ความคิดเห็นที่ 1 ตามนี้ จากคุณ : บทกวีแห่งรัก เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 22:28:21

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณมากค่ะ คุณบทกวีแห่งรัก ขอให้มีความสุขกะงานและทุกสิ่ง เราจะอดทนให้เยอะที่สุดเพื่อ 3 เดือนค่ะ 555 จากคุณ : office girl เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 22:34:06 A:124.122.118.17 X: TicketID:123625

ความคิดเห็นที่ 3 ทำไมไม่ทำให้เค้ารู้สึกว่าเราสำคัญกับออฟฟิศแล้วต้องการเราไว้ล่ะครับ ทำไม่คิดว่าทนให้เค้าให้เราออกดีกว่า?? แล้วถ้าเค้าปล่อยคุณไปเรื่อยๆ แล้วเกิดคุณได้งานใหม่ล่ะครับ ?? จากคุณ : HOWL เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 22:45:47

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้างานที่มีสัญญาที่แน่นอนนี่ก็ไม่นับเข้าข่ายถูกไหมครับ? แต่ถ้าสัญญาหมด แล้วไม่มีการยื่นสัญญาฉบับใหม่ให้เซนต์ แต่ได้ทำงานต่อ และรับเงินเดือนทุกเดือน ถือว่าเข้าข่ายไหม? จากคุณ : น้ำเต้าหู้กะปาท่องโก๋ เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 22:54:18

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณที่ถามค่ะ พูดแล้วน้ำตารื่นนะค่ะ เราทำทุกอย่างเพื่อบริษัทนะค่ะ ตั้งแต่ไปหา ลูกค้าด้วยทุนส่วนตัว ไม่เคยเบิก ถึงเบิกก็น้อยมากไม่เกิน100 บาท นานๆทีเบิกที หรือว่าเราหาลูกค้าใหม่ได้เราก็ตามงาน+ตามเงิน จนลูกค้าจ่ายเงินเพราะลูกค้าใหม่เราไม่ค่อยไว้ใจ เราพูดตรงๆเราก็ตามเต็มที่จนแผนกบัญชีแทบจะไม่ต้องตามไร นายมองว่า"เราทำเกินหน้าที่ นี่มันงานบัญชีเพราะเหตุนี้รึเปล่าเราเลยกลับบ้านดึกทุกวัน" แต่สำหรับเรา2ทุ่มไม่ดึกนะ เราเคยทำหนักกว่านี้2ทุ่มสำหรับเราถือว่าธรรมดามาก แต่เค้าคงมองว่าเราทำอะไรหนักหนา 2ทุ่มเกือบทุกวัน เค้าไม่เคยมามองดูงานในโปรแกรมหรอกว่าเราทำงานเยอะแค่ไหน(บริษัทเรามันมีโปรแกรมงานอ่ะค่ะ ที่เวลาเปิดจ็อบจะต้องเข้าไปคีย์ เค้าสามารถเข้าไปดูภาพรวมได้ค่ะ ว่าใครทำไร เยอะแค่ไหน) เค้าดูปริมาณงานเยอะไม่เยอะของลูกน้องแต่ละคนจากปริมาณการซีซีเมลล์ ไม่รู้นะเราไม่ค่อยจะซีซีเมลล์เจ้านายถ้าไม่จำเป็น เรามองว่าเราแก้ไขได้ หรือว่าเรื่องเล็กน้อยก็ไม่ เราซีซีเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ เค้าไม่ชอบเราเพราะเราพูดไม่เคยเข้าหูเค้า+อคติที่เค้ามีต่อเรา คุณเคยได้ยินมั้ยค่ะ คนไม่ชอบทำไงก็ไม่ชอบหรอกค่ะ เราไม่ได้อยากออกหรอกนะ เรารักที่นี่จะตายไป เพื่อนก็ดี สวัสดิการก็ดี แต่นายมากดดันแบบนี้ทุกวันก็ไม่ไหวอ่ะ งานเราโดยnatureมันเครียดมากอยู่แล้ว มาเจออะไรแบบนี้อีก เราไม่ไหวจริงๆค่ะ ขอโทษที่อาจทำให้ผิดหวังนะคะกะความคิดเรา แต่เราไม่ไหวแล้วล่ะ ขอไปดีกว่า จากคุณ : office girl เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 23:03:17 A:124.122.118.17 X: TicketID:123625

