ความคิดเห็นที่ 1 อยู่จังหวัดที่ค่าแรงขั้นต่ำ300รึเปล่าละครับ ถ้าใช่ ก็ต้องขึ้นเป็น 300 ก็ถูกของเค้าแล้วนี่ ไปหาที่ที่ถูก กม ไว้ดีกว่า จากคุณ : เขียนบน iPhone (ผมเสียโสดให้หญิงร้าย) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 14:41:56

ความคิดเห็นที่ 2 คิดถึงลูกจ้างอีก2คนที่เหลือดีกว่านะ .....คิดว่าคุณจะเอาอยู่หรือเปล่า 2 คนที่เหลืออยู่ก็กินเงินเดือน 8,xxx บาท ใช่ไหมล่ะ จากคุณ : สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า HR เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 14:45:19

ความคิดเห็นที่ 3 การที่เป็นพนักงานรายเดือน ถึงแม้ไม่ได้มาทำงานวันหยุด ทำงานจริงเพียงแค่ 22วันต่อเดือนก็จริง แต่ที่จริงแล้ว ฐานเงินเดือนขั้นต่ำจะต้องเป็น 300X30วัน ซึ่งเท่ากับ 9000 บาทต่อเดือน เนื่องจากลูกจ้างรายเดือน หรือลูกจ้างประจำ ถือเป็นลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างในวันหยุด ตามมาตรา 56 ดังนั้นจึงต้องคำนวณค่าจ้างของวันหยุดของบริษัทให้ด้วย ดังนั้น จะไปอ้างว่าทำงานเพียงแค่ 22วัน แล้วคำนวณเฉพาะวันมาทำงานไม่ได้ กรณีที่จ้างกันเป็นลูกจ้างรายเดือน ดังนั้นการที่ลูกจ้างท่านนี้เข้าใจว่าตนเองจะต้องได้ 9000 บาทต่อเดือนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ จากคุณ : Chalk_HR เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 14:52:02

ความคิดเห็นที่ 4 จขกท ไม่ทราบว่าเป็น HR หรือเปล่าค่ะ แล้วบริษัทอยู่ในจังหวัดที่ได้ปรับค่าแรงหรือเปล่า บอกตรงๆ ทางบริษัทของคุณก็น่าจะปรับให้ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าลูกน้องของคุณเขาร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดิฉันว่าบริษัทของคุณน่าจะมีปัญหานะค่ะ จากคุณ : cartoon_panda เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 16:18:27

ความคิดเห็นที่ 5 ออ พึงเข้าใจ จาก คห 3 ทำไมนายจ้างถึงได้โว้ยวายขนาดหนัก ตอนแรกผมก็นึกว่า เอาจำนวนวัน คูณ ด้วย ค่าแรง กับ โอที ถ้าแบบนี้การเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำที่เคยรู้มามันก็ไม่ใช้ 40% แบบที่เคยคิดไว้แล้ว มันมากกว่านั้น จากคุณ : muk_22 เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 17:08:10

ความคิดเห็นที่ 6 เท่าที่ดูแล้ว เป็นลักษณะบริษัทไม่ใหญ่ และ คุณ จขกท. ทำบัญชี+ดูแลพนักงาน ไปด้วย และเดาเอาว่า อยู่ใน กทม. นี่แหละ จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 17:13:03

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าคิดว่า 300 บาท/วัน สำหรับพนักงานคนนั้นแล้ว คุณต้องขึ้นอีก 1,000 ถ้วนๆ ครับ อย่าอึ้ง เพราะคุณจ้างเค้าเป็นรายเดือน ถ้าจ้างเป็นราย 22 วัน ก็ดูด้วยว่ากิจการคุณจะไปได้มั๊ย บางเรื่องไม่ต้องเขี้ยวมากก็ได้ จากคุณ : กุ้งเต้นชามะนาว เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 18:07:00

ความคิดเห็นที่ 8 กลับมาแล้วค่ะ ไมได้อึ้งค่ะ เท่าที่อ่านตามกฎหมายแรงงานแล้วก็งงนะคะ ว่าพนักงานรายเดือนมีวิธีคิดแบบนี้ด้วย เพราะข้อมูลทางอินเตอร์เนตที่ได้มาระบุว่า คำนวณออกมาตามวันทำงานแล้วคูณค่าแรงขั้นต่ำ ส่วนรายเดือนห้ามต่ำกว่านี้ จ่ายโบนัสให้พนักงานปีนึง2ครั้ง แบ่งเป็น2เดือนและ1เดือน เราว่าที่ให้นี่มากกว่าที่อื่นแน่นอนสำหรับหน้าที่รับผิดชอบและวุฒิ ม.6 การคัดพนักงานเราให้ตามความสามารถนะคะ ไม่ใช่ว่าจ้องจะเอาเปรียบ เพราะที่ผ่านมาทำงานชุ่ยๆห่วยๆก็มีตักเตือน หนีงานขาดงานก็ตักเตือนแต่ยังไม่เคยลงโทษและไม่หักเงิน โดยเรากระตุ้นเสมอว่าช่วยสร้างผลงานที่ดีหน่อยกลางปีจะได้ขออนุมัติเงินเดือนขึ้นให้ แต่เค้ากลับลางานบ่อย และไม่ทำงานตามที่มอบหมาย เราเลยไม่รู้จะเอาอะไรไปคุยกับเจ้านายเพื่อขอสวัสดิการและขึ้นเงินเดือนให้กับเขา อีกทั้ง ตั้งแต่ต้นปีมาบริษัทเก็บหนี้และขายของไม่ได้เลยค่ะ โอดีติดตัวแดงตลอด ภาษาชาวบ้านก็คือจะเจ๊งนั้นแหละค่ะ จากพิษน้ำท่วมที่ลูกหนี้หนีและชักดาบไปหลายราย แต่สิ่งที่พนักงานคนนี้ทำคือ "นั่งดูหนังย้อนหลัง และบ่นว่าทำไมไม่ขึ้นค่าแรง" ขนาดเราบอกว่าช่วยเร่งสร้างผลงานหน่อย ช่วยกันทำงานเก็บหนี้เก่าๆให้ได้หมดไวๆ เราจะได้มีโบนัส ได้ขึ้นเงินเดือนกัน เค้าก็ไม่ทำ นั่งรอเงินอย่างเดียว สุดท้ายเค้าเลยลาออกเพราะไม่ยอมปรับให้ในเดือนนี้ค่ะ เพิ่งจะปรับให้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มมาอีก 500บาท บอกตรงๆว่า ปกติเราได้ปรับขึ้นปีละ20% ปีนี้เรายังขอเบรคไว้เลยค่ะ เพราะบริษัทอยู่ในสภาพแย่เราเองก็วิ่งงานเต็มที่จนกระทั่งได้งานมาในเดือนที่ผ่านมา แต่ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ได้พนักงานใหม่มาแล้ว เราจะน้อมรับคำแนะนำที่ทุกๆท่านมีให้มานะคะ ส่วนพนักงานคนอื่นๆเงินเดือนหลักหมื่นค่ะ เลยไม่เป็นปัญหา จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 19:17:57

