื่องจากไม่ต้องออกไปกินข้าวนอกบ้าน ซื้อของมาทำกับข้าว 500 เฉลี่ย 2 วัน วันละ 250 กิน 6-7 คน 2-3 มื้อ ข้าวเหลือ กับข้าวยังเหลือ หมาอีก 2 หมานอกบ้านอีก อยู่ไกลตลาดหน่อย ซํก 15 กิโล จะประหยัดได้เยอะ จากคุณ : nokbin เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:32:41

ความคิดเห็นที่ 78 สำหรับผมเงินไม่ใช่ทุกอย่าง จากคุณ : คุณรุ่งเรือง เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 11:12:35

ความคิดเห็นที่ 79 สำหรับเรา เรื่องการหาเงิน เป็นความบันเทิงอย่างนึงค่ะ ไม่ได้เป็นความเครียดแต่อย่างใด เป็นความสุข สนุก กับการที่ได้ make money เพิ่ม ทั้งที่ความจริง ตัวเราเองก็ไม่ได้มีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษ ไม่ได้ซื้อของ ไม่ได้ช้อปปิ้ง เครื่องสำอาง เสื้อผ้า หรืออะไรที่มันฟุ่มเฟือย เราก็ไม่ได้ซื้อ ไม่ได้ต้องผ่อนหนี้ ผ่อนสิน หรือ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ไม่ได้มีกิเลสอะไรที่แบบว่าอยากได้นู่นนี่ แต่เรากลัีบ enjoy กับการหาเงินมาก มีความสุขที่ได้เห็นตัวเลขในบัญชีเพิ่มขึ้นทุกวัน งานของเราเป็นงานส่วนตัว ไม่ได้เป็นงานประจำ ดังนั้น รายได้ของเรา จึงไม่ได้กำหนดตายตัวไปตามเดือนว่าจะได้เท่านั้นเท่านี้ แต่เป็นรายได้ที่เกิดจากตัีวเราและความสามารถของเราเอง เราขวนขยาย เราพยายามเอง ถ้าช่วงไหนที่การค้าเริ่มซาลง เราก็เอาเงินที่เราเก็บไว้ไปยุ่งอยู่กับการลงทุนการเงินอื่นๆ แทน หรือเอาเวลาที่เราเริ่มว่างไปศึกษาหาความรู้ในสิ่งที่เราอยากรู้ เพื่อที่จะมาต่อยอดในธุรกิจของเรา เราไม่มีลูกจ้าง มีแต่แฟนที่ช่วยกันทำงานกับเรา 2 คน ดังนั้นเราจึงไม่เครียดกับการมีลูกจ้าง และเราก็ไม่ได้คิดจะจ้างใครมาช่วยงานของเราด้วย เพราะเราชอบพึ่งตัวเราเอง ไม่ชอบยืมจมูกคนอื่นทำงาน ธุรกิจเราต้องเป็นแบบ ไม่มีคนอื่น มีแต่ตัวเรา มันต้องแข็งแกร่งอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง ถ้าธุรกิจเรามีปัญหาในภายหลัง หรือเราขายไม่ได้ แล้วเราเลิกกิจการขึ้นมา เราก็ไม่เดือดร้อน เพราะนิสัยที่เป็นแบบนี้ของเรา ทำให้เราอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องไปติดกับดับหรือบ่วงอะไร และความรู้ที่เราไปศึกษาพวกการลงทุนทางการเงินมา ก็ทำให้เราสามารถอยู่ได้ โดยที่ไม่ต้องทำงาน ใช้เงินของเราลงทุนทางการเงินต่อยอดไปเรื่อยๆ แบบนี้เรียกว่าชีวิตเราผูกติดกับเงินมั้ยคะ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 13:18:04 แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 13:16:09 จากคุณ : Meiko Miyasawa เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 13:13:56