ความคิดเห็นที่ 6 ลองปรับตัวตามคำแนะนำของเจ้านายดีกว่าค่ะ คิดว่าเจ้านายเห็นความดีของคุณนะ เค้าถึงได้เตือนให้คุณ work smart เฉพาะส่วนงานของคุณ อย่าไปwork hardงานส่วนของคนอืน    คุณจะได้มีเวลาส่วนตัวหลังเลิกงานบ้าง ส่วนเรื่องเบิกค่าใช่จ่ายก็เบิกไปตามสิทธินะคะ จากคุณ : omyimp เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 00:04:45

ความคิดเห็นที่ 7 #5 คุณเจอปัญหาแบบเดียวกับที่คนจำนวนมากเจอเลย ปัญหานายไม่เชื่อใจจากการที่เราไม่รายงาน ลองปรับตรงจุดนี้ดูนิดนึงก็ดีครับ การที่คุณอยู่ทำโอทีทุกวัน แต่ไม่มีรายงานให้เค้าเห็นว่าคุณทำอะไร อาจจะเป็นเหตุให้เค้ามองว่าคุณจงใจอยู่ดึกเอาโอทีก็ได้ครับ จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 01:48:41

ความคิดเห็นที่ 8 ปกติเขามีการประเมินหรือเปล่า หลักๆการประเมินก็ 3 เรื่องที่สำคัญ 1.ปริมาณงาน 2.เวลาการปฏิบัติ 3.คุณภาพงาน ถ้าประเมินตามนี้ และผลออกมาระดับดี (ซึ่ง จขกท. สามารถประเมินตัวเองได้นะ) จขกท.ลองมาสัมภาษณ์งานกับผมก็ได้ครับ ผมกำลังอยากได้คนที่เน้นสร้างผลงาน non@workwest.co.th ติดต่อมาครับ Ps. ถ้าอยู่แถวๆห้วยขวาง ลาดพร้าวนี้นะ จากคุณ : MiNiJung เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 02:51:36

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้า จขกท. ทำงานกับผม ผมก้จะทำกับ จขกท.แบบเดียวกับที่เจ้านายของ จขกท.ทำ คำว่าปริมาณงานที่ทำได้ มันต้องแปรผลตามเวลาที่ทำ จขกท.ทำงานจนเลยเวลาทุกวัน แล้วจะมาอ้างว่า ทำงานได้มากกว่าคนอื่นได้อย่างไร ผมมองว่ากลุ่มคนพวกนี้ ไม่น่าเอามาทำงานด้วย แม้จะขยันแม้จะทุ่มเท แต่ขาดวิสัยทัศน์ที่จะมองในภาพรวม การทำงานองค์กรนั้น ระบบถูกจัดไว้ให้งานออกมาในรูปของทีม ทุกอย่างต้องเชื่อมโยงสัมพันธ์กันอย่างพอเหมาะพอดี เหมือนกับการบรรเลงดนตรีทั้งวง ถ้านักดนตรีคนใดคนหนึ่ง ที่เล่นเก่งที่สุดในวง เล่นไปตามความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ไม่มีหนักเบาตามอารมณ์เพลง ไม่ผ่อนตามสภาพความสามารถของวง เพื่อให้กลมกลืนกัน วงดนตรีวงนี้ก็ไม่น่าฟัง แม้คนจะรู้ว่า มีนักแซกโซโฟนที่เก่งที่สุดอยู่ในวงก็ตาม การทำงานในบริษัทก็เช่นเดียวกัน คนที่คิดว่าเก่ง ทุ่มเท ทำงานหามรุ่งหามค่ำอยู่คนเดียว เมื่อมองในภาพรวมขององค์กรแล้ว ไม่ได้เกิดผลดีของการบริหารจัดการเลย อย่างน้อยบรรยากาศของทีมสปิริตไม่เกิด เพราะขาดเพื่อน ขาดความรักความผูกพัน ในที่สุดเมื่อบรรยากาศของทีมเป็นอย่างนี้ มันขาดพลัง คนหนึ่งคนทำงานให้บริษัทแบบทุ่มเท วันละ10 ชั่วโมง ได้งานมากกว่าในขณะที่คนอื่นทำ7 ชั่วโมง กับ คนทุกคนทำงานเท่าๆกัน 7 ชั่วโมง งานสอดรับกัน ไปพร้อมๆกัน ผู้บริหารชอบงานแบบหลังมากกว่า สิ่งที่ จขกท.ทำ มันใช้ได้สำหรับ เฒ่าแก่รุ่นเก่า 40-50ปีที่แล้ว คนพวกนั้นตกยุคไปหมดแล้ว ใครกลับบ้านช้าที่สุด พวกเขามองว่า ดีที่สุด ขยันที่สุดน่าส่งเสริมที่สุด เพราะพวกเขาไม่มีองค์ความรู้เรื่องKPI พวกเขาไม่ได้เรียนสูงพอที่จะรู้ว่า งานวิจัยทุกงานที่ออกมานั้น ต้องกำหนดปริมาณงานที่พอดีกับเวลาทำงานเต็ม 60% และต้องบริหารให้ทีม ทำงานโดยใช้เวลาน้อยที่สุด จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด การบริหารงานนั้น ผู้บริหารต้องการที่สุดคือ สถานะขององค์กรเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่า รับผิดชอบงานแล้ว อะไรที่คิดว่าไม่สำคัญก้ไม่ CC ให้นายรู้ จขกท.เป็นใคร เป็นนายจ้างหรือถึงกล้าตัดสินใจได้เองว่า อะไรสำคัญอะไรไม่สำคัญ การที่ออกไปหาลูกค้าแล้วจ่ายเอง  มันสร้างคุณค่าอะไรให้องค์กรหรือ เดือนหนึ่งจ่ายไปเท่าไร สมมุติว่า 10000 บาท จขกท.คิดว่า ผู้บริหารที่ดีเขาพึงพอใจที่รู้ว่า ลูกจ้างใช้เงินส่วนตัวช่วยบริษัท ออกไปหาลูกค้าอย่างนั้นหรือ ที่เขียนมาทั้งหมดเพื่อจะบอกว่า เปลี่ยนแปลงวิธีคิดเถอะครับ ไม่มีนักบริหารคนใหนชอบ ต่อการกระทำที่ จขกท.ทำมาครับ มันเป็นการกระทำที่คนจะมีโอกาสขึ้นเป็นผู้บริหารเขาไม่ทำกัน จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 07:48:07

