ความคิดเห็นที่ 1 เขาเลื่อนให้ก็ดีแล้ว หรืออยากให้เขาลดพนักงานเพื่อลดต้นทุนล่ะ ???? จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 01:25:00

ความคิดเห็นที่ 2 บริษัท ไม่สามารถลดฐานเงินเดือนได้ แต่ ค่าสวัสดิการอื่น ๆ บริษัท สามารถปรับลดได้ค่ะ จากคุณ : ดอกฟ้าสีลาเต้ เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 01:27:32

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าตามนี้ก็ชัดเจน คือ บริษัทปรับให้เป็น 300 บาทตามรัฐบาล แต่ ... ตัดสวัสดิการ (ค่ารถ และค่าอาหาร) ทิ้งหมด จากคุณ : MortalR2 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 01:45:37

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดิการที่มีในสัญญาจ้างงานลดไม่ได้นิครับ รอผู้รู้ยืนยันอีกที ปล. หวังว่าคงไม่เป็นแบบ sanyo นะ  ไม่งั้นเดี๋ยวจะอยู่ไม่ได้จริง ๆ -_-' จากคุณ : MAX เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 04:43:25

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าตีความตามกฏหมายจริงๆ ก็ถือว่า มีการเปลี่ยนสภาพการจ้าง ซึ่งนายจ้างทำไม่ได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้างที่อยู่มาก่อนประกาศนี้ แต่ข้อพิพาทนี้เข้าลักษณะข้อพิพาททางแพ่ง ลูกจ้างที่คิดว่านายจ้างผิดสัญญาเรื่องค่าตอบแทนการทำงาน ต้องเรียกร้องสิทธิ์ตามขบวนการทางกฏหมายเอง ผมว่าคงไม่มีพนักงานคนใหนทำอย่างนั้น เพราะได้ไม่คุ้มเสียเลย ยกเว้นว่า สถานประกอบการนั้น มีสหภาพ แต่การกระทำเช่นนี้ บอกถึงความมักง่ายและไร้ความสามารถของผู้บริหาร กิจการที่แข่งขันได้เพราะค่าแรงต่ำกว่า ในที่สุดก็ต้องตายหรือย้ายตัวเองออกไปยังประเทศอื่น ที่เขียนอย่างนี้ เพราะเป็นคนหนึ่งที่รับผิดชอบต่อการขึ้นค่าแรงครั้งนี้เต็มๆ มีพนักงานที่ต้องดูแลกว่า7000 คนใน6 โรงงาน ของเราปรับก็คือปรับ ไม่ต้องดึงก้อนโน้นมาโปะก้อนนี้ ทำอย่างนั้น มันซับซ้อนเหมือนวิธีคิดของฝ่ายตะวันออก ซึ่งผมเชื่อในวิธีคิดแบบตรงไปตรงมาของตะวันตกมากกว่า  เราวางแผนกันว่า ต้นทุนเราจะสูงขึ้น ใน4เดือนแรกเท่านั้น ด้วยกลยุทธทางการบริหารของเรา หลังจากนั้นเราจะกลับมาที่ต้นทุนเดิม จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 07:07:21

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่มันก็โอเคนะเมื่อก่อนแยกเงินเดือนกะ ค่าสวัสดิการออกจากกันแต่ถ้ามารวมกัน ค่าแรงได้ 300 บาท ถ้ามีโอที ก็มีตัวคูณเพิ่ม เช่น 300*1.5 = 450 บาท/8ชม  ถ้าค่าจ้างเดิม 215*1.5 =  323 ต่างกัน 450-323 = 127 บาท  ผมว่ามัน โอนะ สมัยก่อนเค้าให้ค่าครองชีพไม่รวมเงินเดือน ยังอยากให้เอาเข้าเงินเดือนเลย อ่ะ ถ้ามีงานทำก็ดีนะครับ ดีกว่าตกงานกัน คิดให้ดี แต่ถ้าโรงงานไหนแฟร์มากๆก็เพิ่มให้เลย เช่นที่โรงงานผม เขาปรับให้เลยพนักงานเข้าวันแรก 12000 บาท (มอหก) ปวส. 15000 กว่าบาท  ป.ตรี 22000 กว่าบาท ผู้รับเหมารายวันที่จ้างเขาได้ 300 กว่าบาทต่อวันไม่รวมค่าดำเนินการของนายจ้างเขา จากคุณ : ขึ้นเลยดี (อ้ายเก๋า) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 07:58:39

ความคิดเห็นที่ 7 Fabri........ หรือเปล่าครับ มีโรงงานเดียวแถวนั้นที่ทำไฟเบอร์ออฟติค จากคุณ : โอ้พี่รักน้อง เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 09:35:36

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นได้ชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง และลดจำนวนสวัสดิการลงอย่างชัดเจน จากประโยคนี้ ทั้งนี้บริษัทจะทำการยกเลิกการจ่ายค่ารถ 25บาทต่อวัน และค่าอาหาร 15 บาทต่อวัน (ค่าอาหารเฉพาะพนักงานรายวัน) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป พนักงานเจอกันอย่างนี้ ไม่รวมตัวประท้วงก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้วครับ จากคุณ : Chalk_HR เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 10:16:45

ความคิดเห็นที่ 9 ประท้วงแล้วผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร มาบอกด้วยน้า จากคุณ : Dr.modx เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 10:31:43

ความคิดเห็นที่ 10 ยังดีกว่าเค้าไม่เอาเราไว้ไม่ใช่หรอครับ   มีคนอีกมากที่ตกงานจากมาตรการ 300 บาท นะครับ ลองคิดดูนะครับ จากคุณ : เอลโดร่า เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 10:49:32

ความคิดเห็นที่ 11 ใจเย็นๆครับ ผมมองที่รายได้รวมโอที ถ้ามีการคำนวณออกมาแล้ว รายได้คงเดิมหรือมากกว่าเดิม ผมว่าไม่เลวร้ายเลยนะ เพราะเงินที่มารวม สุดท้ายตอนได้โบนัส จะเอามาคำนวณด้วย แต่ ถ้าสวัสดิการ จะไม่คำนวณ ลอง คำนวณรายได้รวมสุดท้าย ก่อนดีกว่าครับ จากคุณ : nutkung0124 เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 11:53:57

ความคิดเห็นที่ 12 แค่ตัดสวัสดิการเอง ผิดที่ ประกาศ ออกมาให้มันเป็นรวมอ่ะดิ น่าจะบอกแค่ว่าปรับ 300 แต่ยกเลิกสวัสดิการ จะง่ายกว่าเด้อ จากคุณ : บทกวีแห่งรัก เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 11:56:49

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าดูแล้วไม่กระทบอะไรมากมาย (ขาดทุนกำไร) ก็ให้เขาไปเถิดครับ ค่าครองชีพขึ้นไปรอกันหมดแล้ว จากคุณ : เจดีย์S (พลังม้า) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 12:51:20

ความคิดเห็นที่ 14 ประกาศของ HR แบบนี้มันศรีธนนชัยชัดๆ น่าจะใช้วิธีฟรีสโอที ยังดีกว่าตัดสวัสดิการ ผมว่าส่งตัวแทนพนักงานเข้าไปเจรจามันน่าจะ วิน-วิน ทั้งสองฝ่าย อย่ารวมตัวประท้วงเลยคับผมว่าไม่คุ้ม และบางคนก้อไม่กล้า ดีไม่ดี เรียกร้องมากๆเดี๋ยว เค้าเอาแรงงานเพื่อนบ้านมาทำแทน พวกคุณจะหนาวน่ะคับ โรงงานญี่ป่นที่ปทุมเอาแขมร์ มารันงานให้แล้วน่ะเอ้อ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 55 13:06:32 จากคุณ : Mhack เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 12:56:23

ความคิดเห็นที่ 15 กระทรวงแรงงานพิจารณาด่วนเลยคราฟ ศรีธนนชัยแบบนี้รีบจัดการเลย จากคุณ : thunderclap เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 21:40:29

ความคิดเห็นที่ 16 มั่นใจว่าบริษัทนี้ไม่ได้ทำเรื่องทุเรศๆแบบนี้เป็นครั้งแรกค่ะ จากคุณ : เจ็บแล้วทนคืออะไร? (PlaBuek) เขียนเมื่อ : 4 เม.ย. 55 22:52:57

ความคิดเห็นที่ 17 คห 5 พูดเหมือนจะดูดีนะ เหอะ เหอะ จากคุณ : duck_88 เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 00:55:30

ความคิดเห็นที่ 18 ตามปกติครับ บริษัทไม่อยากจ่ายเพิ่มแน่นอน ต้นทุนเพิ่มขึ้นเป็นสิบเปอร์เซ็น จากคุณ : MondayCool เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 01:48:45

ความคิดเห็นที่ 19 .............ก็อยากจะเห็นน้ำยาคนออกนโยบายแล้วละตอนนี้ จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 02:46:59