ความคิดเห็นที่ 9 เอ่อ ลืมเล่า ตอนรับมาทีแรกยังไม่ผ่านโปรทำงานดีมากค่ะ ขยันขันแข็ง แต่พอให้ผ่านโปรแล้วหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยค่ะ -"- อาจจะพลาดที่ใจอ่อน เห็นน้ำตุ้งน้ำตาของเค้าด้วยกระมัง จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 20:04:34

ความคิดเห็นที่ 10 ปรับเงินเดือนแล้วลดโบนัสจะดูดีกว่าครับ จากคุณ : เขียนบน iPad (tanoy_delphi) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 20:33:42

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณคุณtanoy_delphi มากค่ะ จะเก็บข้อมูลนี้นำไปเสนอเจ้านายเช่นกันค่ะ ให้เงินตามฐานเงินเดือน ส่วนโบนัสเราคงต้องพิจารณาตามเนื้องานแทน สองครั้งที่ผ่านมาเราถือเป็นบทเรียนค่ะ จะต้องเขี้ยวกับการทำงานให้มากขึ้น จะได้ไม่ต้องนั่งปวดกะบาลทีหลัง -"- ทำไมคนเราใจดีแล้วไม่เห็นหัว พอเขี้ยวก็บอกว่าโหด เฮ่อ... จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 20:53:46

ความคิดเห็นที่ 12 ที่ ทำงานเรา มีเจ้านายเล่นแง่ด้วยT_T" จับพนักงานที่รายได้ไม่ถึงค่าแรงขั้นต่ำและอายุงานไม่ถึง 1 ปี ให้เป็นรายวันทั้งหมด และพนักงานประจำที่อายุงานเกิน 3 ปี ที่ได้ปรับเป็นค่าแรงขั้นต่ำ ให้เพิ่มวันทำงานอีก 2 วันเป็น 26 วัน ไม่รู้ว่างานนี้ดีหรือไม่ดี ส่วนตัวเราเองเงินเดือนก็งดขึ้นเดือนนี้ไปก่อนเพราะขอทำเรื่องขึ้นเงินให้กับพนักงานขั้นต่ำก่อน จากคุณ : hyejin เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 21:07:24

ความคิดเห็นที่ 13 คุณโจรดอกบ๊วยไม่ได้คิดอะไรผิดหรอก และความจริงก็ดีแล้วหล่ะที่คนแบบนั้นออกไปเองโดยไม่ต้องจ้างออก จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 22:00:15

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเข้าใจจขกท.นะครับ แต่ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร ลูกจ้างทำวานคุ้มแค่ใหน กม.คือกม.  สำหรับลูกจ้างรายเดือนค่าแรงขั้นต่ำคือ 9000 ยังไงคุณก็ต้องให้ แต่ถ้าคิดว่าเค้าทำงานไม่คุ้มก็จ้างออกก็เท่านั้น แต่ไม่มีสิทธไปให้ค่าแรงเค้าต่ำกว่ากม.ครับ จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 22:35:30

ความคิดเห็นที่ 15 หยาบคายได้ครับ แต่ก็ต้องรับมือกับแรงสะท้อนแบบเดียวกันด้วยนะครับ ตอนแรกเปิดประเด็นเรื่องค่าจ้าง ปิดท้ายด้วยการแช่งลูกจ้าง เยี่ยม จากคุณ : lARtZnolASt เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 00:48:32

ความคิดเห็นที่ 16 เอ่อ ขอถามเพิ่มเติมครับ จขกท. ทราบหรือไม่ครับว่า การจ้างพนักงาน รายเดือน กับ รายวัน มีเหตุผลในทางบริหารอย่างไร จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 07:36:26

