|
ขอแนะนำดังนี้ค่ะ
- ซื้อประกันแบบออมทรัพย์ แบบชำระ 10 ปีขึ้นไป มีผลดีคือ ลดหย่อนภาษีได้ เป็นเงินออมสำหรับอนาคต สามารถใช้ กู้เงินกับบริษัทประกันได้ แต่มีเงื่อนไขว่าต้องส่งมาแล้วกี่ปี เราจำตัวเลขไม่ได้ค่ะ
- ถ้ามีสวัสดิการอยู่แล้ว ลองศึกษาดูว่าครอบคลุมได้แค่ไหน คิดเผื่อในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด นำมาประกอบการตัดสินใจ เลือกประเภทของประกันค่ะ ลักษณะนี้อาจซื้อประกันแบบออมทรัพย์ก่อน แล้วพ่วงด้วยประกันโรคร้ายแรง ประมาณ 48 โรค หรือซื้อประกันโรคมะเร็ง มีแบบที่ตรวจเจอระยะที่ 1 ก็จ่ายเงินสดเลย ไม่ได้จ่ายในตอนที่เสียชวิตไปแล้ว ซึ่งระยะที่ 1 ยังมีโอกาสรักษาได้ ได้เงินสดแลวก็ยังได้รับค่ารักษาในโรงพยาบาลด้วยค่ะ หรือซื้อเป็นการชดเชยในกรณี รักษาตัวหลายวัน จ่ายตั้งแต่ 1,000 บาทต่อวันขึ้นไปค่ะ แล้วแต่เราจะเลือกค่ะ
- เท่าที่เราทราบสวัสดิการจะอาจไม่ครอบคลุม เช่น ยานอกระเบียน หรือมีการจำกัดเฉพาะการรักษาในโรงพยาบาลรัฐ แต่ถ้าคุณมีประกันคุณจะมีทางเลือกมากขึ้น วินาทีของการป่วยฉุกเฉิน ต้องตัดสินใจด่วน เช่น หัวใจวายเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมอง แตก ตัน ตีบ อัตราการรอดจะต้องสัมพันธ์กับเงินในกระเป๋าค่ะ
ครอบครัวเรามีประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันโรคมะเร็ง การซื้อประกันไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อแล้วก็แล้วกันนะค่ะ ซื้อแล้ว ต้องครอบคลุม ใช้งานได้จริง ไม่ใช่ต้องมาควักเพิ่ม หรือถ้าควักก็ต้องน้อยที่สุด ไม่มีคำว่าคุ้มหรือขาดทุนสำหรับการ ซื้อประกัน เพราะเราซื้ออนาคตค่ะ โดยเฉพาะประกันสุขภาพต้องซื้อตอนคุณมีสุขภาพดีเท่านั้น ถ้ามีโรค แม้แต่ความดัน คุณก็จะซื้อไม่ได้ หรือได้แต่ต้องเพิ่มเบี้ยในบางบริษัทค่ะ
การลงทุนสมัครเป็นตัวแทน เพื่อหวังส่วนลดค่าเบี้ย ไม่แนะนำ เพราะกรณีฉุกเฉินคุณควรจะได้รับการดูแลจากตัวแทน บัตรตัวแทนจะต้องต่ออายุทุกปี มีค่าธรรมเนียมประมาณ 500 บาท ถึงจะได้ส่วนลดก็เฉพาะในปีแรก ถ้าคุณไม่ต่อ ใบอนุญาต ในปีต่อๆ มาคุณก็ต้องจ่ายเบี้ยประกันเต็มจำนวนอยู่ดี บริษัทก็จะตัดคุณออกไป ยกผลประโยชน์ให้หัวหน้า ทีมของคุณค่ะ ดังนั้นมองหาตัวแทนที่ทำเป็นอาชีพ ที่พร้อมจะดูแลคุณได้ดีกว่านะค่ะ
จากคุณ |
:
สกุลลัน (สกุลลัน)
|
เขียนเมื่อ |
:
8 เม.ย. 55 21:34:43
|
|
|
|
|