ไทม์ไลน์ ชีวิตการทำงานของผม
|
 |
ขอเป็นอดีตมาหาปัจจุบันครับ
2546 : ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลับเอกชนที่หนึ่งเนื่องจาก เอ็น ไม่ติดแต่ยื่นคำขาดกับพ่อแม่ว่าถ้าคราวนี้ถ้าเรียนแย่หรือติด F จะออกมาช่วยงานที่บ้าน ( แต่ก็เกือบต้องทำตามที่พูดตั้งแต่เทอมแรก อิอิอิ )
2548 - 2550 : ชีวิตการทำงานแห่งแรกของผมก็เริ่มขึ้นในตอนปี3 เมื่อรุ่นพี่ชักชวนให้เข้าไปทำงานในศูนย์วิจัยของมหาลัย เขาเห็นว่าน่าจะทำได้ ก็เข้าไปทำแล้วก็โดนทบสอบด้วย การได้โทรไปคุยกับหัวหน้าทีมวิจัย โดยคิดว่าเขาเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการข้อมูล ก็ไม่ได้ประสีประสาอะไรครับ ก็ทำเต็มที่ จนเขามาเฉลยว่าทดสอบก่อนเข้าสัมภาษณ์ พอเงินวิจัยออก ก็โอ๋โหพี่ทำไมผมได้เยอะขนาดนี้เนี่ย เงินจากน้ำพักน้ำแรงให้ พ่อกับแม่หมดเลย
2550 จบปริญญาตรีด้วย เกียรตินิยม ผยองพอตัวอยู่เหมือนกันครับ คราวนี้ทำไงดีละ เที่ยวก่อนดีหรือปล่า หรือ หางานทำดี ตัดสินใจหางานทำดีกว่าเพราะตอนทำวิจัยเที่ยวมาทั้งประเทศและ
มีค-เมย 50 เงียบกริบไม่มีแม้แต่จะเรียก เครียดเล็กๆเพราะเกรดอย่างเราเดี๋ยวก็มีคนสนใจ
พค 50 บริษัทแรกก็ติดต่อเข้ามาเป็น บริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่งตื่นเต้นมากนัด 8 โมง ไปถึงตั้งแต่ 7 โมง อิอิ แต่แล้วก็นั่งคอยๆๆๆ จนกว่าจะได้สัมภาษท์ 10 นาทีตอน 4 โมงเย็น แล้วก่อนกลับก็ได้รับประโยคเด็ดว่าแล้วจะติดต่อกลับไป จนบัดนี้ 4 ปีแล้วก็ยังคอยอยู่นะครับ
มิย 50 งานที่อยากได้มากก็เข้ามา บริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งติดต่อเข้ามา พอได้เหยียบออฟฟิตเขานี่แหละใช่เลย มันที่ทำงานของเราแน่นอน ก็สอบๆไปแล้วก็กลับบ้าน
กค 50 บริษัทเกี่ยวกับสินค้าเกษตรนัดเข้าสัมภาษณ์ก็ไปสัมภาษณ์เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ไม่ลืมเลยว่า ไปทำกิริยาไม่ดีกับกรรมการ เนื่องจากเขาพูดออกแนวทดสอบการควบคุมอารมย์แต่ด้วยตอนนั้นยังเด็กแล้วก็คุมไม่อยู่ก็สวนเขาทุกคำ เป็นบทเรียนที่ต้องจำให้ขึ้นในเลยว่าจะไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว หลังจากนั้น บริษัทรถยนต์ต้องแจ้งว่า ผ่านข้อเขียนแล้วให้เข้าสัมภาษณ์กับฝ่ายบุคคลก็ดีใจมาก ก็ไปเลย เอ้ย อยุธยา