ความคิดเห็นที่ 20 คือถ้าอย่างเมืองนอกที่ค่าแรงสูงๆเนี่ย ขั้นต่ำต่อวันแล้วจริงๆก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่เยอะหรอกแต่ก็อยู่ในเกณที่พอใช้จ่ายกับภาวะเงินเฟ้อ ณ ตอนนั้นๆ ส่วนกำไรของ บ.ในประเทศพวกนี้ ถ้าจะทำแล้วอยู่ให้ได้ก็ต้องได้กำไรมาจากการเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้าของตัวเองจะเป็นเชิงจุดเด่นด้านคุณภาพ หรือด้านความโดดเด่นอะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่แบบบ้านเราที่ทำออกมาแล้วมาหวังฟันกำไรจากการที่อาศัยข้อได้เปรียบที่ว่าแรงงานด้านเรามันถูกกว่าอัตรารายได้ที่พอจะอยู่ได้ตามภาวะเงินเฟ้อนั้นๆ พอมีการปรับค่าแรงขึ้นทีนึง ก็เล่นปรับราคาสินค้าให้มันไปMatch กะส่วนที่เสียไปจากการขึ้นราคาค่าแรงทันที ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ปรับราคาของขึ้นไปตามราคา นั่นโน่นนี่ที่เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แล้วบอกกับผู้บริโภคว่า ค่าใช้จ่ายมันสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ดันไปกดเงินเดือนพนักงานใน บ. ไว้แล้วบอกว่า ไม่มีการขึ้นค่าแรงเพราะ บ. มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น.... คือ กิจการที่ดีจริงๆเขาแข่งกันที่การบริหาร คุณภาพสินค้า ความแปลกใหม่ การทำตลาด กำไรมันมาจากตรงนั้น(ไม่เถียงเรื่องต้นทุนที่ว่า ถ้าถูกกว่าก็ได้กำไรเยอะกว่า) แต่ส่วนมากในบ้านเรา กลายเป็นว่า บ.ส่วนใหญ่ดันไปคาดหวังว่า กำไรส่วนใหญ่นั้นมาจากการที่ตัวเองจ่ายค่าแรงน้อยๆ หรือ คงที่ไว้ให้นานที่สุด  เอาตรงๆนะ ถ้าคิดจะทำธุรกิจให้อยู่รอดได้โดยการกดหัวเพื่อนมนุษคนอื่นๆไม่ให้ลืมตาอ้าปากละก็  บ.ห่วยๆแบบนี้ให้มันเจ๊งๆให้มันหมดไปเลยครับ ทำนาบนหลังคนมาเยอะแล้ว โดนเองจะได้รู้สึกบ้าง   แล้วไอ้ประเภทที่บอกว่า ทางรัฐ ควรจะค่อยๆปรับขึ้นค่าแรงทีละนิดๆ ไม่ใช่ปรับพรวดเดียวเยอะๆแบบนี้ ถามตรงๆเหอะ ที่ผ่านๆมาก็ใช้วิธีแบบนี้ใช่หรือเปล่า? ประเภทค่อยๆปรับเพื่อให้  ค่าแรงขั้นต่ำมันอยู่ในจุดที่พอดีกับอัตราค่าครองชีพในช่วงนั้นๆ แต่ถามจริง ทำได้ไหม? เพราะสุดท้าย พวก บ.เหล่านี้คิดอะไรไม่ออกมันก็ถือโอกาสแห่กันปรับราคาสินค้าขึ้นให้สูงกว่าเรทเดิมอีก หรือบาง บ.ไม่ได้กระทบอะไรมาก ก็เห็นเป็นโอกาสในการฟันกำไร ก็มาร่วมแจมด้วยอีก คือสุดท้ายแล้วผมว่าค่อยๆปรับไปก็เท่านั้นอะ เพราะเจ้าของกิจการที่เห็นแก่ตัวทั้งหลายแทนที่จะเอาเวลาตรงนั้นไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน พัฒนาแผนการบริหารใหม่ แต่ก็ไม่ทำอะคิดแค่จะหาทางลดค่าตอบแทนให้น้อยกว่าเดิมอีกเพื่อลดต้นทุน ปัญหาบ้านเรามันก็เลยวนลูปแบบนี้ไง(เอาง่ายๆขนาดในช่วงที่กฏหมายข้อนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้ ผมเห็นหลายๆที่ก็ตีเนียนขึ้นราคาสินค้า แล้วก็ไปหักสวัสดิการพนักงานไม่ก็ลดคนงานแล้ว กำไร2ต่อเน็ตๆ) ค่าแรงขั้นต่ำมันก็เลยไม่เคยจะพอกับค่าครองชีพซะที อ้อ แล้วไม่ต้องมากระแนะกระแหนประมาณว่า "คนเป็นได้แค่ลูกจ้างแบบผมก็ดีแต่พูด ไม่มีทางจะมาเข้าใจความคิดเหนือๆของเจ้าของกิจการได้หรอก ว่าเดือดร้อนแค่ไหนบลาๆๆ แน่จริงก็ลองมีกิจการของตัวเองดูสิ เดี๋ยวก็จะเข้าใจหัวอกนายจ้างแบบพวกตรูเอง"     ถ้าจะบอกว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรก็คงไม่ใช่ เพราะนโยบาย 300บ.นี้มันกระทบครอบครัวผมโดยตรงเหมือนกัน แต่เผอิญว่าพวกผมไม่มีนโยบายบริหารงานแบบ ทำนาบนหลังคนแบบที่หลายๆคนในห้องนี้ออกมาบ่นมาโวยวายกันจะเป็นจะตาย จะหักสวัสดิการค่านั่นโน่นนี่ ไล่ออกเพื่อลดต้นทุน จะให้ทำงานเกินเวลาให้คุ้ม อะไรพวกนี้..  อยากจะบอกว่าโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นกิจการของครอบครัวผมปรับค่าแรงขั้นต่ำไปที่300บ. ตั้งแต่ตอนที่ เจ๊ปูชนะเลือกตั้งใหม่ๆแล้วครับ เริ่มตั้งแต่พวกพนักงานที่อายุงานเกิน1ปีขึ้นไปก่อน ส่วนพวกที่ได้มากกว่า 300 ต่อวันอยู่แล้วก็ปรับเพิ่มอีกตามสัดส่วน ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ จนปรับครบทุกคนในโรงงานมาได้ 1เดือนกว่าๆแล้วครับ โดยที่ไม่ได้ไปตัดสวัสดิการลง หรือลดค่าOTอะไรลงไปหรือลดกะพนักงานลง หรือเลี่ยงบาลีจ่ายOTเหมาไปในค่าแรงต่อวัน หรือไล่คนงานออกเพื่อลดต้นทุนแล้วไปจ้างต่างด้าวมาทำงานแทน แฟร์ๆครับ เพิ่มก็คือเพิ่มจริงๆ , รบนี้ก็ไม่ได้ว่าได้เป็น รบ ปุ๊ปวันรุ่งขึ้นก็ปรับค่าแรงทั้งประเทศเลยซะทีไหนละ มีเวลาตั้งหลายเดือน กว่าจะบังคับใช้  เจ๊ปูเข้าดำรงตำแหน่งตอน สิงหา มีผลบังคับใช้กฏหมายนี้ 1เมษา  มีเวลาให้คุณๆเตรียมตัวกันตั้ง 8เดือน  เอาจริงๆ 8เดือนที่ว่ามานี่เอาเวลาไปทำอะไรอยู่ครับ???? แล้วจะมาโวยวายกันทำไมครับ โวยวายว่าธุรกิจตัวเองเจ๊งแน่ๆเพราะนโยบายนี้ คือมันไม่ได้จะเจ๊งเพราะนโยบายนี้หรอกครับ แต่มันเจ๊งเพราะตัวเจ้าของเองไร้ความสามารถมากกว่า คือก็ไม่ได้ว่าไม่มีเวลาเตรียมความพร้อมนะ ในเมื่อรู้แล้วแต่เนิ่นๆว่ามันจะมีปัญหามา8เดือนล่วงหน้าแล้ว แต่แทนที่จะแก้ไขแต่กลับเอาเวลาเที่ยวไปโยนความผิดให้คนอื่นหรือใช้วิธีง่ายๆโดยการผลักภาระไปที่ลูกจ้าง ถ้ามันเจ๊งก็ไม่ต้องโทษใครหรอกครับโทษตัวเองนั่นแหละ จากคุณ : GusZ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 03:05:09

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณสำหรับความเห็นจากทุกท่านครับ เป็นประโยชน์มากเลยทีเดียว ... สวัสดิการที่บริษัทให้นั้น (ค่ารถ ค่าอาหาร) เค้าระบุเอาไว้ในสัญญาจ้างที่ทำไว้กับพนักงานก่อนหน้านี้ ซึ่งประเด็นการเอาสวัสดิการนี้มาคิดรวมกับค่าแรงที่ปรับเป็น 300 มันค่อนข้างคลุมเครือ ซึ่งตอนนี้ยังหาข้อสรุปกันไม่ได้ บริษัทเป็นโรงงาน พนักงานส่วนใหญ่จึงเป็นพนักงานรายวัน พวกเค้าประท้วงไม่ยอมเซ็นต์รับข้อตกลงจากทางฝ่ายบุคคล ก็เพราะว่าสวัสดิการค่ารถ ค่าอาหารระบุเอาไว้ในสัญญาจ้าง เค้ามองว่าไม่ถูกต้องที่บริษัทจะมาหักลดโดยไม่ได้รับการยินยอมจากพนักงานก่อน แบบนี้ดูเป็นการเอาเปรียบกัน วันนี้ทางผู้บริหารก็เรียกพนักงานเข้าไปขอร้องให้เซ็นต์ยินยอม ทยอยเรียกไปคุยเป็นกลุ่ม ๆ แต่พนักงานต่างไม่ยอมกัน อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องลักษณะที่บริษัทพยายามจะเอาเปรียบพนักงานมาแล้วหลายครั้ง ... จริงอย่างที่บาง คคห. บอกไว้ พอมาครั้งนี้เลยเกิดเป็นวิกฤตศรัทธาอย่างรุนแรงครับ ไม่อยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่จะนำไปสู่ความวุ่นวาย ถ้าประกาศที่ออกมา เป็นเรื่องที่ตีความแล้วน่าจะผิด ก็จะได้แจ้งทางกรมแรงงานหรือหาที่ปรึกษาทางกฏหมาย จ้างทนายมาจัดการ กลัวมันยังเป็นเรื่องที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจนแล้วบริษัทพยายามบีบพนักงานโดยไม่สนใจอะไร อันนี้แหล่ะครับจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา จากคุณ : N/A เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 05:46:55 A:12.195.187.194 X: TicketID:119117

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าใครรับไม่ได้ก็สามารถลาออกไปทำงานที่อื่นได้ ไม่ขัดข้อง เพราะการทำงานถ้าคุณไม่พอใจสวัสดิการที่เขาให้ ก็ต้องไปหาที่อื่นที่สวัสดิการดีกว่า เป็นเรื่องปรกติของการทำงาน อย่างบางบริษัท เค้าตัดโอทีหมด พนักงานแต่เดิมได้กันเดือนนึงหมื่นกว่าบาท ต้องรับเงินเดือนเพียวๆ 7 - 8 พันบาท ผมก็ไม่เห็นเค้าจะประท้วงอะไรกัน มีงานทำก็บุญแล้วในยุคนี้ เพราะยังไงๆ ค่ารถ ค่าอาหาร มันก็คือ ค่าจ้าง นั่นแหละ แต่แยกออกมาให้ดูเหมือนว่า มีสวัสดิการให้ (ความจริง ค่าอาหารบ้าอะไร 15 บาทมันใช้จ่ายได้จริงซะที่ไหน) เหมือน บางที่ บอกว่า เงินเดือน 1 หมื่น ค่าครองชีพ 2 พัน ได้หมื่นสอง ค่าครองชีพที่ว่า ถือว่าเป็น "สวัสดิการ" ที่บริษัท สามารถ "ไม่จ่าย" ได้..... เป็นวิธีตุกติกของ HR อย่างนึง จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 08:50:37

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ กบกินกะลาครับ สวัสดิการที่อยู่ในสัญญาจ้างตามกฎหมายถ้าจะยกเลิกย่อมต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างครับ บริษัทไม่มีสิทธิ์ยกเลิกโดยไม่ปรึกษาลูกจ้างและได้รับความบยินยอมครับ แต่สำหรับผมนะครับตอบ จขกท ถ้าคิดในมุมกลับต้องเจรจากันหาจุดลงตัวที่สุดครับ เป็นผมจะต่อรองให้ยอกเลิกสวัสดิการก็ได้แต่ค่าแรงคนงานเก่าต้องเพิ่มอีก ไม่ใช่ 310 บาท น่าจะปรับเพิ่มตามจำนวนปีที่ทำงานเพื่อความแฟร์ ใครทำงานมานานก็ได้สูงขึ้น เพราะถือมีความชำนาญงานแล้ว จากคุณ : et009 เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:01:06

ความคิดเห็นที่ 24 นโยบาย รัฐบาลได้หน้า แต่เวลาเกิดข้อเสีย ให้ลูกจ้างไปด่านายจ้างเอาเอง.. จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:05:16

ความคิดเห็นที่ 25 ผมมองในมุมมองของทั้งการเป็นลูกจ้าง และการเป็นนายจ้าง การปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ต้องยอมรับว่า กระทบกับบางธุรกิจ และไม่กระทบกับบางธุรกิจ ธุรกิจที่เป็น Labor intensive กระทบแน่นอน เช่น โรงงานทอผ้าของไทย ซึ่งรับจ้างทำเสื้อผ้าให้ Brand เมืองนอก พวกนี้ถ้าไปขอขึ้นราคา เมืองนอกเจ้าก็ไปจ้างจีน เวียดนาม ผลิตให้ ซึ่งปัจจุบัน ก็เป็นแบบนี้ คำถามที่หลายๆ คนถามคือ ทำไม ไม่ทำให้ Value Added ล่ะ คำถามต่อมาคือ Value added กับ Price Added มันคือตัวเดียวกันหรือไม่ ผมตอบได้เลยครับว่า มันคนละแบบ แต่สุดท้าย มันคือ ราคาขายที่สูงมากขึ้นนั่นเอง บางบริษัท ทำ Value added ไม่ได้ เพราะเป็น OEM ครับ ไมได้เป็น ODM บางคนบอกว่า บริษัทปรับค่าแรงขึ้น แล้วขึ้นราคาสินค้า เอาเปรียบผู้บริโภค นี่ไงครับ บริษัท กำลังทำให้ราคาขายสูงขึ้น กำไรสูงขึ้น แม้ว่าสินค้ายังคงเดิม จุดนี้ ถ้าราคาสูงขึ้น ผู้บริโภคมีตัวเลือก เค้าก็ไม่ซื้อ บริษัทก็อยู่ไม่ได้ สุดท้ายต้องยอมลดราคาลงมาเพื่อให้ได้ competitive price หรือไม่ก็ยอมขายน้อยลง เอา marginal revenue เข้าว่า ถ้าบอกว่า ก็ไม่มีตัวเลือก ยังไงก็ต้องซื้อกับเจ้านี้ นั่นแปลว่า คุณเห็นโอกาส ทางธุรกิจแล้วครับ สินค้าที่คุณซื้อ คุณเห็นว่าราคาแพง จำเป็นต้องซื้อ ไม่มีคู่แข่ง วิเคราะห์ตาม 5 Forces model แปลว่า โอกาสการลงทุนของคุณมาถึงแล้ว จะลงทุนเอง หรือขายไอเดีย หาผู้ร่วมทุน ก็ขึ้นอยู่กับ Strategic direction ของคุณแล้ว ทุกอย่างมันเป็นกลไกการตลาดครับ มุมของลูกจ้างบ้าง ลูกจ้างอยากให้นายจ้าง พัฒนาสินค้า บริการ นวตกรรม เพื่อให้สินค้า หรือบริการมีมูลค่าที่สูงขึ้น เช่นเดียวกัน นายจ้าง ก็อยากให้ลูกจ้างพัฒนาฝีมือแรงงานด้วยเช่นกัน ดังนั้น ลูกจ้าง ก็ควรได้รับโอกาส ไปเรียนพัฒนาฝีมือ ซึ่งที่เรียนฟรี มีเยอะแยะ อ้างว่าไม่มีเวลาไปเรียน คงฟังไม่ขึ้น เพราะทั้งชีวิตไม่มีเวลาเรียนเลยหรอครับ แต่ถ้าบอกว่า ยังไม่พร้อมจะเรียน เพราะช่วงนี้ไม่มีเวลา ต้องหาเงิน อันนี้ยังพอมีเหตุผล กรณีรับไม่ได้กับบริษัท ที่จะปรับลดสวัสดิการ หรืออื่นๆ ที่เห็นว่าไม่เป็นธรรม ให้ลูกจ้างอ่านสัญญาจ้างงานให้ละเอียดครับ ว่าเป็นอย่างไร รวมตัวกับฟ้องบริษัท ดีกว่าจะไปประท้วงให้เกิดความวุ่นวาย บ้านเมืองมีกฎหมาย เล่นกันตามกฎหมายจะดีกว่า เพราะมันเป็นประโยชน์กับลูกจ้างคนอื่นๆ ในบริษัทอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน ทำให้เป็นตัวอย่าง ให้เป็นบรรทัดฐาน ให้เห็นว่า ลูกจ้าง ก็มีสิทธิ มีเสียง ที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย สุดท้าย ถ้าบริษัทไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ไม่ถูกใจลูกจ้าง ลูกจ้าง ก็มีสิทธิ์ในการลาออก ไปหาที่ใหม่อยู่ ที่คิดว่า นายจ้างเป็นธรรมกว่า บริษัท ที่จ้างงานแบบไม่เป็นธรรม ก็จะไม่มี่คนเข้ามาทำงาน บริษัทอยู่ไม่ได้ สุดท้าย ถึงจุดสมดุล ก็ต้องมีการขยับปรับเปลี่ยนเองนั่นและครับ มันคือ กลไกการตลาดทั้งนั้น หรือ มันคือ Invisible hand ที่เข้ามาจัดการนั่นเอง โดยที่อาจมีภาครัฐมาวางกฎเกณฑ์บางอย่างเท่านั้นเอง จากคุณ : M style เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:33:49

