ความคิดเห็นที่ 1 การเมืองกับระบบเศรษฐกิจของกรีซเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก ประเทศกรีซ   มีพรรคใหญ่ที่ยึดครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอยู่ 2 พรรคคือ พรรค PASOK และ พรรคประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งเราจะเรียกว่า พรรค ND ทั้งสองพรรคต่างใช้นโยบายประชานิยมอย่างเต็มพิกัด เพื่อเอาชนะในการเลือกตั้งตลอดมา ปี 2539 – 2546…     พรรค PASOK โดยนายสมิทิส   ก่อนการเลือกตั้ง … สัญญาว่ากรีซจะได้เป็นสมาชิกสหภาพการเงินยุโรป เงินเฟ้อจะลด   ดอกเบี้ยจะถูก สัญญาว่านักลงทุนจะไหลเข้ามา ทุกคนจะมีงานทำ ทุกคนจะได้ค่าแรงเพิ่ม และแล้ว นายสมิทิสก็ชนะเลือกตั้ง ได้เป็นนายกรัฐมนตรี.. รัฐบาลสมิทิส ลดอัตราเงินเฟ้อจาก 15 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ อัตราค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นปีละ 3 เปอร์เซ็นต์ และผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศเพิ่มขึ้น ( GDP) ถึง 4 เปอร์เซ็นต์ เข้าตามเกณฑ์ของสหภาพการเงินยุโรป (กลุ่มประเทศยูโรโซน) … เป๊ะ … ทุกประการ กรีซจึงได้เข้าเป็นสมาชิกในปี 2544 และได้ใช้เงินสกุลยูโรเป็นเงินสกุลหลักของประเทศ หลังจากเป็นสมาชิกในกลุ่มยูโรโซนได้แล้ว นักลงทุนก็สามารถกู้เงินสกุลยูโรจากอัตราดอกเบี้ย 10.75 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น มีการลดภาษีและยกเว้นภาษีทั้งหมดสำหรับการซื้อรถยนต์คันใหม่ และไม่มีการขึ้นค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และสาธารณูปโภคอื่นๆ แต่ … ภายหลังพบว่า รัฐบาลนายสมิทิสได้บิดเบือนตัวเลขงบประมาณของกรีซ โดยจริงๆแล้วขาดดุลถึง 6.1 เปอร์เซ็นต์ของ GDP แต่โกหกว่าขาดดุลแค่ 3 เปอร์เซ็นต์ เพื่อที่จะได้เข้าเป็นสมาชิกของ สหภาพการเงินยุโรป เพียงเพราะว่า ต้องการดอกเบี้ยถูก เงินทุนไหลเข้า ทำให้ทุกคนมีงานทำ   รัฐบาลและประชาชนได้กู้เงินกันอย่างมือเติบ จากคุณ : Dark Raider เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 08:33:13

ความคิดเห็นที่ 2 ปี 2547 – 2552 พรรค ND โดยนายคารามันลิส ก่อนการเลือกตั้ง … สัญญาว่า … กรีซจะได้จัดกีฬาโอลิมปิค อย่างแน่นอน สัญญาว่า … กรีซจะได้ใช้ “ อินเทอร์เน็ตแห่งชาติ ” อินเทอร์เน็ตสาธารณะที่ดีที่สุดในยุโรป สัญญาว่า … ทุกคนจะมีงานทำ … ทุกคนจะได้ค่าแรงเพิ่ม นายคารามันลิสชนะการเลือกตั้งและได้เป็นนายกรัฐมนตรี ในปีนี้เองที่ประเทศกรีซ ได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิค ซึ่งพบว่าอาคารที่พักนักกีฬา สนามกีฬา ระบบถนนและสนามบินยังไม่เสร็จสมบูรณ์ รัฐบาลของนายคารามันลิส จึงทุ่มงบประมาณจำนวนมากเข้าไปแก้ไข และสำเร็จทันพิธีเปิดไปอย่างเฉียดฉิว หลังการแข่งขันพบว่า ค่าใช้จ่ายรวมที่ใช้ในการจัดอยู่ที่ 7 พันล้านยูโร ซึ่งสูงเป็นสองเท่าของงบประมาณที่ตั้งไว้ ทำให้ในปีนั้นกรีซขาดดุลงบประมาณสูงถึง 5.3 เปอร์เซ็นต์ และก่อให้เกิดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจากเดิม 382 ล้านยูโร แต่ประชาชนมีความสุขเพราะ มีงานทำ … และได้ค่าจ้างสูง … ตรงกับที่สัญญาไว้ ช่วงปลายของรัฐบาลนายคารามันลิสได้มีการออกนโยบายอย่างมากมาย เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลงบประมาณอย่างมโหฬารของรัฐบาล รัฐบาลประกาศ ไม่ขึ้นเงินเดือนและ ไม่มีการรับข้าราชการเพิ่ม ส่งผลให้ประชาชนของกรีซที่ เสพติดกับการขึ้นค่าจ้างแรงงานต่อต้าน และท้ายที่สุดรัฐบาลนายคารามันลิสก็แพ้การเลือกตั้ง จากคุณ : Dark Raider เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 08:34:07

ความคิดเห็นที่ 3 ปี 2552 พรรค PASOK โดยนายจอร์จ ปาปันเดรอู ก่อนการเลือกตั้ง … สัญญาว่า …… จะมีการขึ้นค่าแรงต่อไปและจะไม่มีการลดค่าแรง สัญญาว่า ……580 อาชีพ จะเกษียณก่อนวัยที่อายุ 50 ปี และแล้ว   นายปาปันเดรอู ก็ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นนายกรัฐมนตรี นโยบาย “ เกษียณก่อนวัย ” … ทำได้จริง ประชาชนกรีซที่มีอาชีพจำนวนกว่า 580 อาชีพ เกษียณได้เมื่อ … ผู้หญิงอายุ 50 ปีและ … ผู้ชายอายุได้ 55 ปี ซึ่งกรีซจะต้องจ่ายเงินบำนาญสูงถึง 7 แสนคน หรือ 14 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานทั้งหมด โดยกรีซมีตัวเลขเฉลี่ยของอายุเกษียณอยู่ที่ 61 ปี ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขเฉลี่ยของคนเกษียณอายุ ที่ต่ำที่สุดในกลุ่มยูโรโซน แต่ในที่สุด … กรีซก็ไม่สามารถหนีพ้นความเป็นจริง จากคุณ : Dark Raider เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 08:34:28

