|
ขอบคุณทุกคอมเม้นค่า
ถึง คุณ carguru ถ้าเข้ามาอีกรอบรบกวนช่วยวิเคราะห์ให้ด้วยค่ะ
1. เรื่องกำไร สินค้าเครื่องประดับ ปกติแล้วราคาจะบวกเพิ่มค่อนข้างมากค่ะ ยิ่งขายตลาดต่างประเทส หรือนักท่องเที่ยว ราคาจะมากกว่าราคาส่งอยู่ประมาณ 250-300 % ค่ะ ยกตัวอย่าง ซื้อราคาส่งอยู่ที่ 25 บาท ปกติแล้วแม่ค้าจะรับไปขายต่อ ราคาขาย เช่นที่จตุจักร จะขายที่ 100-120 บาท ค่ะ เรื่องราคาจึงคิดว่าหากขายปลีกได้บ้างก็จะช่วยเสริมรายได้ขึ้นมากค่ะ และราคาขายส่ง จากที่ค้าขายมา 2-3 ปี พบว่า สินค้ากลุ่มนี้ มีลูกค้าที่นำสินค้าในราคาส่ง(สำเพ็ง) มาขายส่งต่ออีกทอดนึงให้กับพ่อค้า แม่ค้าที่มาหาสินค้าไปขายส่งต่ออีกทอดนึง โดยเฉพาะพ่อ ค้า แม่ค้าชาวต่างชาติ ซึ่งครั้งแรกเลย จขกท. ก็ทำแบบเดียวกันนี้ค่ะ คือรับงานจากสำเพ็งมาขายส่งต่ออีกทอดนึง แต่ช่วหลังประสบปัญหา สั่งออเดอร์แล้วไม่ได้ เพราะออเดอร์ของเจ้าของตลาดก็ล้นมือ ทำให้เราต้องทำสินค้าเอง เพื่อให้ทันออเดอร์ลูกค้าเราเช่นกันค่ะ
2. เรื่องแบบของเครื่องประดับ ปัจจุบันนี้มีมากกว่า 100 แบบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบคล้ายกัน คือ แบบเดียวกันแต่มีให้เลือกหลากสี และส่วนใหญ่ลูกค้าจะนำแบบใหม่ๆมาให้ทำ จึงคิดว่าแบบของเครื่องประดับจะเพิ่มากขึ้นเรื่อย และหมุนเวียนไปตามความต้องการของตลาด แต่เรื่องแบบก็ยังคงเป็นปัญหาสำหรับเราเหมือนกันเพราะไม่ได้จบทางด้านการออกแบบเครื่องประดับ อาศัยเอาเทรนด์ช่วงนั้นๆมาทำขาย อาจจะทำให้ล้าหลังกว่าเจ้าอื่นๆ 1 ช่วงเวลา พยายามจะคิดหาวิธีแก้เหมือนกันค่ะ
3. ทำเลที่จตุจักร เป็นอีกสาเหตุนึงที่คิดหนัก เนื่องจากว่าค่าเช่าที่แพงมาก ทำเลที่ขายส่งกัน ราคาอยู่ที่ประมาณ 20,000 - 30,000 บาท ต่อการขายเพียงแค่ 8 วัน แต่ที่พื้นที่ขายส่งอยู่ได้คิดว่าเป็ฯเพราะหลังร้านมากกว่า เปิดหน้าร้านเพื่อจับลูกค้า ซึ่งเราเองคิดว่าจะหาพื้นที่ ที่ถูกที่สุด เพื่อเป็นหน้าร้านปล่อยของ ซึ่งตั่งราคาค่าเช่าที่อยู่ที่ไม่เกินเดือนละ 8,000 บาท เฉลี่ยวันละ 1,000 บาท ซึ่งจะได้ทำเลไม่ดี และพื้นที่ประมาณ 2.5 x 2.5 เมตร แต่ก็คิดว่าเพียงพอาหรับการโชว์สินค้าเพื่อหาลูกค้าส่ง 4. เรื่องราคา ไม่มีปัญหาตรงนี้ เราสามารถขายในราคาเดียวกับเจ้าของตลาดนี้ขายอยู่ แต่เราจะไม่ได้ขายในราคานี้ เราจะบวกเพิ่มราคาขายส่งอีก 10-20% เรื่องจากแนวโน้มแรงงานที่ประสบปัญหาอย่างมากของจากสอบถามเจ้าตลาด ราคาต่อชิ้นที่จ้างทำต้องทำให้เกิดรายได้เพียงพอที่จะไม่หันไปทำงานด้านอื่น เราจึงจ้างแพงกว่า ทำให้ราคาสินค้าเราแพงกว่า แต่อย่างไรก็ตามสินค้าของเราเมือ่เทียบกับโบกเกอร์แล้ว เรายังได้เปรียบเรื่องราคามากกว่า
5. ความเสียเปรียบของธุรกิจนี้ เนื่องจากเป็นสินค้าแฟชั่น สินค้าจะขายได้เฉพาะฤดกาล ทำให้บางฤดูเช่น ฤดูฝนแทบไม่มีออเดอร์เลย แต่ช่วงที่พีค ก็จะทำไม่ทัน แต่ถ้าทำสต๊อกไว้จะไม่ดีเพราะสินค้ามีความเสื่อมของสินค้าได้ง่าย เช่นหมองลง เพราะวัสดุที่นำมาทำเป็นพวงทองเหลือง เงินชุบ เมื่อโดนอากาศนานจะหมองคล้ำ จึงไม่สามารถที่จะสต็อคของไว้เป็นเวลานานได้ ทำให้มีปัญหาในการจัดการด้านการผลิตค่อนข้างมาก ซึ่งทางเจ้าใหญ่ของตลาดนี้ก็ประสบปัญหาเดียวกัน แต่ข้อดีก็มีตรงที่ ราคาสินค้าค่อนข้างบวกเพิ่มได้มาก
6. ประเด็นเรื่องการฝากขาย เนื่องจากต้องการทำเป็นธุรกิจส่วนตัวในอนาคต จึงอยากจะเปิดเป็นร้านมากกว่า เนื่องจากแรงงานที่ฝึกไว้ เมื่อไม่มีงานต่อเนื่อง แรงงานกลุ่มนี้อาจจะหายไปได้ จึงต้องการผลิตอย่างต่อเนื่องและมีที่ปล่อยสินค้าให้ไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการเลี้ยงแรงงานไม่ให้หนีไปทำงานอย่างอีกอีกทางนึงค่ะ
7. การค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ได้มีการลองทำและเปิดเป็นร้านค้าออนไลน์มากว่า 2 ปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากกลุ่มลุกค้าของเราเป็นลูกค้าส่ง และเน้นที่ตลาดต่างประเทศ ลุกค้าไม่สามารถเข้าถูงข้อมูลได้ และเมื่อเข้ามาแล้วก็ไม่เชื่อมั่นที่จะทำธุรกิจกับเรา เนื่องจากไม่ได้มีการจดทะเบียนการค้า
รบกวนguru หรือผุ้ที่อยากจะแนะนำ รบกวนชี้แนะและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่จะทำธุรกิจตัวนี้อย่างเต็มรูปแบบให้ด้วยนะคะ
จากคุณ |
:
SIRIKUL_IT
|
เขียนเมื่อ |
:
วันต่อต้านยาเสพติดโลก 55 09:08:32
|
|
|
|
|