= = อนาคตเป็นเจ้าของกิจการ แต่ตอนนี้เรากำลังจะเป็นโรคซึมเศร้า = =
|
 |
เรื่องนี้มันอาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในสายตาของคนที่ผ่านโลกมามาก แต่สำหรับเรา เรารู้ว่าการตัดสินใจที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตเราทั้งชีวิต
เราอายุ 22 เรียนจบคณะเกี่ยวกับภาษาจากมหาวิทยาลัยรัฐมาได้หนึ่งปี เรารักที่จะเขียนหนังสือ มีความสุขกับการถ่ายทอดเรื่องราวเป็นตัวอักษร ตอนเด็ก ๆ เราตั้งใจจะเป็นนักเขียน แต่พอโตขึ้นเราถึงเพิ่งรู้ว่าชีวิตเรามันไม่ได้มีทางเลือกได้ง่าย
ครอบครัวเราเปิดร้านขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างในต่างจังหวัด ขายทุกอย่างตั้งแต่รากฐานยันโครงสร้าง เรียกว่ามาซื้อของที่ที่เราร้านเดียวได้ครบ กิจการเปิดมายี่สิบกว่าปี เติบโตได้ดีในแบบค่อยเป็นค่อยไป
เราบริหารงานแบบธุรกิจในครอบครัว จ้างคนงานขับรถส่งของ กับเด็กยกของสองคน แม่เราทำบัญชี มีพ่อช่วยบริหารอยู่ข้างหลัง
แต่เรื่องมันเกิดขึ้นตอนเราเรียนจบใหม่ ๆ เมื่อปีที่แล้ว เราตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไปเป็น กองบรรณาธิการของนิตยสารสักหัวหนึ่ง แต่พอดีกับที่ลูกจ้างในร้านลาออก เหลือแม่คนเดียวที่ต้องวิ่งวุ้น คอยจัดการทั้งบัญชี หยิบของ เช็คสินค้าวุ่นวาย
เราเลยต้องเข้ามาช่วยแม่ทำงานที่บ้าน บอกแม่ว่า ไม่เป็นไรแม่ เดี๋ยวหนูช่วยทำงาน ไม่ไปเป็นนักเขียนแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันเป็นความฝันของเรา และเราพยายามทุ่มเทมาตลอดเกือบทั้งชีวิต
ตอนเราพูดแล้วลงมือช่วยทำงาน แม่เองก็ยิ้มดีใจ แถมยังบอกด้วยว่า พ่อเขาโล่งใจที่จะมีคนมาช่วยสานกิจการต่อ จะได้มีแรงทำงานพัฒนาร้านต่อไป
(เรามีน้องสาวคนหนึ่งเรียนวิศวะคอม ตอนนี้เรียนจบแล้ว ได้งานแล้ว ส่วนน้องชายคนเล็กเพิ่งจบม.ห้า ตั้งใจจะให้เรียนวิศวะโยธา แต่กว่ามันจะโตก็ต้องมีใครอยู่ดูแลร้าน)
พอเราทำงาน แม่เองก็ค่อย ๆ ปล่อยมือ แต่ไม่มากนัก ตอนนี้พ่อกับแม่ก็เริ่มอายุมากขึ้นเลข 5 กันแล้ว เราเห็นเขาทุกวัน เรารู้ว่ามันเหนื่อยแค่ไหน
แต่ลึก ๆ ในใจเราถามตัวเองอยู่ตลอดว่า เราจะทำงานแบบนี้ไปทั้งชีวิตจริง ๆ เหรอ งานที่เหมือนถูกขังอยู่ในคุก ไม่มีเพื่อนฝูง (เพื่อนไปทำงานในกรุงเทพกันหมด) ไม่มีสังคม (อยู่กับบ้าน เจ้านายก็พ่อแม่)
เราอายุแค่นี้ มีแรงมีพลังที่จะทำอย่างอื่น แต่เราต้องทำงานที่เราไม่ได้ชอบเลยสักนิดต่อไปอีกสามสิบปี เราจะทนไหวมั้ย จะรับได้จริง ๆ หรอ
บางเวลาเราอยากจะหนีออกไป อยากลองไปทำงานที่ไกล ๆ ไปต่างประเทศคนเดียว เราไม่เคยเกี่ยงงาน แค่ขอให้ได้ทำในสิ่งที่เราได้เลือก แต่เรารู้ว่าเราเป็นผู้หญิง ไปที่ไหนตัวคนเดียวไกล ๆ พ่อแม่ก็ไม่อนุญาตอีก เราเองก็รู้สึกไม่ดีที่ทำให้ท่านเป็นห่วง
เราใช้การเขียนที่เราชอบช่วยเยียวยาตัวเอง แต่ภาวะเครียดที่ถูกกดดันจากการทำงานที่ มันไม่สามารถช่วยอะไรได้มากเลย
เรื่องพวกนี้ระบายกับใครก็ไม่ได้ เหนื่อยจนท้อ กลับมาฮึด แล้วก็เป็นใหม่ เพื่อนบอกว่าเราโชคดีแล้วที่มีกิจการเป็นของตัวเอง มีบ้านให้อยู่ ข้าวก็ฟรี พ่อกำลังจะถอยรถให้ขับ แต่เรื่องแบบนี้ เราไม่เคยต้องการ
เราอยาก ใช้ชีวิต ไม่ได้แค่อยาก มีชีวิต เรื่องพวกนี้อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับชีวิตของเราต่อไปอีกข้างหน้า เราไม่รู้เลยว่าจะเลือกทางไหน
จะหนีออกมาจากสภาพที่เป็นอยู่ ก็นึกถึงหน้าแม่ตอนยิ้มดีใจที่เราเลือกจะมารับกิจการสานต่อ นึกถึงความเหนื่อยของพ่อแม่ที่จะเกิด หากเราไม่อยู่ช่วย คิดแค่นั้นก็ทำใจทิ้งไม่ลง
แต่จะให้ทนทนทำไป ก็ปวดใจตัวเองมากขึ้นทุกวัน เสียดายความสามารถของตัวเอง เสียดายพลังชีวิตที่จะเรียนรู้จักโลกกว้าง ต้องถูกขังอยู่กับสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ที่อยากจะหนีแต่ก็หนีไม่ได้ แถมต้องเจอมันไปอีกตลอดชีวิต
ใครพอมีคำแนะนำให้บ้างค่ะกับสถานการณ์แบบนี้ รบกวนแนะนำทีค่ะ เราไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องทำยังไง
ป.ล. เรามีเงินเก็บอยู่แค่ 150 k และเราพร้อมจะใช้เงินก้อนนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง
ขอบคุณมากค่ะ
แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 17:39:00
จากคุณ |
:
god_secret
|
เขียนเมื่อ |
:
30 เม.ย. 55 17:36:03
|
|
|
|