ความคิดเห็นที่ 1 จะว่างเสี่ยงก็เสี่ยงครับ ขอเล่าเรื่องของผมก่อนนะครับ ประมาณ 6-7ปีที่แล้ว ผมเอาสบู่สมุนไพร ไปฝากวางขายตามร้านเสริมสวย ในละแวก ถนนสุขาภิบาล1 ก็โอเคเลยนะ ก็จะมีสบู่ตัวอย่าง ไว้ให้ช่าง,ลูกจ้างในร้านลองใช้  พอเขาใช้แล้วรู้ว่ามันดีอย่างไร เขาก็จะเชียร์ลูกค้าให้ซื้อ โดยที่เราไม่ต้องไปเชียร์เอง ก็ให้กำไรเขาสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย ผมวิ่งไปเก็บเงินและวางของเพิ่ม ทุกๆ2อาทิตย์ (บางร้านโทรมาเร่งให้ส่งของก็มี) กำไรก็โอเค พออยู่ได้ แต่ก็ต้องใช้มอไซค์วิ่งส่งของนะ ไม่งั้นก็ไม่คุ้มค่าน้ำมัน ...ตอนนี้เลิกทำแล้ว เพราะมีอย่างอื่นทำที่ดีกว่า.. ..ก็บอกให้เพื่อน ให้คนรู้จัก มาทำแทน  ก็ไม่มีใครเอา  กำไรก็ดี ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน .. สงสัยไม่กล้าคุยกับช่างเสริมสวยมั๊ง 55 ที่ว่าเสี่ยง ก็คือ  มีอยู่ร้านนึง เอาของไปวางขาย พูดคุยรับปากซะดิบดี  อีก2อาทิตย์จะไปนับของ,รับตังค์   ปิดร้านไปซะแล้ว อ่า.....   แต่เรื่องเสี่ยงว่าจะได้เงินไหม นั้น?  เช่น เจ้าของร้านเอาเงินที่ขายของได้ เอาไปหมุนในร้านซะ พอเราไปเก็บเงินก็ไม่มีจ่าย  เรื่องนี้ ผมเจอน้อยมากครับ มากถึงมากที่สุด (เจอเคสนี้ 1 ครั้ง ในระยะเวลาที่ทำทั้งหมด เกือบๆปี) เหนื่อยไหม  ก็ พอตัวนะ ส่วนใหญ่จะเหนื่อยในเรื่องการเดินทาง  แต่ก็คุ้มนะ  ช่วงที่ผมทำ ก็แฮปปี้เลยทีเดียว เพราะช่างเสริมสวยเนี่ย ส่วนใหญ่ จะช่างเจรจา ช่างพูดช่างคุยอยู่แล้ว  ทำผมไป คุยไป ลูกค้าก็เคลิ้ม เชียร์สินค้าตัวไหนก็โอเค  ยิ่งถ้าช่างเสริมสวยคนไหนสวยๆนะ โม้ไปเรื่อย กลายเป็นพรีเซ้นเตอร์ไปโดยปริยาย 5555 ถ้าคุณจะทำแบบนี้ คุณก็ไม่ต่างอะไรกับเซลนะ  เพียงแต่เป็นเซลอิสระ แค่นั้น พูดคุยกับ ร้าน,ช่างเสริมสวยเหล่านี้  ส่วนมากไม่ค่อยเขี้ยวกันหรอกครับ  เจรจาต่อรอง ราคา,กำไร ง่าย แต่คุณก็ต้องมีลูกเล่นพอสมควรด้วยนะ   ไปคุยอะไรกับเขา อย่าคุยเครียด เพราะช่างทำผม เขาก็เหมือนศิลปินคนหนึ่ง  ฮาๆหน่อย รับรอง  มัดใจช่างได้ ช่างก็จะเชียร์สินค้าให้คุณ ลองดูเลย ไม่เสียหายหรอก   แต่ตอนแรกๆก็สต๊อกสินค้าให้พอดีๆล่ะ อ่อ แล้วอย่างลืม เตรียมชั้นวางสินค้าไปให้เขาด้วย เป็นตระกร้า ชั้นบันไดเล็กๆ หรืออะไรก็ว่าไป  เพราะร้านเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีพื้นที่จำกัด  เอาแต่ตัวสินค้าไปฝากวาง เดี๋ยวเขาเอาไปวางในจุดอับ อันนี้ช่วยไม่ได้เด้อ... ตอนนั้น ผมซื้อชันวางของ สูงประมาณเอวขึ้นมาหน่อย รูปร่างประมาณคล้ายๆรูปที่แนบมา ไม่ต้องใหญ่มาก เอาแค่พอให้วางสินค้าตัวอย่างได้  แล้วพยายามคุยกับเจ้าของร้าน ขอวางตรงใกล้ๆ,ข้างๆ หน้ากระจก (ลูกค้าจะได้เห็นถนัดๆ) ,บางร้านก็ไม่ให้วาง บอกว่าเกะกะ ,บางร้านก็ชอบสวยดี ก็แล้วแต่สถานที่น่ะ ก็ลองเอาไปปรับใช้ดูนะครับ จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 17:43:56

