ความคิดเห็นที่ 1 จขกท เด็ดมากค่ะ .. จะจำไปใช้ เราเองก็กลัวว่าเรียกสูงไปหรือป่าว ไม่รุจะเอาหลักอะไรมาวัดดี จากคุณ : คุณหนูผลไม้รูปไข่ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 21:58:38

ความคิดเห็นที่ 2 เคยมีครั้งหนึ่ง ผมได้งานใหม่ เงินเดือนมากกว่าเดิมประมาณ 20000 บาท กลับมาเขียนใบลาออก นายเรียกไปคุย ว่าเขาให้เงินเดือนเท่าไหร่ ผมก็ตอบไปตามตรง เขาไม่ลังเลเลยนะ ที่จะบอกผมว่า งั้นผมให้คุณเพิ่มจากเดิมอีก 25000 คุณจะอยู่ต่อไหม นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมต้องไปสัมภาษณ์งานบ่อยๆ เพราะจะได้รู้ว่าที่แท้จริงแล้ว ราคาตัวเราในท้องตลาดมันเท่าไหร่กันแน่ ^_________^ จากคุณ : maxxx123 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 22:03:44

ความคิดเห็นที่ 3 วิธี จขกท ก็ใช้กันปกติอยู่แล้ว มันเวิร์ค ก็ต่อเมื่อ ยังไม่ลาออก เพียงแต่ว่า ที่หลายๆ คน ไม่สามารถเรียกเงินเดือนได้สูงๆ ก็ หลักๆ เลยคือ ออกมาจากที่เก่าแล้ว คงไม่มีหน้าย้อนกลับไปหรอก มันน่าอาย ให้รักบริษัทขนาดไหน ต่อให้มี แฟน อยู่ในนั้นเลยด้วย อ่ะ คนคงมอง เป็นไอ้ขรี้แพ้ ไปไม่รอด ดีๆ นี้เอง กินข้าวก็ไม่อร่อย ไปไหนก็มีคนมอง นินทา ว่าไปไหนไม่รอด อย่างตัวอย่างง่ายๆ สมมุติ ออกมาแล้ว ฐานเงินเดือนเก่า 30K ไปสมัครงาน ที่ใหม่ได้ 17K ก็อาจต้องเอาไว้ก่อน ประมาณว่าดีกว่าไม่มีงานทำ เพราะอะไร จริงอยู่ว่า หางานที่เงินเดือน 40k ขึ้นไปทำ มีอยู่ หรอก แต่ว่า คนแย่งเข้ากันเยอะ ต้องได้ภาษา บางที ไม่เก่งภาษาก็จบ เลย แบบนี้เป็นต้น คือ มันต้องมีคนสมหวัง และ ผิดหวัง อยุ่แล้วไง อย่าง จขกท คือ คนที่สมหวัง แต่ มี อีกมาก ที่ต้องผิดหวัง ก็แค่นั้นเอง ธรรมดาชีวิต เกิด คนทุกคนเงินเดือนสูง เหมือนกันหมด คนขาย ก๋วยเตี๋ยว ก็คงอยากได้มั่ง อาจขาย ฉามละ 200 เลยเป็นต้น (อันนี้พูดเล่น) แค่อยากบอกว่า คนเราไม่สามารถ ประสบความสำเร็จและรวยได้ทุกคน ไม่งั้น เงิน จะไม่มีค่าเลย จากคุณ : ritnbkee เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 22:32:51 A:199.48.147.35 X: TicketID:298625

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณคห 4 ครับ นั่นทำให้ผมเลือกที่จะไปสัมภาษณ์ตอนที่บริษัทเดิมยังรักผม ซึ่งเวลาที่เหมาะสมของผมอยู่ประมาณ 1 ปีนิดๆครับ พอได้งานใหม่ เพื่อนที่ทำงานเก่าก็ยังรัก ไม่มีใครเกลียด เจ้านายเก่าก็ยังรักเราอยู่ ผมทำแบบนี้ ที่เก่าก็รัก ที่ใหม่ก็โอเค หากใครที่หางานในขณะที่มีปัญหาในที่เดิมอยู่ แนะนำว่าหางานใหม่ครับ แล้วเริ่มต้นใหม่ จากคุณ : maxxx123 เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 22:42:02