ความคิดเห็นที่ 26 ผมมองว่า ทั้งสองฝั่งควรจะเผื่อเหลือไว้คนละมุม คือ ถ้าปรับขึ้น มากกว่าสวัสดิการที่หัก ก็ยังพอถูไถ... จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:49:41

ความคิดเห็นที่ 27 ต่างคนต่างวาระ ผมก็เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาคนหนึ่ง ผมมองทั้ง 2 มุม ก็ให้แง่ที่แตกต่างทางความคิดอย่างมาก คิดทั้งเข้าข้างนายจ้าง คิดทั้งเข้าข้างสภาพลูกจ้าง สุดท้าย ทุกคน ต่างก็ต้องการสิ่งที่ดี ที่สุดให้กับตัวเอง และเมื่อคิดว่าจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ในเมื่อไม่พอใจในสภาพปัจจุบัน ก็ลองเปิดใจหาโอกาสใหม่ๆใน ชีวิตดีกว่านะครับ จากคุณ : basic10th เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:51:50

ความคิดเห็นที่ 28 1. ค่าจ้าง 300 บาท กฎหมายเขียนว่า " ต้องจ่ายเป็นตัวเงิน " ดังนั้น ชัดเจนว่า ไม่สามารถเอาเรื่องอื่นๆ เช่น  อาหารกลางวัน  มาเป็นข้ออ้างได้ 2. ประเด็นที่ว่า  ถ้าขึ้นค่าจ้างเป็น 300 แล้ว นายจ้างสามารถตัดสวัสดิการอื่นๆ ที่เคยให้ได้หรือไม่ ? อันนี้ก็ชัดเจนว่า ถ้าแย่กว่าเดิม แล้วลูกจ้าง " ไม่ยินยอม "  นายจ้างจะทำไม่ได้ ถ้าลูกจ้างไม่ยินยอมแล้วยังไง  ---- >   ก็ต้องเลิกจ้างกันไป (จ่ายค่าชดเชยละกัน) กรณีของ  จขกท นี้  ลูกจ้างไม่ยอม และจะประท้วง ถ้าประท้วง ก็ทำได้ คือใช้กลไกทางจิตวิทยาเล่นกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยอม  แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้จริงๆ  ผลสรุปจะกลายเป็น  " เลิกจ้าง " ในกรณีนี้ บริษัทหว่านล้อมให้ยินยอม  ถือว่าทำผิด ไม่เป็นไปตามเจตนาของลูกจ้าง  อย่างไรก็ตาม  ถ้าพนักงานจะเรียกร้องขอสวัสดิการเหมือนเดิม แต่นายจ้างให้ไม่ได้  ลูกจ้างก็ต้องยอมรับผลการเลิกจ้างนั้นด้วย  เพราะคงไม่สามารถห้ามนายจ้างเลิกจ้างได้แน่นอน ลูกจ้างก็จะได้ค่าชดเชย ตอนเลิกจ้างเป็นเงินก้อน  ก็คำนวณดูแล้วกันว่า เงินก้อนนั้น  มันคุ้มกับการหางานใหม่หรือเปล่า  ?  ( แต่ก็จะยากแล้วนะ เพราะบริษัทรับคนใหม่  เงื่อนไขการจ้าง ลดลงแน่นอน ) เรื่องประท้วง  -----  ต้องดูปัจจัย เช่น  งานที่ทำยากไหม ?  ยอดสั่งซื้อต่อเนื่องไหม ?  ต้องมีการฝึกงานจนเชี่ยวชาญ และจะเสียเวลา ถ้ารับสมัครคนงานใหม่  ?   ( นายจ้าง  หาคนมาทำแทนไม่ได้ ) กรณีที่การประท้วงจะสำเร็จ มักเกิดกับพวกช่างเฉพาะทาง เช่น  บริษัทผลิตรถยนต์  งานยาก ยอดสั่งซื้อต่อเนื่อง  ถ้าไม่ยอมลูกจ้าง  แล้วหาคนมาทำงานไม่ทัน ก็อาจจะผลิตไม่ทันความต้องการ ฯลฯ แต่ถ้าเป็นงานง่ายๆ  ใครๆก็ทำได้ ..... แรงงานต่างด้าว รออยู่เพียบ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 13:37:52 จากคุณ : จำฉันได้ไหม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 12:12:02

ความคิดเห็นที่ 29 แบบนี้ ถ้าผมเป็นนายจ้างคือ... ให้เลย 300 บาท แตุ่คุณต้องมาทำงานเองให้ตรงเวลา (ไม่มีรถรับส่ง) อาหาร คุณจัดหามากินเองได้(ตัดค่าอาหาร) ได้ใช่ใหมครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 13:23:03

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ ได้ ในกรณีรับสมัครใหม่  จ้างลูกจ้างชุดใหม่  กำหนดเงื่อนไขการจ้างกันใหม่ แต่ลูกจ้างชุดเดิม ต้องให้เค้ายินยอมก่อนค่ะ จากคุณ : จำฉันได้ไหม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 13:44:56

ความคิดเห็นที่ 31 งานนี้ น่าเห็นใจคนทำงาน HR ครับ เรื่องนี้มันใหญ่มาก กระทบต่อผลกำไรบริษัทพอสมควร (เน้นว่าผลกำไร นะครับ)  การตัดสินใจไม่น่าจะเป็น แค่ HR แต่น่าจะมาจาก เจ้าของ หรือ เบอร์ หนึ่ง เลยแหละ   นี่หล่ะครับ คนอยู่ตรงกลาง จะลำบากมาก หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ธรรมดา ของนายจ้างที่เห็นกำไร ลดลง ไม่ค่อยจะยอม ทั้งๆ ที่เค้าต้องพึ่งพนักงานในการผลิต  แค่กำไรหายนะครับ คงไม่น่าถึงกะขาดทุน ขนาดที่ต้องย้ายฐานการผลิต แบบ โรงงานของกิน ที่ออกมาขู่ มั๊ง   ยิ่งสื่อสารกันไม่ดี พูดจาไม่รู้เรื่องก็พากันเละเทะไปใหญ่ ส่วน พนักงานก็น่าจะใช้วิธีสันติ คุยกับหัวหน้า หัวหน้าของหัวหน้า หรือ อาจจะ รวมกัน ตั้งตัวแทนมาพูดคุยกัน หรือไม่ก็ให้ คณะกรรมการสวัสดิการ ที่มีอยู่แล้ว  (เดาว่าคงไม่มีสหภาพ เพราะถ้ามี ไม่น่าเป็นแบบนี้) หาก คุยกันแล้ว ยังไม่เห็นด้วย ก็ยังไม่ต้องเซนต์รับทราบใดๆ   หากตัดสินใจทำอะไรที่รุนแรงไป ก็ เหมือนกับทุบหม้อข้าวตัวเองล่ะครับ  ประวัติ ก็จะติดตัว ไปสมัครงานที่ใหม่ หากเค้ารู้ ก็ไม่เอาอีก  ลำบากเข้าไปใหญ่  ไหนๆ ก็อยู่กันมา ก็ คุยกันดีกว่าครับ เอาใจช่วยทุกฝ่ายให้ผ่านไปกันด้วย สันติวิธี (ไม่ต้องถึงกะปรองดองก็ได้) จากคุณ : อีโต้ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 13:55:30

ความคิดเห็นที่ 32 จาก คห.20 "เจ๊ปูเข้าดำรงตำแหน่งตอน สิงหา มีผลบังคับใช้กฏหมายนี้ 1เมษา  มีเวลาให้คุณๆเตรียมตัวกันตั้ง 8เดือน  เอาจริงๆ 8เดือนที่ว่ามานี่เอาเวลาไปทำอะไรอยู่ครับ???? " คนอื่น ผมไม่ทราบ แต่กับธุรกิจ เล็กๆ ของผม  ใน อ.คลองหลวง ปทุม  เวลา 8 เดือน ผมใช้ไปดังนี้ เดือนแรก ก่อกำแพง 2 เดือนต่อมา คอยสูบน้ำ , หาอาหาร + น้ำดื่ม สะอาดๆ ใส่ท้องตัวเองละลูกน้อง  ที่คอยเฝ้าโรงงานให้ 3 เดือน ซ่อมโรงงาน 2 เดือน-ปัจจุบัน  วิ่งหาลูกค้ารายใหม่ และหาสถานที่เปิดโรงงานใหม่ และแรงงานใหม่ที่ไม่ต้องเสีย 300 จากคุณ : ปากหวาน เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 15:54:43

ความคิดเห็นที่ 33 ได้คืบ จะเอาศอก... เด่ว คงโดนศอกบิน จากคุณ : Arsenal มินิ คุ้กกี้ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 16:27:55

ความคิดเห็นที่ 34 โรงงานผม แรงงาน เงินเดือนเท่ากับ ป.ตรี แล้วครับ ห่างกันไม่กี่ร้อยบาท ^^' แรงงานเดี๋ยวนี้สิทธิเยอะนะผมว่า ปล เดี๋ยวนี้ โรงงานเค้าไม่ง้อพนักงานออฟฟิส นะครับ เค้าง้อแรงงาน เพราะหายากมากๆ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 16:37:26 จากคุณ : KINKIMONO เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 16:36:04

ความคิดเห็นที่ 35 แก้ที่ คนก่อ จากคุณ : neap เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 21:34:54

ความคิดเห็นที่ 36 ......มาตรการต่างๆที่ออกมา อาจจะมีส่วนช่วยให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเร็วขึ้น อย่างต้มยำกุ้งครั้งก่อน ตอนลอยตัวค่าเงินบาท ใครฟันกำไรส่วนต่างไปเต็มๆ ผมว่างวดนี้ก็คงใกล้เคียงกัน เพียงแต่ใช้เวลา และทำให้มันดูดีหน่อย หากเกิดวิกฤตอีกรอบ งานนี้ได้มีฮุบของดีราคาถูกอีกรอบ... จากคุณ : พ่อเฉาก๊วยกะแม่เปียกปูน เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 07:32:12

ความคิดเห็นที่ 37 ก็ต้องช่วยกันหล่ะนะครับทั้งนายจ้างและผู้ประกอบการ ถ้าต้นทุนมันสูงขึ้น ระยะยาวโรงงานก็อาจจะย้าไปประเทศเพื่อนบ้านได้ สิ่งสำคัญคือถ้าขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแล้ว มูลค่าของผลิตภัณฑ์ก็คววรต้องพัฒนาให้พิ่มขึ้นตามด้วย ไม่งั้น มูลค่าเท่าเดิมแต่ต้นทุนแพงขึ้นมันไปไม่รอดในระยะยาว จากคุณ : April Slowly เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 09:23:13

