ความคิดเห็นที่ 1 . ท่านคิดว่าอะไรมีราคาแพงที่สุด ?? . . . . ผมเฉลยนะครับ สิ่งที่มีราคาแพงที่สุดคือ โอกาส กับ เวลา (ในบทที่ 4 นี้ผมจะกล่าวถึง "เวลา" ก่อนนะครับ ส่วนเรื่องของ"โอกาส" ผมขอเก็บไว้ก่อน) เป็นของฟรีที่มีราคาแพง ใช้เงินซื้อไม่ได้แม้จะมีสักสิบล้านก็ตาม ผ่านไปแล้ว ผ่านไปเลย ไม่สามารถเก็บ กักตุน หรือสะสมไว้ได้ แต่หลายๆคนก็ปล่อยมันทิ้งไปเพียงเพราะได้มันมาง่ายๆ แต่หลายๆคนกลับสามารถใช้ประโยชน์กับมันอย่างคุ้มค่า ---------------------------------------------------------------------------------------- ใครเคยน้อยเนื้อต่ำใจในชาติกำเนิดหรือสิ่งที่เราเป็นบ้างครับ ?? ว่าทำไมเราเกิดมาไม่สวย พ่อไม่รวย โชคไม่ดี หัวไม่ดี แต่ท่านเชื่อไหม สุดท้ายพระเจ้าเขาก็ล้วนสร้างเรามาเท่าเทียมกัน เพราะไม่มีใครจะอยู่ยงเป็นอมตะไปได้หลายร้อยพันปี เราต่างมี "อายุขัย" ทุกคน พูดง่ายๆ เราทุกคนมีเวลาใน 1 วันเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง ไม่มีใครมีพิเศษเป็น 30 ชั่วโมง เวลาของผม เป็นของผมคนเดียว ไม่มีใครสามารถมาขอยืม มาขอซื้อ หรือขโมยเอาไปได้ เป็นสิ่งที่ "แฟร์" ที่สุดที่ธรรมชาติสร้างเรามาให้เท่าเทียมกัน แต่ ณ เวลานี้กำลังมีคน "ฆ่าเวลา" ทิ้งไปด้วยการนั่งจิ้มมือถือในร้านกาแฟ.....เพื่อรอให้เวลามันรีบๆผ่านพ้นไป.... ตกลงเวลามันสำคัญจริงๆหรือ ?? ............................................................................................................. เวลาจะไม่มีความสำคัญ ถ้าเราไม่ได้ต้องการมัน ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลา 1 วันตอนปิดเทอมเปรียบเทียบกับ 1 วันในช่วง่ก่อนสอบ ท่านว่าเวลาอันไหนมีความสำคัญมากกว่า ?? แน่นอนช่วงก่อนสอบนั้นสำคัญสุดๆ การได้อ่านหนังสือเพิ่มขึ้นอีก 1 วันสามารถเปลี่ยนเกรดได้เลยทีเดียว แต่ในบางช่วงเวลา เวลาดูเหมือนเยอะเสียจนทำให้เรารู้สึกเบื่อ จนเราสามารถ"ฆ่า" มันทิ้งได้โดยไม่ใยดี ............................................................................................................ คิดว่าหลายๆท่านคงได้ยินประโยคต่อไปนี้ "อยากรู้ว่า 1 ปีมีค่าแค่ไหน ให้ถามเด็กที่เข้าห้องสอบช้า แล้วต้องเรียนซ้ำ อยากรู้ว่า 1 เดือนมีค่าแค่ไหน ให้ถามคุณแม่ที่คลอดบุตรก่อนกำหนด อยากรู้ว่า 1 วันมีค่าแค่ไหน ถามคนพิมพ์หนังสือพิมพ์รายวัน อยากรู้ว่า 1 นาทีมีค่าแค่ไหน ให้ถามลูกที่นอนดูใจคุณพ่อในโรงพยาบาล" สำหรับบางคน 1 วันหรือ 1 ปีอาจจะไม่ได้มีค่าอะไรเลย เพราะเขาเพียงใช้ชีวิตไปวันๆอย่างไม่มีอนคตใดๆ หรือเป็นเพราะตัวเขาเองหรือเปล่าที่มันไม่มีค่า....... .............................................................................................................. เวลาจะไม่มีค่า ถ้าเราไม่ได้ต้องการมัน แต่ในบางที เราลืมมองย้อนกลับไป "เรา" อาจจะไม่ได้ต้องการเวลา ...แต่ใครบางคนกำลังอยากได้ "เวลา" จากเราหรือไม่ ? ลูกที่รออยู่ที่บ้าน คุณพ่อ คุณแม่ที่อายุ 60 ปี ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายอีกไม่นาน ภรรยาที่รอเรากลับไปอยู่เป็นเพื่อน เรากำลังเอาเวลาไปทำอะไรที่ไม่มีความสำคัญอยู่หรือเปล่า ? หรือที่เรามีเวลาน้อยเสียเหลือเกิน เพราะเรากำลังโดนซื้อเวลาจากใครหรือไม่ ?? . จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 01:00:43

