เคยคิดว่าตัวเองไม่มีเงินเก็บเลยและคงไม่มีไปอีกนานเพราะว่าต้องให้แม่ ดูแลค่าใช้จ่ายในบ้านในหลายส่วน ช่วยเงินคนในครอบครัวเพิ่มอยู่เป็นระยะเวลาเดือดร้อน
จนจุดนึงคิดว่าไม่ไหวแล้ว พอกันที

แค่เงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไม่ทำให้เราภูมิใจในตัวเองเลย เราอยากเก็บเงินได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองแบบที่เอามาใช้หรือลงทุนต่อแบบไม่ต้องรอลาออกก่อน เลยลุกขึ้นมาทำสิ่งสามัญสุดๆ ที่ไม่เคยทำค่ะคือ
"บันทึกบัญชีรายรับ-รายจ่าย"
แต่มันไหลไปกับอะไรมากมายที่เรานึกไม่ถึง และมันมักจะมาจากความรู้สึกชั่ววูบ เช่น แฮปปี้สุดๆ หรือเครียดสุดๆ มักจะจ่ายแบบลืมไปเลยว่าอยากเก็บเงิน
เลยอยากแชร์ข้อคิดที่ได้กับตัวเองค่ะว่า
1.ออมก่อน ใช้ทีหลัง ใครที่เคยอ่าน The Richest Man In Babylon คงทราบดีว่าข้อนี้เป็นข้อแรกๆ ของความร่ำรวยเลยค่ะ เราเลยดึงเงินเข้าบัญชีเงินออมก่อนเลย 15-20% แล้วมานั่งวางแผนว่าจะบริหารเงินที่เหลือยังไง
2.กันเงินส่วนนึงไว้ลงทุน ส่วนนึงจากเงินออมแยกเข้า MMF เผื่อต้องใช้จ่าย และส่วนนึงเอาไปลงทุนอื่นๆ ให้ดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อยๆ (มันมหัศจรรย์จริงๆ เชื่อแล้ว เผลอแป๊บเดียว เฮ้ย งอกมามากกว่าที่คิด ฝากธนาคารอย่างเดียวไม่มีทางได้เห็นแน่เลย)
3.บันทึกบัญชีใช้จ่าย เราจะสร้างไฟล์เอกเซลเก็บไว้ใน Google Doc เพราะขี้เกียจพกสมุดจด (หรือใครจะโหลดโปรแกรมตามเน็ตก็ได้ค่ะ มีมากมาย) มาทำงานก็บันทึกที่ทำงานว่าใช้ไรมั่ง ตกเย็นก็บันทึกอีกทีตอนอยู่บ้าน ถ้าเหลือกว่างบที่ตั้งไว้ก็ยิ่งดีใจ ซึ่งแปลกมาก หลังจากทำแบบนี้มักจะเหลือ และเหลือเยอะกว่าที่คิดเยอะเลย
4.ทำพอร์ตประจำเดือนนั้นๆ ว่าเรามีเงินออมเท่าไหร่ ลงทุนในอะไรบ้าง คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์
"สำคัญมากๆ ว่าเราต้องโฟกัสที่การเติบโตของเงิน มากกว่าการโฟกัสที่รายจ่าย โฟกัสที่การเติบโต=มีกำลังใจ โฟกัสรายจ่ายมากไป=ท้อและเครียด"
อีกประโยชน์นึงคือเอาไว้ทบทวนตัวเองไม่ให้โลภครอบงำค่ะ เวลาจะโลภลงทุนมากไปจนจะไม่เหลือเงินสดก็จะได้สติ ไม่ขาดสภาพคล่องหากร้อนเงินกระทันหัน เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ
5.อยู่อย่างเรียบง่ายแต่ไม่อัตคัด อะไรไม่จำเป็นก็งด ท่องเตือนตัวเองว่าอย่าไปตกเป็นทาสสื่อ เค้าเชียร์อะไรเราซื้อหมด แต่อะไรทำแล้วมีความสุขและอยู่ในงบก็ทำ เพราะเวลาสุดโต่งไปข้างใดข้างนึงเรามักจะรู้สึกแง่ลบกับความร่ำรวย ใช้มากๆ ก็รู้สึกว่าใจถมเท่าไหร่ไม่เคยเต็ม ถมแล้วถมอีกอยู่อย่างนั้นเพราะผูกความสุขกับสิ่งนอกตัวมากไป แต่ถ้าใช้น้อยเกินไปพอตบะแตกก็ใช้แหลก ติดลบอีก (เป็นมาแล้วทั้ง 2 อย่าง) ทุกวันนี้เราประหยัดเรื่องกินลง แต่เรื่องหนังสือเราเต็มที่ อันนี้สมดุลแล้วสำหรับตัวเราค่ะ ลองหาของเพื่อนๆ ให้เจอนะ
อยากให้ลองกันนะคะ การบันทึกอะไรดูเหมือนยุ่งยากแต่จริงๆ ไม่เลย มันยากน้อยกว่าการคำนวณดอกเบี้ยหรือหมุนเงินให้พอใช้เดือนต่อเดือนเยอะเลยค่ะ เวลาใช้ไปเรื่อยๆ มันเบลอๆ ไม่รู้ใช้อะไรไปบ้าง หมดไปกับอะไรบ้าง แล้วควรทำยังไงต่อไป แต่พอทำแล้วมันเคลียร์ มองเห็นภาพว่าจุดไหนควรเพิ่มหรือลด มันต่างกันมากๆ
สุดท้ายนี้.... เอาใจช่วยคนที่รับภาระครอบครัวทุกคนนะ