ความคิดเห็นที่ 4 ต้นปี 2553   รัฐบาลนายปาปันเดรอู เริ่มพบว่า …… รัฐบาลของตนไม่สามารถหาเงินมาจ่ายพันธบัตร ที่ครบอายุได้ ดังนั้นกรีซจึงขอความช่วยเหลือจาก สหภาพยุโรป และ IMF หลังจากเจรจา …   กรีซได้เงินกู้เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 110,000 ล้านยูโร โดยแลกกับมาตรการ     การรัดเข็มขัดอย่างเข้มข้น เช่น การไม่ขึ้นเงินเดือนทั้งภาครัฐ เอกชน การงดจ่ายเงินโบนัสเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 21 เปอร์เซ็นต์ไปเป็น 23 เปอร์เซ็นต์ และการเพิ่มภาษีสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงอีก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น หลังการประกาศมาตรการ … ประชาชนกรีซแสดงการโต้ตอบทันควัน คนนับหมื่นนับแสน ในกรุงเอเธนส์หยุดงานและออกมาประท้วงต่อมาตรการดังกล่าวทั้งเมืองเอเธนส์เป็น อัมพาตหลายต่อหลายครั้ง วิบากกรรมของกรีซ … เพิ่งจะเริ่มต้น ปัญหาการเป็น … หนี้สินล้นพ้นตัวของกรีซยังคงต้องดำเนินต่อไป แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือ ประชาชนชาวกรีซ … เสพติดกับการได้ค่าแรงงานสูงเกินความเป็นจริง … เสพติดกับการได้สวัสดิการที่ดีๆจากรัฐ … เสพติดกับการกู้ยืมเงินง่ายๆ แม้ว่าจะไม่มีปัญญาจะใช้คืน … และเสพติดกับความมักง่ายที่เกิดจากนโยบายประชานิยม ที่แต่ละพรรคแข่งกัน หยิบยื่นให้มากว่า 30 ปี จากนี้ไป … … พวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร … จะหากินอย่างไร … และจะอยู่กับอนาคตของตัวเองต่อไปอย่างไร … ไม่มีใครรู้ ?? แต่ที่ แน่ๆ   คือ …… ใครจะรู้บ้างว่า กรีซอาจเป็นตัวอย่างให้ ประชาชนชาติอื่นทั่วโลก   อยากได้ประชานิยมเหมือน ประชาชนของกรีซ เองในเวลาอันใกล้นี้... และจะเดินไปสู่จุดจบแบบเดียวกัน ?? จากคุณ : Dark Raider เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 08:35:11

ความคิดเห็นที่ 5 ดูไว้เป็นเยี่ยง แต่ได้คิด จะเอาอย่าง   ประชานิยม ขอบคุณ สำหรับ แนวคิดวิเคราะห์ ดีๆ ที่นำมาแบ่งปันครับ   จากคุณ : otto เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 08:49:10

ความคิดเห็นที่ 6 หลักการของการ นำบทความ ใน fwd มาโพสนะ พูดทั่วๆไปให้ทุกคนอ่าน ความรู้ทางเศรษฐกิจไม่ถึง วิเคราะห์ไม่เป็น อย่าเอา fwd mail มาโพส มันเป็นการปล่อยไก่ เพราะคนที่มีความรู้ทางเศรษฐกิจดีกว่า จะหัวเราะเยาะเอาได้ fwd mail อ่านเอามันส์ได้ แต่ถ้าถึงกับ เชื่อหัวปักหัวปำ เป็นตุเป็นตะ อันนี้ต้องพิจารณาตนเอง ตามข้อ 1 จากคุณ : itssmallworld เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:36:42

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่ผมศึกษา ผมว่า เค้าโครงเรื่อง น่าจะผ่านนะครับ แม้ว่าจะมองมุมร้ายมุมเดียวก็ตาม จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:43:45

ความคิดเห็นที่ 8 คงต้องทำใจครับ เนื่องจากประชาธิปไตย คือการใช้เสียงส่วนใหญ่จัดการกับประเทศ หากประเทศใดคนส่วนใหญ่ฉลาดน้อยและขี้เกียจมันก็จะเป็นไปตามครรลองแบบนั้นหล่ะครับ จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 09:46:05

ความคิดเห็นที่ 9 ที่มา ?? จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 10:11:01

ความคิดเห็นที่ 10 นับจริงๆก็คือกรีซ ใช้หนี้ของการใช้เงินเกินตัวตลอด 30 ปีละครับ อย่างคิดแต่ว่ามันเป้นเรื่องโจมตี เรื่องการเกษียณอายุต่ำสุดในยูโรโซนเป็นจริง เรื่องการแต่งบัญชีภาครัฐ(โดยโกลแมนแซค เจ้าเก่า) ก็เป็นจริง สิ่งที่เราควรทำไม่ใช่โจมตีว่านั่นมันกรีซ สิ่งที่เราควรทำคือ จะประชานิยมยังไงก็ได้ ตราบเท่าที่ไม่มีการแต่งบัญชี เราต้องสอดส่องประเด็นนี้เป็นพิเศษ และเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ว่าจะเลือกพรรคใดต้องช่วยกัน เพราะหากไม่มีการแต่งบัญชีแล้ว ทันทีที่เริ่มใช้เงินเกินมือ เจ้าหนี้จะหยุดปล่อยกู้ เราจะไม่มีทางหนี้พอกหางหมูจนล้มละลายได้ เมื่อใดก็ตามที่รัฐเริ่มแต่งบัญชี นั่นคือ เราเดินข้ามปากเหวไปแล้ว จากคุณ : panote_saechiew เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 10:23:58

ความคิดเห็นที่ 11 ยอมรับว่า จขกท. ความรู้ทางเศรษฐกิจไม่ถึง วิเคราะห์ไม่เป็น อย่างที่คห.6 กล่าวจริงๆ บทความนี้มันอาจดูอ่านง่าย รายละเอียดไม่ลึก  แต่ก็สะท้อนอะไรหลายๆ อย่างประชาชนในบ้านเรากำลังเริ่มจะเดินตามทางของประเทศเค้าก็เท่านั้น หากไม่ถูกใจใครก็ขออภัยไว้ด้วยค่ะ  -/l\- จากคุณ : Dark Raider เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 11:33:50

