ความคิดเห็นที่ 1 ทำได้ครับ ก็ขอเป้นค่า ดำเนินการ 10% ส่งตรงถึงบ้านไปเลย ครับ ปัญหาคือส้งยังไงไม่ให้โดนภาษี เพราะถ้าสั่งมาแล้วโดนภาษี ราคาจะไม่ต่างจากซื้อในไทยน่ะครับ จากคุณ : รวยยิ่งรวย เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 22:11:50

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณครับ ใจจริงอย่างให้ลูกค้าเช็คและสั่งสิ้นค้าที่มีการลดราคาเอาเอง แต่ไม่แน่ใจว่าจะสะดวกลูกค้าขนาดนั้นหรือเปล่าครับ เพราะอย่างแฟนผมซื้อนาฬิกาส่งมาให้ ราคาในไทย หมื่นหก แต่ราคาโปรโมชั่นตอนเปิดตัวที่โน้นประมาณร้อยหน้าสิบเหรียญเท่านั้นเองครับ  นั่นแหละครับปัญหาคือลูกค้าจะไม่รู้สิว่าอะไรเซลอยู่บ้าง จากคุณ : CC.mand เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 22:20:00

ความคิดเห็นที่ 3 เริ่มต้นโดยการ google หาร้านในลักษณะเดียวกันว่าเค้าทำยังไง ไอ้ที่เค้าเอาของเข้ามายังไง คงไม่มีใครบอก ก็ดูวิธีการสั่ง ซึ่งลูกค้าก็เลือกเองจากเว็บที่ขายสินค้าโดยตรงอยู่แล้ว วิธีจ่ายเงิน ค่าใช้จ่ายค่าส่งเค้าคิดเท่าไหร่ วันเวลาที่ของจะถึงคือเมื่อไหร่  มีเงื่อนไขอย่างไรบ้างซึ่งแต่ละร้านยาวเป็นหางว่าว และอื่นๆอีกมากมาย ที่สำคัญที่สุด ดูวิธีการตอบคำถามลูกค้า คำถามอะไรที่ลูกค้าถามมากที่สุด ปัญหาอะไรเกิดบ่อยที่สุด วิธีแก้ปัญหาเค้าทำยังไง ร้าน preorder จะรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตอบคำถาม และวิธีการแก้ปัญหาพวกนี้แหละค่ะ เราว่าร้าน preorder เป็นร้านที่โดนเหวี่ยงวีนมากที่สุด เพราะว่ารอของนาน ต้องจ่ายเงินจำนวนเยอะ ส่วนใหญ่สินค้าพวกนี้ก็ราคาค่อนข้างแพง เมื่อเกิดปัญหา ของมาช้า ติดศุลกากร วันหยุดราชการติดกันเยอะ ออกของไม่ได้  ลูกค้าก็จะเกิดความระแวงว่าทำไมชั้นยังไม่ได้ของ ร้านจะโกงหรือเปล่า รอนานแล้วนะ การแสดงความคิดเห็นจะค่อนข้างรุนแรง ถ้าคุณรับการที่อยู่ดีๆ มีคนโทรมาวีน หลายๆครั้งด้วยคำถามเดิมๆ ไม่ได้ เราว่าก็คงต้องคิดดีๆ นะคะ ขอให้โชคดี ปล.เราไม่ได้รับ preorder นะคะ แค่เป็นลูกค้าที่ชอบอ่านเว็บบอร์ดร้าน preorder ด้วยความสนใจ อยากรู้ว่าถ้าลูกค้าเหวี่ยงมาแบบนี้ แม่ค้าจะตอบยังไงน่ะค่ะ ^^ จากคุณ : สายน้ำเซาะหินผา เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 23:22:40