ความคิดเห็นที่ 38 มองในอีกแง่คือ เป็นการบังคับให้บริษัทพยายามทำให้ประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยไม่ได้เน้นค่าแรงถูกๆ ซึ่งก็ดีนะครับ บริษัทอะไรที่เน้นผลิตสินค้าราคาถูก โดยใช้แรงงานมากๆ ก็จะอยู่ไม่ได้ และเลิกกิจการไปเอง เมื่อเราเปิดเสรีทางการค้าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บริษัทที่เน้นแรงงานราคาถูกอยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะประเทศเพื่อนบ้าน ค่าแรงถูกกว่าเราหลายเท่า ดังนั้นต้องปรับแปลี่ยนไปเน้นการใช้เึครื่องจักร หรือผลิตอะไรที่ไม่ได้เน้นแรงงานอย่างเดียว ผลกระทบมีแน่นอน แรงงานส่วนหนึ่งจะต้องตกงาน พนักงานที่ไม่ยอมปรับปรุง หรือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานก็อยู่ ไม่ได้ เพราะไม่มีใครจ้าง เรื่องแบบนี้บริษัทหลายๆแห่งก็ทำกันอยู่แล้ว เพราะปัญหาเรื่องคนมีมากกว่า เครื่องจักร เพียงแต่เมื่อก่อนการใช้เครื่องจักร ต้องลงทุนสูงอาจจะไม่คุ้มค่า ตอนนี้คงต้องกลับมาคิดดูใหม่ว่าลงทุนเครื่องจักรคุ้มค่ากว่าหรือไม่ จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 10:59:14

ความคิดเห็นที่ 39 นี่แหละ .. ตัวอย่างของการแสดงให้เห็นชัดแล้วว่านโยบาย "รัฐบาล" ที่จ้องจะเอาแต่ "หน้า" โดยการ "ขึ้นต้นทุน" ไปก่อน และ บอกว่านโยบายช่วยเหลือคือการ "ลดภาษี" ให้นายจ้าง ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาให้นายจ้างเลยแม้แต่น้อย เพราะการ "เพิ่มค่าแรงเป็นการเพิ่มต้นทุนทันที" แต่การลดภาษีนั่นเป็นการลดภาระนายจ้าง "หลังจากมีกำไรแล้ว" ดังนั้นนายจ้างที่มีต้นทุนหลักคือค่าแรง ------------> ขึ้นราคาสินค้า -------------> สินค้าขายไม่ออกหรือขายออกน้อยลง --------------> หลายแห่งต้อง "ปิดกิจการไป" ------------> แม้จะภาษี "ยังไม่มีให้จ่าย" เลย .. ผลประโยชน์จากการลดภาษีของ "รัฐบาลก็ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้" !!! นี่แหละ "นักการเมือง" เอาแต่ "หน้า" ส่วนผลเสีย .. "ประชาชนก็ต้องรับกรรม ... ทุกที" จากคุณ : Top27 เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 12:45:51

ความคิดเห็นที่ 40 บริษัทไหน ไม่สามารถเพิ่มมูลค่าิสินค้าให้ขายได้กำไร  ก็ให้เลิกกิจการไปเอง.... แล้ว พวกปลูกข้าว ปลูกหอม ปลูกยาง จะรับประกันราคา หรือ จำนำ  ทำไม ? น่าจะเลิกปลูกไปซะ ถ้าปลูกแล้วขาดทุน จากคุณ : Joy_Bune เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 12:48:00

ความคิดเห็นที่ 41 เห็นคิดแต่ว่าค่าแรงต้องได้เท่านี้ แล้วคิดว่าจะทำงานให้มากขึ้นกับบริษัทบ้างหรือเปล่าคะ ค่าแรงเพิ่มมา 40% ขอให้ตั้งใจทำงานให้มากกว่าเดิม 20% ก็ดีใจแล้ว ต้องบอกว่ารัฐบาลเอาความดีใส่ตัว ความชั่วให้พวกนายจ้างแก้ปัญหากันเอง ลดภาษีนิติบุคคล พวก SME ก็ไม่เข้าเกณฑ์ เฮ้อ จากคุณ : กกก เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 16:34:59 A:110.168.107.144 X: TicketID:251805

ความคิดเห็นที่ 42 นโยบายนี้ไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ ในบางธุรกิจอาจจะปรับตัวได้ ถ้า Labour cost  ไม่ได้มีสัดส่วนส่วนที่สูง หรือตัวธุรกิจมีการแข่งขันไม่สูงมาก คือเรยีกราคาลูกค้าได้ แต่ในหลายธุรกิจน่าจะหนักทีเดียว เพราะผลกระทบเป็นลูกโซ่ บางครั้งแอบคิดถ้ารัฐบาลตั้งขั้นต่ำสัก 500 บาท จะทำยังไงกันดี จากคุณ : Definitely เขียนเมื่อ : วันจักรี 55 19:32:44

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านจากบางความคิดเห็น ที่บอกว่าไม่พอใจก็ลาออกไป มีงานทำก็บุญแล้วประมาณนั้น เราว่ามันคนละกรณีนะคะ จริงอยู่เราไม่ควรเลือกงาน แต่นั่นมันกรณีที่เราสมัครงานใหม่ค่ะ เรื่องของเจ้าของกระทู้นี้ เค้าเข้ามาทำงานด้วยสัญญาจ้างที่ตกลงว่าจะมีอะไรบ้างแล้ว พอใจกันทั้งสองฝ่าย จึงมีการจ้างงานเกิดขึ้นนะคะ แต่อยู่ๆมา ก็มาประกาศลดสวัสดิการที่มีอยู่ในสัญญาจ้างแบบนี้ มันเป็นการเอาเปรียบและผิดกฏหมายแน่นอนค่ะ เราต้องรักษาสิทธ์พึงได้ของตัวเองนะคะ ไม่ใช่ปล่อยให้บริษัทเอาเปรียบ แล้วมาคิดว่า มีงานทำก็พอแล้ว ถ้าปรับค่าแรงตามกฏายแล้วอยู่ไม่ได้ต้องลดคนจริงๆ กฏหมายก็มีบอกไว้ชัดเจน ว่าต้องจ่ายชดเชยเท่าไร ตามอายุงาน คนที่พร้อมจะออกมีเยอะค่ะ เราเชื่อ ปลดคนเมื่อไร คนสมัครใจออกเกินโควต้าแน่นอน ^^ แนะนำเจ้าของกระทู้เอาสัญญาจ้างไปคุยกับฝ่ายบริหาร แต่อาจต้องรวบรวมคนไปเยอะๆ หน่อยนะคะ เอกสารที่เค้ามาขอให้เซ็นยินยอมก็อย่าเซ็นค่ะ พยายามบอกเพื่อนพนักงานให้มากที่สุดด้วย เพราะถ้าคนเซ็นรับเยอะกว่า คนไม่เซ็นเค้าอาจบังคับใช้ได้นะคะ ลองเจรจาดูก่อนค่ะ ถ้าตกลงไม่ได้คงต้องพึ่งกรมแรงงานเพราะการเปลี่ยนสัญญาแบบนี้ทำไม่ได้แน่นอนค่ะ ถ้าไม่ได้รับการยินยอมจากลูกจ้างที่อยู่มาก่อน งานนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะคะ อยาดึงมาเลยค่ะ มันเป็นเรื่องของนายจ้างกับลูกจ้างมากกว่า เราว่าเค้าไม่ได้ทำแบบนี้ครั้งแรก และตอนนี้มันน่าจะใกล้เป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้วมากกว่าค่ะ สู้ ๆ นะคะเจ้าของกระทู้ จากคุณ : fantastic GiRL เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 08:40:38

ความคิดเห็นที่ 44 ว่าแต่การปรับขึนเยอะขนาดนี้ ขณะที่ความสามารถในการทำงานเท่าเดิมแถมยังไม่ให้ลดสวัสดิการอีก ไม่ถือว่าเป้นการเอาเปรียบนายจ้างเหรอครับ รู้สึกแปลกๆครับ จากคุณ : ไม่แฟร์ เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 11:16:26 A:171.96.17.185 X: TicketID:118563

ความคิดเห็นที่ 45 ปรับขึ้นเยอะขนาดนี้ คือขนาดไหนคะ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้ใช้ความสามารถในการทำงานเพิ่มขึ้น สถานการณ์บริษัทช่วงนี้เราว่าหลายที่เลยนะคะที่ไม่ได้รับคนเพิ่มแล้ว แต่งานยังเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น คนเก่าบางคนลาออก ในเมื่อไม่มีนโยบายรับใหม่ ทำยังไงกันรู้มั๊ยคะ คนที่เหลือก็รับทำกันไปค่ะ งานมากขึ้นแต่คนเท่าเดิมค่ะ เงินก็เท่าเดิมเผลอๆ บางที่ไม่ปรีบเงินเดือนขึ้นด้วย T T  นี่ยังไม่นับบางที่มีการลดหรือไม่ให้ทำโอทีนะคะ งานไม่เสร็จทำไงคะ โอฟรีค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ เราลูกจ้างช่วยๆ กันไปค่ะ เราเชื่อว่าคนที่ไม่พัฒนาความสามารถตามค่าจ้างมันก็อยู่ไม่ได้เองแหละค่ะ บริษัทมีสิทธ์คัดกรองคนอยู่แล้ว มาตรการลงโทษก็มี แต่กรณีอย่างนั้นคงต้องแยกไปพูดค่ะ กระทู้นี้เค้าถามถึงเรื่องสวัสดิการที่เค้าเคยได้ กับค่าแรงขั้นต่ำที่กฏหมายกำหนดค่ะ ส่วนเรื่องขึ้นค่าแรง ทำไมต้องขึ้น ทำไมต้อง 300 มันเป็นนโยบายไปแล้วค่ะ เค้าก็มีมาตรการช่วยนายจ้างโดยการลดภาษีนี่คะ ส่วนค่าครองชีพที่ขึ้นไปเกิน 300 ยังไม่รู้เลยค่ะ จะอยู่ยังไง 555 ลองมาเป็นลูกจ้างดูมั๊ยคะ จากคุณ : fantastic GiRL เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 20:42:29

ความคิดเห็นที่ 46 กรณีพนักงานใหม่ ถือว่าสภาพการจ้างใหม่ เป็นการยอมรับโดยปริยายตั้งแต่เข้าทำงาน ส่วนพนักงานเก่าถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง  ถ้าเป็นคุณแก่ลูกจ้างทำได้เลย กรณีนี้บริษัทจะถ่อว่าเป็นคุณ เพราะโอที โบนัส จะได้อัตราสูงกว่าเดิม แต่ถ้ามองอีกมุม ในอนาคตถ้าค่าครองชีพ เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น เช่นค่ารถ ค่่าอาหาร บริษัทไม่จำเป็นต้องปรับให้ตามที่ลูกจ้างเรียกร้องก็ได้ เรื่องแรงงานต้อง compromise กัน กรณีนี้น่าจะไม่ควรต่อต้านอะไร เพราะถ้าคุณไม่ยินยอม บริษัทก็แค่ยุ่งยากเปลี่ยนโปรแกรม payroll เป็น 2 แบบเท่านั้น และทางกฎหมายเขาไม่จำเป็นต้องปรับให้พนักงานเก่าที่เกินขั้นต่ำไปแล้วก็ได้ จากคุณ : เสืออมยิ้ม เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 21:13:09

ความคิดเห็นที่ 47 แถวปทุม ตอนนี้คนงานตกงานเยอะ สังเกตุจาก บริษัทฯเรามีมาสมัครงานกันตลอด แต่เจ้าของกิจการได้แต่บอกว่า ให้พิจารณาไปเรื่อยๆ ยังไม่รับ รอผ่านสงกานต์ไปก่อน ค่อยว่ากันอีกที แล้วธุรกิจต่างๆก็ดูเงียบๆด้วย บริษัทเจ้าของกระทู้คงวางแผนดีแล้ว การหาคนใหม่แล้วเริ่มเงื่อนไขใหม่ น่าจะไม่ยาก จากคุณ : tanacar เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 23:42:18

ความคิดเห็นที่ 48 เป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายค่ะ...(พูดได้แค่นี้จริงๆค่ะ) จากคุณ : ฺBillabong (billabongaui) เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 11:17:10

ความคิดเห็นที่ 49 เฉลี่ยเพิ่ม50 บาทต่อคน พนักงาน5000คน ต้นทุนเพิ่ม 250,000บาทต่อวัน ทำงาน 20วันต่อเดือน ต้นทุนเพิ่ม5,000,000บาทต่อเดือน คิดเป็นปีละ 60,000,000 บาท จากคุณ : JusTT เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 20:58:43

ความคิดเห็นที่ 50 ต่อจาก คห.23  ในกฏหมายจ้างแรงงาน เรียกว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง (Collective Bargaining Agreement) เป็นข้อตกลงระหว่างฝ่ายนายจ้างกับฝ่ายลูกจ้างเกี่ยวกับสภาพการจ้าง มีผลผูกพันทั้งสองฝ่ายในลักษณะมหภาค (นายจ้างกับลูกจ้างทั้งหมด) ยกเลิกฝ่ายเดียวไม่ได้ ดังนั้นต้องหาจุดลงตัวร่วมกันน่ะครับ จากคุณ : ฟิ้วฟ้าว เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 21:33:50

