ความคิดเห็นที่ 1 ผมเคยคุยสนุกๆกับเพื่อน "อ๊อด นายเงินเดือนตอนนี้เท่าไหร่" "24000 บ. รวมโอทีก็สามหมื่นนิดๆ" เพื่อนที่รักตอบ " "ถ้าเฉลี่ยเป็นวันก็ตกวันละ 1000บ. นายสนใจลาออกมาทำงานกับเราไหม" "ก็อยากลาออกอยู่ ทำงานโคตรหนักเลย บางสัปดาห์ไม่ได้หยุดเสาร์-อาทิตย์ด้วยซ้ำ ตื่นเช้า เลิกก็ค่ำ ว่าแต่นายจะให้เงินเดือนเท่าไหร่" เพื่อนผมถาม "3 แสนต่อเดือน" "ได้ เดี๋ยวลาออกพรุ่งนี้มาสมัครเลย ว่าแต่เป็นงานอะไร" "งานชิมเบียร์" "ดีเลยเราชอบดื่มเบียร์ แล้วต้องทำอะไรบ้าง" "นายต้องดื่มเบียร์วันละ 2 ลัง (24 ขวด) ทุกวัน หมุนเวียนเปลี่ยนยี่ห้อไปเรื่อยๆจนกว่าเราจะจบโปรเจ็ค 15 ปี" "ไม่เอาแล้ว ๆๆๆๆ อายุสั้นพอดี ให้เงินเดือนมากกว่านี้ก็ไม่เอา ไม่อยากตายไว" "555 นายจะกังวลอะไร ได้เงินเดือนเยอะกว่าที่เดิมตั้ง 10 เท่าเลยนะ" "แต่ถ้าอายุสั้นก็ไม่คุ้มสิ นายอย่าลืมนะว่าเวลาในชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มีเงินแต่ไม่มีเวลาก็ไม่มีประโยชน์" เพื่อนผม พูดได้คมคายเหลือเกิน "เวลา...... นายว่าเวลาสำหรับนาย มันสำคัญจริงหรือ ?" ผมถามย้ำ "สำคัญสิ มีเงินเยอะแค่ไหนแต่ไม่มีเวลาก็เท่านั้น นอกจากจะไม่มีเวลาใช้เงิน เผลอๆอาจจะตายเร็วเพราะทำงานหนักอีก" . . . . "ถ้าเวลามันสำคัญขนาดนั้น ทำไมนายเอาเวลาทั้งชีวิตของนายไปให้เขาเช่าวันละ 1000 บ. ละ ?? " . . . . ----------------------------------------------------------------------------- การเป็นพนักงานที่รับเงินเดือน หลายๆท่านจะพึงพอใจกับงานที่ท่านทำและรายได้ที่ท่านได้รับ แต่การทำงานประจำเป็นลักษณะงานที่ลูกจ้างไม่มีวันรวย เหมือนการไปปลูกต้นกล้วยบนที่ดินของคนอื่น ไม่ว่าท่านจะปลูกเก่งแค่ไหน ต้นกล้วยจะโตขึ้นและสวย สามารถออกดอกออกผลได้มากเท่าไหร่ สิ่งที่ท่านได้ก็เพียงผลกล้วย อีกจะหวีสองหวีกลับไปกินบ้างเล็กๆน้อยๆ จากการที่เจ้าของตัวจริงเขาแบ่งให้ท่าน เป็นค่าตอบแทนที่ท่านช่วยทำงานให้เขาสำเร็จ.. สุดท้ายต้นกล้วยต้นนั้น เราก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ วันที่เราไม่อยู่ด้วยสาเหตใดๆก็ตาม หรือถูกไล่ออกไม่ให้ดูแลต้นกล้วยต้นนั้น เจ้าของต้นกล้วยก็คงวุ่นวายกับการหาคนมาปลูกแทนเราเพียง 1-2 วันเท่านั้น แต่เป็นเราที่ลำบากต้องหาที่ทำงานใหม่ เพราะมนุษย์เงินเดือนที่มีชีวิตผูกไว้กับเงินเดือนเป็นรายได้ทางเดียวจะสามารถล้มละลายและหมดตัวได้ง่ายๆถ้าไม่มีเงินเดือนมาหล่อเลี้ยงชีวิตภายใน 3 เดือน ไหนจะค่ากิน ค่าอยู่ ค่าผ่อนต่างๆที่เราสร้างหนี้สินไว้ . . . เราทำงานประจำมานาน....ใครมั่นคงครับ ? เจ้าของบริษัทหรือเราที่มั่นคง ? . . . ............................................................................................................. "อนาคต นายจะเอายังไง" ผมถามเพื่อนสนิทผมที่เป็นมนุษย์เงินเดือน "ถ้าเราอยู่ที่นี่แล้วไม่ได้ up ตำแหน่งก็คงต้องย้ายบริษัท" "แล้วตำแหน่งที่นายอยาก up ขึ้นไป เขารับกี่ตำแหน่ง" "น้อยวะ ระดับหัวหน้าก็อาจจะแค่ 8 คน" " 8 คนนี้ช้เวลานานแค่ไหนถึงเขาจะมายืนในตำแหน่งหัวหน้า ?" "เกิน 7 ปี บางคน10 ปีแล้วยังไม่ได้เป็นก็มี" .................................................................................. หลายๆท่านมีความหวังจะได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น เงินเดือนที่มากขึ้น ทุกคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ต่างก็หวังในสิ่งนี้เหมือนๆกัน ใครๆก็หวังที่จะมีเงินเดือนมากขึ้นจากการเพียรพยายามทำงานให้บริษัทของเขา แต่ในความเป็นจริง ตำแหน่งที่สูงขึ้นไป นั้นมีจำกัด ต่อให้คุณสมับติเราพร้อมแต่ถ้า ณ เวลาดังกล่าวตำแหน่งนั้นไม่ว่างก็ไม่ได้แปลว่าจะสามารถไปแทรกกันได้ง่ายๆ โครงสร้างขององค์กรต่างๆ จึงเป็นพีระมิด CEO มีคนเดียว หัวหน้าต่างๆก็มีจำนวนหลัก 10 หัวหน้าแผนกย่อมๆก็ 10-50 คน พนักงานกระจุ๊บกระจิบมีเป็น100-1000 คน ------------------------------------------------------------------------------------- ผมชอบคำพูดประโยคหนึ่งมากๆ เขาว่า "หมอดูที่ดีที่สุดคือรุ่นพี่เรา" ถ้าท่านอยากรู้ชีวิตของท่านในอนาคต จงดูที่รุ่นพี่ของท่าน ถ้าท่านๆที่ทำงานประจำ อยากมองเห็นอนาคตอีก 5 ปีว่าชีวิตที่ทำงานท่านจะเป้นอย่างไรให้ท่านลองดูในอ๊อฟฟิต หรือที่ทำงานของท่าน แล้วมองไปดูที่คนที่ทำงานมาก่อนท่าน 5 ปี ว่าเขายังเป็นพนักงานระดับล่าง หรือไปเป็นผู้บริหารแล้ว ดูคนที่เขาทำงานมา 10 ปี ว่าเขามีรายได้และมีเวลาในชีวิตมากขึ้นหรือเปล่า ดูคนที่เขาทำงานมา 20 ปี ว่าเป้นชีวิตที่เท่าอยากได้จริงๆหรือไม่ สิ่งเหล่านั้นกำลังจะเกิดขึ้นกับท่าน เฉกเช่นเดียวกันถ้าท่านเดินตามรอยในที่ทำงานแบบนั้น --------------------------------------------------------------------------------------- ชีวิตของมนุษย์เงินเดือนจึงถูกลิขิตไว้กับงานที่เขาทำ เขาจะสามารถใช้จ่ายได้เพียงเท่ากับรายรับที่บริษัทแบ่งมา จะมีเวลาว่างตราบที่งานการยอมให้หยุดบ้างบางครั้ง ยอมให้เราได้เงินเดือนมากขึ้นและมีตำแหน่งที่มากขึ้น ถ้าเราทำงานได้คุ้มกับการทำให้บริษัทเขามั่นคงมากยิ่งขึ้น ---------------------------------------------------------------------------------------- ความมั่นคงจริงๆ ขึ้นอยู่กับว่าเรามีแหล่งที่มาของรายได้ที่มั่นคงจริงๆหรือเปล่า ซึ่งในมุมมองของผมการมีเงินเดือนเป็นสิ่งที่ดี...แต่ท่านต้องทนทำไปอีกนานแค่ไหน ?? หลายๆท่านที่คิดได้ ผมสังเกตท่านเหล่านี้จะหาทางเลือกในชีวิตไว้เสมอๆ หลายๆท่านทำมาค้าขายควบคู่กับการทำงานประจำ เช่น ขายของในเน็ต บางท่านก็ฝึกฝนที่จะเริ่มเป็นนักลงทุน เล่นหุ้น เล่นทอง เล่นที่ บางท่านก็ลงทุนในธุรกิจเครือข่าย จนมีเงินค่าคอมมิชั่นมากกว่าเงินเดือนประจำก้มีให้เห็นเยอะ (ไม่ได้ตั้งใจจะโฆษณาให้ใครครับ เพียงแต่เอาข้อเท็จจริงมาเล่า) บางท่านก็พยายามฝึกเรียนวิชาชีพเฉพาะด้าน เพื่ออนาคตจะได้มีกิจการเป็นของตัวเอง เช่น ซ่อมคอมฯ ทำอาหาร สอนพิเศษ แต่หลายๆท่านที่ทำงานประจำไม่ได้คิดถึงส่วนนี้ เขาเอาเวลาไปดูซีรี่ย์ ไปเที่ยว เอาเวลาไปเผาทิ้งหรือ "ฆ่าเวลา" ชีวิตเราไม่มีใครเหมือนกัน แต่เราสามารถเลือกได้ว่าอยากจะมีมั่นคงจริงๆหรือไม่ แต่การทำงานประจำกินเงินเดือนไปเรื่อยๆอย่างเดียว คงเป็นอะไรที่เสี่ยงมากที่สุดและหาความมั่นคงที่แท้จริงยาก ** แก้ไข เพิ่มเติมที่บางกระทู้พาดพิงมานิดนึงครับ. แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 55 22:37:14 จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 12:00:02