ความคิดเห็นที่ 80 เกิดมาในสังคม ดัดจริต ก็เลยเปนคนดัดจริต เกิดมาในสังคมต้องใช้เงิน เงินก็เลยจำเป็น เกิดมาในครอบครัวชาวสวน ชาวไร่ เลี้ยงสัตว์ มีของกินเพรียบพร้อม ก็ไม่ต้องใช้เงิน เกิดมาแล้วอยากจะไม่ต้องใช้ ก็ต้องหาเงินเพื่อไปซื้อซื้อไว้ผลิตของกิน ของใช้เอาเอง ใช้เงินอยู่ดี ณ ที่นี้เราจะไม่พูดถึง หรือเปรียบเทียบกับสังคมเอารัดเอาเปรียบ หรือคอมมิวนิส โคตรจะนอกประเด็น ที่ว่ามาทั้งหมด เราคิดแบบ จขกท ค่ะ โลกนี้มันเถื่อน ต้องอดทน และต่อสู้อย่างมากถึงจะอยู่ได้ จากคุณ : =+ เรนัส += เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 15:38:35

ความคิดเห็นที่ 81 เกิดมาแล้วอยากจะไม่ต้องใช้ ก็ต้องหาเงินเพื่อไปซื้อที่ดินไว้ผลิตของกิน ของใช้เอาเอง ใช้เงินอยู่ดี *แก้คำผิด จากคุณ : =+ เรนัส += เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 15:39:50

ความคิดเห็นที่ 82 มันเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้คำตอบดี แต่คนที่จะทำได้ตามนั้นจริง มันจะมีซักกี่คน? เงินมันกลายเป็นตัวแปรสำคัญในสังคมโลกไปแล้ว จะให้ทำไงได้ล่ะครับ ที่สำคัญมนุษย์เรามี "กิเลส" เป็นตัวขับเคลื่อนกันอยู่แล้ว (อย่ามาโลกสวยว่าผมไม่มี เพราะคนที่ไม่มีกิเลสเลยก็บวชอยู่วัด ไม่ก็ตายไปแล้วเท่านั้น) มันเป็นระบบชีวิตปกติ ที่เราต้องอยู่ให้ได้ครับ อยู่ไม่ได้ก็ไปบวช นั่นแหละ ชีวิตที่ไม่ต้องใช้เงินเลย จากคุณ : นายแบบเขมร เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 16:05:34

ความคิดเห็นที่ 83 เห็นเค้าอยากได้อยากมี ก็เลยอยากได้อยากมีตามเค้าไงครับ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ยังดิ้นรน เริ่มต้น เรียนให้จบ ทำงาน หาเงิน เป็นลูกจ้างเค้า เพราะว่าอยากได้ อยากมี ผมเกิดมายากจน เห็นคนรวยเค้าใช้ชีวิตหรูหรามีความสุข ผมก็อยากทำแบบนั้นบ้าง ผมไม่ได้ทำผิดใช่มั้ยครับที่อยากเป็นแบบนั้น ผมผิดใช่มั้ยที่ผมไม่อยากจะพอเพียง ?? จากคุณ : lantis_si เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 17:06:30

ความคิดเห็นที่ 84 ชบอความเห็น 79 มากมากครับ จากคุณ : mix_more เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 17:54:11

ความคิดเห็นที่ 85 เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่ มันจะสำคัญมากที่สุด เมื่อคุณจะใช้มันแล้ว ดันไม่มี จากคุณ : เสือตัวเล็กแต่ไม่ใช่แมวนะ (เป็นเสือตัวเล็กนะไม่ใช่แมว) เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 20:05:59

ความคิดเห็นที่ 86 เราเคยอยากทำสวนนะ ทุกวันไม่ต้องออกไปไหน เก็บพืชผักผลไม้ในบ้านกิน เหลือก็ขาย นานๆ ทีก็ไปกินข้าวนอกบ้านบ้าง ว่างๆ ก็นอนพักผ่อน เขียนหนังสือ แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่มีที่ดิน จึงไม่มีโอกาสใช้ชีวิตที่ไม่ต้องใช้เงินสักที จากคุณ : Alex on the rock เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 21:48:44