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณที่แชร์ แต่คนจะทำแบบนี้ได้ก็ต้องเก่งจริงด้วยนะผมว่า จากคุณ : treser[*_-] เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 23:41:03

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 5 ค่ะ เพราะถ้าไม่เก่ง ต่อให้ไปสมัครที่ใหม่ ยังไงก็ได้เงินเดือนไม่ต่างจากเดิมนัก ที่ทำงานเก่าก็คงไม่เสียดายเราเท่าไหร่ ไม่อยากรั้งไว้ด้วยเงินเดือนมาก ๆ หรือถ้าพูดเก่ง พรีเซ้นท์ตัวเองดี ก็อาจได้รับความสนใจ ได้งานได้เงิน แต่ถ้าความสามารถไม่ถึงจริง ๆ ก็อยู่ได้ไม่นาน จากคุณ : StrammoC เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 23:52:13

ความคิดเห็นที่ 7 ผมก็ออกไปสัมภาษณ์บ่อย ๆ เวลากลับไป บ. เจ้านาย ก็ถามว่า... เป็นไงบ้าง สัมภาษณ์งาน ที่นั้นเป็นยังไง ทำงานกันแบบไหน สวัสดิการมีอะไร ให้ค่าตัวเท่าไหร่ องค์กรมีกี่คน บลา บลา บลา... สรุปเหมือนผมไปสัมภาษณ์เพื่อเอามาทำ กลยุทธ์ ที่บริษัทครับ ^^ จากคุณ : บทกวีแห่งรัก เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 55 23:53:13

ความคิดเห็นที่ 8 เหอ ๆ นึกถึงอดีต เคยเริ่มต้นที่ หมื่นถ้วน เมื่อ 12 ปีก่อน ขยับมา 11K, 12.5K, 30K,35K,51K.. ออกมาทำกิจการที่ไม่เกี่ยวกับสายงานเดิมเลย ทุนเริ่มต้น 12,120 บาท เดือนที่สองก็รีเทิน โตเป็นสองเท่า แล้วเสถียรทรงราว3ปี ปีที่4 ตลาดเหวี่ยงสูงขึ้น จนปีที่5มีแบงก์เก่าแก่อายุร่วมร้อยปีมากบารมีมาอยู่ด้วย กลาง ปีที่5 ก็มีออกไปลับวิทยายุทธวงการเดิม ใกล้เดิม เพื่อ...ขยายตลาดกิจการตัวเอง... ซึ่งการprตลาดมี scale ย่อย scale corporates และเนื่องจากเป็นสินค้าที่ลูกค้าต้องได้คุยกับเจ้าของสินค้า ถึงจุดความอยากได้ปิดการขายในครั้งเดียว การติดโฆษณาเหมือนแชมพู คอนโด หรือทิ้งไว้เป็นสากกระเบือไม่มีผล เท่าได้เจอตัวเป็นๆ... กว่าจะรู้หัวใจของทางตลาด ก็ลองผิดลองถูก กลางปีที่4 เป็นค่าโฆษณารถสองแถวราว2พันเศษ... ฟีดแบ็กเงียบ...แต่ดันไปส้มหล่นกลางทาง แค่รู้ว่า WHO WHAT WHERE ...ถ้าเป้าหมายติด WHEN HOW ก็จะตามมาพร้อมจ่ายสด... ทางรอด การแก้ปัญหาธุรกิจตัวเอง มาจากความบังเอิญเห็นแสงสว่าง เมื่อตอนไปสัมภาษณ์งาน เช่น สมัยบินข้ามไปSg ปี2009 หรือตอนไปฟังตำแหน่งไลน์งานเก่าจากเจ้าของเบียร์ช้าง มาวันนี้กลางปีที่5 อีกสองไตรมาส ครึ่งทาง ขึ้นแท่นปีที่ 6 มียักษ์ใหญ่มาเป็นพันธมิตรเหมือนลงจากหลังเสือไม่ได้ ทางแก้เกมส์ พลิกกลยุทธ์ มักมาจาก เส้นทางที่ไม่ได้ตั้งใจ...ต่อ jig saw เข้าเป็นแผนร่าง ชนิดที่รู้คนเดียว เห็นคนแรก และต้องแก้เอง ค่อยปรับ ทดสอบคู่กันไป... จากคุณ : kuddle เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 01:34:55