ความคิดเห็นที่ 4 เราทำอยู่จะ 4 ปีแล้วค่ะ แต่เป็นพรีออเดอร์อังกฤษค่ะ ไม่ใช่อเมริกา เปรียบเทียบเป็นแนวทางแล้วกันนะค่ะ การพรีออเดอร์เป็นสิ่งที่เราชอบที่สุดค่ะ มันท้าทายความสามารถของเราดีค่ะ ส่วนตัวไม่เคยบอกที่ไหนมาก่อน เพราะถือเป็นความลับ เคยมีคนเมล์มาถามบ่อยๆ ว่าส่งของกับ่บริษัทอะไร เราก็ไม่ตอบนะค่ะ เพราะถือเป็นความลับ ต้องหากันเองค่ะ นี่ขนาดไม่ได้บอกใครนะค่ะ ยังมีคู่แข่งเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ จนจะล้นตลาดแล้วค่ะ แต่เราก็อยู่ได้ เพราะ - เรามีแอร์หิ้วของให้ ราคาขึ้นอยุ่กับตกลงกัน ในแต่ละปีเราจะกลับเมืองไทย แอร์เรายังซื้อตั๋วราคาพิเศษให้อีก - บางครั้งเราให้เพื่อนที่อยุ่ต่างประเทศเหมือนกันหิ้วของให้ เราจ่ายกิโลละ 500 บาท กรณีนี้ต้องเป็นบ้านใกล้กันและเรารู้จักไปมาหาสู่กัน ถ้าไม่รู้จักจะไม่ให้หิ้วค่ะ เพราะกลัวมิฉาชีพค่ะ เคยมีคนเมล์มาหาเราและบอกว่าจะมาเที่ยวอังกฤษและอยากหิ้วของให้เรา เราต้องคิดไว้ก่อนค่ะว่าอาจเป็นมิฉาชีพ อาจเสียทั้งเงินและเสียตั้งของ - เรามีบริษัทชิปปิ้งที่ติดต่อจากไทย เสียค่าขนส่งที่ไทย หรือที่เรียกว่า Door to Door นะค่ะ อันนี้บริษัทเค้าคิดค่าส่งแบบรวมภาษีให้เลย เคยส่งตั้งแต่กิโลละ 650 บาท ถึงตอนนี้ปรับเป็นกิโลละ 1000 บาท - เรามีบริษัทชนส่งจากต้นทางเลย จ่ายค่าขนส่งที่ต้นทาง ซึ่งราคาถูกมาก 10 กิโล เคยจ่ายค่ะ 50 ปอนด์ ประมาณ 2500 บาท (กิโลละ 250 บาท) แต่เค้าไม่รับผิดชอบภาษีให้ ถ้าโดนภาษี ทางปลายทางต้องจ่ายเอง เค้าคิดแต่ค่าขนส่งอย่างเดียว (วิธีนี้ เราต้องเปลี่ยนที่อยู่ผู้รับของปลายทางบ่อยๆ ค่ะ อย่าส่งซ่ำกัน) - เราส่งตรงให้ลูกค้าเลยกับไปรษณย์ของอังกฤษ และสามารถเช็กหมายเลขพัสดุได้ที่เวปของไปรษณียไทยด้วย ซึ่งก็ต้องเสี่ยงภาษีเองค่ะ เคยส่ง 55 แพ็ก โดยส่งตรงให้ลูกค้าเลย ในเดือนมีนาคม โดนภาษีไป 3 คน ภาษีตกคนละพันกว่าบาทค่ะ (วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีค่ะ เหมือนกองทัพมด เพราะเป็นการกระจายที่อยุ่ผู้รับ โอกาสโดนภาษีจะน้อยมาก จะไม่เหมือนวิธีอื่นที่ การส่งไปที่อยุ่ผู้ปลายทาง คนเดียวกันแบบซ้ำๆ กัน จะเสี่ยงโดนภาษีมากกว่าค่ะ) - เราหิ้วกลับไทยเอง ข้อนี้จะได้กำไรเยอะหนอ่ย เพราะค่าตั๋วก็ถูกอยู่แล้วตามข้อแรก และเลือกของที่หิ้วหนอ่ย ถ้าโดนสุ่มสแกนตอนเข้าไทย ก็จะไม่มีปัญหาอะไร หรือถ้ามีปัญหาอะไรเราก็เตรียมบิลมาด้วย เสียภาษีก็ไม่เท่าไหร่ ปล. ทุกข้อที่เขียนมาเป็นทางแอร์ทั้งหมด ระยะเวลาจะเร็วไม่เกิน 7 วัน ลูกค้าก็ได้รับของแล้ว ยกเว้นกรณีมีปัญหาจริงๆ เช่นของลงคลังจะรอของนานกว่าปกติ ซึ่งลูกค้าเราส่วนใหญ่จะเข้าใจ ถึงบอกว่ามันท้าทายความสามารถดี ในแต่ละปีเราจะเจอของลงคลังทุกปี และทุกปีเราก็เคลียร์ของออกมาได้ ลูกค้าเราจึงมั่นใจว่า สั่งของกับเราได้ของแน่ใจ ถึงมีปัญหาก็ไม่เคยทิ้งปัญหา อยากบอกว่าทุกข้อที่เราเขียนมา เราเจอปัญหาทุกข้อเลยนะค่ะ แต่เราก็ผ่านปัญหามันมาได้ทุกครั้ง เพราะเราถือว่าปัญหามีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้หนี แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 55 08:11:31 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 55 08:03:48 จากคุณ : Jeab's Story เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 08:02:55

