PANTIP.COM : B12121132 ช่วยด้วยครับ... ผู้จัดการใหม่ฝึกหัดทำงานได้อาทิตย์เดียวโดนซะแล้ว [งานและทรัพยากรบุคคล]

ความคิดเห็นที่ 14

ผมต้องขอขอบคุณทุกๆความเห็นและทุกๆคำแนะนำด้วยนะครับ

บอกตรงๆ ทุกข้อแนะนำผมเอาไปใช้เกือบทุกๆข้อความ พยายามเอาไปใช้ประยุกต์ให้เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ที่ผมเจอ โดยผมเริ่มวันนี้เลยครับ ผลตอบรับออกมาดีพอสมควร ผมขอเล่ารายละเอียดพอสังเขปเผื่อให้บางท่านนำไปคิดต่อยอดนะครับ

- วันนี้มีนัดประชุมแผนกที่ผมดูแล โดยเจ้าของเป็นคนนำประชุม ท่านก็พูดสรุปอะไรต่างๆ และบอกทีมว่าให้เริ่มต้นสานต่อและรายงานผมโดยตรง มีอะไรที่เคยให้เค้าอนุมัติก็เปลี่ยนไปให้ผมทำได้เลย (แต่แอบกระซิบผมว่า หากมันมีอะไรเยอะเกิน ถามแกก่อนก็ดี)

- พอจบจากการประชุม ผมนัดปิดห้องประชุมเพื่อ one on one กับลูกน้องเป็นรายบุคคล คนละประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นวิธีที่ผมเรียนรู้มาจากบริษัทฝรั่งก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการเปิดอกคุยกับลูกน้องในฐานะเพื่อนร่วมงานในทุกเรื่องโดยเก็บเป็นความลับของแต่ละบุคคล เพื่อเข้าใจในปัญหาและความอึดอัดใจในการทำงานทั้งในระบบและตัวบุคคล

- ลูกน้องคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวป่วน ไม่มีอะไร ทุกคนชื่นชอบในแนวทางการทำงานและความมุ่งมั่นที่ผมแชร์ออกไป ... ทุกคนพูดคล้ายๆกันว่า ไม่ค่อยชอบตัวป่วน 2 คนที่ชอบพูดจาทำให้จิตตก เพราะทุกคนทำงานก็เหนื่อย แต่มักโดนพูดจากระแทกใส่ จำเป็นต้องอดทนไป แต่ก็รู้สึกไม่ดี (ผมไม่ได้บอกหรือแสดงว่าผมไม่พอใจ 2 คนนั้น) ... ผมตบท้ายกับทุกคนว่า จะทำอะไรให้นึกถึงบริษัท หากใครทำอะไรไม่เหมาะสมก็ต้องกล้าแจ้งว่าเกิดอะไรขึ้น ผมสรุปสายบังคับบัญชาและอำนาจที่ชัดเจนให้ทุกคนฟัง บอกถึงหน้าที่การงานที่แต่ละคนต้องรับผิดชอบและกรอบเวลาอย่างชัดเจน ตบท้ายด้วยการยกตัวเองมาพูดว่า หากใครในแผนกทำอะไรไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของบริษัท ทำตัวเป็นปัญหาต่อความก้าวหน้าหรือกำลังใจของทีม ให้แจ้งผมมา และหากผมเป็นตัวปัญหาซะเอง ให้แจ้งเจ้านายผมได้เลย ... ผมเน้นย้ำทุกคนว่า ทำหน้าที่เพื่อตอบแทนเงินเดือนบริษัท ไม่ใช่รับใช้รายบุคคลซึ่งเป็นแค่ตำแหน่งและหัวโขน