ความคิดเห็นที่ 9 ผมก็ทำคล้าย ๆ กับ จขกท ครับ แต่ผมจะอยู่ที่เดิมก่อนอย่างน้อยซัก 1 ปี ก่อนที่จะหาที่สัมภาษณ์ แต่ระหว่างที่เราทำงานอยู่ ก็ต้องสำรวจว่าตลาดแรงงานไปทางไหนด้วยครับ โดยดูจากพวก job ads จากพวกเว็ปสมัครงานต่าง ๆ จากคุณ : เอาชื่อรัยอ่ะ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 08:59:25

ความคิดเห็นที่ 10 คล้ายๆกัน แต่ผมไม่เปลี่ยนงานบ่อย แต่มีความจงรักภักดีต่อองค์กร การเพิ่มค่าตัวของผม ผมจะทำงานให้สุดความสามารถ ไม่เกี่ยงงาน ทำงานที่ท้าทายความสามารถเป็นประจำ มีข้อคิดเห็นและข้อเสนอ แนะให้ผู้บริหารอยู่เป็นประจำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงการ ทำงานให้ดียิ่งขึ้น และสามารถไปขายของได้ทุกเขตทั่วประเทศไทย รวมถึง สปปล.,พม่า ฯลฯ วิธีการนี้เพิ่มค่าตัวได้ประมาณ 3-4 เท่า เมื่อไปอยู่ที่ใหม่ก็ไม่คิดที่จะเอาลูกค้าขององค์กรเดิมมาเป็นของตน เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจกับเจ้านายเก่าที่ช่วยส่งเสริม ให้ความรู้และให้ ประสบการณ์ที่ดีมาโดยตลอด สาเหตุที่ย้ายองค์กร เนื่องจากรูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงจาก งานขายทั่วไป เป็นงานรับผิดชอบประจำสาขาจังหวัดและภาค คาดว่าประสบการณ์ที่ได้รับลดน้อยลง จากคุณ : pc เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 09:12:03 A:223.204.156.217 X: TicketID:315677

ความคิดเห็นที่ 11 ผมก็ทำเหมือน จขกท. เลย นึกถึงตัวเองมาซะงั้น จะออกไปสัมภาษณ์งานบ้าง ตั้งเป้าว่า ปีนึง สัก 2-3 ที่ โดยมีจุดประสงค์ดังนี้ 1. ไปดูว่า ความสามารถตัวเอง ไปถึงไหนแล้ว 2. ไปดูว่าแต่ละองค์กร เค้าอยากได้คนตำแหน่งนี้ ด้วยความสามารถแบบไหน 3. ไปดูว่าค่าตัว ของตัวเอง มันควรไปถึงระดับไหน 4. ไปดูว่า ควรพัฒนาอะไรบ้าง ที่สำคัญ เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามผมว่า ทำไมถึงอยากเปลี่ยนงาน ผมไม่ลังเลที่จะตอบว่า ผมยังแฮปปี้กับที่เดิมอยู่ แต่ ณ ตอนนี้ อยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในบริษัทฯ ที่ใหญ่และมีชื่อเสียงกว่า บลาๆๆ ซึ่งค่าตัวที่เรียกไป ผมเรียกไปโดยตั้งใจว่า ถ้าไม่ได้ตามที่เรียก ก็กลับไปทำงานที่เดิม เพราะผมก็ยังมีความสุขดีกับมัน ล่าสุด คล้ายๆ คุณจขกท. ใน คห.2 ไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ ได้เงินเดือนตามที่ต้องการ ในบริษัทฯใหญ่กว่ามีชื่อเสียงกว่า กลับมาเขียนใบลาออก นายถามเลยว่าได้เท่าไหร่ ก็ตอบไปว่าได้ xx นายโทรไปปรึกษากับประธานที่ต่างประเทศ และบอกผมว่า จะให้เท่านี้ อยู่ต่อได้มั้ย ผมกลับไปคิด 2 คืน สุดท้าย รู้สึกว่าถูกเอาเงินฟาดหัวซะแล้ว ก็เลยอยู่ต่อครับ ^^ แต่ก็นั่นแหละ ที่นี่ก็ยังไม่ใช่ที่สุดท้าย ผมคิดว่าจะทำที่นี่อีกสัก 1 -2 ปี แล้วจะเริ่มมองงานใหม่จริงๆ จังๆ อีกครั้ง (แต่ปัจจุบัน ผมก็ up resume เพื่อขายตัวเองอยู่เสมอ) จากคุณ : freestyler เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 09:34:32