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนเรื่องกำไร ควรจะบวกที่เท่าไหร่ เราคิดแบบนี้ค่ะ ว่าถ้าลูกค้าสั่งจากเวปเลย และให้ส่งไปที่ไทย เค้าต้องจ่ายค่าส่งเท่าไหร่ ปกติ ค่าส่งถ้าให้ข้ามประเทศจะไม่ต่ำกว่า 1000 บาท และก็ต้องเสียภาษีเอาเอง เราก็จะใช้วิธี คิดราคาให้เฉียดราคาที่ลูกค้าต้องสั่งของจากเวปเองนะค่ะ แต่เรามาบริหารต้นทุนเอาเองค่ะ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่กล้าสั่งของจากเวปเองเพราะกลัวต้องเสียภาษีเยอะนะค่ะ บวกกับเรื่องภาษา ถ้าของมีปัญหาของมีตำหนิ จะทำการเคลมได้ยาก เพราะมันระหว่างประเทศ ค่าส่งจะแพง แต่ถ้าลูกค้ามาสั่งกับเรา ก่อนส่งมาไทยเราสามารถเช็กสภาพสินค้าก่อนส่งได้ค่ะ เพราะต่างประเทศ เค้าคืนสินค้าได้ค่ะ ถ้าไม่พอใจในสินค้า ถึงแม้มันจะไม่มีตำหนิก็ตาม ยิ่งถ้าเป็นความผิดพลาดของร้านเวปนะ และเราเคลมได้ ก็จะได้โค๊ดส่วนลด หรืออะไรๆ พิเศษ นะค่ะ ซึ่งกรณีนี้ ถ้าลูกค้าสั่งของข้ามประเทศนอกจากจะต้องจ่ายค่าส่งของคืนที่แพงแล้ว การติดต่อสื่อสารอาจไม่สะดวก จากคุณ : Jeab's Story เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 08:21:43

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณ ทุกๆ ความเห็นเลยครับ สำหรับคุณ Jeab's Story คิดว่าผมอาจจะรบกวนขอคำแนะนำเพิ่มอีกนิดนะครับ^^ จากคุณ : CC.mand เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 18:32:04

