ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ ผมเองก็กำลังอยู่ในช่วงหางานใหม่อยู่ จากประสบการณ์สมัครงานอันโชกโชนผมเห็นด้วยกับ จขกท ทุกข้อครับ
ผมแอบแถมบทความที่เขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว มาแปะไว้อีกที เพื่อมีประโยชน์กับชาวสีลมที่กำลังหางานอยู่
ผมพึ่งผ่านหนึ่งในช่วงเวลาที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตมา ซึ่งก็คือช่วงการหางานนั่นเอง วันนี้ผมได้หลุดพ้นจากช่วงนั้นมาแล้วและก็มีเวลาว่างพอสมควร เลยคิดว่าจะมาแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กัน ตอนแรกสุดนี่ผมขอเริ่มจากการเขียน CV ซึ่งถือว่าเป็นด่านแรกของการสมัครงานก่อน
บทความนี้จะมาจากประสบการณ์ตรงของผม คำแนะนำที่ผมได้รับจากคนอื่นๆ บทความต่างๆ ที่ผมได้อ่าน ในระหว่างการพยายามทำให้ CV ของผมดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจากผลตอบรับของ CV ของผมจากบริษัทต่างๆ ที่ผมสมัครงานไป ผมคิดว่ามีดีพอที่จะมาแบ่งปันกัน (แอบโม้หน่อยว่า ผมถูกเรียกสัมภาษณ์ โดยบริษัทอย่าง BCG, Accenture, IBM, Shell, Philips, UPS ในประเทศและต่างประเทศ)
แต่เนื่องจากผมไม่ใช่ HR หรือ Recruiter และก็ไม่ใช่ expert ในด้านนี้ เพราะฉะนั้นใครมีอะไรจะเสริมหรือคัดค้านไม่เห็นด้วยก็ยินดีนะครับ ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดกัน
งั้นเริ่มกันเลยนะครับ
ก่อนอื่นคงต้องเริ่มก่อนว่าไอ้กระดาษความยาวสองหน้าที่เรียกว่า CV หรือ Resume นี่มันสำคัญยังไง ทำไมเราควรจะต้องลงทุนลงแรงกับมันนัก
ผมเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยบ่นในใจ (หรือดังๆ) เวลาสมัครงาน ว่าคุณสมบัติของตัวเองก็เหมาะสมกับตำแหน่งที่สมัครจะตาย แต่ทำไมไม่ถูกเรียกสัมภาษณ์สักที หรือคุณจะมั่นใจว่าด้วยความรู้และประสบการณ์ของคุณ คุณต้องเหมาะกับงานนี้สุดๆ ขอแค่ได้มีโอกาสคุยกับผู้จัดการ รับรองว่าคุณต้องทำให้เขาเห็นได้แน่ว่าคุณเจ๋งสุดๆ และเลือกคุณเข้าทำงาน แต่คุณก็ไม่เคยได้โอกาสนั้นเลย
ถ้าเราลองมองในมุมของผู้คัดเลือก คุณต้องเข้าใจว่า เค้าไม่รู้จักคุณ ไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร มีความสามารถขนาดไหน เคยทำอะไรมาบ้าง ประสบความสำเร็จหรือไม่ (อันนี้พูดในกรณีที่สมัครแบบทั่วๆ ไป ไม่ได้มีการแนะนำใด) แน่นอนว่าการเรียกคุณเข้ามาสัมภาษณ์ หรือทำแบบทดสอบ ย่อมจะทำให้เค้าตัดสินคุณได้ดีขึ้น แต่ก็แน่นอนว่าบริษัทคงไม่สามารถเรียกทุกคนเข้ามาคุยได้ โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ ที่มีชื่อเสียง ที่มีผู้สมัครจำนวนมาก บางที่มีวันละเกือบร้อยฉบับ ดังนั้นสิ่งที่ทุกบริษัททำก็คือการ pre-screen คนออก ซึ่งก็แน่นอนว่าด้วย CV ของคุณนั่นเอง ดังนั้นถ้า CV ของคุณไม่โดดเด่นเตะตาพอที่ HR จะหยิบออกมาจากกอง CV หลายร้อยฉบับ CV ของคุณก็จะไปกองอยู่ในถังขยะและ โอกาสที่คุณจะได้แสดงความสามารถของคุณย่อมเป็นศูนย์