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนเก่าๆเผื่อบางท่านอาจจะอยากลองศึกษา ปัญหาหลักของมนุษย์เงินเดือน ตอนที่ 1 : ลืมวางเป้าหมายชีวิต  http://topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2012/03/B11844022/B11844022.html ปัญหาหลักของมนุษย์เงินเดือน ตอนที่ 2 : ความกลัวในใจ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B12098300/B12098300.html จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 12:05:11

ความคิดเห็นที่ 3 คุณเคนนี่จี ต้องการอะไรค่ะ เห็นว่างานประจำจังเลยค่ะ หรือกำลังจะโปรโมทการขายตรงที่ได้ผลมากกว่า เป็นนายตัวเองประมาณนั้นรึเปล่า เหมือนที่น้องที่รู้จักกันใช้เรื่องนี้มาหยั่งเชิง กลยุทธ์การคุยเหมือนคุณเปี๊ยบเลยค่ะ ไม่มีข้อดีของการทำงานบริษัทเลยสักนิด จากคุณ : อยากรู้ต้องการอะไร เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 14:14:16 A:124.120.157.129 X: TicketID:123625

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาให้กำลังใจ ชอบครับ ติดตามผลงานครับ ^ ^ จากคุณ : krai500 เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 14:31:04

ความคิดเห็นที่ 5   รบกวนงดดราม่าในกระทู้ดี ๆ นะคะ มาให้กำลังใจ จขกท. เขียนต่อไป เราตามอ่าน เพราะเราก็เป็นคนหนึ่งที่มีความคิดเห็น เหมือนคุณ จขกท. และกำลังจะหลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ในเร็ววันนี้ รอติดตามอ่านอยู่ค่ะ จากคุณ : MorningGirl เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 15:13:34

ความคิดเห็นที่ 6 เราตามอ่านอยู่นะคะ ยอมรับว่าเราก็แอบสงสัยนิดๆว่าจะมาแนะนำให้ไปขายตรงอะไรอย่างนี้หรือเปล่า แต่เราภูมิต้านทานงานขายตรงสูง เลยไม่กลัวเท่าไหร่^^ เราชอบเนื้อหากระทู้นะคะ อ่านแล้วย้อนดูตัวก็ทำให้คิดอะไรได้หลายๆอย่าง เราไม่ได้เกลียดการทำงานบริษัท แต่บังเอิญเนื้อหามันตรงกับความจริงและเราก็ได้มองหาทางเลือกอื่นๆในชีวิตไว้แล้ว เพียงแต่เรายังไม่ค่อยทุ่มเทเท่าที่ควร พอได้อ่านกระทู้นี้ก็รู้สึกฮึด ขึ้นมาทันทีเลยค่ะ จากคุณ : XODA เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 15:29:49

ความคิดเห็นที่ 7 เคยคิดอยู่เหมือนกัน วันอาทิตย์ไปห้างฯ อยากลงทุนทองคำกับธนาคาร พนักงานแจ้้งว่าต้องมาติดต่อวันธรรมดา วันทำงาน หรือจะโทรไปติดต่อเองแล้วมาติดต่อธนาคารอีกที ซึ่งชีวิตลูกจ้างธรรมดาคนนึง จะขอแว้ปมาธนาคารวันธรรมดา ที่ไม่รู้ว่า ต้องใช้เวลาในการทำธุรกรรมเท่าไหร่ เลย พอ ทำอะไรไม่ได้ก็ดูหนังฟังเพลงไป จากคุณ : Mbit เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 19:25:58

ความคิดเห็นที่ 8 มีแอบแฝงโฆษณาขายตรงไว้นิดหน่อยซะด้วย แต่ถ้าไม่นับเรื่องนั้นถือเป็นข้อคิดที่ดีครับ จากคุณ : Aukub เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 19:35:07