ความคิดเห็นที่ 2 มีคนแซวผมในกระทู้เก่าๆ ว่าผมมีปัญหาอะไรกับอาชีพลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือนหรือไม่ ?? เปล่าเลยครับ ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ผมมองว่ากลุ่มอาชีพนี้ เราโดนเขา "ขโมย" เวลาจากชีวิตมากเกินไป กับรายได้ที่ไม่ได้เยอะ และไม่คุ้มกับเวลาที่มีค่าของเรา เพราะเวลาเป็นของแพง ซึ่งแพงแค่ไหน ขอให้ท่านตอบตัวท่านเอง อย่างที่กล่าวๆมา มันอาจจะไม่มีค่าเลยก็ได้ถ้าท่านไม่ต้องการมัน แต่อย่าลืมว่าอายุคนเราเฉลี่ยมันมีแค่ 25000 วันเท่านั้น ต่อให้เราไม่สนใจ ฆ่ามันทิ้งอย่างไม่แยแส มันก็มี "จำกัด"อยู่ดี หมดแล้วหมดเลย ............................................................................................................ หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ถ้าเรามองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เขาทำ เรามักจะพบว่าพวกเขาล้วนเป็นคนที่ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ไม่มานั่งฆ่าเวลาในร้านกาแฟชิวๆ เป็นชั่วโมงๆ ไม่มาจับกลุ่มเพื่อนเม้าท์แตกเรื่องดาราและนินทาชาวบ้านได้ข้ามวันข้ามคืน ไม่นอนหลับวันละ 18 ชั่วโมง และนอนเล่นต่อหลังทานข้าวเที่ยง การใช้เวลาอย่างคุ้มค่า คือการสามารถจัดการเรื่องสำคัญต่างๆในชีวิตได้ก่อนทำเรื่องไร้สาระ เรื่องไร้สาระทำได้ไหม ? ทำได้ครับ ไม่บาป แต่ไม่ควรเลือกทำก่อนสิ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะสิ่งที่สำคัญมากๆในชีวิตในระยะยาว เช่นการทดแทนพระคุณพ่อแม่ และดูแลสุขภาพออกกำลังกาย ล้วนเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆที่เราต้องทำ ............................................................................................................. ลูกจ้าง และมนุษย์เงินเดือนมักบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่มีเวลา" ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเขาต้องเอาเวลาไปทำงาน เพื่อแลกเงินมาเลี้ยงชีพ-ดูแลครอบครัว เมื่อหมดเวลางาน ย่อมเป็นธรรมดาที่อยากพักผ่อน อยากชิว อยากไร้สาระ อยากนอนหลับ 18 ชั่วโมง แต่ ......จะเหลือเวลาเอาไปทำสิ่งอื่นๆที่สำคัญในชีวิตได้อย่างไรละครับ ? ท่านที่ไม่ได้อยากเป็นลูกจ้างทั้งชีวิตจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้อง "แบ่งเวลา" ออกมาอีกส่วนหนึ่ง หาลู่ทางที่จะพาตัวเองออกมาจากการเป็นลูกจ้าง เพราะถ้าปล่อยชีวิตให้วนเวียนในงานประจำ ยอมให้สิ่งอื่นมาดูดเวลาในชีวิตเราไปมากๆ จะไม่มีทางเลยที่เราจะฝืนตัวเองออกมาจากงานประจำได้เลย เพราะเพียงแค่ทำงาน+พักผ่อน+นอน ก็หมดแล้ว 1 วัน ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่สามารถแบ่งเวลาได้ และให้ความสำคัญกับอนาคตของท่าน ท่านจะสามารถเป็นนายของตัวเองได้อย่างแท้จริง เพราะการจัดการกับเวลา ไม่มีใครสามารถมาช่วยเรา หรือทำแทนเราได้ เราต้องทำด้วยตัวเราเองทั้งสิ้น . เป็นกำลังใจให้กับคนที่อยากเปลี่ยนแปลงชีวิตครับ . จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 01:22:49

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนเก่าๆเผื่อบางท่านอาจจะอยากลองศึกษา ปัญหาหลักของมนุษย์เงินเดือน ตอนที่ 1 : ลืมวางเป้าหมายชีวิต http://topicstock.pantip.com/silom/topicstock/2012/03/B11844022/B11844022.html ปัญหาหลักของมนุษย์เงินเดือน ตอนที่ 2 : ความกลัวในใจ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B12098300/B12098300.html ปัญหาหลักของมนุษย์เงินเดือน ตอนที่ 3 : รายได้ - เวลา - ความมั่นคง http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B12119108/B12119108.html จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 01:24:52

ความคิดเห็นที่ 4   ขอบคุณกระทู้ดี ๆ และความรู้เรื่องการบริหารแนวคิดจาก จขกท.ค่ะ      ติ่ง ติง ติ๊ง ประกาศ ประกาศ ประกาศ ขอได้โปรดงดดราม่านะคะ หากท่านใดมีทัศนะที่แตกต่างรบกวนโพสอย่างสร้างสรรค์ด้วยค่ะ   เพลียใจกับพวกชอบดราม่าเหลือเกิน จากคุณ : MorningGirl เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 06:43:30

ความคิดเห็นที่ 5 ... แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 10:24:52 จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:13:26

ความคิดเห็นที่ 6 บทที่ 5 จะกล่าวถึง "โอกาส" ครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมชอบมากๆ ตอนแรกกะจะพูดรวมกันกับเรื่อง "เวลา" ไปด้วย แต่ถ้าแยกเล่าอีกบทจะได้รายละเอียดที่ดีมาก ขอบคุณสำหรับคำติ-ชม ต่างๆที่ส่งมาทางหลังไมค์นะครับ ถ้ามีหัวข้อหรือประเด็นตรงไหนที่อยากจะให้ผมเขียนเพิ่มก็เสนอมาได้นะครับ ถ้าเห็นว่าเป้น ปย. กดโหวตจะได้เข้าคลังนะครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 10:45:39 จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 09:57:01

ความคิดเห็นที่ 7 แนวคิด จขกท. หล่อมากกกก จากคุณ : ดอกไม้ทะเล เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:23:31

ความคิดเห็นที่ 8 ประโยคสำคัญประโยคหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตและวิธีคิดผมเปลี่ยน คือ "คนเราก็ทำงานประจำวันละ 8-10 ชั่วโมง เหมือนๆกันทุกคน การใช้เวลาอีกเพียง 1-2 ชั่วโมง/วัน ทุกๆวัน เพื่อศึกษาและทำกิจการบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่ออนาคตนั้น จะทำให้ชีวิตคนๆหนึ่ง แตกต่างจากคนอีกคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิงเมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี 10 ปี" อันนี้ผมลองเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนๆ คนอื่นที่จบมาคณะเดียวกันแล้ว ขอบอกได้เลยว่า "จริง" ครับ จากคุณ : อาร์ตี้ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:25:30