สรุปก็คือ ไม่ว่าคุณจะเจ๋งขนาดไหน ถ้าคุณไม่สามารถแสดงความเจ๋งของคุณออกมาบน 2 หน้ากระดาษ A4 ก็ไม่มีประโยชน์
Chapter 1.1 how to write a good CV
เริ่มจากพื้นฐานกันก่อนนะครับ
คุณสมบัติพื้นฐานของ CV ที่ดีคือ ห้ามยาวเกิน 2 หน้า A4 และควรจะ ชัดเจน อ่านง่าย สบายตา มีข้อมูลครบถ้วน สมบูรณ์ ไม่มีคำที่เขียนผิด และที่สำคัญที่สุดคือน่าสนใจ วิธีเขียนสามารถเขียนได้หลายแบบ แต่แบบที่เป็นที่นิยมก็คือการเขียนตามลำดับเวลาจากล่าสุดไปเก่าสุด แบ่งแต่ละหัวข้อให้ชัดเจน หัวข้อและข้อมูลที่ควรมีใน CV อาจจะแตกต่างกันตามแต่ละสายงาน หรือแต่ละประเทศ แต่หลักๆ ก็มีดังต่อไปนี้
Personal Detail ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ อีเมล (เพศ อายุ สถานภาพ สัญชาติ รูปถ่าย) ในวงเล็บคือแล้วแต่ประเทศ บางที่ก็ไม่ควรใส่Summary หรือ Objective คือการสรุปคุณสมบัติและความต้องการทั้งหมดของคุณภายใน 2-3 บรรทัด อันนี้สำคัญมากและยากที่สุด ของผมเองสองบรรทัด แก้อยู่ 3-4 วันกว่าจะพอใจ เดี๋ยวผมจะพูดถึงตรงนี้อีกทีWork Experience ประสบการณ์ทำงาน เขียนให้ชัดเจน start date, end date, employer, position และงานที่คุณทำ ตรงนี้ก็สำคัญมาก ซึ่งผมจะอธิบายเพิ่มเติมพร้อมตัวอย่างต่อไปEducational Qualification การศึกษา start date, end date, institute, country, degree, major, minor (GPA, Major subjects covered)Training การฝึกอบรมพิเศษต่างๆ date, name, institute, certifications (brief explanation)Additional Information ข้อมูลเพิ่มเติมLanguages ภาษาต่างๆ พร้อมระดับAwards and Recognitions หรือ Major Successes รวบรวม highlight ต่างๆ ของคุณไว้เช่น ชนะเลิศการแข่งขัน เกียรตินิยม ได้รับทุนการศึกษา ฯลฯPublications ถ้ามีComputer and Other Skills Hard skills ต่างๆ Microsoft Offices, specific knowledge or applicationPersonal Skills Soft skills ต่างๆ เลือกที่คุณคิดว่าเด่นที่สุด แต่ห้ามเกิน 5 ข้อVoluntary Works งานเพื่อการกุศลต่างๆActivities กิจกรรมต่างๆ แข่งกีฬา ออกค่าย เป็นพิธีกร (ข้อนี้อาจจะรวมกับ ข้อก่อนหน้าก็ได้)Personal Interests ความสนใจต่างๆ กีฬา ดนตรี อ่านหนังสือ ปีนเขา อะไรก็ว่าไป
ข้อสำคัญที่ห้ามลืมคือสิ่งที่คุณใส่ใน CV ต้องเป็น Facts เท่านั้น พวก Opinion ต่างๆ เอาไว้ไปใส่ใน Cover Letter
ใส่ข้อมูลทั้งหมดให้เรียบร้อย จัด format ต่างๆ ตรวจทานการใช้และการสะกดคำ อ๋อสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการใช้คำขึ้นต้นสำหรับ bullet point ต้องเป็นไปในรูปแบบเดียวกัน คือถ้าคุณขึ้นด้วย verb past tense ก็ใช้ให้ตลอดหรือขึ้นด้วย Adj ก็ใช้ให้ตลอด เสร็จแล้วคุณก็จะได้ CV ที่ ดี มาหนึ่งฉบับ แต่ยังก่อนครับอันนี้พึ่งขึ้นตอนแรก เดี๋ยวเรายังต้องเปลี่ยนเจ้า CV ดีๆ ฉบับนี้ให้กลายเป็น CV ที่ยอดเยี่ยมกันต่อ