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยกับ จขกท และผมก็เคยทำอย่างนั้น จนได้ขึ้นเงินเดือนมาแล้ว ขอเสริมว่า วิธีที่จะทำให้เราได้ขึ้นเงินเดือน คือ การหมั่นสมัครงานใหม่ ในขณะที่เรายังแฮปปี้กับที่เก่าครับ จากคุณ : karawara เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 09:50:02

ความคิดเห็นที่ 13 วิธีของเจ้าของกระทู้ เป็นวิธีที่ถูกต้องในการให้ได้เงินเดือนขึ้นเร็วที่สุดครับ เร็วกว่าทำงานที่เดิมไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าผมเป็นคนสัมภาษณ์ จะคิดนิดนึงว่า ประวัติการทำงานแบบนี้ เปลี่ยนงานบ่อย ไม่อยู่นาน ถ้าไม่โดนเด่นกว่าคนอื่นมาก ๆ ล่ะก็ จะไม่อยากรับครับ เพราะมาก็อยู่ไม่นาน จากคุณ : philly เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 10:15:43

ความคิดเห็นที่ 14 สำคัญ คือ คุณเป็นคนเก่ง มีคุรภาพอ่ะดิครับ คนแบบนี้ไปไหนก็ดีหมดแหล่ะครับ ลองคนห่วยๆ หรือแบบกลางๆก็ได้ ไม่ค่อยขึ้นแบบนี้กันหรอกครับ จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 12:03:16

ความคิดเห็นที่ 15 ทำไมเราคิดว่า จขกท โอเวอร์หว่า มันจะจริงหรอ ในยุคนี้ หากไม่เก่งจริงเจ๋งจริง จบเมืองนอกยังไม่ได้เวอร์ขนาดนี้ ขออนุญาตบอกว่ามันเวอร์ไป หากคุณทำได้จริงก็นับถือในความสามารถมาก แต่ทำงานอะไรจะได้วิเคราะห์ต่อ จากคุณ : เส้นขอบฟ้าลายสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 12:49:45

ความคิดเห็นที่ 16 #13 ถ้าดูดีๆผมว่าช่วงเวลาที่จขกท.ย้ายงานแต่ละที่ก็เหมาะสมแล้วนะครับ อยู่ที่เดิมเกิน 2 ปีตลอดนี่ครับ จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 12:56:07

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเริ่มต้นจาก business development manager ครับ ต่อมาด้วย product manager ครับ ต่อด้วย brand manager+business development manager ครับ ตำแหน่งสุดท้าย OTC manager ครับ ค่าตัวผมคงไม่เวอร์ไปนะครับ สำหรับ คห 15 ตอนนี้มาทำธุรกิจส่วนตัวครับ รายได้ อาจได้ไม่เท่าเก่า แต่สบายใจกว่าเยอะ ไม่เครียด มีเวลาอยู่กับครอบครัว ^_____________^ ปล ผมจบไทยครับ แค่ป.ตรีเอง แต่ งานบางอย่างมันก้ไม่ได้มาจากตำราเรียน มันคือ On the jobs training ครับ อีกอย่าง ตำแหน่ง staff กับ managemant มันต่างกันครับ management มันวัดกันที่ประสบการณ์ คุณต้องมีเซนต์ใสนการตัดสินใจที่จะพาองค์กรไปในทางที่ถูก  ยิ่งคุณโตขึ้น วงการจะแคบลง และในวงการธุรกิจ เขาจะรู้ว่า ใครเจ๋งใครไม่เจ๋ง เคล็ดลับในการทำงานของผมคือ ทำอย่างฉลาด คิดอยู่ตลอด กล้ารับผิดเมื่อทำผิดพลาดและแก้ไขให้ไวที่สุดเพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุดครับ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 13:17:12 จากคุณ : maxxx123 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 13:10:24

ความคิดเห็นที่ 18 คห 11 เหมือนผมแปลงร่างมาเขียนเลยครับ สมัยนั้น ผมก็ทำแบบคุณเปี้ยบเลย ฮ่าๆๆ อ่าว มองอีกทีขึ้นแนะนำซะงั้น ขอบคุณครับ ช่วยๆกันแชร์ครับ คนรุ่นใหม่ในนี้เยอะ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 13:33:19 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 13:23:04 จากคุณ : maxxx123 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 13:20:00