ความคิดเห็นที่ 88 ยึดที่ความสบายใจเป็นหลักครับ... ถ้าทำงานแล้วความรู้สึกสนุกนำความอยากได้เงิน เป็นความอยากในทางที่ดีเรียกว่า ฉันทะ แบบนี้คิดว่าไม่เครียดครับ... แต่ถ้าทำด้วยความอยากได้เงินนำมาก่อน แบบนี้เป็นความอยากในทางที่ไม่ดี จะทำให้เราทำงานอะไรก็ได้เพื่อเงิน หากมันพัฒนาเป็นความโลภ ก็จะทำงานผิดๆ เพื่อเงินได้ครับ... ชีวิตเราเองเราควรต้องรู้ด้วยการใช้ สติ นำทางครับ จากคุณ : คนไทยไม่ท้อ เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 20:56:40 A:182.53.34.13 X: TicketID:324733

ความคิดเห็นที่ 89 เข้ากระทู้นี้ ไ้ด้ข้อคิดมากมายเลย  ^____^ เก็บเข้าคลังดีกว่า อิอิ จากคุณ : nomsod เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 22:01:07

ความคิดเห็นที่ 90 ที่ที่ผมอยู่ เพื่อนร่วมงานยังทำอะไรอีกหลายอย่างเวลาเค้าว่าง - บางคนยังทอผ้าไหมใส่เอง - หลายคนปลูกผักกินเอง - บางคนเลี้ยงจิ้งหรีดกิน + ขาย เป็นรายได้เสริม - บางคนหลังเลิกงานก็ไปดำน้ำ หว่านแห หาปลามาเป็นกับข้าว - หลายคนว่างๆก็เข้าไปเก็บเห็ดหรือหาของป่ามากิน เมื่อเย็นผมกับเพื่อนก็เพิ่งเดินไปหาสมุนไพรในป่ามาปลูก แอบเห็นรังมดแดงเยอะแยะ ยังคุยกันว่าว่างๆจะไปสอยมากิน ชีวิตง่ายกว่าที่เราคิดเสมอครับ อยู่ที่มุมว่าเราเลือกที่จะมองแบบไหน จากคุณ : brugada (Brugada) เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 23:26:48

ความคิดเห็นที่ 91 เพื่อนผมหลายคนวิ่งหาแต่เงิน ผมก็เห็นว่าพวกมันได้เงินเยอะจริงๆนะ และใช้เงินกันเก่งมาก บางคนซื้อรถ benz, BMW, บางคนซื้อบ้านที่เชียงใหม่ แล้วก็วิ่งหาเงิน ได้มาก็ไปซื้อของแพงมาใช้ วนอยู่แบบนี้ ผมกลับคิดว่า เงินไม่ต้องไปวิ่งหามากหรอก แค่เราใช้น้อยๆ ก็เหมือนกันกับหาได้มากแล้ว แถมไม่ต้องวิ่งรอกให้เหนื่อยด้วย เวลาว่างก็มากกว่า จากคุณ : Brugada เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 23:30:14

ความคิดเห็นที่ 92 ก็เพราะเงินนี่แหละ ที่ทำให้อิ่มท้อง ซื้อได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งความสุข จากคุณ : tgmtgm เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 03:04:04

ความคิดเห็นที่ 93 เงินไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นพ่อพระเจ้า!!! จากคุณ : amnakim เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 07:55:20