ความคิดเห็นที่ 7 เจี๊ยบอาจไม่ค่อยได้เข้ามาบ่อย ว่างๆ ถึงจะเข้ามาอ่านนะค่ะ การทำพรีออเดอร์จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายค่ะ โดยส่วนตัวถ้ามีแฟนอยู่อเมริกา หาของให้ คิดว่าทำได้ง่ายกว่า คนอื่นที่ไม่มีญาติอยุ่เมืองนอกค่ะ เพราะเค้าต้องไปจ้างคนที่เมืองนอกทำให้อีกที ซึ่ง ต้นทุนเค้าก็จะสูงกว่า หลักการของเจี๊ยบนะค่ะ ส่วนใหญ่เจี๊ยบจะรับพรีออเดอร์ - เวปที่เค้าไม่รับบัตรเครดิตไทยค่ะ คือรับแต่ของประเทศนั้นๆ หรือ Paypal ของประเทศ่นั้นค่ะ เราจะตัดคู่แข่งไปได้เยอะอยู่ค่ะ - จะรับพรีเวปที่ไม่ส่งของมาเมืองไทยโดยตรงค่ะ เช่น เวป H&M คือ จะสั่งและส่งให้เฉพาะประเทศนั้นๆ ค่ะ เพื่อตัดคู่แข่งเหมือนกันค่ะ - และเราจะรับพรีฯ ที่หายาก อย่างเช่น น้ำหอมกลิ่นวานิลา ของ The body shop คือ ที่เมืองไทยจะมีช็อปขายยี่ห้อนี้นะค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมไม่มีกลิ่นวานิลาขาย แต่เมืองนอกมีขายค่ะ มันก็เลยเป็นของหายาก ลูกค้าต้องการค่ะ - รับพรีออเดอร์ของเซลส์หรือของลดราคา ต้องระวังนะค่ะ เพราะบางที่ค่าของไม่กี่บาท แต่ค่าส่งแพงกว่าค่าของหลายเท่าค่ะ ค่าเสียเวลาและค่าดำเนินการเราอีกล่ะค่ะ อย่าลืมบวกนะค่ะ เราเคยเจอลูกค้าไปเลือกสินค้ามา ราคาลดเหลือและ 2 ปอนด์ เค้าเอาเรทธนาคารคูณเลยค่ะ เบ็ดเสร็จเราโคีดราคาให้ไม่ต่ำกว่า 1000 บาทค่ะ (เพราะมีค่าส่งจากเวปอีก 5.95 ปอนด์ ค่าส่งไปไทยอีก 10 ปอนด์ ค่ากล่องและอุปกรณ์การแพ็กอีก สรุป 1000 บาท นี่แถมไม่เหลือกำไรเลยนะค่ะ) แต่ลูกค้านี่ซิ บอกว่าราคาแค่ 2 ปอนด์เอง เรทแบงค์ 50 บาท ต่อปอนด์มันก็แค่ 100 บาท คิดว่าเรากินกำไรเยอะ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลยค่ะ ศึกษาดีๆ นะค่ะ รายละเอียดมันเยอะค่ะ  ถ้าลูกค้าที่ซื้อของ่จริงๆ เค้าจะเข้าใจค่ะ ถ้าเราอธิบายดีๆ เค้าจะรู้ว่าของเซลส์หรือของลดราคาบางอย่าง มันซื้อยากจริงๆ ค่ะ เค้าจะไม่คิดว่าแพงนะค่ะ ถ้าเค้าอยากได้จริงๆ ของเซลส์บางอย่างสั่งยากนะค่ะ บางทีสั่งแล้วไม่ได้ของก็มีนะค่ะ เราต้องคิดเผื่อด้วยนะค่ะ ว่าของเซลส์ใครๆ ก็อยากได้ เราต้องไปแย่งกับซื้อกับฝรั่งอีกค่ะ ใครว่าของเซลส์ฝรั่งไม่ชอบ เค้ารอเวลากันเลยค่ะ โดยเฉพาะที่ลอนดอนนะค่ะ ปีนึงมีเซลส์ใหญ่ๆ 2 ครั้งต่อปี เรียกว่า ใครดีใครได้เลยค่ะ ปกติเราไม่ชอบรับของเซลส์นะค่ะ เพราะเราเบื่อที่ต้องไปแย่งกับคนอื่น จากคุณ : Jeab's Story เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 07:27:58

ความคิดเห็นที่ 8 การหาทางส่งมาเมืองไทย มันไม่ยากเท่ากับทำไงให้ลูกค้ามาพรีออเดอร์กับคุณ ที่พูดนี่เพราะอยากรู้เหมือนกัน เพราะเราก็ทำทั้งรับพรีออเดอร์และมีของพร้อมส่ง เิปิดร้านมาพอสมควร แต่ถ้าเป็นสินค้าพรี ลูกค้ายังไม่ค่อยมั่นใจ อยากรู้เคล็ดลับแม่ค้าพ่อค้าที่ประสบความสำเริจพรีออเดอร์สินค้าราคาแพง ๆ ว่าหาลูกค้ายังไง แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 55 00:15:07 จากคุณ : khunj เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 00:14:38