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าคุณมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ลึกพอทำไมไม่ลองวิเคราะห์เป็นวิทยาทานแก่คนในห้องนี้หน่อยล่ะครับ เพราะเท่าที่ผมอ่านที่ จขกท โพสท์มาเนี่ย มันก็มีทั้งจริงและไม่จริงๆรวมๆกัน แต่โดยส่วนใหญ่ก็ถือว่าโอเค 1. Privatize รัฐวิสาหกิจ ความจริงคือดีถ้าทำอย่างถูกต้อง คือทำให้เกิดการแข่งขันแบบเอกชนเพื่อจะได้เพิ่มศักยภาพ การทำงานขององค์กร ไม่ใช่เปลียนการผูกขาดจากรัฐไปสู่มือเอกชน ถ้าทำแบบนั้นสู้ให้ผูกขาดโดยรัฐยังจะดีกว่า 2. กรีซ ล้มเพราะใช้เงินเกินตัวจากนโยบายประชานิยม เป็นเรื่องจริง 3 กรีซ ตกแต่งบัญชีจนสุดท้ายเอาตัวเองไม่รอด เป็นเรื่องจริง 4. กรีซ ต้องแต่งบัญชีเนื่องจากเอาไปใช้นโยบายประชานิยมเกินตัว เป็นเรื่องจริง 5. ประชาชนเสพติดความสบายแบบมักง่าย เป็นเรื่องจริง มันมีอะไรน่าหัวเราะหรือครับ ในไทยอย่าว่าแต่ให้รู้เรื่งอเศรษฐศาสตร์ระดับลึกเลยครับ แค่ให้ทุกคนมีความรู้ระดับเบื้องต้น โดยอ่านผ่านงาน โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ของอาจารย์ วรากร สามโกเศศ สัก 5-6 เล่ม แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับทำให้ประเทศเจริญขึ้นกว่าที่เป็นอยู่อีกมากมาย ไม่ถูกหลอกด้วยภาพลวงตา จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 12:37:30

ความคิดเห็นที่ 13 ประชานิยมก็เหมือน "อมยิ้ม" รู้ว่าอมแล้วฟันผุหมดปาก ก็ยังอยากจะอมเหมือนเด็กๆ ไม่มีผิด :D จากคุณ : คนไทยไม่ท้อ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:24:51 A:202.28.7.116 X: TicketID:324733

ความคิดเห็นที่ 14 มันตลกตั้งแต่คิดจะเอาไทยไปเทียบกับกรีซละ จากคุณ : Theaters เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 13:39:38

ความคิดเห็นที่ 15 พอมีคนมาทักว่าเอามาจากฟอเวิร์ดเมล์ถึงได้สติ อ้าว ฟอร์เวิร์ดเมล์หรอ คือเจ้าของกระทู้เจตนาดีนะ แต่แบบนี้คนทั่วไปเขาก็นึกว่าจขกท.เรียบเรียงเองอะ ไม่ได้จะว่าเรื่อง plagiarism หรืออะไรหรอก แต่แหล่งที่มานั้นมันคือ"ความรับผิดชอบ"ในเนื้อหาที่คุณนำเสนอมาด้วยนะครับ เผลอกดโหวตไปด้วยความเข้าใจผิด ขอย้ำกับเจ้าของกระทู้ว่า แม้จะมีความรู้แค่หางอึ่งเพียงใด หากตั้งใจจะนำเสนอผลงานใดๆบนอินเตอร์เน็ตโปรด"อ้างอิง"ด้วยนะครับ จากคุณ : lARtZnolASt เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 14:49:34

ความคิดเห็นที่ 16 เอ... เราว่า จขกท. เค้าก็บอกตั้งกะต้นเรื่องแล้วนะ ว่ามีคนส่งบทความมาให้อ่าน แล้วอยากแชร์ต่ออ่ะค่ะ ^___^ แต่ไม่ได้บอกที่มาอ้างอิง เรามีความรู้ ไม่มาก อ่านผ่านๆแบบ งงๆ กลับบ้านไป ค่อยตั้งใจอ่านอีกครั้ง จากคุณ : lookkung เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:08:11

ความคิดเห็นที่ 17 ขออภัยที่ไม่ได้ Credit นะคะ เนื่องจากเป็นบทความที่พี่นำมาให้อ่าน แต่หลังจากไปสืบค้นพบว่าเป็นของ Doctorwe Weraphong  ค่ะ ในใจรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกใจหลายๆ คน  มองว่าขาดความน่าเชื่อถือเพราะเป็น fw mail หรือเปล่าบ้างอะไรบ้าง เจตนาของ จขกท. จริงๆ แล้วคือไม่ได้ต้องการสร้างความแตกแยกแต่อย่างใด เพียงแต่อยากจะสื่อว่า คนส่วนใหญ่ในประเทศเราขณะนี้ยังคงสนุกกับชีวิตที่เค้าหยิบยื่นให้ โดยลืมพื้นฐานการช่วยเหลือตัวเองไปเยอะแล้ว  จึงอยากจะนำมาให้อ่านเพื่อให้ เออเห้ย...น่าคิดตามนะ   ส่วนข้อมูลที่นำมาเสนอจะถูกต้องหรือไม่อย่างไร ผู้อ่านคงต้องใช้วิจารณญาณร่วมด้วยน่ะค่ะ  ดิฉันเองก็ไม่ได้จะเชื่อถือทั้งหมด  หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว  ก็หาอ่านจากที่อื่นๆ ประกอบกันด้วยเพื่อนำมาคิดต่อ  โดยไม่ได้ปักใจเชื่อทั้งหมดในแต่ละบทความที่อ่าน หากความเห็นต่อๆ ไปคิดว่าสมควรนำออก หรือดูแนวโน้มจะดราม่าทำให้เกิดความแตกแยก ขอให้แนะนำได้นะคะ  จะได้นำข้อความออกไป จากคุณ : Dark Raider เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:17:08

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าเจอ คำว่า กรีซ กับ อาเจนติน่า ให้สงสัยไว้ก่อนว่า มาจาก เมล์ จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 15:42:24