ความคิดเห็นที่ 51 ขำ  คิดจริงๆหรอว่าจะได้ค่าแรงขึ้นแบบพรวดพราด โดยที่อะไรๆยังเหมือนเดิม จากคุณ : ทังโคริริน เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 22:29:48

ความคิดเห็นที่ 52 ค่าแรง + สวัสดิการ คือ สิ่งที่นายจ้างมอบให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ประกันสังคม ประกัน ต่าง ๆ ค่าที่พัก รวมแล้ว 300 สิ่งที่นายจ้างเสียเงินให้กับพนักงานคนนั้น ก็ต้องถือเป็นรายได้ของพนักงาน ด้วย ถูกต้องตามกฏหมาย นะครับ จากคุณ : love_vinai เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:12:23

ความคิดเห็นที่ 53 ตอนนี้ โรงงานตัดผ้า  แถวบ้านผม  คนไทย โดนให้ออก 50% แล้วครับ รับแรงงานต่างด้าว มาเพิ่ม 50% แล้วให้คนไทยที่เหลือนั้น สอนงานให้   เขายอมลดผลผลิตออกมาน้อย ในช่วงแรกๆ เพื่อลดค่าใช้จ่ายแล้ว พอใจกันยังครับ จากคุณ : zachize เขียนเมื่อ : 8 เม.ย. 55 23:19:31

ความคิดเห็นที่ 54 เห็นด้วยกับนโยบายบริษัทนี้นะคะ เป็นดิฉันก็คงต้องลดพนักลงสู้ไม่ไหวจริงๆ ขึ้นพรวดพราดขนาดนี้  สนองประชานิยมจริงๆ จากคุณ : มะจัง (majungcat) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 10:25:18

ความคิดเห็นที่ 55 การลดสวัสดิการ เอาไปบวกเพิ่มในเงินรายวัน ก็เคยพูดๆกันมาแล้วว่าคงมีคนทำ แต่บางคนก็นึกว่าพูดเล่นซะงั้น อีกอย่างก็ลดคนงานไทย เอาต่างด้าว หรือลดคนงานเลย แล้วโหลดงานเยอะขึ้น บางที่ทำตัวใจดีเพิ่มให้ แต่ไปปรับราคาสินค้าเอง โดยใช้เหตุผลนี้เป็นข้ออ้าง คนที่ไม่ได้เป็นพนักงานรายวันก็รับภาระส่วนนี้ไปแทน ก็อยากเลือกให้มัดมือมัดเท้าให้ขึ้นค่าแรงเองนิครับ ผลกระทบก็ไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ๆ จากคุณ : giser เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 14:48:26

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่เลือกปฎิบัติ ป. 6 ม. 3 ม .6  ก็  300 ปวช. ปวส.   ก็ 300 ป.ตรี   ก็ 300 เห็นตัวเลขแล้วเศร้า   จะอดทนเรียน ทำงานมาหลายปี ทะไมกัน ในเมื่อตอนนี้  อะไรอะไร ก็ 300 แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 55 16:13:03 จากคุณ : boublekao เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 16:12:49

ความคิดเห็นที่ 57 อย่าโทษ HR เลยคะ เอาเข้าจริงเป็นแค่คนรับนโยบายจากผู้บริหารอีกที ผู้บริหารประชุมกันเพื่อให้ต้นทุนเรื่องเงินเดือนพนักงานมีผลกระทบน้อยที่สุด แล้วอีกอย่างนโยบายที่รัฐบาลประกาศมามันไม่ชัดเจน เชื่อว่าไม่ใช่โรงงานนี้อย่างเดียวที่มีมาตราการเรื่องการรวมสวัสดิการเข้ากับเงินค่าจ้าง เอาเข้าจริง คนที่ได้รับผลกระทบที่สุดคงเป็นพนักงานกินเงินเดือนอย่างเราๆเนี่ยละ จากคุณ : phonomenon เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 17:33:20

ความคิดเห็นที่ 58 เจอแบบคห.53 เหมือนกัน จากคุณ : nuttool เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 18:35:10

ความคิดเห็นที่ 59 เราเห็นด้วยนะว่าควรขึ้นค่าแรง 300- แต่ก็อยากให้รัฐบาลช่วยเจ้าของกิจการลดต้นทุนด้านอื่นด้วย ไอ้นโยบายลดภาษีให้ เราว่ามันไม่ได้ช่วยได้มากเท่าไร อยากให้ลดประกันสังคมลง แล้วนายจ้างก็ไม่ต้องจ่ายเงินสมทบด้วย อันนี้จะดีมาก จากคุณ : nuttool เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 18:49:17

ความคิดเห็นที่ 60 คห.49ต้องคิดที่ เฉลี่ยเพิ่ม 10บาทต่อคนครับ ต่อเดือนเป็น 1,000,000 ต่อปี 12,000,000 จากคุณ : Final~Lab เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 20:30:50

ความคิดเห็นที่ 61 นโยบายง่ายๆ เอาความดีเข้าตัว แล้วก็โยนภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยไม่ได้ช่วยเหลืออะไร ภาคเอกชนผู้รับเคราะ ก็กลายเป็นผู้ร้ายโดยปริยาย ทั้งทั้งที่มีแต่เสียกับเสีย อืม ย้ายไปพม่าก็ดีอยู่หรอก ปลอดภาษี 8 ปี ค่าแรงต่ำกว่า เท่าตัว แล้วจะอยู่ให้ยังไง ย้ายไป ไม่เกิน 3 ปีก้คุ้มทุนแล้ว เพราะค่าแรงบ้านเราไม่ถูกลงอย่างแน่นอน ความสามรถสูงสุดของรัฐบาลนี้คือเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งต้นทุนด้าน แรงงาน และพลังงาน (น้ำมันแพงกว่าเพื่อนบ้าน อย่างน่าใจหาย) จากคุณ : semi (Semi) เขียนเมื่อ : 9 เม.ย. 55 23:52:15

ความคิดเห็นที่ 62 เท่าที่ดู  ผมว่าไม่ผิดกฎหมายแรงงานนะครับ เพราะสวัสดิการเป็นคนละอย่างกับค่าจ้าง ตามกฎหมายแรงงานไทย ลดค่าจ้างพละการไม่ได้ แต่ลดสวัสดิการได้แน่นอน (ต่างจากอเมริกา สวัสดิการคือส่วนหนึ่งของระบบการจ่ายค่าจ้าง ถ้ามาถอนสวัสดิการ สหภาพร้องเรียนแน่ๆ) เสมือนโบนัสน่ะครับ  ได้ก็ดี เขาไม่ให้ก็ต้องยอม เพราะปีนั้นๆบริษัทไม่มีกำไร ส่วนการผิดสัญญาจ้างนั้น ต้องไปดูในสัญญาครับว่าบริษัทได้เขียนต่อท้ายไว้หรือไม่ว่า "สวัสดิการมีสิทธิ์ปรับเปลี่ยนได้" ถ้าเขียนไว้ พนักงานก็ต้องยอมละครับ คุณจขกท.มีสหภาพแรงงานไหมครับ  แบบนี้คงต้องให้สหภาพคุย ปล. ส่วนตัวผมเกลียดนโยบายขายฝันแล้วผลักภาระให้เจ้าของกิจการแบบนี้อยู่แล้ว แต่ปัญหาในกระทู้นี้  เมื่อเกิดขึ้นแล้วพนักงานเองก็ตกเป็นฝ่ายลำบากด้วย ผมก็พอเข้าใจ  ไม่อยากจะซ้ำเติมกัน จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 09:08:50

ความคิดเห็นที่ 63 เรื่องของเรื่องมันเกิดจากนโยบายปากพล่อยของนายก เสร็จแล้วก้อไปเอื้อการลงทุนที่ประเทศเพื่อนบ้านที่ตระกูลตัวเองไปลงทุนไว้แล้ว มันกินไม่สิ้นซากไอ้ตระกูลนี้นี่ .... ส่วนบริษัทอ่ะจริงๆแล้วถ้าไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลโกงกินก้อน่าจะไปคุยตั้งแต่มกราคมแล้วว่าทางรัฐจะช่วยอะไรได้บ้าง ไม่ใช่พอมาถึงวันที่ 1 เมษาก้อจะมาบังคับพนักงานให้ยินยอมว่าจะจะขึ้นแบบนี้   ตอนนี้ได้ข่าวว่าบริษัทนี้เด็กๆต้องเซ็นต์ยินยอมกันแบบน้ำตานองหน้า แล้วทำแบบนี้   ต่อไปพนักงานเค้าคงจะทำงานแบบให้ใจกับบริษัทหรอกนะ ผู้บริหารก้อมัวแต่กลัวนายทุนต่างชาติต้องรักษาเก้าอี้และตำแหน่งตัวเองเอาไว้ เลยต้องมาบังคับเด็กๆเยี่ยงนี้ กรรมครับพี่น้อง กรรมที่เราเกิดมาเปนคนไทยในช่วงนี้พูดได้คำเดียวว่าต้องพึ่งตัวเอง ต้องประหยัด ความยุติธรรมตอนนี้หายากแล้ว โชคดีทุกท่าน ทุกบริษัทคับ จากคุณ : กรรมที่เปนคนไทย (เกิดมาเพื่อกิน) เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 10:56:47

ความคิดเห็นที่ 65 ยังงัยก็อย่าประท้วงด้วยการปิดถนนกันเลยนะครับ จะไปปิดบ้านนายทุน บ้านผู้มีอำนาจในการสั่งการก็ตามใจท่านเถิด จากคุณ : vizion เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 12:44:07

ความคิดเห็นที่ 66 ถ้าขึ้นค่าแรง 300 แล้วบริษัทเจ๋ง ก็ปล่อยให้มันเจ๊งไป เทอะครับ ค่าแรงไม่ได้เป็นต้นทุนทั้งหมด มีเวลาเตรียมตัวมา 8 เดือน ถ้าเจ๊ง เพราะ ซวย จะไปโทษใครได้ จากคุณ : แก้วคุง เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 15:03:38

ความคิดเห็นที่ 67 อ่านแล้ว ก็เห็นใจ กำไรจะสูงสุด ก็ต่อเมื่อปรับต้นทุนในการดำเนินงาน ให้ต่ำมากที่สุด ประท้วงไปเหอะ เขาตัดลดพนักงานเมื่อไหร่ ก็คงมีเรื่องอีก คนไทยไม่เคยยอมอะไรอยู่แ้ล้ว ถ้าคิดว่า ผลประโยชน์ที่ตัวเองเคยได้ ถูกตัดทิ้งไป จากคุณ : mangwan เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 16:34:14

ความคิดเห็นที่ 68 ถ้าไม่ประกาศว่าจะเพิ่ม 300 ค่าครองชีพก็คงยังไม่เพิ่มขนาดนี้นะผมว่า ตอนนี้จะกลับลำไม่ทันแล้วครับ ค่าครองชีพนำไปแล้ว ก็ต้องเพิ่มล่ะครับทำไงได้ ส่วนตัวเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่น่าจะเป็นแบบขั้นบันได ค่อยๆขึ้นทุกปี จนครบ 300 ภายในระยะเวลาที่เหมาะสมน่าจะดีกว่า ปล บริษัทผมแรงงานได้ 300 พนักงานเพิ่มสูงสุดเดือนละ 200 บาท ^^ โ ค ด ยุติธรรมเลย ค่าครองชีพไปก่อนแล้วครับ ค่าแรงงานรายวันตามไปแล้ว ไหงไม่ให้ค่าแรงพนักงานรายเดือนตามไปด้วยอ่ะค้าบ >< จากคุณ : KINKIMONO เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 17:19:46

ความคิดเห็นที่ 69 บริษัททำแบบนี้ ดูเหมือนไม่เป็นธรรมต่อพนักงาน แต่อย่างน้อย ฐานเงินเดือนที่เอามาคิดโอทีกับโบนัส ก็เพิ่มขึ้นไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : macenjoy เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 18:27:02

ความคิดเห็นที่ 70 OT & Bonus มันก้อไม่การันตีว่าจะมีตลอดงัยคะ พนักงานเค้าถึงไม่อยากยอม   แต่จริงๆเนื้อแท้คือมันผิดกฎหมายป่าว  ถ้าผิดจริงทางบริษัทก้ออย่าฝืนเลยค่ะ เสียชื่อเสียงเปล่าๆ จากคุณ : เกิดมาเพื่อกิน (เกิดมาเพื่อกิน) เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 18:40:25

ความคิดเห็นที่ 71 หากต้องเลือกระหว่าง 1)เสี่ยงอาจผิดกฏหมายแรงงาน กับ 2)ต้นทุนสูงขึ้น เจ๊งแน่ เป็นคุณจะเลือกแบบใหนครับ? จากคุณ : Top27 เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 21:28:20