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านบทความของ จขกท ในตอนนี้ ทำให้นึกถึงอีกกระทู้หนึ่ง ของเศรษฐีลำดับที่สองของโลกที่บอกว่า...... เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป! ...... เวลามีค่าจริง ๆ ค่ะ ส่วนใครจะทำให้เวลาของตัวเองมีค่าอย่างไร คิดว่าแต่ละคนคงจะมีคำตอบของตัวเองนะคะ จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 10:51:30

ความคิดเห็นที่ 10 ผมก็เชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ขาดอิสรภาพที่แท้จริง แต่ก็เคยคิดเหมือนกันว่าถ้าได้เจอนายดีๆ มีอุดมการณ์ ก็จะ ยอมอุทิศเวลาและอิสรภาพทำงานให้ไปตลอดชีวิตเลย แต่โชคร้ายที่ไม่เจอคนดีอย่างที่คิดไว้ จึงต้องเก็บอิสรภาพ ไว้กับตัวแล้วดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดเอาเอง อยากให้เขียนแนะนำการเป็นนายที่ดี ที่จะช่วยให้โลกของลูกจ้าง หรือมนุษย์เงินเดือนมีศักดิ์ศรีดีกว่าที่เป็นอยู่บ้างครับ จากคุณ : PoojeeChunn เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 12:36:21

ความคิดเห็นที่ 11 คห.8 อันนั้นผมว่ามันก็เป็นการลงทุนนะครับ ลงทุนกับตัวเองไง พัฒนาตนเอง ให้ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ คนที่รู้จักลงทุนกับตัวเอง ทำอะไรก็ไม่ตันหรอกครับ มันพริ้วววววว จากคุณ : positivex เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 12:49:19

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ จากคุณ : Mccain เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 13:40:04

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นแนวทางและข้อคิดที่ดีของ จขกท. และสนับสนุนความคิดเห็นที่ 8 ใช้เวลาเพียงบางส่วนเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจ จะไปได้เร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ เรียนรู้จากผู้มากประสบการณ์ในธุรกิจนั้นๆ เช่น ดร.เทียม โชควัฒนา (ผู้ก่อตั้งเครือสหพัฒน์),คุณธนินท์ เจียรวนนท์, มร.โคโน๊ะสุเกะ มัตสุชิตะ, (ประธานเนชั่นแนลฯ),อื่นๆอีกหลายท่าน ...เวลาที่เท่ากัน แต่ละคนมีความสามารถในการสร้างมูลค่าเพิ่มไม่เท่ากัน... จากคุณ : pc เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 13:52:12 A:223.206.32.22 X: TicketID:315677

ความคิดเห็นที่ 14 ชอบทู้นี้ จากคุณ : หวนคำนึงถึงบ้าน เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:18:29

ความคิดเห็นที่ 15 กด Like ความเห็นที่8 ครับ มายืนยันอีกเสียงว่า "จริงแท้แน่นอน" ครับ ^0^ จากคุณ : Dune Wizard เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:39:20

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเห็นด้วยกับแนวคิดในการใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด แต่ไม่เห็นด้วยกับการปักธงว่า การทำธุรกิจของตัวเอง ดีกว่าการเป็นลูกจ้างเสมอไป จขกท วาง assumption  ไว้ว่า "เพียงแต่ผมมองว่ากลุ่มอาชีพนี้ เราโดนเขา "ขโมย" เวลาจากชีวิตมากเกินไป กับรายได้ที่ไม่ได้เยอะ และไม่คุ้มกับเวลาที่มีค่าของเรา"  ซึ่งไม่เป็นความจริงเสมอไป ผมรู้จัก "ลูกจ้าง" จำนวนพอสมควรที่มีรายได้ประมาณหกหลักต่อเดือน โดยที่ทำงานตามปกติ 5 วัน วันละ 8 โมง อาจจะมีเป็นช่วงๆ ที่ต้องทำนานกว่าปกติบ้างแต่ก็ไม่ได้มาก คุณอาจบอกว่า แต่การเป็นลูกจ้าง มันไม่ใช่ของเรา จะถูกไล่ออกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำไปเท่าไหร่ สุดท้ายเจ้าของก็ได้ไปทั้งหมดแค่แบ่งให้เรามาบางส่วน ซึ่งเป็นจริงทั้งหมดครับ แต่ในขณะเดียวกัน การทำธุรกิจส่วนตัว ก็อาจจะเจ๊งเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่ไม่มีรายได้ แต่ถึงขึ้นเป็นหนี้เป็นสิน การเก็บเวลาไว้กับตัวและนำไปประกอบธุรกิจส่วนตัว ไม่จำเป็นว่าจะดีกว่าการขายเวลาให้บริษัท โลกธุรกิจเองก็มีการแข่งขัน มีผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงไม่กี่คน ส่วนมากก็ทำได้แค่พออยู่พอกิน รวมทั้งอีกหลายๆ คนที่ล้มเหลวหมดเนื้อหมดตัวก็มี ผมไม่ได้บอกว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวไม่ดี แต่ไม่อยากให้คิดไปว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว ดีกว่าการเป็นลูกจ้างเสมอ เรื่องนี้อยู่ที่ตัวบุคคลบางคนอาจจะมีความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นเจ้านายตัวเอง บางคนอาจจะเหมาะที่จะทำงานเป็นลูกจ้างในระดับใหญ่ๆ สุดท้ายผมคิดว่า แต่ละคนควรคิดวิเคราะห์สถานการณ์ของตัวเองว่า การใช้เวลา แบบไหนจะได้คุณค่าสูงสุด จากคุณ : Roby เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 16:03:18