- ผมเรียกตัวป่วนเข้ามาทีละคน พอเข้ามาเจอกันแบบตัวต่อตัว อาการป่วนก็ลดลง แต่เสียงก็ยังแข็งๆ เหมือนไม่ยอมอะไรง่ายๆอยู่ดี ผมก็เริ่มต้นพูดคุยกับพวกเค้าในเชิงบวก
ชื่นชมในประสบการณ์และให้เครดิตว่าผมเชื่อมั่นในการทำงานของพวกเค้า ถามถึงความอึดอัดหรืออะไรที่ต้องการให้สนับสนุนก็บอกว่าไม่มี ... ผมเลยจัดการสรุปด้วยน้ำเสียงไม่รุนแรงแต่หนักแน่นและเน้นย้ำ บอกถึงอำนาจและสายบังคับบัญชา บอกพวกเค้าว่าอะไรที่เคยผ่านเจ้าของ ให้ผ่านมาทางผมทั้งหมด(ตอนเช้าผมได้ไฟเขียวจากเจ้าของแล้ว) ... ผมสรุปตอนท้ายว่า ผมเป็น"หัวหน้า"(เน้นเสียง) ที่พร้อมสนับสนุนช่วยเหลือลูกน้อง และชื่นชอบหาก"ลูกน้อง"(เน้นเสียงอีก) แชร์ความเห็นและข้อเสนอแนะในงานที่เกี่ยวข้องในการประชุม แต่หากในที่ประชุมผมสรุปไว้ว่าอย่างไร ทุกคนต้องทำตาม หากใครไม่ทำตามหรือมาพูดอะไรทีหลัง ผมเอาเรื่องแน่นอน ... ตัวป่วนทั้ง 2 คนก็อึ้งไปและตอบครับๆ จากไปอย่างเงียบๆ

- เมื่อจบการคุยกันเป็นรายบุคคล ในตอนเย็นๆ เจ้าของเดินมาเรียกผมไปคุยเป็นการส่วนตัวถามถึงความเป็นไป ผมตอบไปในทางบวกผสมกับความเป็นจริง เช่น ปัญหามีเช่นนนี้ๆแต่ผมมองว่าการทำงานเป็นทีมเป็นสิ่งสำคัญ ผมยังเห็นโอกาสในการพัฒนาทีมให้เข้มแข็งและก้าวไปข้างหน้าได้อย่างดี แค่อาจต้องใช้เวลาและอาจมีแรงต้านบ้าง ขอให้เจ้าของเข้าใจ ผมบอกว่า ผมอาจเป็นเจ้านายที่มีลูกน้องบางคนไม่รัก แต่ผมจะเป็นพนักงานที่ทำให้พนักงานรักเจ้าของและทำทุกอย่างเพื่อเน้นผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก

- เจ้าของยิ้มและหัวเราะ บอกว่าดีแล้ว เค้าก็รู้ว่าเค้าดูแลคนไม่ทั่วถึงจึงอยากหาคนมาช่วยดูแล ตัวเค้าเองก็รู้ว่ามีปัญหาพวกนี้อยู่ หากมีอะไรเหลือบ่ากว่าแรง ให้บอกเค้า เค้าจะช่วยเหลือคนที่เค้าเลือกมาทำงานแน่นอน แค่ไม่อยากให้คนใหม่มาถึงไม่พยายามปรับตัวกับทีมเลยแล้วก็จะบู๊เอาตายกันไปข้างอย่างเดียว

- ตอนท้ายผมเลยคุยในเนื้องานกับเจ้าของ กลยุทธ์ แนวทาง และแผนปฏิบัติคร่าวๆ ก่อนที่จะเสนอไปอย่างเป็นทางการในอีก 2 สัปดาห์ต่อไป เจ้าของเค้าดูแฮปปี้ เห็นด้วย และพร้อมสนับสนุนในแนวทางนี้ แค่ให้ช่วยดูแลเรื่องความคุ้มค่าและคนให้เปลี่ยนแปลงอย่างไม่นองเลือด

ประมาณนี้ครับ ... แต่ผมบอกตัวเองว่า ในอนาคตคงยังมีปัญหาในเรื่องคนอีกแน่ๆ ซึ่งเป็นหน้าที่และความท้าทายที่ผมจะต้องจัดการต่อไป แต่กำลังใจผมดีขึ้นเยอะครับ ขอบคุณทุกท่านครับ

จากคุณ : 13th Hope

เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 21:42:13