ความคิดเห็นที่ 17 ต้องขออนุญาต รบกวนชี้แจงเจ้าของกระทู้เรื่องกรณีค่าจ้างดังกล่าวครับ หากท่านเจ้าของกระทู้เป็น HR หรือแม้แต่เป็นเจ้าของกิจการก็ตาม การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่พึ่งผ่านไปนี้ เป็นการขึ้นตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น ในฐานะที่เราดูแลงานบริหารบุคคล เรามีหน้าที่ที่จะต้องแนะนำหรือให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเป็นฝ่ายบุคคลจำเป็นจะต้องทำตัวทำใจให้เป็นกลาง ไม่เอาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเข้ามาปะปนเรื่องพวกนี้ ดังจะเห็นได้ว่า ท่านเจ้าของกระทู้ไปนึกเอาถึง การประพฤติตัวของพนักงานรายดังกล่าว ว่าประพฤติตัวแย่ มีพฤติกรรมไม่ดี ไม่สมเงินเดือนที่ให้ไป เรื่องดังกล่าวต้องบอกว่ามันเป็นคนละเรื่องกันกับการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำครับ ค่าจ้างขั้นต่ำจำเป็นต้องขึ้นให้ตามกฎหมายกำหนด ส่วนเรื่องความประพฤติของพนักงาน หากพนักงานประพฤติตัวเช่นนี้ สิ่งที่ท่านเจ้าของกระทู้ต้องมองประการแรกคือ มององค์กรก่อนว่าได้บริหารจัดการพนักงานท่านนี้อย่างไร มีการตักเตือน มีวิธีการให้เขาทำงานอย่างไร ถ้าบอกมาว่า วันๆเอาแต่ดูละคร เลี้ยงหมู ตามสามี สั่งงานไม่ได้ แล้วองค์กรของท่านไม่คิดที่จะจัดการอะไรกับพนักงานท่านนี้เลยหรือ จะปล่อยให้เขายังคงประพฤติตัวเช่นนี้โดยไม่รู้ว่าตัวเองกระทำไม่ถูกต้อง ผมว่ามันก็กะไรๆอยู่นะครับ เหมือนพนักงานทำผิด บริษัทรู้ แต่ไม่ทำอะไร มานั่งนินทาลูกจ้างให้คนข้างนอกฟัง มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาครับ และจากความเห็นที่ 8 ในส่วนของข้อความนี้ "เท่าที่อ่านตามกฎหมายแรงงานแล้วก็งงนะคะ ว่าพนักงานรายเดือนมีวิธีคิดแบบนี้ด้วย เพราะข้อมูลทางอินเตอร์เนตที่ได้มาระบุว่า คำนวณออกมาตามวันทำงานแล้วคูณค่าแรงขั้นต่ำ ส่วนรายเดือนห้ามต่ำกว่านี้" .....ท่านต้องเข้าใจก่อนว่า วันทำงานและได้รับค่าจ้าง สำหรับพนักงานรายเดือน จะต้องรวมเอาวันหยุดของบริษัทเข้าไปด้วย ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่าต้องพิจารณามาตรา 57 ควบคู่ไปด้วย ดังนั้น ถึงแม้ว่าทำงานจริงเพียง 5-6วันต่อสัปดาห์ แต่การจ้างเป็นพนักงานรายเดือน กฎหมายถือว่า วันเสาร์หรืออาทิตย์ที่บริษัทกำหนดเป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ ลูกจ้างต้องได้รับค่าจ้างด้วย เราจึงหารเงินเดือนออกเป็น 30วัน เพื่อคำนวณเป็นค่าจ้างต่อวัน แต่เพื่อความกระจ่าง ผมแนะนำท่านเจ้าของกระทู้ให้ลองศึกษาในรายละเอียดของพรบ.คุ้มครองแรงงาน โดยเฉพาะหมวดที่ 5 เรื่องค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุดอีกครั้งครับ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 55 08:48:25 จากคุณ : Chalk_HR เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 08:30:50

ความคิดเห็นที่ 18 จากความเห็นที่ 16 นอกจากท่านเจ้าของกระทู้แล้ว ผมคงรบกวนคุณพี (peh_chai) ช่วยให้ความรู้เรื่องดังกล่าวด้วยครับ จากคุณ : Chalk_HR เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 08:32:27

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ คุณChalk_HR มากค่่ะ อย่างที่บอก เพราะบริษัทเพิ่งปรับให้โดยที่เราเป็นคนไปขอเอง บริษัทอนุมัติมาเท่านี้ และเราขอให้พนักงานเร่งทำผลงานเพื่อให้ขอได้ง่ายๆ โดยที่เจ้านายไม่ต้องอคติเค้า เพราะอย่างน้อยกลางปีเค้าจะได้โบนัสเต็มๆอีก2เดือน แต่หากว่าสิ่งที่เราำทำกลายเป็นเอาเปรียบเขา เราจะเก็บไว้พิจารณาอีกทีค่ะ เพราะที่ผ่านมาผู้ใหญ่เสนอชื่อให้ออกมาแล้วสองครั้ง แต่พนักงานไม่ได้ปรับปรุงตัวเองเลยแม้แต่น้อย ดิฉันทราบดีเรื่องค่าจ้างที่ต้องปรับขึ้น แต่ถ้าคำนวณออกมาแล้ว เค้าจะได้รับเงินมากกว่าที่เค้าร้องขออีก ขออนุญาตแจกแจงนะคะ เงินเดือน 8000 เงินที่ต้องการ 9000 ส่วนต่าง 1000 บาท ถ้าเค้ายังไม่รับอีก2เดือน เท่ากับขาดไป2พันบาท ได้รับโบนัส 2 เดือน 16000 บาท อย่างน้อยจะเก็บไว้เตือนสติค่ะ ว่าคนทั่วไปเลือกที่จะรับเงินเพิ่ม2พัน แต่ปฏิเสธเงิน16000 -"- เพราะเราบอกพนักงานคนนี้แล้ว ว่ากลางปีได้รับโบนัสบวกกับการปรับเงินแน่นอน ขอให้เร่งช่วยกันทำงานเก็บหนี้ให้เร็วที่สุด แต่สิ่งที่ได้รับกลับมากลายเป็นแบบนี้ และเค้าอ้างว่าไปเพราะเราไม่ปรับเงินเดือนในเดือน พค. น้อมรับค่ะสำหรับทุกๆคำแนะนำ และจะเร่งนำเรื่องนี้เข้าแจ้งผู้ใหญ่ให้ทราบทันที เราเป็น HR มือใหม่่ค่ะ ตลอดชีวิตทำแต่งานขาย งานเอกสารไม่เคยต้องทำHR แบบจริงๆจังๆ เพราะบริษัทยังเล็กสมัยก่อนมีเราเพียงคนเดียว เราก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรมากเพราะเจ้านายให้เต็มที่ เค้าดูจากผลงาน ถ้าผลงานดีไม่ต้องเอ่ยปากเค้าให้หมด สำหรับเด็กคนนี้อย่างที่บอก นอกจากไม่มีผลงาน ดันไม่ไป ตำหนิไม่ฟัง เราก็ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงให้เงินขึ้นโบนัสงามเหมือนพนักงานคนอื่นๆ ถ้าครั้นจะบอกว่าเราเชือดเด็ก เราอ่านแล้วก็ขำค่ะ เพราะก่อนหน้านี้เรามาโพสกระทู้ลำบากใจเรื่องขอให้เด็กอยู่เพราะเจ้านายไม่เอาแล้ว(เป็นครั้งที่สอง) ยังโดนด่าเลยว่าเนื้อไม่ได้แทะหนังไม่ได้กินจะเอากระดูกมาแขวนคอทำไม ฮาๆๆ เข้างานสายไม่เคยหักเงิน ลางานขาดงานก็ไม่หักเงิน หัก ณ ที่จ่าย ประกันสังคมออกให้หมด ให้เค้าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แถมตอนสิ้นปียังสอนเค้าทำขอเงินคืนภาษีได้ไปฟรีๆอีกนะ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 55 10:15:50 จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 10:14:51