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบๆ ค่ะ... ขอบคุณที่ให้ข้อคิดกับ "มนุษย์เงินเดือน" เช่นเรา อ่านแล้วต้องมานั่งคิด เราทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ เข้า 8.30 - 17.00 น. - ไม่มีเวลาไปไหน ไม่มีเวลาทำอะไรที่เป็นความบันเทิงเลย เพราะหมดแรงถึงบ้านก็ซุกหัวนอน บางทีต้องเอางานกลับไปทำต่ออีก เรื่องไปเที่ยวไกลๆ ไม่ต้องพูดถึง - ไม่มีโอกาสกลับบ้าน (ไปเยี่ยมพ่อแม่) เพราะหยุดวันเดียว - ญาติแต่ง บวช ตาย ถ้าไม่ตรงวันอาทิตย์ ไปไม่ได้ เพราะเก็บวันลา ไว้ทำธุระของตัวเอง - ต้องแก่งแย่งแข่งขันกับเพื่อนร่วมงานเพื่อทำ "ผลงาน" ให้ "บริษัท" - ต้องถูกกดดันทางจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้สุขภาพจิตเสีย  คิดแล้ว แบบนี้ "ต้องลา ออก" แต่มาคิดอีกที  ลูก 1 คนกำลังโต เข้าเรียน กับหนี้อันมากมาย ก็ต้องสุ้ต่อไป จากคุณ : momeye (momeye) เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 17:16:29

ความคิดเห็นที่ 18 คุณค่า กับ มูลค่า ไม่เหมือนกัน คุณค่า ขึ้นอยู่ปัจเจกฝ่ายเดียวจะมองเป็นหลัก มูลค่า แล้วแต่สองฝ่ายตกลงเป็นหลัก เวลาที่ไร้มูลค่า บางครั้งมีคุณค่า เวลาที่มีมูลค่า บางทีไร้คุณค่า คุณค่าสนองใจ มูลค่าสนองกาย บ้างกระหายคุณค่า แต่ใช้เวลาหาแต่มูลค่า เลยได้มูลค่ามากโข แต่กระหายคุณค่าไม่เลิก บ้างกระหายมูลค่า ครั้นมัวแต่รอให้เกิดคุณค่า เลยหิวโซ  และมีคุณค่าเล็กน้อยคอยปลอบใจ เวลาคนเรามีไม่เท่ากันหรอก ต่างคนตายตอนอายุต่างกัน แต่ทุกคนเลือกใช้เวลาในปัจจุบันได้ เช่นเลือกเสียก่อนว่าจะให้เกิดคุณค่าหรือมูลค่ามากกว่ากัน ขอให้ทุกท่านโชคดี จากคุณ : specto เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 18:14:29

ความคิดเห็นที่ 19 เวลาของแต่ละคน มีคุณค่าแตกต่างกันไป ซึ่งผมมีเวลาเหลือที่จะทำงานก่อนเกษียณอายุ ตามภาพ มันอาจดูมากอยู่ แต่มันก็ลดลงทุกวินาที บางทีเราอาจลืมดูเวลา จนเผลอลืมมันไป จากคุณ : เขียนบน note (Mccain) เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 19:02:24

ความคิดเห็นที่ 20 รอคำว่า โอกาส บางทีลูกจ้างหลายๆคน ยอมถวายหัว ให้กับนายจ้างที่มีโอกาส และรู้จักแบ่งปัน รอ ... นะครับ เพราะโอกาสคน ไม่เคยเท่ากัน จากคุณ : Mbit เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 21:40:25

ความคิดเห็นที่ 21 ผมไม่ได้จะกล่าวหา "พวกคุณที่เข้ามา ชื่นชม แนวคิดของ จขกท" นะครับ แต่ ... พวกคุณกำลังเข้ามา "แสดงตัว" ว่าพวกคุณคือ กลุ่มคนที่คิดว่า "ตัวเองนั้นต่ำต้อย กว่าคนอื่นๆในสังคม" ทางด้าน ตำแหน่งหน้าทีการงาน, เงินเดือน, รวมถึงฐานะทางครอบครัว *** แนวคิด จขกท ไม่ผิดอะไรนะครับ (ถ้าไม่คิดจะเสนออาชีพขายตรง) และผมก็มั่นใจว่า ความเห็นของผมก็ "เป็นอีกแง่มุมหนึ่งเท่านั้นเอง" จากคุณ : สัจธรรม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 00:38:31 A:58.11.86.244 X: TicketID:357456

ความคิดเห็นที่ 22  ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าคิดว่าจะมาเกรี๋ยนแถวนี้รบกวน อย่าป๊อดมาเป็นบัตรผ่าน มาแบบมีอมยิ้มค่ะ คนจริงไม่กลัว กลัวคนเก่งแต่ปากและเที่ยวเกรี๋ยนไปทั่ว  หากเป็นคน ชนชั้นปัญญาชนเค้าสามารถไตร่ตรองเองได้ว่า ตัวเค้านั้นต่ำต้อยเตี้ยติดดินหรือไม่ มิต้องให้ใครมากระทำการ ดูถูกเค้าออกสื่อหรอกค่ะ หากคิดจะสื่อแต่สิ่งไม่สร้างสรรค์ รบกวนเชิญป้ายหน้าเลย ไม่รู้ว่าเคยได้ยินสุภาษิตโบราณ ท่านกล่าวไว้หรือไม่ "มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ"   จากคุณ : MorningGirl เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 06:34:56