ความคิดเห็นที่ 19 FW Mail เชื่อถือไม่ค่อยได้ครับ เอาอันนี้ดีกว่าครับ บทสัมภาษณ์ของ ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) "อัมมาร"เตือนรัฐบาล"ซุกหนี้" ลากไทยสู่ความเสี่ยงวิกฤติรอบใหม่ ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ประเมินว่า ผ่านมา 15 ปี นับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 พัฒนาการทางระบบเศรษฐกิจบางอย่างดีขึ้นโดยเฉพาะภาคเอกชน เนื่องจากวิกฤติเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ภาคเอกชนถูกทำโทษอย่างรุนแรง หลายธุรกิจล้มละลาย บางธุรกิจต้องขายให้ต่างประเทศในราคาถูก ภาพเหตุการณ์นั้นทำให้ภาคเอกชนได้เรียนรู้ว่าการดำเนินธุรกิจอย่างบ้าระห่ำอย่างช่วงฟองสบู่เติบโตไม่เป็นผลดี ช่วงนั้นเอกชนทำอะไรไม่ดีไม่ถูกต้องมากมาย เก็งกำไรหวังผลตอบแทนที่หวือหวา และก็ถูกลงโทษไปได้บทเรียนราคาแพง "ตั้งแต่นั้นมา เอกชน โดยเฉพาะภาคธนาคาร สถาบันการเงิน แม้กระทั่งภาคธุรกิจทั่วไปก็มีความรอบคอบมากขึ้น จัดการกับความเสี่ยง การบริหารเงินบริหารหนี้ได้ดีขึ้น มีความระมัดระวัง อัตราส่วนหนี้สินต่อทรัพย์สินที่มีลดลงไปมาก ซึ่งแสดงถึงความมั่นคงขึ้น แต่ยังไม่ใช้คำว่าแข็งแกร่งเพราะจะมากไป แต่ก็ถือว่าค่อนข้างมั่นคง" ดร.อัมมาร เห็นว่า แต่จุดที่น่ากังวลขณะนี้คือ "รัฐบาล" เหตุเพราะว่าอ่อนแอกว่าปี 2540 มาก ทั้งนี้เมื่อครั้งนั้นวิกฤติปี 2540  รัฐบาลมีฐานะการเงินการคลังที่ดีมาก มีหนี้น้อยมาก และไม่มีหนี้ต่างประเทศ พอเกิดปัญหาขึ้นมารัฐบาลอยู่ในฐานะที่ไปอุ้มหนี้สินภาคเอกชนเข้ามามหาศาล จนกระทั่งหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ขยับขึ้นมากว่า 10% ของรายได้ประชาชาติ   เป็นการเพิ่มพูนหนี้สินของรัฐมากขึ้น ยังเป็นภาระแรกที่ค้างคาอยู่ อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน เขาเห็นว่ารัฐบาลได้ก่อและเริ่มซุกหนี้และคิดว่า รัฐบาลหลวมตัวเข้ามาเรื่อยๆ คือหนี้สินที่รัฐบาลสร้างขึ้นมาเองจากการทำนโยบายประชานิยม แต่ถ้าดูตัวเลขว่ารัฐบาลที่เริ่มทำประชานิยมเข้มข้นอย่างรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ตอนต้น เพิ่มหนี้สินที่เป็นทางการไม่มาก แต่ทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตา หนี้สินที่รัฐบาลทักษิณ สร้างขึ้นมาไม่ปรากฏเป็นหนี้ในงบประมาณภาครัฐ เพราะไปใช้กลไกเม็ดเงินจากธนาคารของรัฐ ทั้งธนาคาร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออมสิน หรือแม้แต่ธนาคารกรุงไทย และยังตั้ง ธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นการใช้จ่ายเงินที่สุดท้ายจะตกเป็นภาระของรัฐ การใช้เงินของรัฐบาลในอนาคตจะมีปัญหามาก จำนำข้าวคาดขาดทุนอย่างต่ำ 7 หมื่นล้าน "ยิ่งพอมาถึงนโยบายจำนำข้าวอันนี้มีปัญหาแน่นอน โดยเฉพาะนโยบายจำนำข้าว มีปัญหาแน่นอน แต่ตัวเลขหนี้ก็จะไม่ปรากฏอีก รัฐบาลที่เป็นของทักษิณ และน้องสาว ก็คือประวัติพรรคการเมืองต่างๆ ที่เป็นลูกของไทยรักไทย เป็นประวัติของการใช้เงินแบบไม่ปรากฏในบัญชี ในงบดุลกว่า 3 แสนล้านบาทที่รัฐบาลไปยืมมาจาก ธ.ก.ส. เพื่อซื้อข้าวก็ไม่ปรากฏ เป็นงบประมาณติดลบ และกว่าจะปิดบัญชีได้ก็ต้องรอให้ขายข้าวพวกนี้หมดไปเวลานี้ รัฐบาลใช้เงินแต่ได้ข้าวกลับเข้ามา เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงแก้ตัวได้ว่าชั้นมีทรัพย์สินคุ้มอยู่แล้วแต่ข้าวที่ไปลงทุนซื้อมา ยังไงก็ขาดทุน ขาดทุนแน่ๆ ก็จะกลายเป็นภาระจาก 3 แสนล้านบาท  ซึ่งมั่นใจได้เกือบ 100% ว่าจะขาดทุนแน่ๆ  จะเป็นแค่ไหน ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าจะขอดทุนไม่น้อยกว่า 7 หมื่นล้านบาท" ดร.อัมมาร กล่าว เขายังเห็นว่า ถ้าจะให้บอกว่ารัฐบาลควรจะแก้ไขปัญหาจำนำข้าวในกรณีนี้อย่างไรว่า "ประการแรกสุดรัฐบาลต้องเข้าใจก่อนว่าปัจจุบันมีปัญหา เพราะดูเหมือนรัฐบาลจะประเมินปัญหาครั้งนี้ต่ำเกินไป" เขาเห็นว่า จากการติดตามนโยบายรัฐบาล พฤติกรรมการใช้จ่ายรัฐบาล วันหนึ่งเชื่อว่าจะนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจอย่างแน่นอน ถ้าคุณดูรัฐบาลกรีกในปัจจุบันที่มีปัญหา ก็เพราะว่า รัฐบาลกรีกในประมาณ 20-30 ปีก่อนก็มีนโยบายประชานิยมแล้วรัฐบาลก็ไปสร้างโครงการประกันสังคม โครงการต่างๆ ช่วยเหลือประชาชน ประชานิยมล้วนๆ แต่การทำบัญชีของรัฐบาลในกรีกนั้นไม่โปร่งใสอย่างยิ่ง สิ่งต่างๆ หลายอย่างก็ซุกเอาไว้ จนเป็นวิกฤติขึ้นมาก็เพราะ ถึงเวลาหนึ่ง นั่นก็คือสองปีก่อนหน้านี้ รัฐบาลกรีกไม่สามารถลวงตาชาวโลก โดยเฉพาะตลาดการเงินที่รู้ทัน ต้องแถลงออกมาว่าปัญหาการเงินเป็นอย่างไร พอแค่ประกาศออกมามันก็พัง กรีกก็มีปัญหาแต่นั้นมา ชาวโลกก็ขาดการเชื่อถือรัฐบาลกรีกเพราะโกหกมาตลอด เป็นบทเรียนที่รัฐบาลไทยต้องระวัง อย่างไรก็ตาม หากดูความสามารถในการต่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจยูโรโซนตอนนี้ แล้วแต่ว่านโยบายรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เพราะผลกระทบวิกฤติครั้งนี้จะเกิดกับภาคธุรกิจเอกชนก่อน ในภาคเศรษฐกิจจริง ที่จะขายของ หรือส่งออกได้น้อยลง เพราะลูกค้าหลักไม่มีกำลังซื้อ แต่กระทบกับการจ้างงานลดลง เศรษฐกิจจะตกต่ำลง แต่ภาคการเงินน่าจะพอถูไถไปได้ เพราะมีหนี้สินน้อย คงจะไม่เป็นวิกฤติทางการเงินการธนาคารเหมือนปี 2540 เพราะในช่วงนั้นไปกู้หนี้ยืมสินเข้ามามากมาย และเริ่มพังลงจากภาคการเงิน "แต่วิกฤติโลกครั้งนี้เกิดขึ้นจากภาคเศรษฐกิจจริง กระทบภาคแรงงานและทำให้เศรษฐกิจโน้มต่ำลงรัฐบาลอาจมีทางแก้ไขหลายทาง เช่นอาจต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปเพื่ออุ้มชูเศรษฐกิจ แต่ต้องทำอย่างมีจังหวะ มียุทธศาสตร์ที่ดี เหมือนที่รัฐบาลจีนเคยทำครั้งโต้กับวิกฤติเศรษฐกิจ ในวอลล์สตรีท ไทยก็พอจะถูไถไปได้ระยะหนึ่ง แต่ถ้าทำเพลินเกินไป ปัญหาก็จะเกิดขึ้น คนจะตั้งคำถามกับการใช้เงินของรัฐ และปัญหาที่หมักหมมเอาไว้จากการซุกหนี้ของรัฐบาลก็จะโผล่ขึ้นมา" ดร.อัมมาร เห็นว่าส่วนภาคนโยบายการเงินไทยพัฒนาในทางที่ดีขึ้น การกำกับดูแลสถาบันการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยเข้มงวดขึ้นมาก เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาคธนาคารมีการบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น และส่งอิทธิพลมาถึงภาคธุรกิจเอกชน ว่าจะต้องมีการบริหารความเสี่ยงที่ดี เน้นถึงความมั่นคงและการเติบโตระยะยาว แต่นั่นเกิดกับธุรกิจขนาดใหญ่ แต่ถ้าพูดถึงธุรกิจเอสเอ็มอียังมั่นคงได้ยาก โดยเนื้อแท้ของธุรกิจเพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ธรรมชาติของต้องธุรกิจล้มลุกคลุกคลาน ก็ถือว่าเป็นอีกปัญหาที่น่าห่วงแต่ถ้ามองถึงธุรกิจขนาดใหญ่ที่จะกระทบกับเศรษฐกิจได้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะเหล่าสถาบันการเงิน การธนาคารและธุรกิจใหญ่ๆ คิดว่าน่าจะดูแลความเสี่ยงและเอาตัวรอดได้ @วิกฤติ 40 "ไม่มีทางเลือก" ดร.อัมมาร กล่าวว่า ส่วนการตัดสินใจลอยตัวค่าเงินบาท ขณะนั้นต้องถือว่าไม่มีทางเลือก เพราะไปอัดอั้นจากตอนที่แบงก์ชาติต่อสู้สงครามค่าเงิน และใช้ทุนสำรองจนหมดหน้าตัก แต่เห็นด้วยกับการลอยตัวค่าเงิน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำให้ธุรกิจเอกชนเข้าใจว่า "อัตราแลกเปลี่ยนเป็นของเสี่ยง และเป็นความเสี่ยงที่ขึ้นลงได้ตลอดเวลา เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง แม้ว่าขณะนี้บ้านเราจะมีเงินสำรอง 4-5 เท่าของช่วงวิกฤติ หรือประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งน่าจะรักษาอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ได้ แต่ไม่อยากให้กลับมาคงที่ เพราะอยากให้เอกชนเข้าใจและบริหารความเสี่ยงของตัวเองให้ดีขึ้น ตราบในที่ยังมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนการตั้งอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ณ ระดับใด ไม่เหมาะสมทั้งสิ้น" http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20120706/460308/news.html จากคุณ : Roby เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:09:11