ความคิดเห็นที่ 9 ชอบแนวการเขียนจังเลยครับ อาจเป็นเพราะโดนใจผมที่กำลังตัดสินใจเส้นทางชีวิตพอดีก็ได้ ^^ เรื่องใครอยากทำงานประจำหรือไม่ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลนะครับ ออกมาทำธุรกิจเองแล้วเจ๊งไปไม่รอดมีถมไป เพราะฉะนั้นจะออกหรือไม่ออกจากงานประจำก็ขอให้คิดด้วยตัวเอง ไม่ต้องไปโทษว่าใครแนะนำเราถูกหรือผิดก็แล้วกันครับ ส่วนตัวแอบรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่จะเริ่มสานต่อธุรกิจที่บ้านนิดนึงเหมือนกันครับ รู้สึกว่ามันไม่มีเกียรติสักเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับเพื่อนส่วนใหญ่ทำงานบริษัทใหญ่กันหมด ชื่อบริษัทก็เป็นตัวการันตีคุณภาพคนอย่างนึงเหมือนกัน ของเราไปบอกใครว่าทำงานอะไรก็ดูจะไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าไรนัก ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองหวังว่าเส้นทางที่เลือกจะถูกต้องและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ครอบครัวเราในอนาคตเท่านั้นพอครับ จากคุณ : Verde123 เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 21:08:28

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นกำลังใจให้ครับ .. ติดตามอ่านมาตั้งแต่ตอนแรก .. ผมเข้าใจในสิ่งที่ จขกท. นำเสนอนะ .. การเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ใช่ไม่ดี .. แต่การมีรายรับทางเดียว ด้วยการเป็นมนุษย์เงินเดือน มันเป็นความคิดที่ไม่ดีเอามาก ๆ .. แต่ก็ข้อยกเว้นนะ .. ถ้างานที่คุณเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ เป็นงานที่คุณรัก และ รู้สึก อยากตื้นเช้า ๆ มาทำงานทุกวัน .. สุดท้ายแล้ว ความมั่นคงจริง ๆ ก็คือ .. การมีอิสรภาพทางการเงิน และ มีอิสรภาพในการใช้ชีวิต ถ้าถามว่า แล้วจะต้องทำยังไงถึงจะมี อิสรภาพทางการเงิน แล อิสรภาพในการใช้ชีวิต .. คำตอบก็คือ .. เราก็ต้องให้เงินทำงานแทนเรา (ด้วยการลงทุน) .. แทนที่เราจะต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินไปตลอดชีวิต .. เพราะท้ายที่สุดแล้ว .. ต่อให้คุณเป็นมนุษย์เงินเดือน ทำงานหนักจนตาย .. คนที่รวย และ มั่งคั่งจริง ๆ ก็คือ เจ้าของบริษัท .. ไม่ใช่ คุณ และท้ายที่สุดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต .. บริษัท ก็ตอบแทนเราได้แค่ "พวงหรีด" .. ซึ่งมันเทียบไม่ได้เลย กับการที่เราอยู่รับใช้บริษัท และ ทำงานหนักมานานหลายปี จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต .. เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว .. ยังอยากจะเป็น "มนุษย์เงินเดือน"  กันไปตลอดเลยรึป่าวครับ ??? จากคุณ : ห ล่ อ ทุ ก อ ณู รู ขุ ม ข น เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 22:06:53

ความคิดเห็นที่ 11 to คห. 3 ไม่ได้มาโปรโมตขายตรงครับผม เพียงแต่ผมเคยผ่านการเป็นมนุษย์เงินเดือน , เจ้าของกิจการ , เจ้าของธุรกิจ และนักลงทุนมาครับ เห็นหลายๆกระทู้ในนี้จะเป็นปัญหาของพนักงานเงินเดือนเยอะ และส่วนมากก็มักจะเป็นคำถามซ้ำๆเดิมๆ  ก็เลยลองรวบรวมมาตอบเป็นแนวคิดครับ ชอบไม่ชอบไม่ว่ากันครับ มีอีกหลายกระทู้ให้คุณได้เลือกอ่านมากมาย เกี่ยวกับกรณีขายตรงที่คุณพาดพิงและตั้งแง่ผมนั้น ..... พวกขายตรงถ้าลองได้อ่านหนังสือของพ่อรวยสอนลูก เขาถ่ายทอดไว้ใช้ได้เลยครับ ผมมองพวกขายตรงเป็นโรงเรียนสอนธุรกิจ ช่วยให้กลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีทุนจะสามารถทำอย่างอื่นได้มากกว่าเฉพาะงานที่ทำอยู่ ถ้าใครสนใจก็ลองหาอ่านเองได้ครับ แต่ผมคงไม่พูดถึง เพราะผมไม่ได้มาโฆษณาหรือชี้ชวนให้มาขายของอะไร . ส่วนข้อดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือน มันก็มีดีอยู่ครับ ถ้าคุณเป็นอยู่ก็ลองคิดดูเองว่ามีดีอะไร ทำไมถึงยังทำ  เพียงแต่การเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างเดียวมันไม่ค่อยมีอนาคตก็เท่านั้นเอง คนที่มีอนาคตหรือมีรายได้หลักแสนมีน้อยมากๆเมื่อเทียบกับจำนวนมนุษย์เงินเดือนทั้งหมด  อย่างที่ผมกล่าวมา . แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 55 22:33:48 จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 22:25:11

ความคิดเห็นที่ 12  รู้สึกคนจะกลัวกระแสขายตรงกันเยอะเหลือเกิน ถ้าคนตามอ่านกระทู้คุณ kennyG ตลอด จะรู้ว่าต้องการ สื่อถึงอะไร จขกท. อย่าซีเรียสนะคะ เราสมัครเป็นแฟนคลับ คอยตามเชียร์จ้า จากคุณ : MorningGirl เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 22:34:49

ความคิดเห็นที่ 13 เอาน่า ผมเข้าใจ  จขกท นะ  มันก็จริงของเค้า  คนทุกคนอยากได้เงินเยอะๆกันทั้งนั้นแต่ไม่ใช่ว่าจะได้ทุกคน คนเรา ทะเยอทะยาน ไม่ใช่เรื่องผิดครับ  สุดท้ายจะจบยังไงก็แล้วแต่บุญแต่กรรม จากคุณ : คิวปิดน้อย เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 55 23:23:57

ความคิดเห็นที่ 14 คำว่า "รวย" เท่าไรถึงเรียกว่ารวย หมื่น แสน ล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน ?? จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:43:38