ความคิดเห็นที่ 20 ที่บริษัทเรา ปรับเงินเดือนขั้นต่ำเป็น 9000 ใครยังไม่ถึงก็ได้ปรับหมด จากคุณ : Decemberka เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 10:35:57

ความคิดเห็นที่ 21 #12 เปลี่ยนสภาพการจ้างงานโดยลูกจ้างไม่ยินยอมไม่ได้นะครับ จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 12:41:22

ความคิดเห็นที่ 22 #19 คนละประเด็นกันครับ อย่าจับนู่นมาผสมนี่ เงินเดือน กฏหมายกำหนดขั้นต่ำครับ ใครไม่ทำ ผิดกฏหมาย มีโทษตามกฏหมาย ส่วนโบนัส แล้วแต่บริษัทจะให้ครับ คุณไม่ให้ ก็ไม่มีใครลงโทษ ส่วนเรื่องพนักงานทำผิดแล้วต้องลงโทษตามสมควรครับ ไม่งั้นจะกลายเป็น "พ่อแม่(บริษัท)รังแกฉัน" แยกกันไปเป็นเรื่องๆครับ จากคุณ : basicball เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 12:49:11

ความคิดเห็นที่ 23 #22 ถ้าหากใ้ห้ชดเชยค้างจ่าย2พันเป็น หมื่นหก ก็ไม่ได้ใช่เปล่าคะ? เพราะปกติไม่ได้จ่ายโบนัสให้พนักงานใหม่ แต่นี่เราส่งชื่อไปให้เจ้านายเรียบร้อยแล้วค่ะ รอแค่วันโบนัสออกอย่างเดียว ถ้าไม่ได้ ก็จะเก็บไว้พิจารณา เราไม่ได้จับโน้่นผสมนี่ แต่เราคิดว่าเราจ่ายช้าไปเดือนละพันสองเดือน แล้วเค้าได้มาหมื่นหกมันคุ้มไงคะ ถ้าเราคิดจะโกง หรือ คิดจะเบี้ยวเค้า คิดจะหลอกใช้งานเค้า บอกได้เลยค่ะว่าคงไม่รับเ้ข้ามาหรอก งานเรามีเยอะ เราเองก็อยากได้คนที่ตั้งใจทำงาน เพราะถ้าเราให้เค้าอยู่ได้อยู่รอด เราเองก็จะเบางานได้ค่ะ จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 14:06:25

ความคิดเห็นที่ 24 อ้อ ลืมบอกค่ะ ว่าพนักงานใหม่ที่จ้างมาให้ 1หมื่นค่ะ เดี๋ยวจะหาว่าเอาเปรียบพนักงานอีก -"- จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 14:07:34

ความคิดเห็นที่ 25 สรุป โบนัสสองเดือน หมื่นหกได้ไม่คุ้มเท่าเงินค่าแรงที่ปรับให้ช้าไปสองพัน น้อมรับคำแนะนำค่ะ จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 14:15:20

ความคิดเห็นที่ 26 วันนี้เราแจ้งเจ้านายสำหรับเรื่องนี้ไปแล้ว เจ้านายบอกขอโทษที่ปรับเงินให้ช้า เพราะยังเก็บหนี้ไม่ได้ เอกสารในการประชุมก็ยังมีบันทึกนะคะ ว่าปรับเงินให้เป็นสิ้นเดือนมิถุนายน และเจ้าตัวที่ลาออกไปก็เป็นคนบันทึกเองค่ะ จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 14:16:46

ความคิดเห็นที่ 27 หอมกลิ่นมาม่า มาแต่ไกล ที่จริงผมมารอ คห ของคุณพี (peh_chai)ครับ ถ้าลวกมาม่าต่อไป คุณพี คงไม่กล้าเข้ามาตอบ งดมาม่าสักนิดนึงนะครับ จากคุณ : สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า HR เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 14:24:06

ความคิดเห็นที่ 28 take it easy เด้อออออ จากคุณ : สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า HR เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 14:25:04

ความคิดเห็นที่ 29 อันนั้นให้เจ้านายมาตอบเถอะค่ะ ดิฉันได้ข้อมูลตามที่ต้องการแล้ว และทำหน้าที่ของตัวเองครบแล้วค่ะ ^ ^ ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำ และข้อบกพร่องที่ดิฉันทำพลาดไปจะนำไปแก้ไขปรับปรุงสำหรับการจ้างพนักงานคนต่อไปนะคะ จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 14:33:40

ความคิดเห็นที่ 30 สาธุครับ  ^^" จากคุณ : สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า HR เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 14:38:46