ความคิดเห็นที่ 94 สติมา... ปัญญาเกิด... หากยึดที่เงินเป็นหลัก อาจได้รับในสิ่งที่ต้องการจริง แต่ถ้ายึดมาก ความทุกข์จากการตอบสนองด้วยเงินก็จะมากตามไปด้วย ซึ่งเป็นความรู้สึกของใครของมัน ไม่ต้องกลัวใครจะมาแย่งความรู้สึก เพราะมันแย่งกันไม่ได้ ต้องรับเอง ถ้าปล่อยไม่ได้ก็ต้องอยู่เฝ้า บางคนเป็นเปรตเฝ้า เพราะหาเงินมาในทางที่ผิด.. (ทำทุกอย่างเพื่อเงิน) แต่หากใช้ความเพียร หรือความอยากในทางที่ดีคือ ฉันทะ เป็นตัวนำชีวิต ... จะทำงานหาเงินด้วยความสุข และสนุกกับงาน ไม่เครียด ไม่ท้อ เพราะมีเป้าหมายในใจเป็นตัวนำทางอยู่แล้ว เลยไม่รู้ว่าจะเร่าร้อนไปทำไม ความโลภก็ทำงานยากขึ้น พองานสำเร็จเงินก็จะมาเอง... เลือกเอง เป็นเอง ... ไม่มีใครบังคับครับ... หากเราสร้างโลกด้วยพลังบวก พลังงานสะอาด จิตใจที่สมดุล ไม่โลภ ไม่เบียดเบียนกัน โลกที่สดใสสวยงาม ไม่เต็มไปด้วยมลพิษ ขยะทางใจ ก็เป็นไปได้ไม่ยากครับผม จากคุณ : คนไทยไม่ท้อ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 08:23:22 A:101.109.179.156 X: TicketID:324733

ความคิดเห็นที่ 95 เพราะเงิน คือ ปัจจัยสำคัญ ในการดำรงชีวิต ตั้งแต่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย   เกิดมา ก็ต้องใช้เงินเลี้ยงดูชีวิต   แก่ตัว  ไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน ก็ต้องมีเงินมาช่วยเลี้ยงดู   เจ็บไข้  ก็ต้องใช้เงินรักษา เยียวยา   ตายไป  ก็ยังต้องใช้เงิน ให้คนที่เหลืออยู่ดูแลชีวิต ต่อไปได้ ดังนั้น ทุกคนต้องวางแผนชีวิต เรื่องการใช้เงินทั้งชีวิต แต่จริง ๆ ถึงแม้ว่าเงินจะเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตแล้ว ยังมี เช็ค กะ เครดิต อีกนะครับ ^_^ จากคุณ : Chaeh เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 10:37:40

ความคิดเห็นที่ 96 การเกิดเป็นทุกข์จริงๆ จากคุณ : บ้านสายไหม เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 12:52:13

ความคิดเห็นที่ 97 "ทุนนิยม" คำนิยามที่ชัดเจนที่สุดครับ ลองหาอ่านความหมายมันดูแล้วกัน ประเทศที่เจริญแล้วส่วนใหญ่ เป็นประเทศทุนนิยมเต็มขั้นกันทั้งนั้นครับ อย่างเช่น us เองก็ตาม จนมีกลุ่มที่ออกมาต่อต้านทุนนิยมอย่างจริงจังก็มีครับ แต่ทั้งนี้ เราก็มีทางเลือกไม่มากหรอก เราไม่เอาทุนนิยม แต่รอบข้างเราเป็นทุนนิยมทั้งหมด แล้วเราจะอยู่อย่างไร ความสำคัญมันจึงอยู่ที่ว่าเราจะรักษาความพอดีของทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างไร เงิน ความสุข สุขภาพ ความสบาย balance มันให้สมดุลย์ ไม่ตึงไม่หย่อน อย่ามัวแต่ทำงานหาเงิน เพื่อเอามาเที่ยว หาความสุขจากเงิน เราต้องดูแลสุขภาพเราด้วย ออกกำลังกายบ้างมั้ย ถ้าคิดว่าการออกกำลังกายทำให้เรามีเวลาทำงานหรือเที่ยวน้อยลง ก็คงจะไม่ถูกทั้งหมด เพราะว่าถ้าเราไม่ป่วย เราก็มีแรง มีเวลาทำงาน มีพลังงานมากพอเวลาไปเที่ยวได้อีก  อีกทั้งไม่ต้องเสียค่ารักษาราคาแพงอีกต่างหาก เอาเงินค่ารักษาตัวเองไปเที่ยว กิน shop ดีกว่ามั้ย ดังนั้น อย่างที่บอกว่า การรักษาความสมดุลย์ของชีวิตเป็นเรื่องสำคัญครับ จากคุณ : ออกกำลัง เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 13:34:33