ความคิดเห็นที่ 15 ผมชอบความคิด จขกทครับ ผมเข้าใจเจตนา ของคุณ เคนนี่ จี ดีครับ นำมาให้อ่านอีกเรื่อยๆเลยนะครับ ผมชอบความคิดแบบนี้ มันเปิดโลกทัศน์ให้กับคนหลายๆคน ถือว่าได้บุญดีนะครับ ถ้าเขาเหล่านั้นได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น อีกอย่าง ผมไม่ได้ขายตรงนะครับ ผมทำงานบริษัทอยู่ ให้เขาเช่าตัวผมอยู่ ครับเดี๋ยวจะมีคนเข้าใจผิด และขอตอบ คห.14 นะครับ คำว่า"รวย" เท่าไหร่ถึงจะรวย ไม่ว่าจะมีเงินหมื่น แสน ล้าน สิบล้าน หรือร้อยล้าน ?? ไม่สำคัญเท่ากับ คุณรู้จักคำว่า"พอ"ครับ ถ้าคุณรู้จักคำว่า"พอ " เมื่อนั้นคุณก็จะ"รวย"เองครับ จากคุณ : เป็นเสือตัวเล็กนะไม่ใช่แมว เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:16:56

ความคิดเห็นที่ 16 แหม่  ไม่ชวน ผมไปชิมเบิยร์  ยอมเสีย สุขภาพ นะ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 15:17:55

ความคิดเห็นที่ 17 มาบอกว่า เห็นด้วยกับทุกฝ่ายครับ มนุษย์เงินเดือน ไม่ใช่ไม่ดี แต่หนทางสู่ความมีอิสรภาพ มันคือ "0" นี่คือข้อเท็ดจริง ที่ใครก็เถียงไม่ได้ครับ จากคุณ : Mashi_Naz เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 16:46:05

ความคิดเห็นที่ 18 รายได้ เวลา ความมั่นคง ของมนุษย์เงินเดือนถูกลิขิตไว้เพียงเท่านั้นจริงอย่าง จขกท.กล่าว แนวคิด... เคยเป็นมนุษย์เงินเดือน ได้พูดคุยกับลูกค้ารายหนึ่ง เรียนจบเศรษฐศาสตร์ อยู่ในชนบท อ.หนองม่้วง จ.ลพบุรี นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ ตึก 1 ห้อง 2 ชั้น เทรดซื้อขายลูกไก่ เป็นเอเย่นต์ไก่ประกัน และเลี้ยงไก่อิสสระ เวลาว่างๆเทรด หุ้น วันละ 2-3 ล้านบาท ปัจจุบันทำธุรกิจปศุสัตว์ครบวงจร มีกิจการหลายอย่าง อยู่ในลำดับ 1-10 ของวงการ อีกคนหนึ่งที่รู้จัก เรียนจบวิศวะ ความรู้ ความสามารถ ไม่แพ้ลูกค้าที่อยู่้ในชนบท ได้ทำงานเครือ SCG ต่อด้่วยสร้างโปรเจคโรงงานกระดาษให้กลุ่มซุ่นฮั่วเส็ง ไปได้ ไกลสุด เป็นผู้บริหารของโรงงานกระดาษ รายได้ เวลา ความมั่นคง ถูกจำกัดเพียง เท่านั้นจริงๆ จากคุณ : pc เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:07:04 A:223.206.191.139 X: TicketID:315677

ความคิดเห็นที่ 19 เฉยๆนะ พนักงานกินเงินเดือนก็มีข้อดีของมันเหมือนกัน..... เจ้าของกิจการก็ไม่ใช่จะดีไปซะหมดทุกอย่างครับ มีเครียด มีความเสี่ยงที่ต้องรับคนเดียวโดยไม่มีคนมาเฉลี่ย.... ใครมีความสุขแบบไหนก็เลือกกันตามที่ตัวเองถนัดเถอะครับ.....ถ้าโลกนี้มีแต่มนุษย์เงินเดือนก็คงไม่ได้. มีแต่เจ้าของกิจการอย่างเดียวก็คงไม่ได้อีกเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 17:09:57 จากคุณ : rosickyus เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:08:05

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่ามีหลายคนที่ไม่เข้าใจสิ่งที่ จขกท สื่ิอ แต่ผมเข้าใจและอีกหลายคนเข้าใจดี เขียนต่อไป จากคุณ : Zapver (-POsSeSsiOnz-) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:33:27

ความคิดเห็นที่ 21 จขกท ฟันธง ไปเลยครับ ว่าไม่เอาขายตรง อยู่แล้ว จากคุณ : มังกรและหงษ์มงคลร่ำรวย เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:34:04

ความคิดเห็นที่ 22 เขียนได้ดีครับ... ผมชอบนะครับ... ผมเลือกที่จะเป็นนักลงทุนมาพักหนึ่งแล้ว กำลังรอเก็บเกี่ยวดอกผลแห่งความพยายามอยู่เช่นกันครับ แผนของผมก็คือไม่ต้องทำงานก็มีเงินปันผลมาใช้แบบพอเพียง... แต่เป้าหมายยังอีกไกลสำหรับผม... พยายามต่อไป... ขอบคุณสำหรับบทความครับ... : D จากคุณ : คนไทยไม่ท้อ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:36:03 A:202.44.8.100 X: TicketID:324733

ความคิดเห็นที่ 23 เคยฟังเพื่อนขายแอมเวย์ ประโยคแรกเพื่อนถามว่า ในชีวิตเราต้องการอะไร ระหว่าง รายได้ เวลา ความมั่นคง สุดท้าย ก็เฉลยว่า มาทำแอมเวย์สิ จะได้ครบทั้งสามอย่าง จากคุณ : nervous (nervous) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 17:47:20

ความคิดเห็นที่ 24 เราติดตามอ่านกระทู้ของ จขกท. มาตั้งแต่กระทู้แรกแล้วนะ ชอบดี ทำให้หันกลับมามองตัวเองได้บ้าง เราขออ่านเอาแก่น ไม่สนใจขายตรงหรือไม่ เพราะไม่ได้แอนตี้ แต่ก็ไม่ได้อยากทำงานนั้นเหมือนกัน ไม่นานมานี้ เพื่อนของเราถามไถ่มาใน MSN ว่าทำไงที่ไหน บริษัทรับคนเพิ่มหรือไม่ เราก็ยังไม่ได้ตอบอะไรไป แต่ถามกลับไปว่า ทำไมถึงอยากออกจากที่เก่าล่ะ(ที่นั่นเป็น บ.เครือใหญ่ ย่านบางซื่อ) เพื่อนตอบสั้นๆว่า  เหนื่อย ไม่มีเวลาใช้เงิน ไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลย พอเราได้ฟังคำตอบก็ได้แต่ถอนหายใจ และเห็นใจเพื่อน เลยบอกเพื่อนไปตรงๆว่า นายอยากมาทำงาน บริษัทที่เราทำอยู่มั๊ย แต่เงินเดือนออกไม่ค่อยตรง และไม่มีโบนัสนะ เพื่อนได้แต่เงียบ..... และไม่พิม MSN ตอบกลับมาเลย แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 20:52:27 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 55 20:51:55 จากคุณ : leeja เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 20:50:40