แต่ฝนเจ้ากรรมหลังจากลงรถฝนตกหนักเปียกทั้งตัวแต่ก็เอาวะมาแล้วก็ไปแบบนั้นแหละ ก็นั่งคอยจนตัวแห้งเลย มาถึงเขาก็ให้แนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ อ้าวเวรกรรมไม่ได้เตรียมตัวมา ภาษาก็อ่อนมากตอนนั้น ก็เลยตัดใจบอกกรรมการผมขอตอบเป็นภาษาไทยนะครับ จะได้ตอบได้ครบถ้วน กรรมการก็บอกแบบนั้นก็ได้ พอสัมภาษณ์เสร็จกรรมการก็ถามว่ามีอะไรจะถามหรือเปล่า ผมก็ถามว่าผมมีข้อด้อยอะไรบ้างครับผมอยากปรับปรุงตัว เขาบอกว่าโดยภาพรวมคุณก็ใช้ได้แต่คุณต้องพยายามปรับปรุงด้านการสื่อสาร ด้านภาษา แล้วคุณจะสมบูรณ์กว่านี้ มาไกลแต่ได้คำแนะนำก็ถือว่าคุ้มครับ ช่วงปลายเดือนธนาคารแห่งหนึ่งให้เข้าไปสอบกับสัมภาษณ์กับฝ่ายบุคคลครับ ก็เดินสายไปสอบตามระเบียบ
สิงหา 50 ที่บ้านเริ่มกดดันแล้วครับว่าทำไมไม่ได้งานซักทีประกอบกับเงินเก็บก็เริ่มหมดแล้ว แต่แล้วความหวังก็มาอีกครั้งเมื่อ บริษัทรถยนต์ติดต่อมาให้เข้าสัมภาษณ์รอบสุดท้ายกับแคนดิเดตอีกท่านหนึ่งแล้วก็ตามมาติดๆด้วยธนาคารที่ไปสอบทิ้งไว้เรียกเข้าไปสัมภาษณ์รอบสุดท้ายเหมือนกัน แต่ตอนนี้ใจไปอยู่ที่บริษัทรถยนต์แล้วครับธนาคารไม่สนแล้ว ก็เดินทางไปสัมภาษณ์ตามนัดหมายครับระหว่างคอยก็นั้นประจันหน้ากับคู่แข่งครับ ดูภายนอกก็คิดในใจว่า ก็ไม่น่าจะเทาไหร่ เอาอยู่น่า ก็เข้าไปสัมภาษณ์ครับ ได้เข้าเป็นคนแรก แล้วก็กลับบ้านก็คิดว่าได้งานแล้วละ วันต่อมาไปสัมภาษณ์ที่ธนาคารก็ไปงั้นๆแหละ แล้วก็คิดว่าน่าจะได้ 2 ที่พร้อมกันแบบเข้าข้างตัวเองสุดๆ
กย 50 ข่าวร้ายก็มาเยือนเมื่อได้รับการแจ้งผลว่าไม่ผ่านทั้ง 2 ที่ ใจแป่วเลย ความผยองว่าตัวเองเก่งหรือดีกว่าคนอื่นหายไปหมดแล้วก็ถามรุ่นพี่ว่าเอ่อพี่ผมจะทำยังไงให้ได้งานเขาก็บอก ต้องปรับปรุงเรื่องการพูดจา บุคลิคภาพ หาความรู้ในต่ำแหน่งที่เราจะไปสัมภาษณ์ ลองทำแบบนี้ดูน่าจะดีขึ้นหลังจากนั้นถึงความรู้ไม่ดีแต่แต่งตัวดูดีไว้ก่อนมาตลอดครับ อิอิ
สค50-กย 50 เงียบครับ มีธนาคารติดต่อเข้ามาแต่การสัมภาษณ์ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจเท่าไหร่ครับ
พย 50 รับปริญญาครับแล้วก็ไปรับเวลาเจอเพื่อนก็ทำหน้าไม่ค่อยถูกเพราะยังไม่ได้งานครับ