ความคิดเห็นที่ 23 เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากๆ และสะกิดความรู้สึกบางอย่างลึกๆของตัวเองเลย เป็นมนุษย์เงินเดือนที่อุทิศเวลาให้บริษัทมาก ยิ่งช่วงเวลานี้พ่อแม่แทบไม่ค่อยเห็นหน้า ที่บ้านจะให้ส่งไปไหนจะต้องถามว่าว่างมั้ยไปได้รึเปล่า ติดงาน บลา บลา เคยคิดว่าจะออกเพื่อมาดูแล ช่วยงานที่บ้าน(เกษตรกร) อยากออกมาช่วยตอนท่านยังแข็งแรงจะได้รู้สึกสบายขึ้น ไม่ใช่ออกมาช่วยตอนท่านไม่ไหวแล้ว ก็ติดที่ความเห็นแก่ตัวของตัวเอง เสียดายเงินที่จะได้ในแต่ละเดือน (ส่วนตัวไม่เดือดร้อน ไม่มีภาระให้เงินพ่อแม่ทุกเดือนท่านไม่เคยใช้ แถม เก็บให้เราอีก ) กระทู้นี้จุดต่อมคิดนั้นขึ้นมาอีกครั้ง คงถึงเวลาซะทีมั้ง แต่ขอเคลียร์งานค้างก่อน จากคุณ : Arom_rai_mak เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:30:41

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 22 ผมพูด "แทงใจดำคุณ..อะดิ" คุณต่างหากที่ต้องพยายาม หัดยอมรับความจริง ว่ากลุ่มคนที่เข้ามา เห็นด้วย กับ จขกท นั้น เป็นกลุ่มคนที่ "ตำแหน่งหน้าทีการงาน และเงินเดือน" นั้นเป็น "ปมด้อย" ไม่สามารถไปเทียบกับคนอื่นๆที่รู้จักกันได้... จากคุณ : สัจธรรม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:32:59 A:58.11.86.244 X: TicketID:357456

ความคิดเห็นที่ 25 ชอบๆครับ จากคุณ : RAORUE เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:52:27

ความคิดเห็นที่ 26 ชอบความคิดของ จขกท มากเพราะคุณ คิดต่าง จากคุณ : Prokaryote เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:54:40

ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ ก่อน จะ พูดบ่อย ว่า ไม่มี เวลา แต่ เดี่ยวนี้ ก่อนจะ คิดพูดคำนั้นออกมา  ก็ จะบคิดกลับไปว่า เราไม่มี เวลาจริงๆหรือ หรือเรา ใช้เวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องมากเกินไป คนที่ จัดการเวลา ในชีวิตตัวเองได้ ไม่ว่า ลูกจ้าง หรือ เจ้าของกิจการ  มักประสบความสำเร็จกับ ชีวิต ได้ง่าย กว่า คนที่ ไม่จัดการอะไร ล้วก็ บอกว่า ไม่มีเวลา จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:59:38

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านแล้วก็ดี แต่มันรู้สึกแปลกๆ หรือเพราะเราได้กลิ่นขายตรงตุๆ (ไม่ได้เกรียน แค่อยากแสดงความเห็น อย่ามาไล่เก๊าน้า) จากคุณ : Bitchy Pooh เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 15:47:11

ความคิดเห็นที่ 29 #21,24 ครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ด้อยกว่าใคร แม้กับคนในรุ่นที่เรียนมาด้วยกัน (ขนาดว่าไม่ใช่คนที่เรียนดี) แม้กับเพื่อนร่วมงานที่เติบโตและใต่เต้ามาด้วยกัน ผมเคยทำงานในบริษัทฯที่ใหญ่อันดับหนึ่งในธุรกิจ ผมมักได้รับโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นเสมอ ทั้งการปรับตำแหน่ง (โปรโมท) และการขึ้นเงินเดือนประจำปี ความสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานก็เป็นไปด้วยดีมาก พูดได้เลยว่าตลอด 10 ของการทำงาน สิ่งเดียวที่ทำให้รักในงานคือการมีสังคมที่ดี แต่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ผมตัดสินใจก้าวออกจากสิ่งที่เรียกว่า Comfort zone หรือพื้นที่ ที่คุ้นเคย เพื่อเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ทิ้งเงินเดือนหลายหมื่นบาท เพื่อไปหาความเสี่ยงโดยที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะไปรอดหรือไม่ การตัดสินใจ "ลาออก" มานั้น ไม่ได้มีเหตุผลว่า รู้สึกต่ำต้อยกว่าคนอื่น หรือ เพราะมีเงินเดือนน้อย แต่ที่ออกมา เพราะตลอด 10 ปี ของการทำงาน รู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรอย่างที่อยากทำ ไม่เคยได้เจอพ่อแม่ มากกว่า 5 วันต่อปี และปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ใช้ชีวิตในรถทั้งไปและกลับจากทำงาน น้อยกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน ในวันทำงานไม่เคยได้พักผ่อนจริงๆเกินวันละ 7-8 ชั่วโมง วันหยุดมีเวลาที่จะได้พักผ่อน ได้สังสรรค์หรือได้ท่องเที่ยว เพราะ 5 วันทำงานได้สูบพลังงานไปหมดแล้ว ... สุดท้ายเลยนั่งคิดว่า 10 ที่ผ่านมา เราเอาเวลาไปทำอะไร และ ทำเพื่อใคร จากคุณ : loving1 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 16:10:21

ความคิดเห็นที่ 30 เขียนได้ดีมากครับผมขอเอาไปแชร์น่ะครับ จากคุณ : tSlevin เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 19:27:49

ความคิดเห็นที่ 31 จะรออ่านตอนต่อๆไป แต่ไม่ได้ชื่นชมหรือว่าอะไร เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนแบ่งเวลาเป็น และแบ่งแยกได้ว่างานตัวไหนต้องทำก่อนทำหลัง จึงไม่เคยมีปัญหาด้านบน เรื่องหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ก็มีปัญหาทุกทีแหละ เพียงแต่เราจะยอมรับได้มากแค่ไหน เราจะดูต่อไปเรื่อยๆว่า สุดท้ายแล้วคุณเคนนี่จี ต้องการสื่ออะไรกันแน่ เราไม่ได้มาป่วนหรือเกรียนไร ขอโทษทุกคนที่เห็นด้วยกะคุณเคนนี่จีล่ะกัน พอดีเราแค่คิดต่างอ่ะแล้วก็อยากออกความเห็นบ้างเท่านั้น ว่าเราไม่เห็นด้วยค่ะ จากคุณ : สาวออฟฟิส เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:53:28 A:124.120.120.246 X: TicketID:123625