ความคิดเห็นที่ 25 เขียนดี ชอบครับ จากคุณ : SCREEN เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 22:40:22

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆครับ เป็นกำลังใจให้เขียนต่อไปเรื่อยๆครับ จากคุณ : kk (kreingwit) เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 23:35:26

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่เห็นต้องตีความตรงไปซะืุทุกตัวอักษรเลยนี่ครับ เก็บสิ่งที่เป็นประโยชน์มาประยุกต์ใช้สิครับ ^^ จากคุณ : oHmmzLoVE เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 02:07:34

ความคิดเห็นที่ 28 เยี่ยมครับ จากคุณ : sailompantip เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 07:40:47

ความคิดเห็นที่ 29 เขียนดีมากครับ  แต่สำนวนมันส่อไปในทางขายตรงไปหน่อย  คนที่โดนขายตรงบ่อยๆ  ก็รู้สึกทะ:-)ๆ แต่เนื้อหา ดีครับ   ......... แต่ อย่าหักมุมท้ายว่าขายตรงละครับ หยึ๋ย จากคุณ : ปู่มหา เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:04:43

ความคิดเห็นที่ 30 ผมว่าขายตรงเขาเน้นการเป็นนายตัวเอง เน้นการเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเอง โดยส่วนตัวผมว่า จขกท. น่าจะมุ่งเน้นให้เราหาลู่ทางประกอบธุรกิจส่วนตัวมากกว่าจะเป็นพนักงานเงินเดือนเฉยๆมากกว่านะครับ จากคุณ : Kunaun&Kadookmoo เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:13:52

ความคิดเห็นที่ 31 เป้าหมายคุณคืออะไร 1.ผู้จัดการฝ่าย/แผนก/ผู้บริหาร 2.เจ้าของธุรกิจส่วนตัว ........................................................................... ทั้งข้อ 1 และ 2 มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียคะ แต่คุณยอมรับข้อเสียแบบไหนได้มากกว่ากัน ถ้าคุณยอมรับมันได้ คุณก็จะมีความสุขและไปถึงเป้าหมาย โดยไม่ยากเลย สิ่งที่ จขกท เล่ามา คิดว่าตรงกับความเป็นจริงที่หลายๆคนเผชิญอยู่คะ เคยมั๊ยคะ ใน 1 เดือน คุณทำงานหนักมาก(กรณีทำงานบริษัท)แต่สิ้นเดือนรับเงินเท่าเดิม แต่ถ้าทำธุรกิจส่วนตัว ขยันมากได้มาก ขยันน้อยได้น้อย คำพูดนี้น่าจะเป็น Standard ได้เลยล่ะคะ ทุกวันนี้คุณทำงานหนักไปเพื่อใคร? องค์กร หรือ ตัวคุณเอง ส่วนเรื่องขายตรง อยู่ที่คุณตัดสินใจคะ ไม่มีใครสามารถมาบังคับให้คุณทำอยู่แล้ว ทำไมต้องกลัว จากคุณ : BoNus เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:46:43 A:125.27.123.234 X: TicketID:358588

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่าเป็นข้อมูลที่ดีมากเลยทีเดียว มีการเปรียบเทียบที่อ่านแล้วรู้สุกสะดุ้งนิดๆนะครับ  ส่วนเรื่องการขายตรง  ผมว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่น่าสนใจมากตัวหนึ่งสำหรับคนที่ไม่มีเงินทุน ผมบอกได้เลยครั้งหนึ่งเคยทำธุรกิจขายตรงแบบเต็มตัว ถามว่าเป็นยังไงผมบอกเลยว่ากำไรมหาศาลครับ  ถ้าคุณไม่ได้มองที่ตัวเงิน แต่มองด้านทักษะที่แอบแฝงมา  ทั้งความรู้  ความสามารถในการขาย  การทำงานในขณะที่เราไม่อยากทำ  ถ้ามีใครมาถามผมเรื่องขายตรง ผมก็คงแนะนำให้เค้าลองทำ ผมว่ามันเป็นหนึ่งในห้องเรียนที่ดีที่สุดห้องหนึ่งที่มีข้อมูลจริงใช้ได้จริงในชีวิตจริง  อาจจะต้องเสียเงินค่าโน่นค่านี่แต่ทุกวันนี้ผมมองว่ามันคือค่าเทอมที่เสียไปกับการเรียนที่ถูกกว่าท่าเทอมที่เรียนจากมหาลัยหลายเท่า  ผมแนะนำครับ สำหรับทุกคน  ตอนนี้ผมบอกเลยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับธุรกิจขายตรง แต่ข้อมูลดีๆ ทัศนคติดีๆ ทุกวันนี้มีผลกับการใช้ชีวิตของผมมาก   ยังไงผมก็แค่เปรียบเทียบให้ฟัง จากประสบการของตัวเองเท่านั้นครับ จากคุณ : tukianarak (tukianarak) เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 12:40:22

ความคิดเห็นที่ 33 ทำธุรกิจต้องรับความเสี่ยงสูงกว่ามนุษย์เงินเดือน ------------------------------------- 創世紀 จากคุณ : สาหร่ายเกลียวทอง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 12:46:07

ความคิดเห็นที่ 34 ตามอ่านมาหลายๆกระทู้แล้วครับ....เห็นด้วยและคิดเหมือน จขกท.ทุกตัวอักษร จริงๆ โดยส่วนตัว ผมชอบอ่านหนังสือแนว How To และแนวจิตวิทยา อยู่แล้ว จึงเข้าใจ สิ่งที่จขกท. ต้องการจะสื่อครับ   ผมก็เป็นมนุษย์เงินเดือนครับ แต่ผมเปิดใจ เปลี่ยนความคิด คิดถึงอนาคตของตัวเอง รับฟังมุมมองผู้อื่น.. ทำให้ตอนนี้มีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง ทำควบคู่กับงานประจำไปด้วย ครับ ^0^   ปล. ว่างๆ เราน่าจะแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ คุณจขกท. เพราะมุมมอง แนวคิดคล้ายๆกัน ^^ จากคุณ : Dune Wizard เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:17:03

ความคิดเห็นที่ 35 เห็นด้วยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีจัง จากคุณ : วิรุฬวารี เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:30:45

ความคิดเห็นที่ 36 เขียนได้ดีครับผมชอบ จากคุณ : สมาธิปัญญา (สมาธิปัญญา) เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 16:44:13

ความคิดเห็นที่ 37 ตามอ่านมาตั้งแต่ตอนแรก ชอบในแนวคิดคะ ตอนนี้อยากมีกิจการมาก..แต่...ติดอยู่เหตุผลเดียว ....ยังไม่รู้จะทำอะไร....ปัญหาใหญ่ของชีวิต ตอนนี้ได้แต่ทำงานประจำ+เป็นนักลงทุนไปด้วย... หวังว่าสักวัน จะค้นพบอิสรภาพทางการเงิน (จาก port เล็กๆ) หรือกิจการสักอย่างในอนาคต??? จากคุณ : Wed11Nov07 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 17:07:33