ความคิดเห็นที่ 2 โอ้!!!  เป็นประโยชน์มากค่ะ  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : inlovepai2525 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 17:48:56

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นเราก็ไม่กล้า กลัวเค้าเชิดของ ปิดร้านหนีหรืออมเงิน เหมือนกันนะ คุณ aumpaump12 คงเลือกร้านที่ไว้ใจ และโชคดีด้วยมั้ง จากคุณ : ไม่ยอม เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 18:05:24

ความคิดเห็นที่ 4 ถึง คห.3  คุณ ไม่ยอม ไม่นะ ผมไม่ได้เลือกร้านนะ ตอนนั้นผมลุยดะ เข้าไปทุกร้านเลย เมื่อ6-7ปีก่อน ร้านเสริมสวยบนถนนสุขาภิบาล1 เกือบทุกร้าน(เฉพาะร้านที่ยอมให้เอาสินค้าลง) มีสินค้าผมวางอยู่ เกือบตลอดทั้งเส้น โดยเฉพาะร้านที่อยู่ใกล้ถนนใหญ่ (ตรอกซอกซอยลึกๆ ผมไม่เอา) ผมลดความเสี่ยง ด้วยการ   1. ร้านใหญ่ ดูดี มีความน่าเชื่อถือสูง เคยค้าขายกันมาก่อน ผมฝากวางขาย เอาลงเป็น100ชิ้น ผมก็กล้า (แต่อาจจะจ่ายสด 50%ก่อน โดยผมอ้างว่า "ของมาจมที่ร้านพี่หมดเลย ผมขอเก็บล่วงหน้าบ้าง จะได้มีเงินไปหมุน") 2. ร้านใหญ่ แต่ไม่เคยค้าขายกันมาก่อน แต่ดูดี ดูน่าจะไว้ใจได้ ผมลง 20ชิ้น 3. ร้านเล็กๆ เจ้าของเป็นช่างเอง ประวัติดี ฝากวางขายกันมาก่อน  เอาสินค้าลง 50ชิ้นก็ยังโอเค (ร้านเล็ก ไม่ลงเยอะ เผื่อเขาขายดี ได้เงินเยอะ แล้วเดี๋ยวจะเอาไปหมุนในร้าน ก่อนมาจ่ายเรา) 4. ร้านเล็กๆ แต่ไม่เคยค้าขายกันมาก่อน แต่ดูดี  ผมลง 15-20 ชิ้น 5. อันนี้สำคัญที่สุด ต้องพิจารณาให้ดี ...ร้านเล็กๆ ดูท่าทางไม่ค่อยมีลูกค้า ไม่ได้รู้สึกดีอะไรเป็นพิเศษ  ผมจะลงแค่ 5-7ชิ้น  (ขายหมด ก็หมดไป เก็บไว้เป็นประวัติ  ไม่ต้องคิดอะไรมาก ถือว่า เก็บเล็กเก็บน้อย ขายให้ร้านที่เป็นทางผ่าน  ถ้าโดนโกง ก็โดนน้อย) ร้านแต่ละร้านที่ผมฝากวางขาย ก่อนหน้าที่จะฝากวาง ผมก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยค้าขายกันมาก่อน เริ่มแรก ผมก็ใช้ข้อ 4-5 ในการเปิดตัว ทำความรู้จัก เก็บประวัติ ประเมินเครดิตกันก่อน แล้วค่อยเลื่อนเครดิตไปข้อ 3-2-1  แต่ก็ไม่ประมาท ก็ต้องมี เทคนิคให้เสี่ยงน้อยลง ดังในวงเล็บข้อ1 เป็นต้น มีบางร้าน เขาเอากล่องหยอดประปุกออมสิน(แบบเปิดฝาได้) มาแยกเป็นเงินที่ขายสินค้าของผมโดยเฉพาะก็มี ผมเห็นร้านไหนทำแบบนี้ ประวัติยิ่งดี ผมยิ่งให้คะแนนเยอะ  เพราะเขาเก็บเงินค่าสินค้าของเราอย่างเป็นสัดส่วน ผมยิ่งลงของเยอะ เขายิ่งขายเยอะ ยิ่งได้กำไรเยอะ ยิ่งได้ส่วนลดจากผมเยอะตามไปด้วย