ความคิดเห็นที่ 20 เข้าใจว่าเจตนาดี แต่ฟอเวิดเมล์อันเี้นี้ยเค้าเล่นกันในบอรด์การเมือง จากคุณ : agios เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 16:43:48

ความคิดเห็นที่ 21 เหอ เหอ มาอีกแล้ว แปรรูปคือขายชาติ จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:24:44

ความคิดเห็นที่ 22 add เพิ่มนิด พอกรีซใช้ค่าเงินยูโรทำให้ไม่สามารถใช้ monetary policy ได้ วิธีการแก้ไขก็มีแต่ Fiscal policy จากคุณ : n-OO//bit-a เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 17:41:07

ความคิดเห็นที่ 23 งั้นสวีเดน นอร์เวย์ เยอรมันที่กิจการสาธารณะแปรรูปไปเปึนเอกชนหมดแล้ว...... ทำไมไม่ล่มสลายล่ะครับ???ลองตรองดู??? แปรรูป=ล่มจม??? ตรรกะแปลกๆนะครับ?? จากคุณ : rosickyus เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 19:27:59

ความคิดเห็นที่ 24 วิกฤต ซับพาร์ม ในอเมริกาก็เกิดจากประชานิยม รัฐอยากให้ ปชช.รายได้น้อย กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ เศรษฐกิจก็โตสมใจอยาก แต่พอเศรษฐกิจโต ดอกเบี้ยก็โตตาม ผ่อนไม่ไหว ก็หยุดผ่อน บ้าน รถ ถูกยึด ราคาตกต่ำอย่างรวดเร็ว คนที่ผ่อนอยู่ก็ไม่รู้จะผ่อนไปทำไมเพราะราคาสินทรัพย์ตกอย่างน่ากลัว... ส่วนเรื่องแปรรูป อะไรที่มันควรแปร ก็แปรไป ... แต่อะไรที่ยังเป็นห่านทองคำเก็บกินได้อีกนาน ไม่เห็นว่าจะแปรไปทำไม นอกจากอยากโยกผลประโยชน์ให้พ่อค้าเท่านั้นเอง.. :D จากคุณ : คนไทยไม่ท้อ เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 21:00:52 A:125.25.120.242 X: TicketID:324733

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านแล้วก็ได้ความรู้ดี เป็น FWD Mail ก็จริง แต่ที่นำมาพูด ก็เป็นความจริงหลายส่วน วิกฤตการเงิน ก็เกิดขึ้นเหมือนๆกันหมด เกิดจากการกู้ไปลงทุน เพราะมองโลกในแง่ดีเกินไป ไม่ก็เพราะเรื่องการเมืองนี่แหละ ไล่ไปเลย ตั้งแต่ 2010 ยุโรป 2008 อสังหาฯอเมริกา 2001 ดอทคอม 1997 ต้มยำกุ้ง 1992–93 Black Wednesday 1987 Black Monday บลาๆๆๆ ยังมีอีกเพียบ เป็นสิบๆวิกฤต http://en.wikipedia.org/wiki/Financial_crisis แถมมันมีกฏอยู่อย่างนึง ที่ปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างผลออกมาจะเวอร์กว่าความเป็นจริง เพราะการแก้ปัญหาของมันทำให้ผลลัพธ์แย่ลงไปอีก แต่ก็ต้องทำ เช่น เรื่องยุโรป ว่างงานเยอะ>คนไม่มีจ่ายหนี้>เรทติ้งประเทศต่ำลง>พันธบัตรรัฐบาลดอกเบี้ยสูงขึ้น>สภาพคล่องธนาคารต่ำลง>คนกลัวว่าธนาคารเจ๊ง>ถอนเงิน>ธนาคารจะเจ๊งจริง เพราะคนถอนออกนี่แหละ มันก็เป็นซะแบบนี้ทั้งนั้น เรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อป้องกัน หลีกเลี่ยงไม่ให้มันเกิดอีก ไม่ใช่เรียนรู้เพื่อให้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จากคุณ : MondayCool เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 21:47:06