ธค 50 เดือนแห่งความหวังมาอีกครั้งครับ ธนาคารแห่งหนึ่งติดต่อเข้ามาให้ไปสัมภาษณ์งาน ก็ไป แล้วเตรียมตัวเยอะมากที่สุดครับว่าต้องได้ ก็เข้าไปในห้องสัมภาษณ์ครับมีคู่แข่งคนหนึ่ง ก็มองไปที่กรรมการก็รู้สึกเอทำไมคุ้นหน้าจัง วันนั้นก็เปลี่ยนแนวการสัมภาษณ์เป็นแนวแบบคุยสนุกๆมีหยอดมุขบ้างจนกรรมการคนหนึ่งเอาหน้าฟุบโต๊ะแล้วขำ ระหว่างนั้นก็โทรถามผลกับ HR ตลอดครับ
มค 51 ช่าวดีก็มาเยือนครับเมื่อได้รับแจ้งว่า ตกลงได้งานครับเริ่มงาน 1 กพ 51 ครับ
กพ 51เข้าไปเป็นน้องใหม่หน้าโหด ใครๆก็ไม่ค่อยสนใจครับ ก็มีพี่คนหนึ่งเอาหนัสือมาให้บอกว่านี่เป็นคู่มือลองเอาไปอ่านดู ก็นั่งหาวได้ 2 วัน ผู้จัดการทีมก็ส่งงานมาให้ทำ ก็คิดนี่มันอะไรกันนี่ไม่มีในตำราเลย - -" คนสอนก็ไม่มี คราวนี้ก็ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ถามคนนู่นคนนี้เปิดหาข้อมูลเองบ้างจนสำเร็จ
มีค - เมย 51 ทุกอย่างราบรื่นครับแต่ก็เป็นคลื่นที่สงบก่อนมีพายุครับ
พค 51 ผู้จัดการทีมเรียกเข้าไปคุยแล้วแจ้งว่า ทำไมคุณภาพงานที่ได้ด้วยลงไม่เหมือน 2 เดือนแรกที่ทำได้ดี ใจห่อเหี่ยวเลยครับ แกก็บอกอยากให้เราปรับปรุงตัวตั้งใจทำงานให้มากขึ้นเพื่อตัวเรา ก็รับปากแล้วก็ปรับปรุงครับ
มิย- ตค 51 เงียบสงบดี แต่ความเชื่อมั่นจากผู้จัดการทีมยังติดลบอยู่ แหะๆ
พย 51 เรียน ปริญญาโทครับ คราวนี้เริ่มโดนนินทาแล้วครับว่า จบแล้วเดี๋ยวมันก็ไป ไม่อยู่ที่นี่หลอก ผมก็ไม่เก็บเอามาคิดครับ
ธค 51 วันประเมินผลงานประจำปีครับ ผู้จัดการทีมบอกว่าเธอก็ดีขึ้นแต่ยังไม่ดีมากนะ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนทีมแล้วไปเจอหัวหน้าคนนี้เธอจะทำตัวแบบเดิมไม่ได้แล้วนะ
มค - มีต 52 ผู้จัดการทีมคนใหม่ยังไม่ได้ทำอะไรให้ปวดใจครับ
เมย 52 คราวนี้เกิดปัญหาครับเมื่อในทีมแอนตี้ผู้จัดการผมก็คิดว่าไม่ผมก็ต้องเขาที่จะต้องลาออก แต่บังเอิญเอา เออรี่ ไปครับ ไม่งั้นคงต้องลาออกเองครับ
พค - ธค 52 แฮปปี้เรื่องงานครับแต่เครียดเรื่องเรียนมากจนต้องปรับทุกข์กับที่บ้านบ่อย จนวันหนึ่งแม่บอกว่าทำไมเราต้องกดดันตัวเองขนาดนั้นละเราปล่อยวางบ้างสิไม่เห็นต้องเครียดขนาดนี้เลย
มค - ธค 53 เป็นปีที่มีความสุขในการทำงานมากครับ ได้ทีมที่ดี หัวหน้าก็คนแรกเขาก็ชมว่าดีขึ้นเยอะเป็นปีที่ราบลื่นครับ
มค - เมย 54 ชีวิตปกติดีครับแต่เริ่มอยากเปลี่ยนสายงานแล้วครับ ประกอบกับมีธนาคารอื่นติดต่อเข้ามาก็เลยลองเข้าสัมภาษณ์ดู
พค 54 ได้่งานใหม่ครับเซ็นสัญญาแล้วจะเริ่มงาน 1 มิย 54 ครับ