ความคิดเห็นที่ 32 เยี่ยมอ่ะ รอตอนต่อไปเช่นกานครับ จากคุณ : sailompantip เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 07:59:27

ความคิดเห็นที่ 33 ตามมาอ่านต่อครับ ขอบคุณ จขกทครับ ผมชอบแนวคิดนี้จัง .... จากคุณ : เป็นเสือตัวเล็กนะไม่ใช่แมว เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:22:08

ความคิดเห็นที่ 34 ผมเห็นด้วยกะจขกทครับ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าลูกจ้างดีกว่าหรือแย่กว่าการมีกิจการเป็นของตัวเอง แต่อยู่ที่ว่าคนไทยถูกสอนให้เป็นลูกจ้างมากเิกินไปครับ จากคุณ : bigwores เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:09:09

ความคิดเห็นที่ 35 เป็นแฟนคลับตามอ่านอยู่นะค่ะ ^-^ จากคุณ : หมีเฉย เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 16:37:54

ความคิดเห็นที่ 36 เวลา คืออะไร.... การทำงานต่อเดือน เพื่อเงินเดือน เรียกว่า การลงทุนหรือเปล่า หรือว่า เราเสียเวลา ไปโดยใช่เหตุ ทำไมไมไปทำอย่างอื่นที่มัน คุ้มทุน ? แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 55 01:50:41 จากคุณ : คิดนานแล้วก่อนที่จะพิมพ์ เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 01:50:09

ความคิดเห็นที่ 37 ดีมากเลยครับ ทำให้ผมมีแรงกระตุ้นในหลายๆๆสิ่งในชีวิตประจำวันผมมากหลาย ผมชอบประโยคนี้มาก"การใช้เวลาอย่างคุ้มค่า คือการสามารถจัดการเรื่องสำคัญต่างๆในชีวิตได้ก่อนทำเรื่องไร้สาระ"โดนมากๆๆครับ ขอบคุณสำหรับข้อความ บทความดีๆๆครับ จากคุณ : payomdindum เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 11:36:46

ความคิดเห็นที่ 38 คนที่เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ ไม่ใช่คนที่ตำต้อยหรอกคะ่ จากคุณ : ทำด้วยหัวใจ เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 12:22:25

ความคิดเห็นที่ 39 รอตอนที่5 ครับ จากคุณ : บ้านเลขที่58 เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 12:29:43

ความคิดเห็นที่ 40 เยี่ยมครับ ได้ข้อคิดดีๆที่สำคัญกับชีวิตมากครับ ผมคนหนึ่งละที่ให้กำลังใจ จขกท นะครับ ในการแชร์แนวคิดที่เป็นประโยชน์ รอติดตามตอนต่อไปครับ จากคุณ : เสือโหด เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 22:26:35

ความคิดเห็นที่ 41 ลูกจ้าง และมนุษย์เงินเดือนมักบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่มีเวลา" ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเขาต้องเอาเวลาไปทำงาน เพื่อแลกเงินมาเลี้ยงชีพ-ดูแลครอบครัว ------------- ขอมองต่างครับ เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัว คนที่บ่นว่า "ไม่มีเวลา" มักจะเป็นเจ้าของกิจการครับ ไม่ใช่ลูกจ้างและมนุษย์เงินเดือน เพื่อนผมที่ทำงานประจำส่วนมากไปกินข้าวตอนเย็นหรือนัดเจอกันง่าย แต่คนที่ทำกิจการเองนี่ตามตัวยากมากครับ ยุ่งตลอดเวลา 24 ชั่วโมง เวลาที่ไม่ยุ่งก็ไม่เหมือนชาวบ้านกำหนดอะไรไม่ได้เลยว่าจะว่างตอนไหนจะยุ่งตอนไหน คนนึงเป็นเจ้าของกิจการเปิดร้านเกม 8 สาขา ต้องวิ่งรอกไปเช็คความเรียบร้อยทุกที่ กว่าจะว่างก็ตีหนึ่งเป็นต้นไป (แต่ตื่นสายได้) อีกคนเปิดรับเหมาเป็นของตัวเอง ต้องคุยกับลูกค้าตลอดบางทีก็ต้องไปกินข้าวกับลูกค้าหรือไปแก้ปัญหาตามไซท์งาน อีกคนตั้งใจจะเปิด (ยังไม่ได้เปิด) บริษัทรับงานทางคอมพิวเตอร์กึ่งซอฟต์แวร์เฮาส์ วันๆ ก็คุยงานกับลูกค้าแทบจะตลอด ทำงานจนเที่ยงคืนตีหนึ่ง แม้แต่ตอนบริษัทอยู่ตัวเวลาก็ยังไม่มีครับ พ่อผมเคยเปิดมาหลายครั้ง ผมเห็นชีวิตคนเปิดกิจการจริงๆ นี่ขอบอกได้เลยว่าถ้าคุณเปิดกิจการเพื่อหวังจะ "มีเวลา" ผมว่าไปไม่รอดครับ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 55 09:49:57 จากคุณ : Mariel เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 09:44:51

ความคิดเห็นที่ 42 ใช่ครับ ตอนนี้ผมก็กำลังจะลาออกจากราชการแล้วเหมือนกัน ความฝันคือ เป็นสาย i เต็มตัว จากคุณ : รักแมวเหมียวมาก เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 12:36:54