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านแล้วรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างกับชีวิตเล็กๆของเรา ต้องจากพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดมาอยู่ตัวคนเดียวกับโต๊ะเล็กๆหน้าคอมพ์ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราชอบเลย ทุกเช้าที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ถามตัวเองตลอดว่าทำอะไรอยู่ อยากกลับบ้านจัง ,, ขอบคุณ จขกท มากค่ะ :) จากคุณ : หมูกรีซลี่คลั่ง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 20:15:47

ความคิดเห็นที่ 39 ชอบครับได้แรงบรรดาลใจดีมากครับ จากคุณ : kooktomkook เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 20:47:24

ความคิดเห็นที่ 40 1) เห็นด้วยกับ จขกท ---> คือ ... กลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่มี " รายได้ต่อเดือนน้อย ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ที่รู้จักกัน " 2) ไม่เห็นด้วยกับ จขกท ---> คือ ... กลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่มี " รายได้ต่อเดือนสูงอยู่แล้ว ไม่น้อยหน้ากว่าคนอื่น " *** อย่ามาบอกว่าผม "พูดแทงใจดำ" ใครเลยครับ แต่สิ่งที่สำคัญ คุณควรหัดยอมรับความจริง ที่คุณเองก็ "รู้ดีอยู่แก่ใจ" ว่าพวกคุณกำลัง "อิจฉา" กลุ่มคนที่มีตำแหน่งและรายได้ต่อเดือน สูงกว่าคุณ ... จากคุณ : สัจธรรม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 00:18:47 A:58.11.86.244 X: TicketID:357456

ความคิดเห็นที่ 41 อยากทำงานชิมเบียร์อิอิ จากคุณ : RAORUE เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:41:13

ความคิดเห็นที่ 42 ติดตามอ่านอยู่เหมือนกันค่ะ เขียนต่อไปนะคะ ช่วยให้กำลังใจและแนะแนวทางให้คนที่กำลังสับสนได้ ปล. แต่เฉพาะกระทู้นี้ประยุกต์กับคนที่ทำราชการไม่ค่อยได้ ค่าเช่าเราแค่วันละเจ็ดร้อยเอง หนักไปใหญ่ :P จากคุณ : หน้าตาเหรอหราเชียวนะเรา เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 11:21:38

ความคิดเห็นที่ 43 ติดตามอ่านอยู่นะครับ  ชอบแนวเขียน และชอบอะไรที่เป็น How to แบบนี้ ตอนนี้ก็ทิ้งเงินเดือนจากการเป็นพนักงาน 70K มาเหมือนกัน เพราะสิบปีที่ทำงานตั้งแต่เป็นพนักงานต๊อกต๋อยยันเป็นผจก.รู้สึกว่าเหนื่อยและสูญเสียเวลาส่วนตัวไปเยอะมาก ตอนนี้เลยหันมาเป็นพ่อค้า ที่ตจว. เพิ่งทำได้จริงจัง 1 เดือน ยังไม่รู้ว่าจะรอดไปได้แค่ไหน แต่สิ่งที่ได้คือ มีเวลาอยู่กับครอบครัว ได้นอนมากขึ้น ไม่ต้องผจญกับรถติดและใช้ชีวิตบนท้องถนน หายใจได้ลึกขึ้น จากคุณ : loving1 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:34:56

ความคิดเห็นที่ 44 ชอบอ่่่่านนะคะ ให้แง่คิดดี อ่านไปคิดไป เราว่าขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคนมากกว่าคะ บางคนมีเงินส่วนตัวมาก  ก็เลือกงานทที่ชอบและรักได้ บางคนมีเงินส่วนตัวน้อย งานอะไรก็ได้ที่ได้เงินเยอะๆ บางคนก็มาทำงานเพื่อหา connection  บ้านมีเงินอยู่แล้ว บางคนเรียนไม่เก่ง หนักต้องเอาเบาต้องสู้ก็มีเยอะ   ฯลฯ  มีอีกเยอะคะ บางคนเป้าหมายสูงแค่มนุษย์เงินเดือนก็คงไมพอ จากคุณ : belong to me เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:54:49

ความคิดเห็นที่ 45 เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรก... ดูหลาย ๆ ความเห็น และเข้าใจเจตนา จขกท. ..... ขอไม่อ่านต่อนะครับ (คหสต.) จากคุณ : พี่ไม่ต้อง...น้องเอง เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 07:52:04

ความคิดเห็นที่ 46 เห็นด้วย แต่ไม่ทั้งหมดนะครับ มนุษย์เงินเดือน 10 คน มีคนที่ก้าวหน้า 1 คนที่เป็นผู้ชนะ เป็นหัวหน้าคน หรือก้าวขึ้นเป็นระดับบริหาร แต่ไม่ได้หมายความว่า อีก 9 คนที่เหลือ จะอดตาย อีก 9 คนที่เหลือ อย่างมากก็ไม่ได้เจริญก้าวหน้า แต่เค้าก็ยังมีอะไรทำ เป็น Senior เป็น Manager หรือเป็น Staff ธรรมดาๆ แต่เค้าก็ยังมีงานทำ ไม่มีหนี้ เจ้าของกิจการ 10 คน มีคนที่กิจการก้าวหน้า ใหญ่โต ร่ำรวย 2 คน มีอีก 2 คน ที่กิจการพออยู่ได้ พอจะขายได้ แต่อีก 6 คน ถ้าก้าวขึ้นมาไม่ได้ ขายไม่ได้ บริหาร ก็ตายสถานเดียว พร้อมกับหนี้สินมากมาย ความล้มเหลวจากการทำธุจกิจ มันยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์เงินเดือนตกงานมากมายครับ พ่อแม่ผมเป็นข้าราชการ ตอนเด็กๆผมเคยถามท่านว่า ทำไมเราไม่มีธุรกิจ ทำไมเราไม่มีเงินอย่างเค้า ทำไมผมต้องหางาน ทำไมผมจึงไม่มีธุรกิจที่บ้าน ผมเรียนเอแบค บ้านเพื่อนผม มีธุรกิจกันหมด จบมา ไม่ต้องหางาน จบมา ทำกับที่บ้าน สบาย กินเงินเดือนที่บ้าน ยังไงๆก็มีงาน มีเวลาว่าง ไม่มีหัวหน้า แต่ พ่อแม่ผมบอกว่า ธุรกิจ คือการลงทุน หมุนเวียนเงิน วางแผน วางแผนค่าใช้จ่าย ถ้าเค้าหยุด ไม่มีเงินหมุน ระบบติดขัด เงินจริงๆที่เป็น Assets มีเท่าไหร่?? หนี้อีกเท่านั้น?? ดูเหมือนทรัพย์สินมากมาย แต่หักลบกลบหนี้ออกมา อาจจะเหลือน้อยกว่าเราก็ได้ ในขณะที่บ้านเรา รับอย่างเีดียว ถ้าไม่ฟุ่มเฟือย ไม่สร้างหนี้ รู้จักเก็บ เราก็อยู่ได้สบายๆ ฝากไว้เป็นข้อคิดครับ อย่าทะเลาะกันนะครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆ ผมจะรับไว้พัฒนาตัวเองครับ จากคุณ : TearNa เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 08:34:00