ความคิดเห็นที่ 26 จขกท.ทำความดี ถูกต้องแล้วครับ ไม่ต้องอายใครๆทั้งสิ้น ประเทศไทยตอนนี้ กำลังเดินตามรอยกรีซ อย่างเห็นได้ชัดเจน จากคุณ : Poprock Engineer เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 22:19:15

ความคิดเห็นที่ 27 บทความนั้น ก็ไม่ได้เน้น "แปรรูป" อย่างเดียวนี่นา สำคัญ คือ ประชานิยม...ก่อให้เกิดรายจ่ายภาครัฐ  และลดรายได้ภาครัฐ ไปอย่างมาก ทำให้ประเทศมันเจ๊ง จากคุณ : บ้านดอกชวนชมสารพัดสี เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 55 23:46:45

ความคิดเห็นที่ 28 เพราะกระทู้นี้ ทำให้เราสนใจหาบทความเกี่ยวกับกรีซอื่นๆ มาอ่านเพิ่มเติมค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : ป้าอุ่น เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 00:26:51

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นด้วย คหที่ 25                       "เรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อป้องกัน หลีกเลี่ยงไม่ให้มันเกิดอีก ไม่ใช่เรียนรู้เพื่อให้มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก " จากคุณ : tipsri เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 00:54:09

ความคิดเห็นที่ 30 ที่กรีซเป็นแบบนี้ เพราะการเข้าไปอยู่ในกลุ่มยูโรทั้งๆที่ตัวเองไม่พร้อมครับ มันมีปัจจัยหลายอย่างจากทางด้านเศรษฐกิจครับ ไอ้เรื่องแปรรูปเอย ประชานิยมเอย มันเป็นผลมาจากเหตุหรือการเข้าไปอยู่ในกลุ่มยุโรทั้งๆที่ตัวเองไม่พร้อมแล้วครับ  เหมือนเอาเด็กนักเลงอาชีวะไปลงเรียนกับนักเรียนหมอศิริราช แล้วตัดคะแนนอิงกลุ่มนั่นแหละครับ ปัญหาของกรีซต่างกับต้มยำกุ้งของไทยเยอะ ของกรีซหน่ะคือรัฐบาลไปสร้างหนี้สาธารณะไว้ แล้วไม่มีเงินง่าย ส่วนของไทยหน่ะ มันเพราะภาคการเงินและการธนาคารปล่อบกู้กันแบบไม่มีกฎเกณท์ กะจับเสือมือเปล่ากันเยอะ แล้วก็เจ๊งแล้วรัฐก็ต้องเข้าไปอุ้ม ซึ่งก็อุ้มไม่ไหวถึงเจ๊งกันไปหมด ซึ่งที่เหมือนไทยหน่ะ น่าจะเป็นสเปนมากกว่า ที่หนี้เสียภาคการเงินมันเยอะจนรัฐจะซวยไปด้วย จริงๆ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนชอบโยงเข้ามาเป็นเรื่องการเมือง ไทยกับกรีซไม่มีทางเหมือนกัน เพราะประชานิยมของไทยจะไม่ดียังไงก็ยังให้คนทำงานอยู่ ต่างจากกรีซที่ยอมให้รีไทร์เร็วแล้วรัฐเลี้ยง ของเราไม่ใช่รัฐสวัสดิการ ภาครัฐไม่มีปัญหามากมายจากการต้องเลี้ยงที่รีไทร์แล้วมากมาย แล้วค่าเงินเราก็ไม่ได้ผูกกับชาติอื่น เราสามารถจัดการนโยบายการคลังได้สะดวกกว่า แถมเราเป็นทั้งประเทศผู้ผลิต แถมส่งออกเยอะ การท่องเที่ยวก็ดัง แค่ค่าเงินเราอ่อนมันก็มีเงินไหลเข้าประเทศแล้ว ต่างจากกรีซที่ทำอะไรไม่ได้ แบบมือขอเงิน ขอนโยบายได้อย่างเดียว อีกประเทศที่ชอบโดนยกมาเปรียบคืออาเจน ที่เจ๊งสมัยนั้นเพราะทหารบริหาร ถึงล้มละลายจนต้องขายรัฐวิสาหกิจ ถ้าเราเป็นเผด็จการทหารก็อาจจะประสบชะตากรรมเดียวกับอาเจน มีแต่คนด่ากรีซ ไม่สงสัยเลยรึว่าทำไมเยอรมัน กับฝรั่งเศสถึงอยากช่วย ทำไมต้องช่วย? ลองไปดู gdp ของเยอรมันกับฝรั่งเศสตั้งแต่ตั้งกลุ่มยูโรเทียบกับประเทศที่อยู่ในกลุ่ม piigs ตอนนี้ดูครับ ปัญหาจริงๆ มันไม่ได้เข้าใจได้ง่ายๆจากการอ่านบทความ(ชี้นำ)แค่บทความเดียวหรอกครับ เหรียญมันก็มี 2 ด้าน อยู่ที่ใครจะเลือกด้านไหนมาเล่า เพื่อโจมตีใครนี่แหละครับ จากคุณ : craftman เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 13:42:27

ความคิดเห็นที่ 31 มองกรีซ แล้วหันกลับมามองย้อนดูประเทศไทยบ้าง ว่าเจริญรอยตามกรีซไปกี่เปอร์เซนต์ละ จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 14:20:22