ความคิดเห็นที่ 72 *** เข้ามาอ่านซ้ำ  ยังมีคนเข้าผิดอยู่เยอะเลยนะเนี่ย 1. ค่าจ้าง แปลว่า  เงินที่จ่ายเพื่อตอบแทนการทำงาน  และค่าจ้าง ต้องจ่ายเป็น " เงิน " 2. ค่าจ้าง แยกออกต่างหากจาก " สวัสดิการ "  สิ่งที่เรียกว่าสวัสดิการ อาจเป็นสิ่งของ เช่น  การจัดรถรับ-ส่ง, การให้อาหารกลางวัน  หรือบางทีจะเป็นเงินก็ได้ เช่น  ให้ค่าเดินทาง, ให้เงินค่าอาหารกลางวัน   การลดสวัสดิการ  กระทำโดยพละการไม่ได้  แม้ว่าค่าจ้างจะเพิ่มขึ้น  แต่สวัสดิการที่เคยให้  ก็ต้องถามลูกจ้างก่อนว่า  " ยินยอมให้ลดได้ไหม ? "  ไม่ว่าสถานที่ทำงานนั้น จะมีสหภาพแรงงานหรือไม่ก็ตาม 3. การเพิ่มค่าจ้างเป็น 300 บาท  ต้องทำ  ถ้าไม่ทำ  เมื่อลูกจ้างร้องเรียน ยังไงก็ต้องถูกคำสั่งทางปกครอง  บังคับให้จ่ายย้อนหลังอยู่ดี ..... หรือจะฝ่าฝืนกฎหมาย ? ยกเว้นงานบางอย่าง เช่น  คนใช้  แบบจ้างมาทำงานในบ้านเฉยๆ  ไม่ได้ให้ทำงานเชิงพาณิชย์อื่นๆ   ไม่มีการคุ้มครองทางกฎหมาย ในเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ ก็แล้วแต่ว่าจะตกลงกัน 4.  กรณีนายจ้าง เลิกจ้างบางส่วน  แล้วรับคนใหม่บางส่วน  และกำหนดสวัสดิการกันใหม่  เช่น  ตัดสวัสดิการไปทั้งหมด ...... ต้องระวังว่ามันจะมีปัญหา  " อิจฉากันเอง "   คนใหม่ก็จะอยากได้สวัสดิการเท่ากับคนเก่า  ถ้าเค้ามีสหภาพแรงงาน  เค้าก็จะสมัครเป็นสมาชิก แล้วพยายามเรียกร้องอะไรๆ ให้เท่าเทียมกัน จากคุณ : จำฉันได้ไหม เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 08:48:04

ความคิดเห็นที่ 73 >>> ส่วนการผิดสัญญาจ้างนั้น ต้องไปดูในสัญญาครับว่าบริษัทได้เขียนต่อท้ายไว้หรือไม่ว่า "สวัสดิการมีสิทธิ์ปรับเปลี่ยนได้" ตอบ  :   ปรับเปลี่ยนได้ ถ้าเป็นคุณยิ่งกว่า  แต่ถ้าเป็นการลดให้ด้อยกว่าเดิม ต้องสอบถามลูกจ้างก่อนค่ะ สวัสดิการ  ไม่ใช่ การให้โดยเสน่หา  ไม่ใช่ความเอื้ออารีของนายจ้าง มันเป็นเรื่องของการเจรจาต่อรองกัน ซึ่งตอนที่ลูกจ้างสมัครงาน  จะเลือกเข้าทำงานที่ไหน  ก็ขึ้นอยู่ที่สวัสดิการ ที่นายจ้างเสนอด้วย  ดังนั้น  มันจึงเหมือนกับ " นายจ้างผิดข้อตกลง " อยู่ดีๆจะมามัดมือชกได้อย่างไร ฯลฯ  อะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ   ในที่นี้  รวมถึงการจ้างงาน ตั้งแต่ 1 คน เลยนะคะ  ไม่เกี่ยวว่ามีสหภาพแรงงานหรือไม่ แล้วถ้าจะคุยกับนายจ้าง  สามารถเดินเข้าไปคุยได้เลย  ร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ได้เลย  แม้ว่าจะมีแค่ 1 คนก็ตาม ( หมายความว่า ไม่ต้องทำ ภายใต้ชื่อสหภาพแรงงาน น่ะค่ะ ) จากคุณ : จำฉันได้ไหม เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 08:59:50

ความคิดเห็นที่ 74 ลองฟังที่ผมจะพิมพ์นะครับ เจ้าของบอก พนักงานว่า  ประชาชน มี 65 ล้านคน มีสิทธิ์เลือกตั้ง ประมาณ 40 ล้านคน แต่คนเสีย ภาษี จริงๆ มีกี่คน แต่ รัฐบาลเอาเงิน จากคนเสีย ภาษี ไม่กี่ล้านคน ไปเป็นนโยบาย เพื่อคน 30 ล้านคนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่ไม่เสียภาษี เจ้าของธุรกิจถามว่า มันยุติธรรมแล้วเหรอ  ต่อให้ขึ้น 300 บาท คุณก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม หรือมากกว่าเดิม เพราะราคาสินค้า มันต้องขึ้นอยู่แล้ว เพื่อให้ได้ของ 1 ชิ้น มันหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน เราเอาความเป็นจริงครับ    ส่วนรัฐบาลเอา ภาษีของคน ไม่กี่ล้าน ไปผลาญ เพื่อเลี้ยงปาก ท้อง ของตัวเอง  เช่น ค่าสร้าง ถนน 1 บาท แต่ ถูกหัก ไป ทางนั้นทางนี้ สรุปค่าสร้าง ถนน เหลือ 0.2 บาท แล้วสร้างถนนได้สักกี่ กม  คนที่ได้ค่าจ้าง 300 บาท ไม่ได้บอกว่าไม่ดี แต่คุณ จะต้องทำงานหนักขึ้นเป็น 2 เท่า ทดแทน คนที่ออกไป แล้วยังต้องทำเพื่อให้ขาย แข่งกับบริษัทอื่นๆได้   ผมก็ฝากไว้ ให้ช่วยคิดกันครับ ผมยกตัวอย่างนะครับ คนขายพระ เสียภาษีหรือเปล่า เสียจริงกี่คน แค่พระปลอมตั้งโต๊ะเล็กๆ ตกวันนึง กำไร ห้าร้อย ถึง พัน  ต้นทุนพระปลอม องค์ละไม่กี่ บาท   คนขายพระทั่วประเทศ มีเป็น แสน มูลค่า ธุรกิจพระเครื่องเมืองไทย มูลค่าสองหมื่นล้านบาท   http://www.itti-patihan.com/ธุรกิจพระเครื่องเมืองไทย-มูลค่าสองหมื่นล้านบาท.html ธุรกิจหมอดู คาดธุรกิจหมอดูปี 48 รุ่งเงินสะพัดกว่า 4,000 ล้านบาท http://www.payakorn.com/webboard_ans.php?q_id=11221 http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20071209182249AAm856W เห็นว่าเสียภาษี แต่ก็เห็น เสียจริงกี่คน และผมก็เชื่อว่ายังมีธุรกิจอีกมากมาย ที่มีมูลค่าสูง แต่ไม่เสียภาษี   และคนที่บอกว่าคุณจะได้ประโยชน์ คุณลองมองรอบๆสิครับ ว่าจริงไหม ถ้ารอบๆตัวคุณไม่มีการขึ้นราคาสินค้า นั้นแหละคุณได้ประโยชน์ แต่ถามว่าเป็นไปได้หรือเปล่า ???? และผมถามว่า ถ้า ทุกคนเสียภาษี แล้วเจอ นโยบายแบบนี้ คุณจะเห็นด้วยหรือเปล่า  ขอย้ำว่าทุกคนนะครับที่เสียภาษี แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:29:15 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:23:49 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:23:10 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:16:26 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:14:17 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:12:23 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:06:36 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:04:47 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:03:06 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 11:01:19 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 10:56:34 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 10:54:06 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 55 10:53:09 จากคุณ : narmjaja เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 10:52:45

ความคิดเห็นที่ 75 นโยบาย ประชาชนดูแลกันเอง 300 บาท ดูแล กันเองนะ อุ้ม พลังงาน  ก็เอาเงินประชาชนที่เติมเบนซิน แสนแพง ไปอุดช่วย แก๊ส สรุปตอนนี้ คือ  ประชาชนช่วยกันเอง จากคุณ : Korea so sad เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 14:15:26

ความคิดเห็นที่ 76 คุณ : จำฉันได้ไหม ได้อ่าน #72-73 แล้ว ทีนี้ถ้ามีปัญหาว่ากิจการไม่สามารถมีเงินพอจ่าย 300 โดยไม่รวมสวัสดิการเข้าไปใน 300 ได้ แล้วจะให้ทำอย่างไรครับ สมมตินะ สมมติผมมีบริษัทที่จ่ายเด็กปริญญาตรีเดือนละหมื่น แต่มีอาหารกลางวันให้กิน ค่ารถเบิกได้ แล้วพอถูกบังคับด้วยกฎหมายให้ขึ้นเงินเดือนเป็นหมื่นห้า ผมไม่มีปัญญาจ่ายครับ ผมจึงขอลูกน้องว่า งดสวัสดิการ ค่ารถเบิกไมได้แล้ว คำถามที่จะถามคุณคือ 1. แบบนี้บริษัทผมทำผิดกฎหมายแรงงานด้วยหรือครับ? 2. ถ้าผมทำผิดกฎหมายแรงงาน แล้วจะให้ผมแก้ปัญหายังไงครับ? หรือจะให้ผมปิดบริษัทครับ? ก็ผมไม่มีเงินพอจ่ายง่ะ 3. แล้วถ้าผมแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้  พนักงานมีสิทธิ์ร้องเรียนบริษัทผมด้วยหรือครับ? ช่วยไขความกระจ่างให้หน่อยเถอะ จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 15:45:50

ความคิดเห็นที่ 77 คนที่บอกว่าปรับให้เป็น 300 ก้ได้ แต่จะไม่ให้ค่าข้าว ค่ารถ หรือ โอที คุณทำอย่างนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ คุณไม่ขึ้นเงินให้พนักงานนั่นแหละครับ จากการที่เดิมที มันมีตรงนั้นอยู่แล้ว แต่คุณจู่ๆไปตัดมันออกไป เพราะฉะนั้น ผิดกฎหมายครับ จากคุณ : คิดใหม่ เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 20:00:30 A:119.46.176.222 X: TicketID:355326

ความคิดเห็นที่ 78 แต่คุณจู่ๆไปตัดมันออกไป เพราะฉะนั้น ผิดกฎหมายครับ จากคุณ : คิดใหม่   ^ ^ ช่วยชี้แจงให้กระจ่างหน่อยได้ไหมว่ามันผิดกฎหมายข้อไหนครับ จะได้มีความรู้เพิ่มด้วย จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 21:39:50

ความคิดเห็นที่ 79 ป.ตรี  ในโซนใน  เค้าจ้าง วันล่ะ 300 จริงเหรอ หักวันหยุด ไป ก็เหลือไม่เท่าไหร่ล่ะสิ จากคุณ : เลิศศักดิ์ เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 22:40:30

ความคิดเห็นที่ 80 จาก คห. 79 เราขอถามเสริม สามารถทำได้หรือไม่ หักค่าจ้างวันหยุด ต้องเป็นแบบลูกจ้างประจำรายวันใช่หรือไม่? อีกนิด.. เคส จากสถานะ ตกลงจ้างเดือนๆละ 6,500 บาท(สมุติ) + เบี้ยเลี้ยง 30 บาท/วัน ณ วันนี้.. จะเปลี่ยนเป็น ยกเลิกเบี้ยงเลี้ยง เปลี่ยนรายเดือนเป็นรายวัน 300 บาท/วัน วันหยุดประจำสัปดาห์ไม่ได้เงิน แบบนี้..ผิดถูกอย่างไรคะ ไม่มีสัญญาจ้าง คนกลาง//ระยะนี้ปวดหัวมาก กับข้อสรุปที่ปรุงไม่ลงตัว จากคุณ : ด.ช.สมหญิง (ด.ช.สมหญิง) เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 00:40:33