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วลางานไปสัมภาษณ์บ่อยๆ ยังไงอะ จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 15:01:11

ความคิดเห็นที่ 20 ประเด็นคือต้องเก่งด้วยครับ..... ถ้าไม่เก่ง....ต่อให้ย้ายกี่ที่ก็ เงินไม่ขึ้นตามนี้หรอกครับ... ปล. ผม คล้าย จขกท ปัจจุบันทำงานมา 7 ปี ย้ายงานทั้งหมด 4 ครั้ง..มี ป.ตรี ใบเดียว จาก 9,000 มา 100,000 + จากคุณ : ตามนั้น เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 16:18:28 A:110.49.243.153 X: TicketID:320980

ความคิดเห็นที่ 21 อ่า วิธีเดียวกันเลยแฮะ เพียงแต่ผมอยู่ไม่นานเท่าไหร่ในแต่ละที่แฮะ อย่างนานสุดก็ปีครึ่งมั้ง เพียงแต่ว่าจะออกก็ต่อเมื่อเราได้ฝากผลงานดีๆไว้แล้วที่มันจับต้องได้ นั่นแหละครับพอเริ่มรู้สึกงานซ้ำๆเดิมหมดความท้าทายแล้วก็ย้าย ไม่ได้เงินตามต้องการก็อยู่ต่อ จากคุณ : GusZ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 18:36:11

ความคิดเห็นที่ 22 สำหรับคนทำงานในรูปแบบธุรกิจ นี่ก็อาจเป็นคำแนะนำที่ดี..พอควร แต่ถ้าสำหรับคนที่ทำงานแวดวงอื่น และมีความสุขในสิ่งที่ทำอยู่แล้ว ก็อาจไม่เดินเส้นทางอย่างนี้ก็ได้ ไม่มีอะไรตายตัวในโลกใบนี้ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 55 20:02:27 จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 19:40:48

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยกับจขกทนะ   ทำงานอยู่แล้ว ก็หาโอกาสให้ตัวเอง ไปสัมภาษณ์งานบ้าง เลือกบริษัทที่เงินเดือนสูงๆ ส่งเรื่อยๆ มีโอกาสก็ไปสัมภาษณ์ เรื่องรับไม่รับก็อยู่ที่บริษัทและความสามารถ ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว บางครั้งคนที่ได้งานดีๆ เงินเดือนสูงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะเก่งที่สุดนะ แต่ส่วนนึงคือหาโอกาสให้ตัวเองเก่ง จากคุณ : FootLong เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 21:24:43

ความคิดเห็นที่ 24 ไปสัมภาษณ์บ่อยไม่ได้ เพราะงานเยอะมาก มีระเบียบการขาดลามาสาย และการทำโทษที่ชัดเจน  แถมลาบ่อยยังแอบถูกสงสัย  ทำให้คราวต่อไปลาไปสัมภาษณ์ยาก  ดังนั้นจะไปเฉพาะบริษัทที่สนใจจริงๆเท่านั้น จากคุณ : psycho_thai เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 00:00:08

ความคิดเห็นที่ 25 ผมเริ่มต้นด้วยเงินเดือน 10,000 ตอนนี้ช่างมันเถอะไม่ใช่สาระ ผมมี ปสก ทำงานมา 5 ปี ทำงานที่ปัจจุปันคือที่ที่สาม วิธีของผมคือ เพิ่มความสามารถ เข้าหานาย เข้าหาเพื่อนร่วมงาน มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานให้น้อย ทำงานให้มาก สร้างปัญหาให้น้อย ยุ่งกับการเมืองในองค์กรเฉพาะที่สำคัญเช่น เข้าทางนาย เกาะกลุ่มเพื่อนร่วมงานไว้ เรื่องนินทาหยุมหยิมอย่าไปสน เราจะดูอนาคตของเราได้จากคนที่อยู่มานานกว่าและมีความสามารถพอ ๆ กับเรา จากคุณ : Jump.Jr เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 01:08:01