ความคิดเห็นที่ 32 ผมไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า ประทศไทยกำลังเจริญรอยตาม กรีซนะครับ กรีซเน่าขนาดนี้ สาเหตุหลักคือ การเพิ่มรายจ่ายประจำของรัฐ สูงเกินกว่ารายได้ของรัฐ แต่โดยรวมคือ 1.รายจ่ายประจำ > รายรับ 2.กู้เงินมาลงทุนแล้วเจ๊ง. เกิดเป็นหนี้มหาศาล 3.อยู่ในกลุ่ม EU อัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน ไม่ได้อยู่ในระดับที่ควรจะเป็นที่เหมาะกับประเทศกรีซ (อันนี้ไปศึกษาเอาเองนะ. ถ้างง) ถึงแก้ปัญานี้ได้ย่กมากไงครับ เปรียบเปรยเหมือน คนเงินทำงาน. เงินเดือน 12k ต้องจ่ายค่าบ้านและรถ 20kทุกเดือน และยังกู้เงินมาลงทุนอีก10mแต่ปรากฎว่าธุรกิจขาดทุน แค่ดอกเบี้ยยังไม่ปัญญาจ่ายเลย. อารมณ์ประมาณนั้น ต่างกับไทยยังไง ไทยถึงแม้หนี้สาธารณะจะเพิ่ม แต่เกิดจากส่วนที่ไม่ใช่รายจ่ายที่ต้องจ่ายประจำ  มันจึงแก้ไขได้ง่ายกว่า ถ้าเกิดปัญหาจริงๆอ่ะนะครับ เหมือนกันยังไง ผมมองในแง่ประชานิยม นะครับ. อันนี้ไม่ใช่เจริญรอยตามแต่เป็นอยู่ นักการเมืองวาดฝันไว้อย่างนั้น. อย่างนี้ แต่ประชาชนไม่ได้มีการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ว่าโครงการนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดจริงหรือไม่ และผลกระทบที่ตามมามีอะไรบ้าง ฝากไว้ให้ประชาชนคนไทยทุกคนนะครับ. ไตร่ตรองกันให้มากขึ้น จากคุณ : วายุหมุน เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 15:21:40

ความคิดเห็นที่ 33 โชคดี เรายังไม่มี แหล่งเงินกู้ ให้ใช้เงิน มือเติบได้ หรือกำลังจะมีหว่า จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 16:47:19

ความคิดเห็นที่ 34 บทความนี้เป็นสิ่งที่ดีนะครับที่ อย่างน้อยๆ เค้าได้มาเตือนสติ ผมว่าทุกคนอย่างมองเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งเลยครับ ผมว่าเศรษฐกิจพอเพียงแหละดีที่สุด และเริ่มจากตัวเราแหละครับ ส่วนคนอื่นๆ รัฐบาล สังคมรอบข้างที่คดโกง มันจะเลวร้ายแค่ไหน ช่างมันไปครับ ถ้าตัวเรายังทำดี ไม่คดโกง ซักวันนึงประเทศชาติ มันต้องดีขึ้นบ้าง บางทีซัก 0.000001% ที่มันดีขึ้น ก็โอเคนะ จากคุณ : anutakoon01 เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 17:57:13

ความคิดเห็นที่ 35 "ความประมาทคือ.. หนทางแห่งหายนะ" เมื่อบ้านเราจะเป็นแบบนี้ แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ... แค่คนสมัยนี้เริ่มจะไม่เคารพผู้ใหญ่ ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกอะไรได้หลายๆ อย่างแล้วครับ... :D จากคุณ : คนไทยไม่ท้อ เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 19:27:47 A:125.25.118.33 X: TicketID:324733

ความคิดเห็นที่ 36 น่าผิดหวัง กับค่านืยมที่ผิดๆนะครับ สิ่งที่นำเสนอมีน่าสนใจตั้งหลายข้อ ข้อน่าตำหนิมีนิดเดียว แต่ไปเน้นที่ข้อน่าตำหนิซะ ข้อดีข้ออื่นๆเลยมองข้าม เอาแต่ติแล้วก็ไป ไม่กล้าพอที่จะยกข้อแย้ง ในเรื่องที่เป็นจริง อีกอย่าง ขอโทษที ถึงเป็น fwd mail แต่ก็ให้พวกคุณได้บริหารสมองนะครับ ลองใช้ "วิจารณญาณของตัวเอง" คิดดูว่าถูกต้องหรือไม่ ไม่ใช่ ถ้ามีชื่อคนอ้างอิงแล้วก็เชื่อ ลองใช้ "วิจารณญาณของเรา" เองดีกว่า จากคุณ : สามจุด (skc) เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 20:12:44

ความคิดเห็นที่ 37 เรามีบริษัทแบบปตท.ทำ New High ทุกวันครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 21:02:19 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 55 21:01:41 จากคุณ : doctorpond เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 21:01:31

ความคิดเห็นที่ 38 ผมคิดว่า เรายังห่างจากเขามากครับ. เขา เสพติดกับการได้ค่าแรงงานสูงเกินความเป็นจริง เรา ... ค่าแรงแต่ละเดือนยังไม่พอยาไส้ กว่าจะขึ้นได้ยากเย็นแสนเข็ญ. เขา เสพติดกับการได้สวัสดิการที่ดีๆจากรัฐ เรา ... สวัสดิการจากรัฐที่ดีๆ มีอะไรบ้าง นึกไม่ออก. เขา เสพติดกับการกู้ยืมเงินง่ายๆ แม้ว่าจะไม่มีปัญญาจะใช้คืน เรา ... คนเคยกู้จะรู้ดี ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เมื่อคิดจะกู้เงิน. เขา และเสพติดกับความมักง่ายที่เกิดจากนโยบายประชานิยม ที่แต่ละพรรคแข่งกัน หยิบยื่นให้มากว่า 30 ปี เรา ... เน้นนโยบาย พรรคพวกนิยม ซะเป็นส่วนใหญ่. จากคุณ : ยูนิคอร์น เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 22:10:30

ความคิดเห็นที่ 39 ทำไมคิดว่าแปรรูปคือทำลายชาติล่ะ เราว่ารัฐวิสาหกิจบางที่น่าจะไปดีกว่านี้อีกเยอะนะ จากคุณ : ต่ายน้อยคอยรัก เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 23:14:16

ความคิดเห็นที่ 40 ไอ้ประชานิยมทีว่ากันเนี่ย ในหลายประเทศเค้าเรียกว่าสวัสดิการโดยรัฐ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายน่าขยะแขยงอะไรขนาดนั้น ประเทศในแถบสแกนดิเนเวียหลายประเทศก็ใช้ระบบแบบนี้ ประเทศพวกนี้คุณภาพชีวิตดีมาก ถามว่าประชาชนของเขาเป็นพวกขี้เกียจ โง่ เสียนิสัยหรือ? หลายสิ่งที่บทความพูดถึงเป็นความจริง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในกรีซไม่ใช่เรื่องหนี้อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการขาดดุลคือ คือขาดดุลการคลัง และยังขาดดุลการค้า เพราะภาคการผลิตและบริการในประเทศไม่สามารถสร้างผลผลิตได้มากพอ อย่างญี่ปุ่นก็สร้างหนี้มากกว่าจีดีพีถึง 200% กว่าๆ มาตลอด แต่ประเทศต้องสร้างรายได้ให้มากพอด้วย ปัญหาที่เกิดมันซับซ้อนครับ มีหลายปัจจัยเ้ข้ามาเกี่ยว เรื่องนโยบายประชานิยมนั้นมีส่วนด้วย แต่ไม่ใช่ว่าเอามาโจมตีตั้งแง่รังเกียจกันเป็นกิ้งกือไส้เดือน ประเทศที่ใช้ประชานิยมในแบบรัฐสวัสดิการที่ประสบความสำเร็จก็มี ประเด็นก็คือทำนโยบายประชานิยมแล้วต้องควบคุมปัจจัยอื่นๆ ให้ดีด้วย เช่นการขยายตัวทางศก. การกำหนดนโยบายภาษีแบบก้าวหน้า การควบคุมวินัยการคลัง จากคุณ : อัศวินม้าเขียว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 06:19:05