ความคิดเห็นที่ 31 คห.27 สิ่งที่ถามนั้น ไม่ใช่ต้องการให้ดราม่าเลย หลายคนแม้จะทำHR ก็ยังไม่ทราบถึงเหตุผลทางการบริหารว่าทำไมจึงต้องแยกจ้างอย่างนั้น เป็นการถามเพื่อกระตุ้นเตือนให้ จขกท.อาจจะหลงลืมไปเท่านั้น เหตุผลที่เข้ามาตอบ มีอยู่ 2ประการเท่านั้นคือ 1.มาหาความรู้ 2.มาให้ความรู้ ที่คุณChalk_HR ถามแล้วผมไม่ได้ตอบกระทู้   ถ้ากระทู้นี้เป็นของคุณChalk ผมตอบไปตั้งแต่ตอนเที่ยงที่ว่างเข้ามาแล้วครับ จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 14:55:04

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าคุณพี มีคำแนะนำดิฉันก็น้อมรับค่ะ ถือว่าอย่างน้อยให้คำแนะนำคนอื่นๆรวมถึงดิฉันด้วย หากทำอะไรผิดไปจะได้เอาไปปรับปรุงค่ะ บอร์ดสาธารณะใครๆก็โพสได้ค่ะ จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 15:09:14

ความคิดเห็นที่ 33 สำหรับท่านเจ้าของกระทู้ สิ่งที่ผมได้นำเรียนไปแล้วข้างต้น เป็นการแชร์ข้อมูลที่ท่าเจ้าของกระทู้ถามในเบื้องต้นว่า ลูกจ้างรายวัน จะลาออกเพราะไม่ได้300บาทต่อวัน ซึ่งผมก็ได้นำเรียนแล้วว่า มันไม่ถูกต้อง ดังนั้นสิ่งที่ถูกต้องคือ ลูกจ้างรายเดือนจะต้องได้รับขั้นต่ำที่ 9000 บาทตามกฎหมาย ซึ่งนี่คือสิทธิพื้นฐานของลูกจ้างท่านดังกล่าว แต่จากกระทู้ที่ 25 ดังข้อความที่ว่า "สรุป โบนัสสองเดือน หมื่นหกได้ไม่คุ้มเท่าเงินค่าแรงที่ปรับให้ช้าไปสองพัน" ก็ยังเห็นได้ชัดเจนครับว่า ท่านยังคงเอาเรื่องสองเรื่องไปปนกันอยู่ดี ถ้าคิดรวมกันแบบนี้ ท่านคงหาคำตอบไม่ได้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ประเด็นที่ผมและหลายๆท่านชี้ให้เห็นคือ สิทธิลูกจ้างตามกฎหมายที่เขาจะต้องได้รับค่าจ้างที่ 9000 บาท สิ่งนี้เป็นสิทธิตามกฎหมาย ไม่ให้ไม่ได้ หรือจะให้ตามความพึงพอใจ ไม่ได้ ส่วนของโบนัส ซึ่งนายจ้างจะพิจารณาให้เขาเพิ่มเติมนั้น มันเป็นส่วนของเงินเพิ่ม ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกฎหมายแต่อย่างใด เป็นเงินคนละส่วน หากนายจ้างจะไม่ให้ก็ถือเป็นสิทธิของนายจ้าง แต่หากนายจ้างจะให้ ก็ถือเป็นเรื่องดีที่นายจ้างได้มอบสวัสดิการที่ดีเช่นนี้ให้กับลูกจ้าง ดังนั้น จึงอย่าเอาตัวเลขของโบนัสที่ได้รับหลักหมื่น มาเปรียบเทียบกับส่วนต่างของค่าจ้างขั้นต่ำที่บริษัทจ่ายขาดไป แล้วเรียกว่าเป็นการชดเชยคืนให้ เพราะเป็นเงินได้คนละสิทธิ คนละส่วนกันครับ ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้มองว่าท่านเจ้าของกระทู้เอาเปรียบลูกจ้าง แต่คาดว่าน่าจะเกิดความเข้าใจผิดหรือสับสนในเนื้อหาของการปฏิบัติตามประกาศค่าจ้างขั้นต่ำ จุดประสงค์เพียงต้องการแก้ไขให้ถูกต้องเท่านั้นเองครับ จากคุณ : Chalk_HR เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 15:40:10

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณ คุณ Chalk_HR มากค่ะ เพราะเราคำนวณออกมาเป็นยอดเงินรวม เราเลยไม่ได้มองว่าเราเอาเปรียบเขา และยอดเงินรวมที่คำนวณออกมามันคุ้มกว่าที่เขาจะได้รับวันละ300อย่างแน่นอน แต่ถ้าวิธีคิดนี้ผิด เรา้น้อมรับค่ะ และเราได้แจ้งเจ้านายให้ทราบไปแล้ว เจ้านายจึงขอโทษที่ปรับเงินเดือนให้ช้า เพราะเราเองก็สอบถามไปก่อนหน้านี้ได้คำตอบมาว่าการปรับเงินเดือนทุกอย่างขอเป็นกลางปี วันนี้เจ้านายจึงถามว่าถ้าให้โบนัสกลางปีแล้วปรับเงินทุกคนokไหม ทุกคนในที่ประชุมยอมรับได้ค่ะ แต่อาจจะช้าไปสำหรับพนักงานบางคน ที่คุยกันก่อนหน้านี้แล้วเค้าก็ไม่รอค่ะ ขอบคุณที่เข้าใจเจตนาว่าเราไม่ได้มีเจตนาโกงเงินพนักงาน และเราเข้าใจผิดเรื่องการคำนวณค่าแรงสำหรับลูกจ้างรายเดือน แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 55 16:14:22 จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:13:14