ของแบบนี้ ขนาดว่าผมเองก็รอบคอบพอสมควร มันก็ยังต้องมีเจ็บกันมาบ้าง ผมเองก็โดน (ดังใน คห.1) จะให้เส้นทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไร้อุปสรรค มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก มันต้องเจอ มันต้องมี กับเรื่องความเสี่ยงเหล่านี้  ใช่แต่เราจะเจอคนเดียวซะเมื่อไหร่(อ่านต่อที่เรื่องเล่าด้านล่าง) เจอแล้ว ก็ต้องเก็บมาเป็นบทเรียน เรื่องบางเรื่อง มันสอนกันไม่ได้ ไม่มีสอนในโรงเรียน ไม่มีในมหาวิทยาลัย การพิจารณา ประเมินความน่าเชื่อถือ มันต้องมาจาก ประสบการณ์ และวิจารณญาณส่วนบุคคล บอก จขกท.  ไม่ต้องกลัว ทำไปเหอะ แต่ทั้งนี้ จะลงร้านไหนเยอะ-น้อย ก็ต้องพิจารณา ถึงมูลค่าสินค้าด้วยนะ ผมก็อยากจะให้สอนกันหมดใส้   แต่เมื่อยนิ้วอ่ะ (พิมพ์ซะยาว ..อิอิ) เน้นอีกครั้ง ไม่ต้องกลัวความเสี่ยง ทำไปเลย แค่ต้องควบคุมความเสื่ยงที่ตัวคุณรับไหว เดี๋ยวคุณจะมีประสบการณ์เอง  เชื่อผมดิ่ ผมสาบานได้เลยว่าผมเคยทำจริงๆ ไม่ได้มาพิมพ์ขี้โม้ และที่สำคัญ ค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุดในการฝากวางขายแบบนี้คือ  "ค่าน้ำมันรถ" เหอๆๆ ฉะนั้น ถ้าจะทำ  ให้ฝากวางในถนนทั้งเส้น ให้เป็นทางผ่านของแต่ละร้าน ทำแผนที่การเดินสายให้ดี อ่ออีกอย่างก็สำคัญ  (สำคัญอีกล่ะ อิอิ) บิล  คุณต้องเรียงบิลให้ดี  บิลเก่าร้านไหน วางเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่ รวมเป็นเงินเท่าไหร่ วางเพิ่มเท่าไหร่ บิลใหม่เขียนยังไงไม่ให้งง ต้องทำให้เป็นระเบียบ ทำระบบบัญชีให้ดี  ไม่งั้นคุณจะ งง ป่วน เลยล่ะ อ่อ เตือนอีกอย่างนะ (จะจบไหมเนี่ย อิอิ  นึกได้กระทันหัน 55) เป็นเซลอ่ะ ต้องคุยเก่ง  แต่อย่าเม้าท์มอยให้มันมากเกินงาม อย่านินทาร้านอื่นให้อีกร้านนึงฟังนะจ๊ะ  เชื่อดิ่ เดี๋ยวจะได้เม้าท์แตกกับช่างเสริมสวยแน่ 5555 ปล. เรื่องเล่า  ใช่่ว่าเราจะเจอคนเดียวซะเมื่อไหร่ ตอนนั้นที่ผมยังเอาสบู่สมุนไพร ไปฝากวางขายตามร้านเสริมสวยนั้น มีครั้งนึง ผมเอาของไปวางเพิ่ม แล้วก็พอดีให้เจอกับเซล(ยาย้อมผม,ครีมอบผม) เอาของมาลงเช่นเดียวกัน ผมมีโอกาสได้คุย กับเซลคนนั้น  (ไปคุยกันนอกร้าน ไม่คุยในร้าน รบกวนลูกค้าทำผม เหอๆ) มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ที่เราอาจจะต้องเจอ เรื่องเบี้ยว , ไม่มีจ่าย -ขอติดไว้ก่อน คราวหน้าค่อยจ่าย , ปิดร้านหนีไป ไม่บอกกล่าว เซลทุกบริษัทต้องเคยเจอ มันก็ต้องมี มาตรการ ลดความเสี่ยง หรือ ลงสินค้าในจำนวนที่แบบว่า คุ้มที่จะเดินทางมาเก็บเงิน-มาลงเพิ่ม  แต่ก็จะรับได้ถ้าหากเสียสินค้าไปโดยที่ไม่คาดฝัน ปล. ไปพักนิ้วก่อน เดี๋ยวถ้านึกอะไรออก จะมาบอกต่อ อิอิ สนับสนุนคนทำมาหากินจ้าาาาา จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 00:07:54