ความคิดเห็นที่ 81 >>> คุณ ผึ้งน้อยพเนจร ก่อนอื่นเลย ต้องบอกว่า ค่าจ้างขั้นต่ำ วันละ 300 บาท ยังคงเป็นคนละเรื่องกับ ปริญญาตรี หมื่นห้า นะคะ  ^_^ 1.  ลดสวัสดิการ จะไม่ผิด ถ้าลูกจ้างยินยอมไงคะ ทั้งนี้ ยังไงก็ต้องจ่ายเป็นเงิน 300 บาท ส่วนสวัสดิการ ให้ตกลงกันเองค่ะ 2.  คำถามว่า  " จะให้ปิดบริษัทหรือ ? ก็ไม่มีเงินจ่ายน่ะ " .... ฮ่าๆๆๆ  เป็นคำถามที่คลาสสิคมากค่ะ  ^_^ ค่าจ้างขั้นต่ำสูงขึ้นเรื่อยๆ  ตั้งแต่ยุค  100 บาท เป็น 150  บาท เป็น 170 บาท เป็น 200 บาท ฯลฯ ( สมมติ ) .... ถ้านายจ้างทั่วประเทศ  เอาเหตุผลนี้มาอ้าง  ก็คงจบกันเลยนะคะ  ^_^   นายจ้างก็มีวิธีบริหารจัดการแหละค่ะ  การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ มันก็เหมือนเดิม  มันก็มีมาเป็นสิบๆ ปีแล้วนะคะ  เราก็อยู่กันได้นี่คะ ? เพียงแต่ปีนี้มันพุ่งสูงขึ้นแบบฉับพลันเท่านั้น 3.  พนักงานมีสิทธิร้องเรียนค่ะ แต่กรณีตัวอย่างส่วนใหญ่ จะเป็นการเชื่อมโยงไปสู่ประเด็นอื่นๆ มากกว่า  เช่น  ประท้วง  เลิกจ้าง  คำสั่งศาลให้รับกลับเข้าทำงาน  ฯลฯ   ในแนวคำพิพากษา เค้าจะใช้คำว่า " การเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ที่เป็นโทษแก่ลูกจ้าง "  ซึ่งมีรากฐานมาจากกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ มาตรา 20 ค่ะ อย่างไรก็ตาม แนวปฏิบัติของประเทศนี้ รวมถึง การจ้างงานตั้งแต่ 1 คน ขึ้นไป ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีสหภาพแรงงาน หรือมีการจัดทำข้อตกลง หรือข้อบังคับการทำงานเป็นลายลักษณ์อักษร  แต่ดูกันที่สภาพการจ้างที่เกิดขึ้นจริงค่ะ จากคุณ : จำฉันได้ไหม เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 10:59:42

ความคิดเห็นที่ 82 นโยบายเห้ๆ แบบนี้ ทำเอาทั้งผมทั้งลูกน้องเซ็งกันเป็นแถบๆ ก่อนจะมีนโยบายนี้ ค่าจ้างรายเดือน 20,000 บาท สำหรับพนักงานทั่วไป ซึ่งทำงานอยู่บ้านได้ไม่ต้องเข้าออฟฟิต ให้ใช้โทรศัพท์และเมล์เอา (ค่าโทรค่าเน็ต ค่าโน๊ตบุค ผมจ่ายให้) ที่ให้ก็เพราะ ทำงานดีมาก ไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่ แม่บ้าน เงินเดือนคนละ 10,000 บาท กินอยู่กับที่บ้าน ก่อนหน้านโยบายเห้ๆ ทุกคนที่ทำงานกับผมมีความสุขมาก เพราะตั้งใจทำงานกันและก็มีเงินใช้จ่ายถือว่าค่อนข้างสบาย พอนโยบายเห้ๆออกมา ทำให้เงินเฟ้อ และผมก็ไม่มีปัญญาจ่ายเพิ่ม ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร แต่คนที่ทำงานกับผมมีความสุขน้อยลงเพราะเงินที่ได้เท่าเดิมแต่ค่าครองชีีพแพงขึ้นมาก ทั้งๆที่ทุกคนเป็นคนดี ไม่มีใครเคยทำให้ผมต้องหัวเสียเพราะงานพลาด ที่พูดกันง่ายๆว่า Add Value น่ะจะมีสักกี่คนที่เข้าใจว่าธุรกิจทุกอย่างมันไม่ได้ Add Value กันง่ายๆ อย่างผมทำ Trading เนี่ย กำไรสินค้าหลักอยู่ที่ 0.25% จะเอาเห้อะไรไปแอดครับ หรือบางตัว Add ได้ แต่ Add เข้าไปคนชอบแต่ก็ไม่มีปัญญาซื้อ หรือกัดฟันมาซื้อแล้วทำให้ชีวิตเดือดร้อน (ตัวอย่าง ไปผ่อนไอโฟนแล้วต้องไปอดข้าว) สินค้าแบบนี้ผมก็ไม่อยากทำ เพราะเป็นการสร้างความสุขปลอมๆให้คนอื่น ถามสักคำว่าลูกน้องผมทำผิดอะไรครับ ถึงต้องมารับชะตากรรมโง่ๆนี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 55 13:26:26 จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 13:25:01

ความคิดเห็นที่ 83 ปกติผมไม่เคยเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลเลยนะครับ แต่ผมเห็นด้วยอยู่ 2 นโยบาย คือ 1.ราคาพลังงาน ขึ้นไปเยอะ ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ ของจะได้แพง คนจนจะได้ตายกันหมดสมกับวลีที่ว่า"คนจนจะหมดไปจากประเทศไทย" และ 2.ค่าแรง300บาท อันนี้สนับสนุนเต็มที่เลยครับ อยากให้ขึ้นทุกบริษัทเลย ต้นทุนสินค้าจะได้สูง สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านจนบริษัทอยู่ไม่ได้ต้องปลดพนักงานออกและย้ายฐานการผลิต และยังมาเจอซ้ำเติมกับข้าวของที่แพงทั้งแผ่นดินมาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเป็นคอมโบเซ็ตที่เพิ่มแรงทวีเลยครับ จากคุณ : Shonan no kaze เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 13:54:09

ความคิดเห็นที่ 84 นโยบายประชานิยมแบบไร้สติ ขาดการวางแผน ตั้งใจหลอกคนโง่ๆ กับพวกไม่เสียภาษี ที่หวังแบมือขอจากรัฐ ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ ก็คงสมใจกันแล้วนะ ที่จริงนโยบายมันขัดกันตั้งแต่แรกแล้ว คิดได้ไง ทั้งขึ้นเงินเดือน ป.ตรี 15000 ค่าแรง 300 เท่ากันทั่วประเทศ แล้วจะกระชากค่าครองชีพลงมา จะเป็นไปได้ยังไง แล้วต่อไปจะไม่มีการลงทุนในพื้นที่ชนบทห่างไกล เพราะค่าแรงมันเท่ากันหมด  ผลกระทบ มันมองเห็นกันได้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว  สรุปโดนหลอกกันเต็มๆ สงสารคนที่แก่ที่อาศัยอยู่ด้วยเงินเก็บ และเงินบำนาญ ที่ค่าเงินลดไปทันที ก๋วยเตี๋ยวต่างจังหวัด ชามละ 35-40บ เท่ากับกรุงเทพแล้ว  ของกิน ของใช้ แห่กันปรับราคาขึ้นทั่วประเทศ ปกติเวลาขึ้นเงินเดือนมันต้องขึ้นทั้งระบบ ถ้าขึ้นเฉพาะกลุ่มปัญหาเกิดแน่นอน ไม่มีที่ไหนเค้าปรับค่าแรงพุ่งพรวดแบบนี้ ทำให้นึกถึงวิกฤติต้มยำกุ้ง ค่าเงินลดฮวบ บริษัทเล็กๆ ล้มระนาว นี่ก็คงไม่ต่างกัน หลายๆบริษัทปลดคนงาน งดรับ ป.ตรี และย้ายหนีกันเยอะแล้ว แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 55 14:37:28 แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 55 14:36:30 จากคุณ : ... (ToBeNumberOne) เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 14:25:46

ความคิดเห็นที่ 85 เอาเฉพาะประเด็นของ จขกท. แยกเป็น 2 เรื่อง 1. ขึ้นค่าแรง 2. ตัดสวัสดิการ 1.ขึ้นค่าแรง ทำได้เลย เพราะลูกจ้างได้ประโยชน์ 2.ตัดสวัสดิการ ต้องแจ้งล่วงหน้า 1 งวด ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ ถ้าไม่แจ้งล่วงหน้า ก็ต้องจ่ายย้อนชดเชยไป 1 งวด แจ้งแล้วก็ตามนั้น ถ้าลูกจ้างรับได้ ก็ทำต่อ ถ้ารับไม่ได้ ก็ลาออกไป จากคุณ : Redrum เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 20:23:40

ความคิดเห็นที่ 86 จขกท คงไม่ต้องการคำตอบแล้วมั้งคะ เพราะได้ข่าวว่าทางบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงประกาศเป็นจ่ายขั้นต่ำ 300 บาท สวัสดิการคงเดิมแล้วค่ะ จากคุณ : แม่น้องอัณณา เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 23:12:47 A:125.25.235.175 X: TicketID:258399

ความคิดเห็นที่ 87 ภายใน 5 ปี อุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานมากๆ จะย้ายฐานการผลิตไปอยู่ที่ ทวาย แน่ๆเพราะเงื่อนไขล่อใจมาก มีทั้งท่าเรือน้ำลึกที่ลึกกว่าแหลมฉบัง  การเช่าที่ดินระยะยาวทำได้นานถึง 75 ปี  เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีมาก  ค่าแรงถูกกว่าไทย 10 เท่า แถมอยู่ห่างชายแดนไทยแค่ ร้อยกว่ากม. ผมว่า คนที่ทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ตอนนี้น่ะ เริ่มคิดได้แล้วว่า อีก 5 ปีข้างหน้า จะทำงานอะไร จะพัฒนาตัวเองไปในด้านไหน จึงจะยังมีงานทำอยู่ในประเทศไทย ไม่งั้นก็ต้องเริ่มฝึกพูดภาษาพม่า ได้แล้ว  จะได้มีโอกาสไปเป็นหัวหน้าคนงานในพม่าต่อไป จากคุณ : bearhug เขียนเมื่อ : วันมหาสงกรานต์ 55 23:24:53

ความคิดเห็นที่ 89 ล่าสุดได้ข่าวว่ามีการประกาศออกมาใหม่ว่าปรับค่าแรงเป็น 300 บาท และยังคงค่ารถ ค่าอาหาร และโอที ต่อไปค่ะ ประกาศแบบนี้ไม่น่าไว้ใจยังไงไม่รู้ ยังไงก็รอดูผลกันยาวๆละกัน จากคุณ : Billabong (billabongaui) เขียนเมื่อ : วันเนา 55 02:38:41

ความคิดเห็นที่ 90 #82 เงินเฟ้อก็เพราะผู้ประกอบการแบบคุณไม่ใช่เหรอครับที่นโยบายยังไม่ทันออกก็แห่กันขึ้นราคาสินค้ากันไปแล้ว ไอ้ธุรกิจที่หวังพึ่งพิงแรงงานต่ำๆเข้าไว้ มันอยู่ไม่ได้ถาวรหรอก ณ วันหนึ่งมันก็ต้องไปหาประเทศใหม่เพิ่อหนีค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ถ้าคุณอยากจะให้ทั้งประเทศต้องมาหยุดการพัฒนาการยกระดับประเทศนี้ไว้เพื่อให้ตัวคุณและลูกน้องของคุณสบายละก็ คุณโคตรเห็นแก่ตัวเลย บ.แบบนี้ผมรอให้มันเจ๊งมานานแล้ว ถ้าจะมาบอกว่าค่าแรงแพง เงินเฟ้อทำให้ธุรกิจเจ๊ง อยู่ไม่ได้ แล้วทำไมประเทศที่เจริญแล้วมันเข้าข่ายที่ว่ามาหมดครับ ญี่ปุ่นค่าครองชีพโคตรสูง เมกา ค่าครองชีพก็สูง แต่แรงงานชั้นล่างพวกนี้มีกีปัญญาพอที่จะไปเที่ยวต่างประเทศได้ ในขณะที่ของไทยแค่ใช้ชีวิตไปวันๆยังยากเลย เมกา ญี่ปุ่นมีทุกรูปแบบธุรกิจที่เรามี แต่ทำไมเขาอยู่ได้ คือการยกระดับประเทศการพัฒนาตรงนี้มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ประกอบธุรกิจที่ต้อง"ยกระดับ"ตัวเองเพิ่มขึ้นไปด้วยไม่ใช่ว่าอยู่รอดไปวันๆโดยที่อาศัยว่าได้กำไร หรืออยู่ได้เพราะค่าแรงที่มันน้อยกว่า วันหน่งระดับประเทศมันยกสูงขึ้นไปถ้าผู้ประกอบการไปไม่ทัน สั้นๆง่ายๆนะครับ "เจ๊ง" มันเป็นระบบคัดสรรโดยธรรมชาติธรรมดาๆเลย ประเทศพัฒนาขึ้นผู้ประกอบการก็ต้องมีคุณภาพสูงขึ้นด้วย ถ้าความสามารถคุณไปไม่ถึงก็กลับไปเป็นพนักงาน บ. เอกชน เป็นลูกจ้างเขาซะนะครับ อ้ออีกอย่าง บ.เอกชนที่ผมทำงานอยู่ มีพนักงาน18คน เงินเดือนที่น้อยที่สุดราวๆ20k ในขณะที่แผนกผม5คนรวมกันก็ราว 3แสนแล้ว เจ้าของเขาก็ยังอยู่ได้Happyดี ทำงานไปลงมากด Winningไป ไอ้คนที่เป็นพนักงานระดับล่างๆก็ไม่เห็นมาบ่นอะไร ข้าวของมันไม่ได้แพงขึ้นแบบเว่อมาก มันก็ขึ้นราคาตามกลไกตลาดทุกเมื่อเชื่อวันตามอัตราเงินเฟ้ออยู่แล้ว(ขึ้นเพิ่มกันทุกปี ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำไม่เคยเพิ่ม ตลกมั๊ย) เพื่อนรอบตัวผมก็ไม่เห็นมีใครมาซีเรียสดราม่าแบบลูกน้องของ #82 ซักคน ทั้งๆที่มันก็เงินน้อยกว่า20k เยอะ ผมว่าลูกน้องคุณไม่ได้บ่นหรือแบบเศร้าท้อแท้แทบจะหมดไฟทำงานแบบที่คุณว่าหรอก (เพราะค่าครองชีพตอนนี้มันก็ไม่ได้ขึ้นมาเว่อแบบที่หลายๆคนพยายามพูดให้มันเกินจริงตลอดเวลาหรอก) ผมว่าคุณก็แค่ไม่ชอบขี้หน้ารัฐบาลนี้แค่นี้เอง จากคุณ : GusZ เขียนเมื่อ : วันเนา 55 03:54:56