ความคิดเห็นที่ 35 ตามนั้นครับ #33 ไม่เกี่ยวกับคุ้มไม่คุ้มครับ จขกท. แต่เป็นเรื่องของกฏหมายครับ เหมือนคนโดนจับข้อหาฆ่าคนตาย จะมาบอกว่าที่ผ่านมาเค้าทำบุญมาทั้งชีวิต ปล่อยนก ปล่อยปลา ช่วยเหลือคนยากคนจน มันเอามาหักล้างหรือชดเชยกันไม่ได้ครับ ในกรณีนี้ลูกจ้างทำถูก บริษัททำผิดกฏหมายครับ ตัดสินแยกเป็นประเด็นๆไปครับ ปล. การมาถามในกระทู้สาธารณะ หากคำตอบไม่ถูกใจ กรุณาอย่าฟาดงวงฟาดงาครับ เพราะทีหลังจะไม่มีคนมาให้ความรู้อีก เข้าใจว่ายังใหม่ครับ ใจเย็นๆ สูดหายใจลึกๆ เพราะท่านทั้งหลายที่เสียสละเวลามาพิมพ์ตอบคำถามคุณให้ ล้วนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับคุณ หรือบริษัทคุณครับ เจตนาเพียงจะมาแบ่งปันความรู้ให้เท่านั้น หากคุณทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วแล้ว สิ่งที่คุณได้ไปจากกระทู้นี้จะมีเพียงโมหะจริตเท่านั้นเองครับ จากคุณ : basicball เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:18:06

ความคิดเห็นที่ 36 เอ๊า!!!....สรุปแล้วจบ happy ending แล้วครับ ฉะนั้นขอเรียนเชิญท่าน พี (peh_chai) มาให้ความรู้เพิ่มเติมเรื่องที่ค้างเอาไว้ด้วยครับผม... จากคุณ : Chalk_HR เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:24:22

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ได้ฟาดงวงฟาดงานะคะ แต่ อย่าเปรียบกรณีนี้กับการฆ่าคนตายดีกว่าค่ะ มันคนละเคสกันเลย ไม่ได้ใกล้เคียงเลยแม้แต่น้อย หากคิดว่าการที่มาถามแล้วแค่บ่นๆให้ฟัง วันนี้ดิฉันไม่จำเป็นต้องแจ้งให้เจ้านายทราบ และที่สำคัญ มันไม่จำเป็นต้องมานั่งโพสให้เสียเวลาทุกท่านเข้ามาอ่านเลยล่ะค่ะ กับพนักงานทำงานไม่สม่ำเสมอ ไม่เหมือนช่วงโปรเบรชั่น เอาง่ายๆ รับเขามา นอกจากจะดูแลเอาใจใส่กัน ลูกเค้ามาดิฉันยังช่วยเลี้ยงเลย -"- เพราะดิฉันไม่เข้าใจ ว่าที่ผ่านมาเราทำอะไรผิดพลาดไปตรงไหน แต่เรามองยอดรวมซึ่งเป็นการคำนวณผิดวิธี อย่างที่บอก พนักงานถูกเสนอชื่อให้ออก บริษัทไม่จำเป็นต้องจ่ายโบนัสใช่ไหมคะ แต่ดิฉันยังเสนอชื่อและขอให้เจ้านายจ่ายโบนัสให้เขาไป เพื่อ???? เพื่อหาวิธีไล่เขาออกเหรอคะ? เพื่อโกงเขาเหรอคะ? หรือเพื่อฆ่าเขาให้ตาย? แต่อย่างไรก็ต้องขอบคุณมากค่ะ ที่ทำให้เรามีข้อมูลนำมาคุยกับเจ้านายในวันนี้ได้ บริษัทเราคงจบกรณีสามร้อยบาทนี่ได้อย่างสมบูรณ์แล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:32:55

ความคิดเห็นที่ 38 ยอมรับว่ามีน้ำโหกับคำว่า "โกง" เพราะเจตนาตั้งแต่ต้นดิฉันไม่เคยคิดเอาเปรียบใครอยู่แล้ว หากสิ่งที่ทำมันเป็นการทำงานผิดๆ จะให้เรียกเค้ากลับมาเพื่อจ่ายเงินเพิ่มอีก1พันบาทดิฉันก็ยินดีให้เงินตัวเองค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ตอนน้ำท่วม บริษัทจ่ายเงินช้าดิฉันก็เอาเงินตัวเองจ่ายแทนไปแล้วเหมือนกัน น่าน้อยใจนะคะ ทำงานคอยรักษาน้ำใจของคนทุกคน แต่กลับถูกมองว่าเอาเปรียบขี้โกง จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:35:02

ความคิดเห็นที่ 39 มองในมุมกลับกันบ้าง ทำงานห่วยๆ ลาบ่อยๆ วันๆเอาแต่นั่งดูละครย้อนหลัง เล่นเฟสบุ้ค งานไม่เสร็จ ถามอะไรก็ตอบว่าไม่รู้ คุณยังอยากช่วยไหม? แสดงว่าที่ผ่านมาที่ดิฉันพยายามช่วยจนกลายเป็นว่าดิฉันโกงเค้าเนี่ย มันเพื่ออะไรกันหว่า -"- พอได้จับงานตำแหน่งนี้บอกได้เลยค่ะ ว่าHRเป็นบุคคลที่น่าเห็นใจที่สุดในบริษัทเลย เนื้อไม่ได้แทะหนังไม่ได้กินแต่ต้องเอากระดูกมาแขวนคอเนี่ย สองสามความเห็นหลังนี่บ่นนะคะ ขออภัยถ้าข้่อความมันขัดหูขัดตาค่ะ จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:38:47