ความคิดเห็นที่ 5 กลับมาเพิ่มเติม ถ้าหากคุณ เป็นสินค้า ที่มีมูลค่าสูง ควรระวังให้ดี เรื่องเล่า ... มีร้านเสริมสวยอยู่ร้านนึง เขาเล่าให้ฟังว่า มีคนมาฝากวางครีมทาหน้า กระปุกเป็นพัน  ก็เอาวางโชว์ไว้ที่โต๊ะ แล้วก็มีลูกค้า กระเทยเข้ามาทำผม ช่างเอง เผลอไปหยิบของหลังร้านแป๊ปเดียว  หายไปทั้งกระเทย ทั้งครีมกระปุกนั้น เขาเองก็ต้องรับผิดชอบราคาสินค้านั้นไปโดยปริยาย อย่างผมอ่ะ ตอนนั้นฝากวางขายสบู่สมุนไพรใช่ม่ะ  สบู่อ่ะ มันก้อนละไม่กี่บาท 30-35บาท มันไม่เท่าไหร่ ผมไม่ซีเรียส แต่ถ้าใครจะเอาสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูงไปฝากวางแล้วล่ะก็  อย่าลืมเตือนเจ้าของร้านในเรื่องนี้ด้วย ให้เขาเก็บในตู้ ให้ดี หรือถ้าคุณอยากจะโชว์สินค้า ก็อาจจะเป็นตู้โชว์เล็กๆที่ล็อคได้ให้เรียบร้อย (เอากุญแจไว้ที่เจ้าของร้าน)เป็นต้น หรือ เอากระปุกเปล่า (อาจจะมีตัววัตถุดิบนิดหน่อย ให้พอมีกลิ่นสัมผัส) ไว้เป็นตัวโชว์ ส่วนตัวสินค้าจริงให้ทางร้านเก็บไว้ให้ดี  เป็นต้น สำหรับ จขกท. และผู้ที่สอบถามมาหลังไมค์ ผมไม่มีรายชื่อร้านเสริมสวยเหล่านั้นแล้วครับ ห่างหายกันไปนานแล้ว และตัวผมเองก็ย้ายบ้านมาไกลด้วย ผมมีเพียง ประสบการณ์ และแนวคิด มาแบ่งปันให้เท่านั้น และไม่คิดจะกั๊กไว้ด้วย (ไม่รู้จะกั๊กวิชาไปทำไม ไม่ได้ทำกิจการสายเดียวกันซะหน่อย เหอๆๆ ) จะมีก็แต่ เมื่อยนิ้ว พิมพ์ยาว 5555 มีอะไรปรึกษากันได้ ยินดีให้ข้อมูล แนะนำว่า ให้เริ่มจากละแวกบ้านก่อน (เมื่อก่อนผมเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่ที่สุขาภิบาล1 ไงล่ะ) ใกล้ๆบ้านก่อน ถนนเส้นที่ใกล้บ้านก่อน จังหวัดที่ตนเองอยู่่ก่อน (กรณีกรุงเทพ ก็เริ่มจากเขตที่ตนเองอยู่ก่อน) แล้วค่อยๆขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ   เพราะเน้นจริงๆเลยว่า ต้นทุนค่าใช้จ่ายที่กัดกินมากที่สุดคือ ค่าเดินทาง อย่ากลัวโดนโกง  อย่าไปกลัว  ถ้ากลัวคุณก็ไม่ต้องทำอะไร ให้คุณอยู่เฉยๆเพราะเดี๋ยวโดนโกง เพราะถึงอย่างไร คุณก็ต้องเจออยู่แล้ว แน่ๆ ชัวร์ๆ ป้าบๆ บางคนโกง ด้วยความไม่ตั้งใจโกง  เช่นคิดเงินผิด เป็นต้น บางคนโกง เพราะคนอื่นโกงอีกที  เช่น โดนเจ้าของห้องไล่ ก็เลยต้องย้ายกระทันหัน บางคนโกง เพราะความจำเป็น เช่น เงินขาดมือ เลยต้องเอาเงินขายของ มาหมุนในร้านก่อน แต่เจ้าของสินค้าดันมาเก็บเงินจังหวะนี้พอดี เหอๆ บางคนโกง เพราะตั้งใจโกง  อันนี้คงไม่ต้องยกตัวอย่างนะ  ตามไปตบมันเลย 55 แต่ให้ป้องกัน และลดความเสี่ยงด้วย จำนวนสินค้าที่ฝากขาย ที่รับความเสี่ยงได้  แค่นั้น อ่านถึงตรงนี้แล้ว คุณอาจจะคิดว่า "เวงกำ กรูโดนโกงแน่ๆ ไม่ทำดีกว่า" อ๊ะๆๆ ช้าก่อน  ที่ผมบอกว่าโดนโกงแน่ๆอ่ะ  แต่ผมไม่ได้บอกว่า คุณจะโดนโกงมากมายมหาศาลนะ ระยะเวลาเกือบๆปี ที่ผมทำตอนนั้น   ผมเจอโกงแค่ 2ครั้ง (ดัง คห.1) เท่านั้นเอง เชื่อผมสิ คนดี มีมากกว่าคนเลว ... ...