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณทุก ๆ ความคิดเห็นอีกครั้งนะครับ ... ข่าวดีคือ ตอนนี้บริษัทได้ออกประกาศฉบับใหม่ ยังคงมีสวัสดิการค่าอาหารและค่ารถเหมือนเดิมให้กับพนักงาน ไม่นำไปรวมกับค่าแรง 300 คือ พนักงานยังคงได้สวัสดิการตามเดิม และได้รับการปรับเงินตามค่าแรงที่รัฐบาลกำหนด เหตุการณ์ตอนนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว แม้จะมีการชุมนุมปิดซอยกันพอออกข่าวไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นรุนแรงอะไรครับ จากคุณ : N/A เขียนเมื่อ : วันเนา 55 05:25:44 A:75.99.137.18 X: TicketID:119117

ความคิดเห็นที่ 92 คห #90 ก็คิดว่าแบบนั้นเหมือนกัน มีทางออกนะ คือเราว่าประเทศไทยมันกำลังเปลี่ยนผ่าน เรื่องราวต่างๆ ค่าแรง 300 บาท จะเป็น the turning point ... อีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : Blue Baleen เขียนเมื่อ : วันเนา 55 12:56:05

ความคิดเห็นที่ 93 อยากให้กิ๊ฟ # 45 ซัก 10 กีบ "คนทำงานลดลง งานก็เลยเพิ่มมากขึ้น ถึงมีโอที แต่งานไม่เสร็จ ก็ต้องต่อโอฟรี" T ^ T ยังดีนะ ที่ปีนี้ได้หยุดสงกรานต์ ตั้งแต่ทำมาสี่ปีกว่า เนี่ย ปีแรกที่ได้หยุด ^^ จากคุณ : กานดา ขาร็อค เขียนเมื่อ : วันเนา 55 13:19:18

ความคิดเห็นที่ 94 อาทิตย์ก่อนๆ ดูข่าวคุณสรยุทธิ์ ทางประธานหรือใครสักคน(ที่สูงสุดน่ะ) พูดประกาศแล้วนิว่า ค่าแรง 300 ห้ามนำโอที สวัสดิการ มาคำนวณรวมเด็ดขาด หากกิจการไหนทำ มีความผิดนี่คะ จากคุณ : นักกินหมูกระทะ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 02:54:43

ความคิดเห็นที่ 95 ผมกล้าพูดเลยครับ ไอ้ที่ออกมาโวยวายเรื่อง 300 บาทไม่ดีนั้น --- 99 เปอร์เซ็นต์ ได้เยอะกว่านั้นอยู่แล้ว คือตัวตู สุขสบายได้ แต่ถ้าเดือดร้อนมาก    ระทบเมื่อไหร่ไม่พอใจ ----เค้าก็ทยอยขึ้นเป็นพื้นที่ ใช้เวลาเรื่อย ๆ ไม่ใช่สั่งวันนี้ได้พรุ่งนี้ ----ตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา ค่าครองชีพขึ้นทุกอย่าง ของแพงขึ้นทุกปี โดยที่ค่าแรงไม่ได้ขึ้นอะไร คุณเคยก้มลงไปถามคนใช้แรงงานที่เงินไม่ถึง 300 บ้างไหมครับ ว่าใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง ----กินอะไรกัน ของขึ้นราคาอย่างนี้ มีอนาคตไหม มีความหวัง มีชีวิตอยู่ยังไง เป็นคนไทยหรือเปล่า ถึงได้รับเศษเงินมาตลอด เคยมีเหลือเก็บไหม มีส่งบ้านหรือเปล่า หรืออยู่กินรอตายไปวัน ๆ ----ส่วนพวกที่บ่นกัน คือตัวเองได้เกินอยุ่แล้ว ชีวิตสุขสบายอยู่แล้ว เหยียบหัวคนไทยกันอยู่ทุกวัน ว่าพวกเอ็งห้ามเงยหน้าขึ้นมานะ ถ้าพวกเอ็งเงยหน้าลุกขึ้นยืน จะทำให้ชีวิตไฮโซอย่างชั้นต้องกระทบไปด้วย จากเคยมีเงินเหลือเดินพาราก้อน ซื้อโทรศัพท์ทีละ 20000 ซื้อรถใช้เงินสบายใจอยู่ อาจต้องกระทบไป -----เพราะพวกเอ็งมันต้องก้มหัวต่อไป จงทำงานชั้นล่าง ได้เงินแค่พอประทังชีวิตไปวัน ๆ เจ็บป่วยก็อนาถาไป พ่อตายแม่ตาย ก็หยิบยืมเป็นหนี้กันเอง แล้วก็เหยียบหัวเค้าต่อไป -----ก็คือว่างานประเภทนี้ ที่ต้องกดหัวคนไทยไว้ เพื่อจะไ้ด้ถูก ๆ คนไทยด้วยกันยังยิ้มแย้มดีใจกันเลย ว่าดีแล้ว แล้วเราก็ไปกราบเท้าฝรั่งต่อ งานไหนที่ต้องกดหัวแรงงาน ให้ย้ายไปเลยครับ ไปต่างประเทศก็ได้ก็ให้ไปกดหัวคนประเทศอื่นต่อไป แล้วถ้าไปกดหัวเค้าแล้ว ค่าแรงถูกกว่าเราเยอะก็ ลดราคาสินค้าด้วยนะครับ เพราะทุกวันนี้สินค้าขึ้นในช่วงกระแส พอกระแสหมด ต้นทุนลด สินค้าก็ไม่ลด -----ดีซะอีกงานแบบกดหัวคนจะได้ย้ายไปที่ค่าแรงถูกกว่าไทย ราคาสินค้าจะได้ลดลง -----ช่วงเปลี่ยนผ่านอาจมีคนตกงาน ใช่ แต่อีกหลายบริษัทก็พร้อมและเปิดรับพนักงานอีกเยอะ แรงงานไทย ก็ต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ หากคุณคิดฝันจะมีอนาคต มีเงินดูแลครอบครัว กะท่อนกะแท่นในช่วงแรก แต่มันต้องผ่านพ้นและดีขึ้นแน่นอนครับ ต่างชาติอยากมาลงทุนในไทยอีกเยอะ โรงงานที่ต้องใช้แรงงานฝีมือ ความสามารถความละเอียด จากคนไทยมีเยอะ ยิ่งรู้ค่าจ้างเราเมื่อเทียบกับผลงาน ต่างชาติเค้ายังมองถูกเลย   -----ถึงเวลาต้องเดินไปข้างหน้าแล้วครับ แรงงานมีโอกาส เงยหน้า ลุกขึ้นยืนแล้วเดินพัฒนาตนเองแล้ว เหนื่อยหน่อยแต่ก็สู้ต่อไปครับ ขอบคุณครับ ----- จากคุณ : bad13 เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 04:43:16

ความคิดเห็นที่ 96 ที่ผ่านมาค่าแรงได้น้อยกว่า 300 บาทหน่ะ มันไม่ได้มีกฏหมายว่าต้องได้ต่ำกว่า 300 บาทตลอดไปนี่นา คุณพัฒนาตัวเองได้ ให้เป็นแรงงานมีฝีมือ ค่าแรงมันก็จะตามมาเองไง ปัจจุบันแรงงานมีฝีมือมันก็มากกว่า 300 อยู่แล้ว ตามกลไลตลาดไงคะท่านผู้ชม แต่ที่เค้าบ่นๆกันคือ เพิ่มเงิน 300 บาทต่อวันแต่ประสิทธิภาพเหมือนเดิมต่างหาก ถ้าเพิ่ม 300 บาทแล้วได้งานมีประสิทธิภาพขึ้น คงไม่ค่อยบ่นหน่ะสิคะ แล้วพวกนี้ให้พัฒนาให้รับมือ AEC หรือคะ อย่าหวังค่ะ ต้องรอให้ไฟลนก่อนค่ะ ถึงตอนนั้นก็รอนโยบายประชานิยมแล้วเลือกลงมาช่วยอีกค่ะ วนไปเรื่อยๆ เห็นที่ไม่พอกินเพราะเอาไปลงขวด(เหล้า) บุหรี่ หรือสิ่งฟุ่มเฟือยอื่นๆ แบบไม่ยั้งคิดมากกว่าอ่ะค่ะ นอกจากนั้นก็ทำงานแบบเช้าชามเย็มชาม ไม่พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แถมยังมาเลือกตั้งให้คนที่เค้าพัฒนาตัวเองได้เดือดร้อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้านั่นต่างหาก ถ้าใครไม่ได้สัมผัสก็ไม่รู้ว่าคนไทยระดับแรงงานนั้นเป็นแบบนี้มากถึงมากที่สุด คุณว่าญี่ปุ่นเจริญกว่าพัฒนามากกว่า แต่ว่าคนประเทศเค้าไม่เหมือนเรานะคะ ตอนสงครามโลกเป็นไงคะ มีคนยอมตาย ขับเครื่องบินลงไประเบิด คนเค้าเสียสละเพื่อชาติค่ะ ไม่เหมือนบ้านเราเลยซักนิด ระเบียบวินัย ทำเพื่อส่วนรวมมากๆค่ะ อีกไม่นานหลัง AEC คนไทยส่วนมากจะเป็นชนชั้นแรงงานค่ะ เพราะขี้เกียจ คงมีพวกทุนสิงคโปร์และมาเลมาเป็นเจ้านายเต็มเมือง และชนชั้นล่างต้องไปทำงานที่พม่า เขมร เวียตนามแทนค่ะ ไทยคงโดนกลืนชาติไปแน่ๆ จากคุณ : @-อมยิ้มแก้มตุ่ย-@ เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 16:49:21

ความคิดเห็นที่ 97 ความคิดเห็นที่ 90 แหม บริษัทคุณดีจังเลยนะครับ งั้นหากผมเจ๊งจริงก็ขอฝากพนักงานของผมไปทำด้วยนะครับ และ ก่อนที่คุณจะเห่าน่ะ ช่วยศึกษาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นก่อนเถอะครับ ผมไม่ได้ไม่เห็นด้วยที่ค่าแรงควรจะปรับขึ้น แต่ปรับขึ้นพรวดเดียวแบบนี้ถามหน่อยว่ามันมีดีมากกว่าเสียหรือครับ ส่วนที่คุณพูดเรื่องต่างประเทศน่ะ เคยลองดูมั่งหรือไม่ว่าความสามารถในการทำงานมันต่างกันแค่ไหน และ รัฐมีนโยบายสนับสนุน SME ยังไงถึงทำให้จ่ายได้ ถ้าคนแบบคุณได้เงินเดือนดีขนาดนั้นน่ะ ผมว่าบริษัทที่คุณทำอยู่ก็คงจ่ายลูกน้องผมด้วยราคาที่ดีกว่าที่คุณได้แน่นอนครับ ช่วยแจ้งชื่อบริษัทหน่อยสิจะได้แนะนำให้ลูกน้องผมไปสมัครบ้าง แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 55 10:32:10 แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 55 10:31:48 จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 10:27:58