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเห็นตรงข้ามกับคุณพี ครับ ผมอยากได้พนักงานแบบ จขกท. จะตาย ยิ่งถ้าเป็นเซลส์ ยิ่งอยากได้ครับ จริงอยู่การทำงานเป็นทีมนั้นสำคัญครับ แต่ว่า ถ้าหากว่าเป็นทีมที่เอาแต่กอดคอกันตายเนี่ย ผมว่ามันก็ไม่สนุกเท่าไหร่ล่ะครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบพนักงานแบบ จขกท. นะครับ ขยัน ทุ่มเทให้กับงาน มีผลงานออกมาเด่นชัด เรื่องการกลับบ้านช้า หรือ เ็ร็วนั้น ผมว่ามันไม่เกี่ยวเท่าไหร่หรอกครับ ถ้าหากว่า การที่คุณกลับช้า เ็ป็นการอยู่เพื่อทำงานมันก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ แต่ถ้าอยู่เพื่อนั่งเล่น ทำโน่นทำนี่ที่ไม่เกี่ยวกับงาน มันก็แย่แหละครับ จากคุณ : chang_kung เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 08:54:40

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าปัญหาอยู่ที่วิธีการแสดงผลงานครับ คุณจะทำงานมากน้อยขนาดไหนก็ต้องแสดงลงานครับ ถ้าเจ้านายคุณเลือกอ่าน cc เมล คุณก็ cc เจ้านายทุกครั้งที่ส่งเมลครับ ถ้ากลัวไม่โปร ก็ BCC ก็ได้ไม่ให้คนอื่นรุ้ว่าคุณส่งให้เจ้านายด้วย แต่อย่างน้อยถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เจ้านายคุณก็จะรับรู้เรื่องพร้อม ๆ กับคุณ บางทีวิธีแก้ปัญหาที่คุณคิดว่าดี เจ้านายอาจจะทำได้ดีกว่าคุณก็ได้ครับ สำหรับองค์กรไม่มีเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ครับ มันต้องรู้ทุกเรื่องสำหรับคนเป็นผู้บริหาร จากคุณ : et009 เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 09:10:20