แค่
แต่
มิย 54 มีธนาคารอีกแห่งติดต่อเข้ามาโดยเป็นต่ำแหน่งที่ดีกว่า ถึงจะเงินน้อยกว่าแต่ในระยะยาวรุ่งแน่นอน ก็เข้ารับการสัมภาษณ์แต่ก็แจ้งเขาว่าผมได้งานอีกที่หนึ่งนะครับผมก็จะดูทางนี้เหมือนกัน สรุปว่าได้ครับ ก็โทรแจ้งอีกที่หนึ่งว่าขอยกเลิกการเซ็นสัญญาครับ HR ก็เลยบอกว่าจะ ขึ้นบัญชีดำชื่อผม ( แต่เมื่อ 2 เดือนที่แล้วพึงเรียกไปสัมภาษณ์ )
กค 54 เหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นครับ เมื่อผลตรวจสุขภาพปรากฎว่าผมโลหิตจาง ทางธนาคารจึงระงับการเซ็นต์สัญญาและให้ไปรักษาให้หายก่อนถึงจะเซ็นต์สัญญา แต่แล้วก็มีมือที่ 3 เข้ามาครับ สัมภาษณ์แล้วก็รู้ผลวันรุ่งขึ้นเลยครับว่าได้
สค 54 เริ่มงานใหม่คราวนี้นรกของจริงครับ งานโหดมากๆแล้วก็ความคาดหวังในเนื้องานค่อนข้างจะสูงครับ เหนื่อยมากทั้งกายทั้งใจ ทำงานอาทิตยละ7 วันเลยละครับแล้วก็กลับดึกทุกวันครับ
กย - ตค 54 อดทนอย่างเดียวครับ แต่เริ่มจะมีปัญหากับป้าคนหนึ่งที่ชอบเอามีดเสียบหลังครับ
พย 54 เหตุการณ์ที่ทำให้แตกหัก ก็เกิดขึ้นครับเมื่อป้าคนนั้น เอาผมไปฟ้องกับผู้จัดการว่างานที่ผมทำผิดแบบนู่นแบบนี้เขาดูแล้วว่าผิด เท่านั้นแหละผู้จัดการก็เรียกผมเข้าไปจัดการโดนด่าค่อนข้างแรงอยู่ครึ่งวัน ผมก็บอกว่าผมไม่ขอแก้ตัวผมยอมรับผิด แล้วเย็นวันนั้นผมก็ยื่นลาออกครับ
ผมก็บอกว่าผมไม่มีความสุขกับการทำงานที่ดี ที่ทำงานเก่าผมถึงจะไม่ถูกกันก็ไม่มีการแทงหลังกันวัดกันที่ผลงาน แล้วผมก็ไม่ชอบให้ให้เอาผมมาฟ้องลับหลัง ผู้จัดการบอกว่านอกจากป้าคนนั้นแล้วอีกเหตุผลหนึ่งคือพี่ใช่มั้ย ผมก็บอกว่าไม่ใช่ทั้งหมด ผมก็เข้าใจพี่ว่าพี่ก็ถูกกดดันมาก็ต้องกดดันมาเป็นทอดๆอยู่แล้ว พี่ไม่ต้องสงสารผมหลอกครับผมยังมีธุรกิจที่บ้านรองรับยังหาที่ทำงานที่ใหม่ได้ไม่ยาก แต่อยากให้พี่ดูแลคนเก่าที่อยู่กับพี่มากขึ้นเพราะเขาอายุเยอะกันแล้วหางานยากและพวกเขาก็มีภาระกันหมด ก็คุยอยู่เกือบ 3 ชั่วโมงเขาบอกเปลี่ยนใจมั้ยผมก็บอกไม่ครับ ผู้จัดการก็บอกว่าเก็บใบลาออกไปก่อนแล้ววันจันทร์คุยกันใหม่ - -"