ความคิดเห็นที่ 40 การพัฒนาการเริ่มมาจากโรงงานอุตสาหกรรมในยุโรปก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม(ประมาณปี 2250-2260 ข้อมูลส่วนนี้ จำได้ไม่แม่นเท่าไรถ้าใครสนใจในรายละเอียดไปหาหนังสือเกี่ยวกับวิวัฒนาการอุตสาหกรรมในฝรั่งเศส) เมื่อเริ่มกิจการ มีการจ้างแรงงานแบบวันต่อวัน มาทำงานตอนเข้า รับเงินตอนเย็น เมื่อคนงานมากขึ้น กว่าจะจ่ายเงินคนงานหมดในแต่ละวัน กินเวลาเป็นชั่วโมง สัปดาห์หนึ่งใช้เวลารวมกันเกือบ 10 ชั่วโมง ผู้ประกอบการจึงเปลี่ยนมาจ่ายเป็นสัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อลดเวลาทำงานในส่วนนี้ แต่งานก็เพิ่มขึ้นมาอีกเพราะต้องจดว่า แต่ละคนใครมาทำงานกี่วัน ใครทำโอทีกี่ชั่วโมง แก้ปัญหาเรื่องใช้เวลาจ่ายค่าจ้างในแต่ละวันได้ แต่ต้องมาเกิดงานใหม่ขึ้นมา  แม้จะขยายเวลาไปจ่ายเดือนละครั้ง ปัญหาของฝ่ายบัญชีในการจดวันทำงานก็ยังเหมือนเดิม จนในที่สุด เจ้าของโรงงานใหญ่ๆ จึงกำหนดค่าจ้างแบบรายเดือน คือเหมาจ่ายเป็นเดือนไปเลย ทั้งโรงงาน ผลที่ได้ ฝ่ายบัญชีงานเบาลงไปมาก เพราะไม่ต้องจดบันทึกเรื่องการมาทำงาน จะบันทึกเฉพาะการทำโอทีเท่านั้น แต่ปัญหาก็ยังตามมาอีก เพราะเจ้าของโรงงานต้องจ่ายค่าจ้างแทบจะเท่ากันทุกเดือน ในขณะที่ผลผลิต มากบ้างน้อยบ้าง แล้วแต่ความพร้อมของวัตถุดิบ สภาพลมฟ้าอากาศและคำสั่งซื้อ ค่าจ้างที่จ่ายแบบรายเดือน ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงกำลังการผลิตได้ จึงเกิดการ วิวัฒนาการเรื่องค่าจ้างใหม่หมด โดยแบ่งงานออกเป็น 2 กลุ่มคือ 1.งานที่สามารถวัดผลในเชิงปริมาณโดยให้ผลออกมาเชิงตัวเลข ที่แปรผันตรงกับรายได้ของกิจการได้ เช่นฝ่ายผลิต 2.งานที่ไม่สามารถวัดผลออกมาเชิงปริมาณ ได้อย่างชัดเจน และไม่สามารถหาความสัมพันธ์โดยตรงกับรายได้ของกิจการ เช่นฝ่ายบุคคล ฝ่ายบัญชี งานในประเภทที่1  ฝ่ายบริหารต้องออกแบบระบบการจ้างงานให้สัมพันธ์กับรายรับของกิจการ ให้ได้มากที่สุด จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมพนักงานในโรงงาน ในฝ่ายผลิต จึงต้องจ้างแบบรายวัน เพราะดัชนีชี้วัด จะบอกได้ว่า ถ้าผลผลิตมาก ค่าจ้างจะสูงตาม หรือในทางกลับกัน ค่าจ้างในโรงงานสูง ผลผลิตต้องสูง ส่วนงานในประเภทที่2  จ้างเป็นรายเดือน ด้วยเหตุผลในการลดงานของฝ่ายจัดการ ดังที่เล่ามาแล้ว ทั้งหมดนี้จึงสรุปได้ว่า ในองค์กรขนาดใหญ่นั้น การบริหารเรียกว่า เป็นการบริหารแบบพ้นสายตา หมายความว่าผู้บริหารระดับสูงแทบไม่มีโอกาสเข้าไปสัมผัสเนื้องานที่แท้จริงได้เลย  เพราะขนาดของกิจการเกินกว่าที่จะบริหารเวลาให้ลงไปสัมผัสงานได้ ผู้บริหารจึงจำเป็นต้องมีตัวแบบ เพื่อเป็นดัชนีชี้วัดว่า ในสภาวะปัจจุบันองค์กรที่บริหารอยู่เป็นอย่างไร ตัวชี้วัดที่มีผลต่อการวัดประสิทธิภาพองค์กรนั้น คือตัวที่มีรายจ่ายหลักๆ ค่าแรงก็เป็นตัวชี้วัดที่ผู้บริหารจำเป็นต้อง เอามาเป็นเครื่องมือในการบริหาร แต่โดยสภาพสังคม และกฎหมายที่เปลี่ยนไป   รวมทั้งค่านิยมต่างๆ สถานที่บางแห่งบางสังคม ที่ฝ่ายบุคคลอ่อนแอ มีการสร้างค่านิยมแบบผิดๆว่า ค่าจ้างรายเดือน คนละระดับกับ ค่าจ้างรายวัน บ้าง   ที่จ้างลูกจ้างรายวันเพราะนายจ้างต้องการประหยัดบ้าง ซึ่งไม่ใช่เจตนารมณ์ที่แท้จริงของการบริหารค่าจ้างเลย จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:39:23

ความคิดเห็นที่ 41 ผมคงไม่ต่อประเด็นกับ จขกท. แล้วครับ เสียเวลาเปล่า เข้ามานั่งฟังคำอธิบายจากท่าน พี (peh_chai) ดีกว่า จากคุณ : basicball เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 16:45:53

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณที่ คุณ Chalk_HR และ คุณ peh_chai ให้ความรู้ครับ ผมคิดว่า นายจ้าง ของ จขกท. น่าเป็นห่วงแล้วล่ะ จากคุณ : wa เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:43:36 A:125.25.104.84 X: TicketID:357425

ความคิดเห็นที่ 43 เข้าใจเจ้าของกระทู้ครับ เข้าใจความหมายที่ต้องการสื่อ จากคุณ : ผ่านมา (pasad) เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 20:58:15