ความคิดเห็นที่ 12 ชอบคำเปรียบเปรยของท่านพีครับ ที่กล่าวว่าการทำงานร่วมกันเหมือนกันกับการเลิ่นดนตรี ที่ต้องมีทั้งหนักและเบาในวง เปรียบได้กับการทำงานเป็นทีม ที่ต้องไม่มีใครแสดงบทบาทเองจนหนักอยู่คนเดียว เปรียบเทียบเช่นนี้มองได้เห็นภาพอย่างชัดเจนครับ ส่วนตัวแล้วสนับสนุนความเห็นของคุณพี ที่การทำงานควรทำงานเป็นทีม และควรที่จะประสานงานกับคนที่เกี่ยวข้องหรือหัวหน้าให้เขาทราบสถานการณ์ของงานปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ แต่สมัยที่ยังเคยเป็นวัยรุ่นอยู่นั้น ก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำเข่นเดียวกับเจ้าของกระทู้ อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เคยทำงาน 22 วันติดต่อกัน นอนที่อ๊อฟฟิต ไม่กลับบ้าน ของสำนักงานอะไรขาดเหลือที่ซื้อไม่ได้ตามระบบบัญชี ผมออกเงินเองทั้งหมด เรียกว่า สิ่งที่บริษัทมีให้กับผมมีเพียง โต๊ะทำงานตัวเดียว เพราะแม้แต่เก้าอี้ หรือคอมพิวเตอร์ ผมยกมาเองจากบ้านทั้งหมด ณ ตอนนั้นบอกได้คำเดียวว่าทำงานแบบบ้าพลัง แต่สุดท้ายถึงแม้ผลการประเมินจะอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี แต่ก็ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีออกมาเหมือนกัน และเมื่อบริษัทเห็นว่าเราทำได้ งานต่างๆก็จะหลั่งไหลเข้ามาจนเกินจะรับมือ มาตอนนี้ ผ่านช่วงนั้นมา สิบกว่าปี ย้อนกลับไปมองตัวเองสมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ เข้าใจคำที่คุณพีพูดว่า คนแบบนั้น ตายหรือตกยุคกันไปหมดแล้ว เพราะตอนนี้เป็นช่วงของการทำงานด้วยสมอง ไม่ใช่แรง ทุกวันนี้ผมทำงานในส่วนบริหาร กลับบ้านตามเวลาเลิกงาน และสนับสนุนให้ลูกน้องในองค์กรกลับเร็วเช่นเดียวกัน ทำงานให้เหมาะสม และกลับไปพักผ่อนให้เหมาะสม ผมเชื่อว่าเป็นแนวทางการใช้ชีวิตและการทำงานที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากที่สุด ดังคำกล่าวที่ว่า จะทำงานแบบ Work Hard หรือ Work Smart ครับ จากคุณ : Chalk_HR เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 09:20:52

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ เราต้องบอกก่อนว่าเราเองเป็นคนที่ให้เวลากะหลังเลิกงานมากถึงมากที่สุดเพราะเราติดการไปฟิตเนส สาเหตุที่ออกจากที่ทำงานเก่าก็เพราะปริมาณงานที่มากเกินไป ทำอย่างไร จัดการอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้เสร็จภายใน8-10 ชั่วโมงได้ เนื่องจากคนไม่พอกะปริมาณงานที่เข้ามา บอกนายไป นายก็ช่วยอะไรไม่ได้เมื่อนายใหญ่ไม่อนุมัติให้คนมาเพิ่ม...เราเลยออก พอมาที่นี่เราก็ทำแบบเดิมจัดการที่ด่วนเราว่าเราจัดการระบบตัวเองได้ดีนะค่ะ อ้อบริษัทเราไม่มีโอทีค่ะ เราอยู่ดึกเนื่องจากปริมาณงานอีกแล้ว มันเป็นแบบนี้ทุกต้นเดือนซึ่งเรารับได้ที่จะอยู่ถึง2 ทุ่มและแค่ช่วงต้นเดือนเท่านั้นซึ่งเราจะเครียร์เฉพาะที่ด่วนไม่ด่วนเราเอาไว้ทำวันถัดไป อย่างที่บอกถ้าเค้าดูปริมาณงานกันจริงๆเค้าสามารถเข้าไปเช็คจากโปรแกรมค่ะว่า เราเปิดจ็อบไปแล้วเท่าไร่อาจจะเยอะกว่าเซลล์บางคนด้วยซ้ำไป อ้อลืมบอกเราไม่ใช่เซลล์ค่ะ เราเป็นซีเอสค่ะ เราว่ามันไม่ถูกที่จะมาดูปริมาณการซีซีเมลล์อย่างเดียว ไม่งั้นเค้าจะสร้างโปรแกรมนี้ขึ้นมาทำไมค่ะ ขนาดเรายังเข้าไปดูของคนอื่นได้เลยว่าทำงานไปกี่จ็อบแล้ว วัดกันตรงนี้ไม่ดีก่าหรอ เราเองไม่ใช่เด็กจบใหม่ล่ะ ที่จะต้องมาซีซีทุกเรื่อง แต่เราน้อมรับว่าต่อไปเราจะซีซีมากขึ้นตามที่ด้านบนบอกว่า เราไม่ใช่เจ้านายที่จะตัดสินว่าเรื่องใดสำคัญไม่สำคัญ ขอบคุณอีกทีค่ะ จากคุณ : office girl เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 09:49:10 A:203.155.216.114 X: TicketID:123625