ความคิดเห็นที่ 98 เห็นทุกคนตอบคำถามแล้วซึ้งใจ ในระบบค่ะ ทุกคนรู้ ทุกคนก็คิด และทุกคนก็ยังติดอยู่ในระบบตะวันตก แต่เราทุกคนเลือกได้ที่จะอยู่อย่างไรให้สมดุล จากคุณ : houisjung เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 15:29:34

ความคิดเห็นที่ 99 ไปบวชสิ วัดป่าไกลๆ เเทบไม่ได้จับปัจจัยเลย จากคุณ : เจ้าปูน้อย เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 19:40:08

ความคิดเห็นที่ 100 ไปที่ไหนในโลกก็ต้องใช้เงิน กลับบ้านนอกปลูกผักก็ใช้เงินน่ะจ้า   ถ้ารู้จักใช้ก็ไม่เป็นหนี้จ้า จากคุณ : ชีวิตจริง เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 10:22:54

ความคิดเห็นที่ 101 เงินซื้อความสะดวกสบายได้ อาจจะไม่ใช่สุขที่แท้จริงสำหรับคนบางคน แต่ใช้ลดทุกข์ได้แน่นอน  เงินแค่เป็นตัวกลาง มันจะต่างอะไรหากคุณทำงานได้เงินไปซื้อของ กับ ปลูกข้าวแล้วเอาข้าวไปแลกของที่จะใช้ มันก็เหมือนกัน คนที่ทำว่าปลูกพืชทำนา ปลูกเองกินเองได้ ไม่เห็นต้องใช้เงินก็ยินดีด้วยครับ แต่ที่ทำได้เพราะมีที่ดิน ถ้าเริ่มจากไม่มีที่ดินจะทำยังไงครับ ก็ต้องมีเงินไปซื้อที่ก่อน ผม ทำงานเพื่อช่วยพ่อแม่เป็นหลัก  ท่านไม่ได้ทำงานแล้ว ต้องกินต้องใช้ ต้องเช่าบ้าน จะเอาเงินจากไหนมาใช้ ข้าวของแพง เงินเก็บผมส่วนใหญ่ก็คือให้ที่บ้านใช้ ส่วนตัวก็ใช้ตามตวามจำเป็นและความอยากได้ส่วนตัวบ้าง อย่างน้อย ผมกับพี่ก็ซื้อบ้านให้พ่อแม่ได้แล้ว ไม่ต้องไปเช่าใครอีก ท่านจะได้สบายใจซะที ผมเก็บเงินซื้อสดเลย ท่านกลัวว่าผ่อนแล้วเดี๋ยวหลุด เพราะตอนพ่อทำงานเคยผ่อนบ้านแล้วตอนหลังผ่อนไม่ไหวก็หลุดไป ท่านเลยไม่อยากผ่อน โชคดีเงินเดือนเยอะอยู่เลยเอาเงินเก็บมาซื้อสดได้ เบื่อบางคนบอกเงินเดือนเป็นแสนทำไมไม่ซื้อนู่นนี่นั่น  ผมว่ามันไม่คุ้มก็ไม่ซื้อ แต่ถ้าคุ้ม ถึงแพงหน่อยก็ซื้อ เงินเก็บพอซื้อสดรถปอร์เช่ได้ แต่ผมเลือกซื้อโตโยต้า โคโรล่าครับ จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 03:15:36