ความคิดเห็นที่ 26 โห ขนาด จขกท.ทำงานเก่ง ตำแหน่งก็สูง เงินเดือนก็เยอะ สุดท้าย ก็ออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ตามเสต็ปพนักงานบริษัทเอกชน (ที่ไม่มั่นคงตอนเริ่มมีอายุ) ถ้างั้น ผมก็ไม่ควรเสียเวลาเป็นลูกจ้างอีกต่อไป เริ่มทำธุรกิจส่วนตัว (ก่อนที่จะแก่ไปกว่านี้) ดีกว่าครับ จากคุณ : Poprock Engineer เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 02:52:51

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าเราเป็นนายจ้าง แล้วมีคนลาออกหนีไปทำที่อื่นเพราะเงินเดือนมากกว่า เราเคืองนะ เพราะถือว่าคนๆนั้นไม่รักองค์กรของเรา ไม่เห็นความดีที่ผ่านมา และสิ่งต่างๆ ที่เราเป็นเจ้านาย และบริษัทให้ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ มันนอกเหนือจากเงินเดือน ความรู้สึกมันประมาณว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก ถ้าไม่ขาดคนหรือไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่รับเด็ดขาด คำว่าบริษัทรัก  เขาก็รักแต่คำพูด  พูดดีด้วยเท่านั้นเองเผื่อขาดคนจะได้เรียกมาทำ ถ้าไม่เก่ง  คนไม่ขาด ไม่มีทางที่เขาจะเอาคนที่ทำแบบนี้ ในความเป็นจริง  พอเราออกก็จะมีคนใหม่เข้ามาแทนทันที แล้วทีนี้ จะบากหน้ากลับไปยังไงกัน คนใหม่จะไปอยู่ตรงไหนถ้าคุณกลับมา จากคุณ : Don't judge too quickly เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 05:19:13

ความคิดเห็นที่ 28 ที่อื่นเสนองานที่ท้าทายกว่า เงินดีกว่าเยอะมาก ผมก็ไปสิครับ จะอยู่ที่เก่าทำไม?? ผมไม่เห็นลอจิคของคำว่ารักองค์แล้วต้องอยู่กับองค์กรไปเรื่อยๆ มันไม่เกี่ยวกับว่ารักองค์กรหรือเปล่า ผมทำงานให้คุณ คุณจ่ายเงินให้ผม ผมมีผลงานให้คุณ คุณให้โบนัสผม ก็แฟร์ๆแล้วหนิ?? point ของการรับคนเข้ามาทำงานคืออะไร? เข้ามาสร้างกำไร เข้ามาบริหารงาน หรือเข้ามารักบริษัท? ต้องเข้าใจอย่างนึงว่าท้ายที่สุดแล้วมนุษย์ก็เห็นแก่ตัวเอง พนักงานก็อยากได้สิ่งที่ดี(เงิน) บริษัทก็อยากได้สิ่งที่ดี(คนเก่ง) แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 55 08:41:54 จากคุณ : อย่ามาห้ามผม เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 08:40:56

ความคิดเห็นที่ 29 เป็นวิธีการที่ถูกต้องแล้วครับ สากลก็ทำกันแบบนี้ ยิ่งบริษัทต่างประเทศเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเลย เพราะแสดงถึงความกระตือรือร้น รักความก้าวหน้า เหมือนเราซื้อของ ของถูกและดีหายาก จากคุณ : gtbboyz เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 09:37:30

ความคิดเห็นที่ 30 ผมว่า ธรรมดาครับ มันไม่ใช่เทคนิคการอัพเงินเดือนหรอก แต่เป็นประวัติการย้ายที่ทำงานต่างหากล่ะ ยังไงคุณก็ต้องลาออกเมื่อได้เงินเดือนสูงกว่าอยู่แล้ว แล้วเงินเดือนที่ได้รับจากนายจ้างใหม่ของแต่ละที่นั้น ก็ไม่ได้แสดงถึงนัยสำคัญอะไรเกี่ยวกับความสามารถในการทำงาน แต่ผมยอมรับข้อความตอนหนึ่งของคุณที่ว่า "เคยมีครั้งหนึ่ง ผมได้งานใหม่ เงินเดือนมากกว่าเดิมประมาณ 20000 บาท กลับมาเขียนใบลาออก นายเรียกไปคุย ว่าเขาให้เงินเดือนเท่าไหร่ ผมก็ตอบไปตามตรง เขาไม่ลังเลเลยนะ ที่จะบอกผมว่า งั้นผมให้คุณเพิ่มจากเดิมอีก 25000 คุณจะอยู่ต่อไหม นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมต้องไปสัมภาษณ์งานบ่อยๆ เพราะจะได้รู้ว่าที่แท้จริงแล้ว ราคาตัวเราในท้องตลาดมันเท่าไหร่กันแน่" แต่นั่นก็แสดงว่าคุณโชคดีที่มีเจ้านายแบบนั้น เพราะมีแค่ครั้งเดียวที่ทำแบบนี้ได้ ถ้าเป็นเทคนิคการอัพเงินเดือนจริงๆ ต้องใช้ได้กับทุกที่ สิครับ จากคุณ : khon8rewshop.com เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 10:02:43 A:27.55.1.108 X: TicketID:358105