ความคิดเห็นที่ 43 ถึง  คห.41  .. ผมกลับคิดว่า .. คนที่มีกิจการ หรือ ธุรกิจ เป็นของตัวเอง .. ช่วงแรก ๆ อาจจะใช่ครับ .. ที่ทำให้คุณต้องวุ่นวายกับเรื่องต่าง ๆ จนไม่มีเวลา .. แต่เมื่อถึงจุดนึง ที่คุณสามารถบริหารกิจการ หรือ วางระบบ ในกิจการของตัวเองได้ จนตัวเองไม่ต้องมานั่งเฝ้า หรือ ไม่ต้องมานั่งทำงานเองให้เหนื่อย (ใช้ระบบทำงานแทนด้วยตัวมันเอง) นั่นแหละครับ .. "อิสรภาพทางเวลา และ อิสรภาพทางการเงิน"  โดยแท้จริง ลองไปอ่านหนังสือ "พ่อรวยสอนลูก เงินสี่ด้าน"  นะครับ .. แล้วจะเข้าใจคำว่า .. "ธุรกิจส่วนตัว"  และ  "เจ้าของธุรกิจ"   อย่างแท้จริง ว่ามันต่างกันอย่างไร แล้วคุณจะรู้ว่า .. ทำไม .. "เจ้าของธุรกิจ" ..... จึงมีทั้งเงิน และ เวลา  มากมายกว่าคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว .. จากคุณ : ห ล่ อ ทุ ก อ ณู รู ขุ ม ข น เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 16:59:09

ความคิดเห็นที่ 44 #43 อันนั้นมันทฤษฎีหรือเปล่าครับ เอาเข้าจริงในทางปฏิบัติ เจ้าของธุรกิจที่สามารถมีอิสรภาพทางเวลาได้จริง มีกี่คนครับ ใครบ้าง อย่างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประเทศไทย คุณธานินทร์ คุณเฉลียว ระดับต่ำกว่าหน่อยก็อย่างคุณต็อบเถ้าแก่น้อย หรือตันโออิชิ  ข้ามไปดูต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก๋าอย่าง Bill Gates, Donald Trump, Warren Buffet, Steve Jobs หรือรุ่นใหม่อย่าง Mark Zuckerberg, Larry Page ไม่เห็นมีใครซักคนที่มีอิสรภาพทางเวลาสูงอย่างที่หลายๆ คนจินตนาการไว้เลย เพียงแต่ข้อแตกต่างคือเค้ารักในสิ่งที่ทำ ถ้าไม่นับ Investor อย่างตัวโรเบิร์ตเองที่เขียนหนังสือเล่มนี้ แล้วเป็น "เจ้าของธุรกิจ" จากการลงทุน (ไม่ใช่สร้างขึ้นเอง) เหล่าเจ้าของกิจการของจริงประเภทสร้างขึ้นเองแล้วทำต่อเรื่อย ไม่ค่อยมีเวลาหรอกครับ ซึ่งผมยอมรับว่าถ้าเป็นพวก Investor อันนี้พอมีเวลา คำถามคือถ้าคุณจะเป็นนักธุรกิจแบบทำเสร็จ อยู่ตัว แล้ววางมือ ทำไมถึงต้องมาเป็นเจ้าของเองสร้างขึ้นมาเอง ทำไมไม่ลงทุนกับ System ที่มีอยู่แล้วอย่างพวก Investor เค้าทำกันละครับ ถ้าคุณคิดจะวางมือจริงๆ วางมือกับระบบที่สร้างเองมันดีกว่าวางมือบนระบบคนอื่นยังไง เรื่องพวกนี้โรเบิร์ตเองอธิบายไว้ชัด แต่เหล่าพวกขายตรงเข้ามาบิดเบือนความจริงครับ ถ้าคุณอยากมีเวลา สิ่งที่คุณต้องทำคือ "เก็บเงิน" แล้ว "ลงทุน" ไม่ใช่ "สร้างธุรกิจ" แบบที่พวกขายตรงพยายามเสนอ การสร้างธุรกิจมันเป็นแค่วิธีการนึงในการ "เก็บเงิน" เพื่อไปถึงจุดที่เราจะ "ลงทุน" ได้ ก็เท่านั้น แต่ไม่จำเป็นต้องไปด้วยวิธีนี้เลย ชีวิตจริงระบบ System ที่ทำงานให้เงินเราได้เองนี่มีจริงครับ แต่มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง "สร้างเอง" เลยซักนิด นอกจากคุณรักและพร้อมจะดูแลพัฒนาระบบนี้ไปเรื่อยๆ อย่างพวกเกตส์ จ็อบส์ อันนั้นว่าไปอย่าง แต่ถ้าตัวคุณเองรู้ดีว่าคุณสร้างเองแบบใจไม่รัก แล้วคุณคิดเหรอว่าคุณจะสร้างระบบที่ดีกว่าคนที่ใจรักเค้าทำขึ้นมา ถ้ารู้ว่าแย่กว่าแล้วไม่เอาเงินไปให้คนพวกนั้นทำให้งอกเงยล่ะ ทำไมต้องทำเอง เรื่องที่โรเบิร์ตพูดส่วนใหญ่ผมเห็นด้วย แต่เรื่องกับดักที่ว่าต้องสร้างธุรกิจเอง ผมว่าขายตรงครับสร้างค่านิยมนี้ขึ้นมา ไม่ใช่แนวคิดของโรเบิร์ตเลย โรเบิร์ตเองตัวจริงก็เน้นลงทุนและฟันกำไร ไม่ใช่เน้นสร้างธุรกิจเลย จากคุณ : Mariel เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 19:17:06

ความคิดเห็นที่ 45 เห็นด้วยกับ #44 วอเรน บัฟเฟต ที่ดูเหมือนว่าไม่ต้องทำอะไร แต่จริงๆ วันๆเค้าอ่านรายงานของบริษัทจดทะเบียนเยอะมาก ผู้สัมภาษณ์เคยถามว่าเอาเวลาที่ไหนมาอ่านรายงานพวกนี้ คุณปู่บัฟเฟตตอบประมาณว่า ผู้ชายทั่วไป ใช้เวลาว่างไปอ่านหนังสือเพลย์บอย แต่คุณปู่เอาเวลาว่างมาอ่านงบการเงิน เพราะแกชอบในสิ่งที่แกทำครับ จากคุณ : Tiger อู๊ด เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 05:07:10