ความคิดเห็นที่ 41 บทความให้ข้อมูลที่น่าสนใจมั้ย? ให้ครับ ก็ควรรับฟัง แต่การรับข้อมูลอย่างไม่ครบถ้วน ก็อาจตกหลุมพราง agenda แฝงของผู้เขียนได้ จากคุณ : อัศวินม้าเขียว เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 06:21:13

ความคิดเห็นที่ 42 ไทยเราพึ่งตกแต่งบัญชี ดึงเงินจากคลังหลวงมาใช้ ไทยเราพึ่งเลือกพรรคจากนโยบายประชานิยม ไทยเรามีประชาชนขี้เกียจ โง่ รักสบาย ไม่อยากทำงานเยอะ ไม่เห็นจะเหมือนกรีซตรงไหน แค่เริ่มๆจะเหมือนเอง อิอิ จากคุณ : rights เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 10:48:34

ความคิดเห็นที่ 43 บางคนยังแยกไม่ออกระหว่าง"รัฐสวัสดิการ"กับ"ประชานิยม" จับแพะชนแกะให้มั่ว จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 13:34:33

ความคิดเห็นที่ 44 ^ ^ ^ คห.42 บรรทัดที่ 3 นี่... พูดถึงตัวเองด้วยใช่ไหมนิ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 55 13:38:55 จากคุณ : chom-l.t เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 13:38:32

ความคิดเห็นที่ 45 ชื่อก็บอกอยู่แล้ว  ว่า  "ประชานิยม" ประชา - ประชาชน นิยม - ชอบ นโยบาย ที่ ประชาชนชอบ   (หมายถึง ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนใหญ่ ชื่นชอบ อ่ะนะ) ถ้าไม่ชอบ ประชาชนก็ไม่เลือก ถ้าชอบ ประชาชนก็เลือก ช่วยไม่ได้ เราอยู่ในการปกครองแบบ คนเฮไปทางไหน ก็ไปทางนั้น คนส่วนใหญ่ชอบแบบนี้  มันก็ต้องเป็นไปแบบนี้ และเราก็ต้องเป็นไปตามนั้น ช่วยไม่ได้... ก็เพราะว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของระบบนี้ไงล่ะ ต่อให้มองเห็นแนวโน้มหายนะ  แต่ไม่มีชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ ไม่มีทุน ไม่มีท่อน้ำเลี้ยง ไม่มีเวลา(เอาเวลาไปทำมาหากิน) ไม่มีเส้น ไม่มีอำนาจในมือ  เป็นแค่มดตัวเล็กๆที่อยู่ฟันเฟืองระบบ  ..ไปบอกใคร ใครเขาจะเชื่อ  ไปพูดกับใคร ใครเขาจะฟัง ?? ทางรอดทางเดียวคือ  "เตรียมตัวให้ดี"  (ก็ประมาณว่า เอาตัวรอดเป็นยอดดี  มันอาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัว  แต่ก็ต้องยอมรับความจริง) หรืออย่างมากสุด ก็ได้แค่  "เตือนคนรอบตัว"   ใครเชื่อก็เตรียมตัวเหมือนกัน หรือร่วมกันเตรียมตัว ใครไม่เชื่อก็เรื่องของเขา เก็บเงิน เก็บทอง ไว้เยอะๆ จะฝากธนาคาร หรือจะใส่ไหฝังดิน ก็ตามใจ จะซื้อที่ทางไว้ทำสวนทำนา หรือจะสะสมอาวุธ เอ็ม79 เอาไว้ไปปล้น  ก็เลือกเอา แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 55 16:09:10 จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 16:06:28

ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อไหร่ที่กู้ยืมเงินจาก IMF มันก็ต้องทำตามกฏที่เขากำหนดล่ะ IMF ต้องการความโปร่งใสในระบบ "การใช้เงิน" ของลูกหนี้ เพื่อที่จะได้มั่นใจว่า ลูกหนี้สามารถเอาเงินไปบริหารและทำให้เกิดกำไร และมีเงินส่งคืน IMF ได้ แม้ว่าจะต้องใช้การบีบบังคับให้ประเทศลูกหนี้ เปลียนมาตรการการดำรงชีวิต (พูดเวอร์ไปมั้ย) แม้ว่าลูกหนี้จะต้อง privatization หาก IMF เล็งเห็นว่า การ privatize จะทำให้ประเทศลูกหนี้มีศักยภาพที่สูงขึ้นในการบริหารประเทศ ก็จะแนะนำให้ประเทศลูกหนี้ทำ - ซึ่งประเทศพัฒนาส่วนใหญ่เขาทำกัน (ก็เขาไม่ค่อยมี คอรัปชั่นนี่) แต่ ไอ้ประเทศ 3rd world นี่แหละ ที่ยังมีคนบางกลุ่มได้ผลประโยชน์จากการที่ไม่แปรรูป ก็จะ อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่หือ ไม่อือ ไม่แปร แปรทำไม  จริง ๆ ถือถ้ามีเงินก็ไม่ต้องแปรหรอก แต่ทีนี้เงินมันไม่พออะดิ ไปกู้เขามา เขากำหนดว่า ต้องทำงานให้ได้ 10 / วัน ไม่ใช่เหมือน 5/วัน เหมือนที่เคยทำมาตลอด  (อันนี้ยกตัวอย่าง) กฟผ ไม่ยอมแปร แต่ จ้าง โรงไฟฟ้าราชบุรีทำแทน ซึ่งก็ต้องร่วมทุนกับ บริษัทต่างชาติ จ้างคนนอกเยอะแยะมากมาย  คือ ระบบเดิม ทำไมไหว - แต่ไม่ยอมแปรรูป - แต่ไม่มีศัยภาพทำ ก็เลยต้องเป็นอยู่ในสภาพนี้แหละ คือ ยืนหยัดอยู่ด้วยการไม่แปรรูปนะ (แต่ไม่ได้ทำเองนะเออ) หากไม่มีอคติ หากทุกอย่างโปร่งใส การแปรรูปไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย อันนี้มุมมองส่วนตัวนะ ขัดแย้งอะไรได้ตามสะดวก จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 15 ก.ค. 55 20:23:52

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณ จขกท.ที่เอามาแชร์ครับ จะทำยังไงดีกับนโยบายประชานิยม เหอ เหอ จากคุณ : Mr.Quiet เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 55 14:30:48