ความคิดเห็นที่ 47 ผมสงสัยว่า ถ้าทุกคนคิดเหมือน จขกท. แล้วต่อไปเราจะไปหาพนักงานมาจากไหน ทุกคนจะทุ่มเทในงานเต็มที่หรือ เพราะคิดว่า ไม่ใช่งานของตัวเอง ทำดีหรือไม่ดีก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม  ส่วนแนวคิดที่ว่า ถ้าเราเป็นคนดูแลต้นกล้วย หรือต้นอะไรอื่นๆ ที่ชอบยกตัวอย่างมา แล้วบอกว่าเราไม่ได้เป็นเจ้าของ อย่างมาก แค่เค้าแบ่งแค่ผลกล้วยให้  (ซึ่งธุรกิจขายตรง มักชอบพูดประโยคนี้) ในหนังสือชื่อ I-pag ที่เป็นหนังสือขายดีของ se-ed  ก็มีคำพูดประมาณ นี้อยู่ด้วย ผมเลยสงสัยว่าถ้าเราทำธุรกิจขายตรง จนประสบความสำเร็จ ขั้นสูงสุด เราจะได้เป็นเจ้าของบริษัทขายตรงนั้นหรือเปล่า   สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นพนักงานกินเงินเดือน หรือทำธุรกิจขายตรง ยังงัยคุณก็ไม่ได้เป็นเจ้าของต้นกล้วยแน่นอน แค่เค้าแบ่งกล้วยให้กิน แล้วหลอกคุณว่าจะให้ไปตลอดแค่นั้นเอง   (คหสต นะครับ) จากคุณ : เม่าน้อยบนดอยสูง เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:02:30

ความคิดเห็นที่ 48 ทั้งหมดทั้งมวลมันมาอยู่ที่เป้าหมายของคนๆนึงครับ ถ้าคุณแค่อยากเป็นคนหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้กะจะร่ำร่วย ไม่อยากเหนื่อย เป็นลูกจ้างคนอื่นน่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว แต่ถ้าคุณอยากมีอิสระ อยากร่ำรวย มีเวลาส่วนตัว เป็นลูกจ้างไม่สามารถให้คุณได้แน่นอน จากคุณ : No Excuse. เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 17:07:49

ความคิดเห็นที่ 49 สรุปเป้าหมายในชีวิตคือความรวย   เอ้าร้วววยยยยย  .... งั้นบางคน ความฝันคืออยากเป็นครู ตำรวจ ทหาร เป็นข้าราชการ ซึ่งก็มนุษย์เงินเดือน ก็ขี้ครอกกันต่อไป จากคุณ : หางแหลม เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 00:47:07

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่าคุณเคนนี่เขาไม่ขายตรงหรอก ผมกลัวแต่ว่าพวกขายตรงจะเอาบทความสักย่อหน้านึงเอาไปใช้มากกว่า สำหรับ คห.47 ผมคิดว่าร้อยละ 90 ในปัจจุบันไม่มีใครอยากเป็นลูกจ้างหรอกครับ คิดอยากจะมีอะไรๆเป็นของตัวเองทั้งนั้น อย่างเพื่อนผมเงินเดือนอยู่แสนกว่าๆมันก็อยากหาอะไรทำที่ต่างจากงานประจำ คนใช้ แม่บ้าน คนงานที่บ้านผม ก็คิดเช่นเดียวกัน เขาคิดไดัแต่เขาไม่สามารถทำได้หรือทำไปแล้วได้ไม่ดีก็ต้องกลับมาเป็นลูกจ้างเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเลิกกังวลได้เลยว่าเราจะไปหาลูกจ้างมาจากไหน มีส่วนน้อยจริงๆเท่านั้นที่สามารถไต่บันไดสู่ยอดแห่งความสำเร็จและค้างอยู่บนนั้นนานๆได้ จากคุณ : BEETONG เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 13:18:01

ความคิดเห็นที่ 51 บางคนเกิดมาเพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่บางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจได้ บางคนแค่คิดยังไม่กล้า บางคนคิดได้แต่ไม่กล้าทำ บางคนคิดลงมือทำแต่ไม่สำเร็จ และมีหลายคนที่ประสบความสำเร็จ เราว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เงินเดือนมากมายจริงๆ เค้ามีเวลาเยอะนะ เำพราะมีคนช่วยทำตลอด แต่งานเค้าคืองานตัดสินใจที่สำคัญมากๆ ในแต่ละปีเค้าอาจต้องตัดสินใจงานสำคัญๆ แค่หนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้นเอง กลุ่มนี้เค้าไม่อยากทำธุรกิจเองเพราะที่ได้แต่ละเดือนเยอะมาก ส่วนมนุษย์เงินเดือนที่ได้เงินปานกลาง ไม่สูง ไม่ต่ำประมาณ แปดหมื่นถึงสองแสน กลุ่มนี้งานหนักจริงจัง จะประกอบธุรกิจเองก็ต้องลุ้นมาก กลุ่มนี้่น่าลำบากใจที่สุด ส่วนกลุ่มที่ได้เงินเดือนน้อยกว่านี้ ก็ต้องพิจารณาตนเองว่าจะก้าวหน้าไปได้ไกลแค่ไหน คิดเล่นๆ ซะว่าถ้าอยู่ยาวจนเกษียณจะได้เงินเท่าไหร่ ถ้าตอนนี้หมื่นห้า อายุ 30 อยู่ไปจนถึง 55 จะได้ซะ ห้าหมื่นหรือไม่  ยิ่งความสามารถไม่โดดเด่น ไม่พัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา นั่งทำงานไปวันๆ ไม่รู้ว่าจนเกษียณจะได้ถึงสามหมื่นหรือเปล่า กลุ่มนี้น่่าสงสาร จากคุณ : JusTT เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 17:31:00

ความคิดเห็นที่ 52 ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานเก็บเงินไว้ แต่ไม่คิดที่จะเป็นเจ้าของกิจการเองหรอก ความรับผิดชอบกับความเครียดมันผิดกัน ชอบพูดจังว่ามนุษย์เงินเดือนทำให้แต่เจ้าของรวย การทำธุรกิจมันเสี่ยงมากกว่าอยู่แล้ว ต้องบริหารเงิน ต้องกู้เงิน ต้องหาลูกค้า เจ้าของมีรายได้มากกว่า แต่เค้าเสี่ยงกว่าพนักงานหลายพันเท่า พนักงานอย่างมากก็โดนให้ออก เจ้าของอาจเป็นหนี้หลายร้อยล้านในช่วงเวลาสั้นๆ อย่ามองโลกสวยนักว่าการเป็นเจ้าของกิจการมันสบาย ราบลื่น ส่วนตัว ผมเก็บเงินแล้วเอาไปลงทุนในหุ้นที่มีปันผลดีๆในบริษัทชั้นนำ ปล่อยให้เงินทำงาน เป้าหมายคือเงินปันผลเฉลี่ยเดือนละห้าหมื่นซึ่งยังอีกยาวไกล ในขณะเดียวกันก็ทำงานประจำของเราต่อไป เพื่อเอาเงินไปลงทุนเพิ่มเพื่อให้ถึงเป้าหมายเร็วๆ จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 04:25:26