แล้วอย่างร้านเสริมสวยเนี่ย ไม่มีใครอยากเสียชื่อหรอก พวกคุณเป็นผู้หญิงก็น่าจะรู้ดี ว่า การโดนคนอื่นเม้าท์เนี่ย มันน่าหงุดหงิดใจแค่ไหน  ร้านเสริมสวยนี่ก็เหมือนกัน ยิ่งเป็นร้านที่มีสาวๆมาใช้บริการเป็นส่วนใหญ่แล้วล่ะก็ เขายิ่งไม่อยากเสียชื่อหรอก จริงม่ะ ฉะนั้น ขอย้ำอีกทีว่า มีแนวโน้มจะโดนโกงไหม ?? ตอบอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า  มี และคุณต้องเจอแน่ๆ แต่...อย่าตกใจไป อัตราความเสี่ยงมันไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย ไปล่ะ ง่วงแล้ว (ปกติทำงานดึกๆแบบนี้บ่อยๆครับ) จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 03:59:50

ความคิดเห็นที่ 6 ผมจะบอกอะไรให้ คนที่เค้าจะรับฝากสินค้าคุณหนะ เค้ากลัวมากกว่าคุณอีก อะไรหนะหรือครับ ก็ขายได้หรือขายไม่ได้ก็ยังไม่รู้ แถมต้องมารับผิดชอบสินค้าขาดสินค้าหายให้คุณอีก ส่วนตัวผมเองร้านผมไม่ให้เอามาฝากขายครับ เพราะกลัวของหาย ผมว่าถ้าใครรับฝากไว้ ผมว่าเค้าใจดีกับคุณสุดๆ ผมถือว่าเป็นบุญคุณกันเลยทีเดียว จากคุณ : รูปหล่อ_พ่อคนดี เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 12:05:27

ความคิดเห็นที่ 7 ก้อ น่าจะคล้ายๆ ฝากขายในร้านประดับยนต์ carcare นะ แนะนำ ฝากขาย ให้เปอร์เซนต์ ให้ช่วยเชียร์ ( ถ้าสินค้าเรามีโฆษณาเค้าก็ยิ่งรับ) ไปส่งของ เช็คยอด เติมของ เคลียร์เงินกัน เหนื่อย และสนุก เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ถ้าร้่านไหนไม่เวอร์ค แสดงว่าไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย พอสินค้าติดตลาด ก็เลือกร้านลงและก็ขายขาดไปเลย (ขายเครดิต หรือเงินสด ให้ส่วนลดมากหน่อย) ถ้ารถยนต์มันง่ายหน่อยที่ว่า ถ้าร้่านนี้ไม่มี เขาเคยใช้โทรมาถามที่ สนง เราก็แนะนำร้่นใกล้บ้านเขาเลย คนมีรถขับไปเองได้ยกเว้นไกล ก็จะส่งให้ทาง ปณ ข้อควรระวัง อย่างที่ คห บนบอก //ของหาย ร้านไม่รับผิดชอบแน่นอน คนเข้่าออกเยอะ //ของโดนเปิดซะเยินเลย กล่องพังหมด เราต้องมีตัวอย่างให้เขาดูหรือเปล่า? //ตอนเก็บเงินที่เราเจอ คือต้องนัดเฮียหรือเจ้่าของร้าน ให้เจอเขาเพื่อจ่่ายเงิน บางทีไม่อยู่ ไม่มีคนเซ็นเช็ค เก็บเงินไม่ได้ นานไป //ร้านปิดหนีไปพร้อมกับของก็มี disappear ต้องสูญเสียส่วนนี้ (ถามคนให้เช่าร้าน บอกว่าหนักกว่่าเรา ติดค่่าเช่า ค่าน้ำไฟมากว่า 6 เดือน) จากคุณ : Blue Baleen เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 14:02:25