ความคิดเห็นที่ 44 ประเด็น 300 ตามหัวข้อผมว่าจบแล้วนะครับ ไม่มีใครว่าจขกทโกงหรอกครับ แต่กฎหมายคือสิ่งที่กำหนดมาให้ทำตาม แม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาดีกว่าแต่วิธีการไม่เป็นไปตามที่กำหนดก็ผิดครับ ที่ยังน่าเป็นห่วงอีกเรื่องก็คือเรื่องการบริหารงานบุคคลของจขกทที่ดูแล้วยังแยกแยะไม่ออกระหว่างเรื่องงานกับชีวิตส่วนตัว(ของลูกจ้าง) ทั้งๆที่ลูกจ้างทำงานไม่มีประสิทธิภาพคุณก็ยังช่วยเหลือ เจ้านายต้องการให้ออกแต่คุณก็ยังรั้งไว้ จะจ่ายเงินเพิ่มด้วยเงินตัวเอง? มันไม่มีเหตุผลในการกระทำครับ ถ้าลูกจ้างทำงานไม่ได้ ผลงานไม่เป็นไปตามเป้าก็ต้องตักเตือนหรือพยายามให้เขาแก้ไขตามระเบียบของบริษัท หากทำไม่ได้หรือไม่มีการพัฒนาก็ต้องประเมินครับว่าควรจะเก็บไว้หรือไม่ เมตตามีไว้ก็ดีครับ แต่การบริหารคนต้องใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ ใช้ตัวใดตัวหนึ่งไม่ตึงไปก็คงหย่อนไป ที่หลายๆคนยังคงเตือนจขกทน่าจะเป็นประเด็นนี้มากกว่า จากคุณ : ABACUB เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 21:01:04

ความคิดเห็นที่ 45 ที่ผ่านมาพยายามไม่ใช้พระเดช เพราะรู้จุดอ่อนของตัวเองดีว่าเป็นคนพูดขวานผ่าซากมากค่ะ พยายามปรับปรุงข้อเสียของตัวเองจุดนี้อยู่เสมอค่ะ เหตุการณ์ทั้งหมดกินระยะเวลาประมาณ7เดือนค่ะ ทุกอย่างมันเริ่มแย่เมื่อเข้าเดือนที่5 สองเดือนหลังนี่งานเราก็หนักหนามากๆ  พองานเริ่มหนักเค้าก็เริ่มอิดออด เริ่มลา เริ่มป่วย เริ่มอ้าง แต่ด้วยความที่งานมันสุมเข้ามาเยอะทำให้เราต้องวิ่งข้างนอกบ่อยๆ เลยมีเวลาคุยกันประเดี๋ยวประด๋าว ขนาดจะตำหนิเค้ายังพูดได้เพียงแค่แป้บเดียวจริงๆค่ะ โทรศัพท์ก็เข้าสายไหม้แล้ว ถ้านับแล้วเค้าโดนตำหนิไปทั้งหมด 4 ครั้งค่ะ เอาที่ตำหนินะ ไม่นับที่เราพยายามพูดจาโน้มน้าวกระตุ้นการทำงาน สิ่งนึงที่รับรู้ได้เลยคือ เค้าไม่อยากทำงานที่ต้องมีความรับผิดชอบ เราเองก็แนะนำเค้าไปเหมือนกัน ว่าเก็บเงินให้ได้สักก้อนนึง แล้วเอาไปทำร้านก๋วยเตี๋ยวอย่างที่เค้าต้องการจะดีกว่า รอให้ลูกโตอีกนิดนึงจะได้มีเวลาลุยเต็มที่ เพราะป่านนั้นลูกคงต้องใช้เงินเรียนหนังสือมากพอสมควร อย่างที่บอก ตอนนี้ที่ได้ดูแลเด็กเพราะถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิก เลยได้รับหน้าที่นี้มาทั้งๆที่ไม่อยากได้เลยจริงๆค่ะ ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำแนะนำนะคะ อย่างน้อยที่ได้เข้ามาโพสและได้รับคำแนะนำไป ทำให้เกิดข้อสรุปที่ดีขึ้นในที่ประชุมวันนี้ได้ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : โจรดอกบ๊วย เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 23:16:08

ความคิดเห็นที่ 46 จขกท.ทราบหรือไม่ว่า ในการบัญชาการคนนั้น แบ่งคนออกเป็น 5 กลุ่ม และทั้ง 5 กลุ่ม ถ้าใช้วิธีการผิด ก็จะไม่สามารถสั่งงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แฮะๆ มาได้อีก ที่กระตุ้นหลักแบบนี้ เพียงเพื่อจะบอกว่า การบริหารทุกชนิดที่มีการแข่งขันกันสูงอย่างปัจจุบันนี้ ใช้มวยวัด คือคิดเองด้วย commonsense ไม่ได้ (ได้สำหรับระดับเทพบางคนเท่านั้นเช่น สตีฟจ็อบ พระพุทธเจ้า) การจัดการทุกอย่าง ต้องมีฐานจากองค์ความรู้ ที่ปราชญ์ในอดีตรวบรวมโดยการจับพฤติกรรม มนุษย์แล้วมาเขียนเป็นทฤษฎี คนที่มีโอกาสขึ้นมาเป็นหัวหน้าคน สามารถบัญชาการคนได้นั้น จึงมีทั้ง 1.คนที่ไม่มีความรู้พื้นฐาน แต่ใช้สามัญสำนึกและประสบการณ์การทำงาน  กิจการที่ได้คนเหล่านี้ไปทำงาน ถ้าไม่ได้แข่งขันสูง ก็อาจจะผ่านไปได้ 2.คนที่มีพื้นฐานความรู้ แต่ใช้ไม่เป็น พวกนี้ไม่แตกต่างจากพวกที่1 3.คนที่มีความรู้และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ และยังสามารถวางพื้นฐานสำหรับอนาตต และยังสร้างอาวุธทางการจัดการ เพื่อสู้กับคู่แข่งขันได้อีก ด้วยทั้ง 3 กลุ่มนี้ เราจึงพบว่า คนทำงานวัยเดียวกัน บางคนมีรายได้ต่อเดือน บางคนหลักพัน บางคนหลักหมื่น บางคนหลักแสน และบางคนหลักล้าน ส่วนเรื่อง หลักการจำแนกคนนั้น ผมเคยเขียน ในการตอบกระทู้ก่อนๆแล้ว จึงไม่ประสงค์ที่จะฉายหนังซ้ำอีก จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 07:08:10