ธค 54 ก็ถึงวันจันทร์ ผู้จัดการก็เรียกไปคุยใหม่ เขาก็บอกไม่เปลี่ยนใจเหรอ เขาไปคุยกับหลายๆคนในฝ่ายแล้วพี่ก็ขอโทษเธอนะที่พี่ไปเชื่อคนอื่นมากไปไม่ได้ฟังเธออธิบายหรือถามคนอื่น ไม่เปลี่ยนใจเหรอผู้จัดการก็บอกว่าอยู่ช่วยพี่อีกเดือนได้หรือไม่ ( ณ วันยื่นยังไม่ผ่านโปร ออกได้เลยครับ ) ผมก็บอกว่าได้ครับ แล้วครั้งต่อไปก็แล้วแต่เธอแล้วพี่จะไม่รั้งแล้ว ก็เป็นการตกลงกัน ตอนนั้นผู้จัดการก็เปลี่ยนไปครับดูเบาขึ้น ใช้เหตุผลมากขึ้นครับ ไม่หูเบา พอปลายเดือนผมก็ยื่นตามสัญญาผู้จัดการก็หน้าตาเศร้าๆตอนนั้นผมก็มีธนาคารที่หนึ่งติดต่อเข้ามาแล้วผมก็ได้รับแจ้งว่าได้งานครับ ผมก็จะว่างๆอีกซักเดือนหนึ่งก็บอกผู้จัดการว่าเผื่อความสบายใจกัน 2 ฝ่ายผมช่วยพี่เดือนนี้เดือนสุดท้ายครับ ผู้จัดการก็ยิ้มแล้วก็บอกขอบใจมากแต่เธอเปลี่ยนใจได้นะเดี๋ยวดึงใบลาออกกลับมาได้แล้วจะเสนอต่ำแหน่งกับเงินเดือนเพิ่มให้ คำตอบผมก็เหมือนเดิมครับว่าไม่ ผมมีเหตุผลตรงที่ ผมไม่อยากจะเสียคำพูดครับในเมื่อเรายื่นแล้วคนอื่นรับรู้แล้วผมไม่อยากกลับคำครับ
มค 55 เดือนสุดท้ายครับ ผมได้รับมอบหมายให้ทำงานร่วมกับป้าจอมเสียบ เหมือนผู้จัดการเปิดช่องให้เอาคืนไงไม่รู้ ^ ^ ผมก็คิดไหนๆก็ไหนๆและขอส่งท้ายแล้วกันผมก็นั่งตรวจรายงานที่เขาทำในคราวก่อนๆอย่างละเอียดซึ่งเจอข้อผิดพลาดเยอะมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ครับ ดาบนั้นคืนสนอง จนเขาโทรไปร้องห่มร้องไห้ว่าผมแกล้งเขา จ้องจับผิดเขา จนวันสุดท้ายเขาก็ยังฟ้องผมกับผู้จัดการ ผู้จัดการก็บอกว่าคุณจะอะไรนักหนาเนี่ย น้องมันก็ช่วยเต็มที่แล้ววันนี้ใบลาออกมีผลแล้วแต่พรุ่งนี้ น้องก็ยังมาช่วยคุณจะเอาอะไรอีก จนผมทนไม่ไหวเลยเดินเข้าไปว่าป้าคนนั้น ผมก็บอกว่า คนอย่างผมไม่ว่าใครลับหลัง ผมพูดต่อหน้าถ้าป้ามีปัญหากับผมก็คุยกับผมอย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้อง ที่ผมทำก็เรื่องงาน เพราะรายงานฉบับนี้ก็ต้องถึง กรรมการผู้จัดการ จะเอายังไงก็ว่ามา ป้าเขาก็สบัดก้นกลับไปนั่งโต๊ะ ผู้จัดการก็ลูบแชนแล้วก็บอกใจเย็นๆๆ 555+ วันสุดท้ายของการทำงานที่นั้นก็ลาทุกคน แต่ป้าคนนั้นก็ลาป่วยไม่มาทำงาน ผู้จัดการก็บอกถ้าจะกลับมาก็โทรมาหาพี่โดยตรงเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ( แต่ผมเกรงใจพี่ครับ 555 )
กพ55- วันนี้ ก็ยังไม่มีอะไรหวือหวาครับ ทำหน้าที่ของเราเต็มที่ครับ เดี๋ยวความก้าวหน้าในชีวิตจะมาเองครับ
คนอื่นก็แชร์ ไทม์ไลน์ กันบ้างนะครับ
จากคุณ |
:
goho
|
เขียนเมื่อ |
:
1 มิ.ย. 55 23:24:59
|
|
|
|