ความคิดเห็นที่ 14 เหมือนประเด็นของกระทู้นี้จะไม่ได้อยู่ที่การ cc เนาะ แต่ก็จบด้วยประเด็น cc = = หรือผมหลงประเด็นซะแล้วT^T จากคุณ : pacozaa เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 10:03:46

ความคิดเห็นที่ 15 #14 หัวใจของเรื่องคือ การทำให้คนที่ตั้งใจและทุ่มเททำงานคนหนึ่ง ทำงานร่วมกับนายจ้างได้ต่อไป อย่างรู้และเข้าใจ เพราะการชดเชยตามกฏหมายที่ถามมาหรือออกไปหางานใหม่ ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีของ ชีวิต จขกท. ครับ จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 11:39:02

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณคุณพี อีกทีค่ะ เราคิดดีแล้วล่ะ เรากำลังหางานใหม่เราไม่สามารถทนจนเค้าไล่ออกได้ เราเหนื่อยเหลือเกิน วันนี้อีกแล้วเรียกเรากะน้องจูเนียร์ไปด่า เราผิดเพราะว่าเราเป็นซีเนียร์ น้องจูเนียร์ไม่ผิดเลยทั้งๆที่เป็นคนคุยกะลูกค้า เราผิดที่ไม่ได้อ่านเมลล์เค้าทั้งๆที่เค้าซีซีเอาไว้ เราจะแก้ตัวยังไงก็คงฟังไม่ขึ้นอยู่ดีว่าเราอ่านเมลล์ไม่ทันแล้วไหนจะงานเอกสารอีก ปัญหาเฉพาะหน้าจากโทรศัพท์ระหว่างวันอีก มันเหมือนเราทำอะไรก็ผิดไปหมดในสายตาเค้า น้องคนนั้นเล่นเอ็มฯแล้วเค้ามาเห็นเค้ากลับหัวเราะชอบใจขำๆ แต่กะเราทำหน้าเครียด วันรุ่งขึ้นเอ็มฯที่เครื่องโดน บล็อคทันที เราไม่รู้เค้าต้องการอะไร ต้องการให้เราเป็นหัวหน้าน้องแทนเค้า เค้าจะได้ไปทำอย่างอื่นที่เยอะกว่านี้รึเปล่า แล้วจะดีกว่ามั้ยถ้าเค้าจะคุยกะเราตรงๆว่าต้องการอะไร ทำไมต้องมาทำแบบนี้ เราคิดในแง่ดีว่าเค้าทดสอบความอดทนและวุฒิภาวะเรามาตลอด แต่มาวันนี้คิดว่าคงไม่ใช่แล้วล่ะค่ะ จากคุณ : office girl เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 23:13:05 A:124.120.112.118 X: TicketID:123625

ความคิดเห็นที่ 17 งั้น ก็ขอ ให้ จขกท โชคดีครับ บางทีถ้าเราทำงานแล้วไม่โดนใจหัวหน้า และเราก็มั่นใจว่าเราเจ๋งจริงก็หาเส้นทางใหม่ที่เหมาะกับเราดีกว่าครับ จากคุณ : et009 เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 10:19:25