ความคิดเห็นที่ 46 อ่าน 21 กับ 24 แล้วขำครับ ผมทำธุรกิจของตัวเอง ค่อนข้างประสบความสำเร็จ (ที่บอกว่าค่อนข้างเพราะเป้าหมายยังอีกไกล และคงไม่หยุดจนกว่าจะหมดแรง) รายได้ก็โอเค ใชเวลาน้อยกว่าทำงานประจำ แต่รายรับมากกว่าหลายเท่า แต่ที่เข้ามาอ่าน เพราะอยากอัพเกรดตัวเอง หาสิ่งดีๆ  หาความรู้ เปิดโลก หยิบสิ่งที่ดีมาใส่ตัว อะไรอ่านแล้วไม่เห็นด้วยก็ลองคิดในมุมคนอื่นดูก่อน แล้วค่อยปล่อยผ่าน ผมไม่แปลกใจหรอกที่มีคนแบบนี้ คนใกล้ชิดผม ญาติพี่น้อง ก็ยังมีแบบนี้ถมไป ไม่มีใครจะคิดได้ทุกคนหรอกครับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ขอเพียงเดือดร้อนแล้วอย่ามาเบียดเบียนกันเป็นพอ จากคุณ : gtbboyz เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 09:09:49

ความคิดเห็นที่ 47 #46 ผมเองก็ไม่แปลกใจหรอก ที่มีคนแบบคุณ เพราะว่าคนแบบคุณ ก็มีให้เห็นอยู่ตามซอกหลืบของสังคม การที่คนอื่น "มีความคิดเหมือนคุณ" มันไม่ได้หมายความว่า "เค้าจะคิดได้" อย่างที่คุณว่าหรอกนะ ผมว่าคุณกำลังจะ ยกหาง โปรโมท ตัวคุณเองซะมากกว่า ** บนโลกนี้ยังมีอะไร ให้เรียนรู้อีกเยอะครับ อย่าคิดว่าตัวเอง เจ๋งกว่า คนอื่นเลย ** "มันน่าเวทนา" จากคุณ : สัจธรรม เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 16:07:04 A:203.153.190.250 X: TicketID:357456

ความคิดเห็นที่ 48 อ่านแบบเร็วๆ ทั้ง 4 ตอน สรุปกับตัวเองได้ว่า เป็นลูกจ้างเค้าต่อไป เพราะ มีความสุขดีอยู่ 55 จากคุณ : รักลูกรักครอบครัว เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 16:51:26

ความคิดเห็นที่ 49 ขอให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ในการแบ่งปันต่อ ๆ ไปนะครับ ผมขอแชร์ครับ ผมเชื่อว่ามีบางท่านที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว อาจจะอยากออกมาทำอะไรที่คิดไว้ แต่ยังไม่กล้า, ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม, ยังไม่พร้อม จากประสบการณ์ผมเอง และรุ่นพี่อีกหลายคน ผมอยากบอกว่า มันจะไม่มีเวลาหรือจังหวะที่จะ perfect หรอกครับ เวลาที่เหมาะคือ เวลาที่เราเริ่มลงมือทำสิ่งที่เราอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นอะไรที่เราคิดจะทำ เริ่มลงมือทำได้เลยครับ เวลาเริ่มไปแล้วเห็นอุปสรรค์ เราจะค่อยๆ หาทางแก้ไขมันได้เอง ถ้ามันใช่ คุณก็ได้ทำในสิ่งที่คุณอยากทำ แต่เมื่อลองไปแล้วพบว่ามันไม่ใช่ ไม่อยากทำแล้ว  มันไม่ยากสักเท่าไหร่ ที่คุณจะกลับไปทำงานประจำ เพื่อนๆ ผมส่วนนึง ได้ก้าวออกมาแล้ว ไปได้ดี บางคนเห็นว่าไม่ work ก็กลับไปทำงานเหมือนเดิม รุ่นพี่ผมคนหนึ่ง เคยเล่าให้ผมฟังว่าอยากทำอะไรบ้าง (ตอนเขาอายุ 27) แต่เขาไม่ตัดสินใจที่จะลงมือทำ วันนึงผมได้เจอเขาอีกครั้ง (ตอนเขาอายุ 35) เลยลองถามว่า พี่ออกมาทำกิจการเองหรือยังครับ ผมได้คำตอบว่า พี่คงออกไปทำไม่ไหว ทำงานประจำแบบนี้ ก็พออยู่ได้ อายุเพิ่มขึ้น เหมือนไฟในตัวมันลดลง ถ้าพี่ออกไปตอนนั้น ป่านนี้คงจะสบายกว่านี้ ส่วนตัวผมได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำแห่งหนึ่งที่มีความมั่นคงสูง เมื่ออายุงานรวมๆ ตั้งแต่เริ่มทำงานที่อื่นๆ เพียง ปีกว่าๆ เท่านั้น ผ่านมาถึงวันนี้เพียง 4 ปี ผมตั้งตัวได้ และคิดว่าสามารถเกษียนได้ตอนอายุ 40 ปี จากการเปิดบริษัท เอง ทำงานเก็บเงิน และได้นำไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ   ปัจจุบัน เงินเหล่านั้น สามารถสร้าง passive income ได้พอจะใช้ชีวิตแบบปกติเหมือนสมัยที่ทำงานประจำแล้ว จริงอยู่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะทำสำเร็จ แต่ขอแค่ลองทำตามความเชื่อของคุณดูสักครั้ง ต่อให้มันไม่สำเร็จ มันก็คุ้มที่ได้ลองนะครับ พลังในตัวคุณลดลงเรื่อยๆ อยากทำอะไร ให้รีบทำครับ ต้นทุนในความล้มเหลวมันยังไม่มาก หากได้ลองตั้งแต่เนิ่นๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 02:04:44 จากคุณ : Net User เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 02:03:00