ความคิดเห็นที่ 53 ชอบครับ แต่ให้เลือก ก็ชอบ Salary Man ผมรับความเสี่ยงรายได้ได้น้อย เลยเลือก เป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นเรือจ้างที่เขาว่านั่นแหล่ะครับ แรก แรก ไม่ชอบ แต่ช่วงหลัง อายุก็ปูนนี้แล้ว ทำมานานก็ต้องชอบ แต่บางวันชอบ บางวันไม่ชอบ ภาพรวม ชอบมากกว่าไม่ชอบ ที่สำคัญ มันมีเวลาชัดเจน ให้ครอบครัว ก็เลยไม่ทำอย่างอื่น ๆ เคยทำขายตรง แอมเวย์ กิฟฟารีน ล่าสุด sim success ก็ได้มั่ง ไม่ได้มั่ง ก็ทำอาชีพเสริมครับ อ่านตั้งแต่ rich dad poor dad ล่าสุด อ่านหนังสือ Ipad ของวลีกวนตา วาจากวนตีน ทั้งทำทั้งอ่าน หวังว่าจะรวย สุดท้าย ก็นั่งกินเบียร์ปลอบใจตัวเอง พ่อ แม่ ไม่พารวย ก็คงไม่รวยหรอกวะ สุดท้ายก็เข้ากู้ ชพค. ขายกระดูกกินเหมือนครูทั่วไป ตอนนี้ก็ ทำไป บ่นไป ขุดสระ ปลูกสัก ยางนา อย่างละร้อยกว่าต้น เลี้ยงโคโครง โคพันธุ์ขี้  หวังว่า ลูกจะได้ใช้ประโยชน์จากเงินกระดูกพ่อที่พ่อกู้มาลงทุนมั่ง สัมมาอาชีวะ เทคนิค กันต่อไปครับ สู้ สู้ครับ จากคุณ : ครูตู้ เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 08:01:13

ความคิดเห็นที่ 54 ทำธุรกิจ ความเสี่ยงสูงกว่ามนุษย์เงินเดือน เสี่ยงที่จะรวย  เสี่ยงที่จะเจ๊ง มนุษย์เงินเดือนก็เป็นลูกน้อง ของเจ้าของกิจการ หรือคนทำธุรกิจ ถ้าธุรกิจเจ้ง มนุษย์เงินเดือนก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน ผมออกจากงานประจำมาทำธุรกิจเล็กๆ เกือบปี ตอนนี้กำลังต้องการพนักงานครับ ตื่นเต้นครับ จะได้มีลูกจ้างกับเข้าแล้ว อันที่จริงทำธุรกิจ ไม่เสี่ยงอย่างที่คิดนะครับ ถ้ามีความรู้ ความเข้าใจ  ความตั้งใจ มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ช่างสังเกต  ฯลฯ ไม่เจ๊งง่ายๆ แน่ครับ  แต่ถ้ามาทำแบบวัดดวง  ก็สวดมนต์ไหว้พระ ขอพร บนบาล ให้มากๆ เข้าไว้ ถ้าเจอจิ้งจก 2 หาง ก็ให้จุดธูปไหว้ครับ   นางกวักต้องมีประจำร้านได้ยิ่งดี (ย่อหน้าสุดท้ายนี่ผมเอาฮา แต่แอบแฝงแง่คิด) จากคุณ : gtbboyz เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 08:50:47

ความคิดเห็นที่ 55 คห.52 สิ่งที่คุณทำมันก็คือการลงทุนนะครับ ตอนนี้คุณก็เป็นหุ้นส่วนในบริษัทที่คุณซื้อหุ้นนะครับ เท่ากับว่าคุณก็เป็นเจ้าของบริษัทนั้นด้วยนะครับ ถ้าบริษัทนั้นเจ๊ง เงินคุณก็สูญด้วยนะครับ แต่คุณอาจบอกว่า คุณก็ยังมีงานประจำ แต่ดูแล้วคุณวางแผนระยะยาว ถ้าเกิดบริษัทที่คุณถือหุ้นเจ๊งตอนคุณอายุมากๆ แล้วเป้าหมายใจชีวิตต่อไปคืออะไรครับ การลงทุนมีความเสี่ยง (....อยู่ดี) จากคุณ : gtbboyz เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 08:56:12

ความคิดเห็นที่ 56 คห 55 ครับ ผมเลือกบริษัทที่ค่อนข้างมั่นคง แน่นอนว่าเสี่ยงบ้าง แต่ถ้าบริษัทที่ผมเลือกเจ๊งหละก็ บริษัทเกินครึ่งในไทยเจ๊งไปก่อนแน่นอนครับ  อีกอย่างถ้าบริษัททำท่าไม่ดีจริงๆ ผมก็แค่ขายหุ้นเอาเงินนออกมาเก็บ ไม่จำเป็นต้องสูญเงินไปกับบริษัท และถ้าบริษัทนี้ต้องเจ๊งไปเพราะพิษเศรษฐกิจ ผมเปิดบริษัทเองก็คงไม่รอดแน่นอน การซื้อหุ้น ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้จนตายครับ เมื่อไรที่พื้นฐานบริษัทเปลี่ยนไป ก็สามารถขายแล้วเอาไปซื้อหุ้นบริษัทที่ดูดีกว่าในช่วงนั้นๆได้ บางบริษัทที่ผมซื้อหุ้นไว้ เป็นบริษัทในต่างประเทศที่มีสินทรัพย์มากกว่ารายได้ของประเทศไทยทั้งปี รายได้ต่อปีของบริษัทเกินแสนล้านบาท คงเจ๊งได้ยากหน่อยครับ การลงทุนมีความเสี่ยง แต่ทุกอย่างมีความเสี่ยงหมดนะในความเห็นผม  บริษัทที่เปิดแล้วต้องล้มไปก็มีเยอะแยะ หรือคุณคิดว่ามีอะไรที่ทำแล้วไม่เสี่ยงเลย แนะนำหน่อยครับ เพิ่งสังเกตว่าคุณเปิดธุรกิจเอง ยินดีด้วยครับ เพิ่มเติมคือ เงินปันผลนี่เป็นรายได้เสริมที่ได้มาโดยผมไม่ต้องทำอะไรเลย และก็หวังว่าวันนึงมันจะมากพอที่ผมไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้สบาย มันมีความเสี่ยงบ้าง แต่ผมเชื่อว่าความเสี่ยงคุ้มกับผลตอบแทนที่ได้นะ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 55 11:38:42 จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 11:28:11