ความคิดเห็นที่ 31 มีแต่คนเก่งๆเงินเดือนเยอะๆเนอะ จากคุณ : ps000000 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 14:57:34

ความคิดเห็นที่ 32 สัมภาษณ์งานเยอะๆ เราจะได้เห็นเงินเดือนเราในมุมมองของบ.ต่างๆ เลือกบ.ที่เงินเดือนสูงๆ ^^ เวลาทำงานต้องให้บ.ติดเราด้วยครับ ไม่ใช่เราไปติดบ. ไม่กล้าออกไป ^^ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 55 16:51:44 จากคุณ : nut_dev เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 16:04:55

ความคิดเห็นที่ 33 ให้นึกว่า คุณ อุราฮาร่า แบบผม ของ give หน่อยครับ 555 จากคุณ : phanyanukul เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 17:10:23

ความคิดเห็นที่ 34 จะเป็น Job hopper ได้ระดับนึงแค่นั้นแหละ อายุ 35 อัพ คุณก็ทำแบบนี้ไม่ได้แล้ว จากคุณ : Kitty lover เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 55 23:12:08

ความคิดเห็นที่ 35 ผมสัมภาษณ์งานใหม่มา 2-3 ที่ก็พอจะรู้อัตราเงินเดือนของตนเองแล้วหล่ะครับ เทคนิคนี้ยังคงใช้ได้อยู่ในปัจจุบัน จากคุณ : Mr.Quiet เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 01:44:36

ความคิดเห็นที่ 36 รบกวนเจ้าของกระทู้แนะนำผมหน่อยนะครับ คือว่าตอนนี้ผมอยู่ในช่วงหมดความท้าทาย เบื่องานครับ ตอนนี้ผมอายุ 26 ครับ ที่ทำงานปัจจุบันคือที่แรกครับ เงินเดือนเริ่มต้น 10,630 วันนี้เวลาผ่านไป 2ปี 9 เดือน เงินเดือน 28,000 ซึ่งผมคิดว่าเร็วนะ(ผมทำงานต่างจังหวัดนะไม่ใช่กทม) ผมได้ประเมินเกรดเอทุกปีครับ โบนัสได้แม็กสุดของบริษัทคือ 3 เดือน จากมาร์เก็ตติ้งธรรมดา ตอนนี้เป็นหัวหน้ามาร์เก็ตแล้วครับ ปัญหาผมคือ ผมเบื่องานที่ทำแล้ว งานเหมือนเดิมทุกวัน หมดความท้าทาย ก้าวต่อไปท่าทางจะยาก เนื่องจากมีอีกแค่ 2 ตำแหน่งคือผู้ช่วยผู้จัดการ กับ ผู้จัดการ ที่ว่ายากเพราะ 2 คนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนงานเลยครับ เค้าอยู่กับมาคนละเกือบ 10 ปีทั้งนั้น อีกปัญหาคือ ผมก็สมัครสัมภาษณ์งานที่อื่นๆ แต่เค้าให้เงินเดือนไม่ได้มากกว่าที่ได้อยู่ซักเท่าไหร่เลยครับ ผมควรทำไงดีครับ จากคุณ : Tsim_Sha_Tsui เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 13:33:21

ความคิดเห็นที่ 37 เงินเดือนเยอะขึ้นก็อย่าหลงระเริงใช้เงินฟุ้มเฟือยนะครับ จากคุณ : a/c baby เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 55 20:06:10